เรื่องสั้นเรื่องแรกในชีวิตครับ
---------------------------------------------------------------------------------
คืนนี้ฝนฟ้ารุนแรงเหลือเกิน...
แสงสว่างส่องวาบผ่านหน้าต่างติดซี่กรงเข้ามาเป็นระยะๆ แต่ละครั้งตาม
ด้วยเสียงฟ้าคำรามสนั่นหวั่นไหวกลั้วไปกับเสียงฝน
ในห้องขังทึมๆนั้นชื้นเย็นเพราะละอองน้ำจากภายนอก และนอกจากฟ้าแลบแล้ว ก็มีเพียงแสงสว่างเรืองๆจากห้องผู้คุมเท่านั้นที่ทำให้พอมองอะไรได้บ้าง
ชายคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิห่มผ้ามิดชิด กำลังนั่งคุยอย่างออกรส ดูเผินๆเหมือนเพ้อเจ้อคนเดียว แต่จริงๆแล้วในมุมมืดอับแสงที่สุดของห้อง มีอีกคนนั่งอยู่
เป็นคู่สนทนาด้วย มองจากภายนอกหากไม่สังเกตก็แทบไม่เห็น
...เรื่องของผมก็มีเท่านี้แหละ ชายในส่วนสว่างของห้องกล่าวในที่สุด ...ต่อไปก็ตาพี่เล่ามั่งล่ะ
ชายในมุมมืดขยับตัวอย่างอึดอัด กว่าสองปีที่ผ่านมา ในคุกนี้เขาเจอคนแปลกๆมาเยอะ ไม่เข้าใจจริงๆ คนร้ายบางคนชอบเล่าวีรเวรของตัวเองให้คนอื่นฟัง
เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา บางทีพวกมันคงนึกว่าเป็นเกียรติประวัติล่ะมั้ง แต่เขา(และเชื่อว่าคนส่วนใหญ่)ไม่นึกอยากเล่าเรื่องตัวเองสักนิด... อันที่จริง เป็นเพราะเขาเล่า
มันมาไม่รู้กี่สิบครั้งแล้ว หากแต่ตอนนั้น เขาเรียกมันว่าคำอธิบาย ส่วนตำรวจเรียก
มันว่าข้อแก้ตัว
และทั้งๆที่เขาตั้งใจแก้ไขอย่างดีที่สุดแล้ว ผลสุดท้าย ก็ต้องมานอนในคุกอยู่ดี
ผมน่ะ ตอนแรกก็กลัวพี่นะ คิดดูดิ ต้องมาอยู่ห้องเดียวกับคนร้ายฆ่าตัดคอ แต่พอได้มาเจอตัวจริง ก็เลยคิดว่าพี่คงไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ...จริงๆแล้ว พี่
ไปทำอีท่าไหนมากันแน่...
ไม่รู้เป็นเพราะไอ้นักโทษใหม่นี่มันเล่าเรื่องการข่มขืนได้หน้าตาเฉย หรือเพราะ มันพูดจาขวานผ่าซากอย่างน่าตบกะบาลก็ตาม แต่เขาเริ่มรู้สึกอยากระบาย
เรื่องราวในใจออกไปอีกครั้ง
ไม่รู้จะเริ่มเล่าตรงไหน... เขาเริ่มต้นอย่างห้วนๆ บางที เรื่องของผมอาจจะเริ่มมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วก็ได้... หลังจากนิ่งงัน ปล่อยให้ฝ่ายแรกฟังเสียงฝนสาดซัดไปพักใหญ่ๆ
คำพูดก็ค่อยๆพรั่งพรูออกจากปากของเขา
แผ่วเบา แต่ชัดเจน
-----------------------------------------------------------------------------------
เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว สมัยที่เขายังเด็ก
บ้านไม้สองชั้นตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งข้าวโพดกว้างใหญ่สูงท่วมหัว แสงแดด
สดใส และกลิ่นไอท้องทุ่งยังติดในความทรงจำแจ่มชัด
หลังเลิกเรียนเขาชอบที่จะวิ่งเล่นลัดเลาะไปมาในไร่ โดยมีพ่อของเขาคอยไล่ตาม เด็กน้อยจินตนาการว่าพ่อของตัวเองเป็นสัตว์ประหลาดในการ์ตูน แล้ว
ก็วิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย ครั้นมืดค่ำแม่ก็จะออกมาตะโกนเรียกทั้งคู่ให้ขึ้นบ้าน กลิ่นอาหารหอมหวนลอยมาแตะจมูกทั้งที่ยังไม่ทันก้าวขึ้นบันใดด้วยซ้ำ
แม้จะห่างไกลผู้คน แต่ก็สงบเงียบ อันที่จริง เขาชอบอยู่แบบนี้มากกว่าความคึกคักในตัวอำเภอเสียด้วยซ้ำ
วันหนึ่งในฤดูหนาว พ่อและแม่ของเขาต้องขนสินค้าไปส่งในตลาด เมื่อ
คนงานขนผลผลิตขึ้นรถบรรทุกจนหมดแล้ว พ่อของเขาก็เดินมาหา
เฝ้าบ้านดีๆนะลูก มีอะไรก็บอกให้พี่สมพิศให้โทรบอกพ่อนะ เดี๋ยวเย็นๆพ่อก็กลับแล้ว
เด็กน้อยพยักหน้า กุมมือพี่สมพิศที่ว่าเอาไว้ เธอเป็นสาวใช้อายุราวยี่สิบมาอยู่บ้านเขาเมื่อครึ่งปีก่อน ทั้งขยันขันแข็ง และเอ็นดูลูกนายจ้างเหมือนน้องแท้ๆ
คนหนึ่ง ทำให้พ่อแม่ของเขาถูกอกถูกใจเธอมาก เมื่อรถขนของลับสายตาไปแล้ว
เธอก็หันมาทางเด็กชาย
พี่ไปซักผ้าก่อนนะ แดดดีอย่างนี้แป๊บเดียวคงแห้ง แล้วตอนเที่ยงอยาก
ทานอะไรก็บอกนะ พี่จะทำให้
แล้วตอนบ่ายพี่จะว่างมั้ยฮะ
ว่างสิ จะเล่นซ่อนหาใช่มั้ยล่ะ เอาไว้แดดร่มๆก่อนนะ
พูดจบเธอก็เดินไปทางที่ซักผ้า บ้านของเขาค่อนข้างไกลตัวหมู่บ้าน นานๆครั้งจึงจะมีเพื่อนที่โรงเรียนมาเล่นด้วยสักครั้ง ดังนั้น ปกติเขาจึงมีสาวใช้คนนี้
เป็นเพื่อนเล่นเสมอสักพัก เสียงขยี้ผ้าครืดคราดก็ดังมาบอกให้รู้ว่าเธอเริ่มงานของ
เธอแล้ว
วันนี้แดดดีจริงๆด้วย....
เด็กน้อยพึมพำกับตัวเอง แล้วถลาวิ่งเข้าไปในทุ่งข้าวโพดทันที
เขาชอบแดด... ชอบความเปิดเผยและสดชื่นของมัน ยิ่งอากาศเย็นๆกับ
แดดอุ่นๆ ด้วยแล้วล่ะก็ เป็นของโปรดของเขาเลยทีเดียว เด็กชายวิ่งลัดเลาะไป
มารอบๆบ้าน นานครั้งเสียงสะบัดผ้า พรึบๆ แว่วมาเป็นระยะๆ... แดดจัดจ้าขึ้นเรื่อยๆ เด็กน้อยนั่งพักเหนื่อยใต้ร่มไม้ มองดูใบข้าวโพดเหลืองอร่าม ท้องฟ้าสดใสสีน้ำเงินเข้มสวยงามนัก ที่เส้นแบ่งพื้นที่สองสีนั้น บ้านไม้ของเขาโดดเด่นเห็นแต่
ไกล
เที่ยงวันแล้ว ท้องที่เริ่มหิวพาให้สองขาเดินกลับบ้านทั้งที่อยากเล่นต่ออีกสักหน่อย เด็กชายลัดเลาะไปตามทางเดินแคบๆได้ไม่นานก็มาถึงบ้าน ในขณะนั้นเอง เขาก็รู้สึกได้ถึงความเงียบอย่างผิดปกติ เสียงธรรมชาติต่างๆที่ดังเบาๆ
เหมือนกับนัดกันหยุดโดยกะทันหัน ที่สำคัญเสียงซักผ้าที่ได้ยินแว่วๆนั้นเงียบหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
พี่สมพิศครับ ตอนเที่ยงมีอะไรกินมั่งครับ
เด็กชายเดินทอดน่องไปตรงลานซักผ้าหลังบ้าน กาละมังและกองผ้าค้างอยู่ตรงนั้น แต่ไม่มีวี่แววของคนซัก เขาขึ้นไปบนบ้าน ไล่ดูตามห้องต่างๆจนทั่ว แต่ก็ไม่มีใครบนนั้น
เด็กน้อยรู้สึกราวกับบ้านกว้างขึ้นหลายเท่า... อีกทั้งเงียบงันจนน่ากลัว ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกว่าตัวเองอยู่ในบ้านคนเดียวอย่างไม่มีเหตุผล
หรือพี่จะไปซื้อของข้างนอก แต่ครั้นชะโงกมองหน้าบ้าน จักรยานก็ยังอยู่ตรงนั้น เด็กชายเริ่มออกเสียงเรียกดังขึ้นเรื่อยๆจนแทบกลายเป็นตะโกนในที่สุด แต่ก็ยังไม่เสียงใดๆตอบกลับมา
หรือ พี่สมพิศเดินไปเรียกเขาในไร่ แล้วสวนกันตอนเขาเดินกลับ?
มองไปไกลๆ ในไร่เหลืองอร่าม เปลวแดดจ้าจนภาพพร่าไหว ถ้าเขากลับเข้าไปในไร่ก็อาจสวนกันอีกครั้ง แต่เมื่อกำลังจะทรุดตัวลงนั่งรอที่ชานบันใดนั่นเอง เด็กน้อยก็นึกขึ้นมาได้ว่า ใต้ถุนบ้านซึ่งใช้เป็นที่เก็บของนั้นยังไม่ได้ลองหาดู
หรือ เธอกำลังแกล้งเขาให้กลัว ด้วยการเล่นซ่อนหา?
ใต้ถุนบ้านของเขามีลักษณะเป็นห้องกว้างมีกำแพงล้อมรอบ ประตูหน้าต่างน้อยบานทำให้มันดูทึมทึบ เมื่อก้าวเข้ามาแล้ว แดดอบอุ่นในฤดูหนาว กลับเปลี่ยนเป็นเย็นวูบกะทันหัน สัมผัสยะเยือกนั้นลูบไล้ไปตามผิวกายเขาอย่างประหลาด ท่ามกลางกองข้าวของ และอุปกรณ์ฝุ่นจับหนาดูเหมือนไม่มีร่องรอยของใคร แต่ที่มุมห้องใต้ถุนมีห้องย่อยเล็กๆสำหรับยาอันตรายอยู่ น่าแปลกที่ประตูห้องนั้นเปิดกว้าง
เขาเดินช้าๆใกล้ห้องนั้นเข้าไปเรื่อยๆ โดยลืมไปว่าสวิทช์ไฟนั้นอยู่ตรงทางเข้า ซึ่งยิ่งห่างจากจุดนั้นเท่าไหร่ ซอกหลืบก็ดูเหมือนจะสลัวมากขึ้นเท่านั้น... ก่อนจะถึงหน้าห้องนั่นแค่พริบตาเดียว กลิ่นคาวหนักๆก็ลอยมาปะจมูก แต่ก่อนจะทันคิดอะไร เขาก็มาหยุดอยู่หน้าห้องเสียแล้ว
ดำสนิท...ราวกับหลุมลึกในคืนเดือนมืด
ในห้องเล็กๆพื้นที่เท่าเตียงคู่นั้นไม่มีทั้งหน้าต่าง หรือช่องระบายใดๆทั้งสิ้น แต่แปลกนัก เขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างในความมืดนั้น แต่เพียงชั่ววูบเดียวที่เพ่งมองพร้อมกับที่กลิ่นคาวคลุ้งลอยอวลขึ้นมาอีกครั้ง
เด็กชายสะท้านวูบไปทั้งกาย เขาไม่ได้มองเห็นอะไรทั้งนั้น แต่ความรู้สึกมันบอกว่าในก้อนสีดำสนิทนั่น พี่เลี้ยงสาวของเขาอยู่ในนั้น เด็กชายก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แต่สายตายังถูกตรึงไว้กับอะไรบางอย่าง...
ใช่แล้ว.... เขารู้สึกว่าเธอกำลังจ้องตอบกลับมาจากในความมืดมิด!!!
แต่แทบจะทันทีหลังจากรู้สึกเช่นนั้น เด็กชายรู้ด้วยสัมผัสบางอย่าง สั่นสะท้านเข้าไปในใจว่า พี่เลี้ยงสาวของเขา ไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว เธอกำลังจ้องมองเขาก็จริง ทว่าตำแหน่งศีรษะเธอนั้นอยู่บนพื้น ขณะที่ดูเหมือนว่า
ร่างกาย และแขนขาจะชี้แยกไปคนละทิศทาง หรืออาจเรียกได้ว่ากองรวมกันบนพื้นเสียมากกว่า
และทั้งหมดนั้นจมอยู่ในความดำมืดน่าสยดสยองนั้น
----------------------------------------------------------------------------------
ฝนยังกระหน่ำอยู่ภายนอก ลมชื้นเย็นส่งเสียงอื้ออึงลอดช่องเข้ามาทำให้สั่นสะท้านเป็นระยะๆ
...สุดท้ายพ่อผมก็กลับมาเจอเธอนอนอยู่ในนั้นจริงๆ ดูเหมือนว่าแฟนเก่าของพี่เลี้ยงผม จะตามมามีปากเสียงกับเธอ แล้วฆ่าหั่นเธอไว้ในห้องนั่น...
เงียบไปครู่ใหญ่
เรื่องของพี่เนี่ย... เอ่อ... แปลกดีนะ แล้วตกลงว่าพี่มาเข้าคุกนี่ได้ยังไงล่ะ...
ชายหนุ่มพยายามสะกดสีหน้าไม่พอใจเอาไว้ แต่จริงๆอาจไม่จำเป็นนักเพราะในมุมที่เขานั่งอยู่นั้น มืดจนใครก็ไม่อาจมองเห็นตัวของเขาได้โดยง่าย
ก็เพราะเรื่องนั้น ทำให้ผมกลัวความมืดมาตลอด... ผมนอนเปิดไฟ และไม่กล้าไปไหนกลางคืนตลอดเวลาหลายปี... จริงๆ พอเข้าเรียนมหาลัยได้ ผมก็คิดว่าผมหายสนิทแล้ว แต่ก็ไม่...
เหมือนต้องการเรียกความทรงจำกลับคืนมา เขาเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะเริ่มเล่าต่ออีกครั้ง
-------------------------------------------------------------------------------
(รบกวนอ่านต่อ และ คอมเมนท์ได้ที่นี่ครับ)
http://dek-d.com/entertain/view.php?id=118176
ขอบคุณครับผม(ที่นั่นมันแก้ไข และ อัพเดทได้ง่ายกว่าน่ะครับ ^ ^")
แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 48 15:16:04
แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 48 15:15:25
จากคุณ :
Archi
- [
14 ธ.ค. 48 15:00:17
]