CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เพราะฉันไม่ใช่นางเอก ตอนที่ 2

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3929606/W3929606.html

    ===========  

    ตอนที่ 2

    เด็กสาวขยับตัวเล็กน้อยก่อนที่จะเปิดเปลือกตาขึ้นช้า ๆ  เธอมองรอบตัวอย่างงง ๆ  พยายามลำดับเรื่องราวสักครู่  ยกข้อมือขึ้นมองเวลา

    “นี่เราหลับไปสองชั่วโมงเชียวเหรอ”  เธอค่อย ๆ ยันตัวเองลุกขึ้นจากการนอนเหยียดยาว  ตามเนื้อตามตัวยังรู้สึกปวดเมื่อยไม่หาย   ตามแขนขาริ้วรอยกิ่งไม้หนามไหน่ขีดข่วนเต็มไปหมด   แล้วลุกขึ้นจากเตียง   ตะโพกยังยอก ๆ อยู่เลย  เนื่องจากลื่นตกต้นไม้  และลื่นล้มก้นกระแทกพื้นไปหลายที   สาวน้อยเดินตรงไปยังหน้าต่าง  

    บรรยากาศฟ้าใกล้ค่ำสวยเหลือเกิน   พระอาทิตย์อวดแสงสีทองจาง ๆ  เป็นครั้งสุดท้าย   ลำแสงกำลังจะลับหายไปจากทิวไม้เขียวครึ้มของหุบเขาด้านตะวันตก  ฝูงนกบินตัดผ่านท้องฟ้าไปเป็นหมู่

    “บ้านคุณตาเปลี่ยนไปตั้งเยอะ”  เธอสังเกตสีไม้ซีดลงไปถนัดตาด้วยผ่านกาลเวลามาหลายสิบปี  เรือนไทยหลังใหญ่ตั้งเด่นตะหง่านอยู่กลางหุบเขาที่ล้อมรอบไว้เกือบทุกด้าน  รอบ ๆ บริเวณบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด  กิ่งก้านสาขาแผ่ขยายจนร่มรื่นเย็นสบาย  ลมพัดเข้ามาประทะร่างของหลานสาวเจ้าของไร่เบา ๆ

    “ต้นไม้ขึ้นครึ้มเชียว”  ต้นไม้ที่เธอเคยเห็นเมื่อยังเด็ก  และเคยช่วยคุณตาปลูกเติบโตขึ้นหมดแล้ว   เด็กสาวยิ้มน้อย ๆ อย่างภาคภูมิใจ   พื้นดินเคยแตกระแหงแห้งแล้ง  ทุรกันดาร   ในอดีตไม่มีให้เห็นอีกแล้ว  ด้วยความมุ่งมั่นมุมานะของคุณตา  พลิกพื้นผืนดินที่เหมือนตายแล้วให้กลับมามีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ

    “คิดถูกหรือผิดนะ  ที่ดื้อไม่ไปบ้านพักในเมืองตามที่เขาบอก…”   เธอยกมือท้าวกับขอบหน้าต่าง  ความคิดหนึ่งถามขึ้นมาในสมอง  

    “เฮอะ!  ลำบากยังไงตะเกียงก็ไม่มีทางถอย  ไม่ยอมให้นายดูถูกหรอก  คนอย่างตะเกียงหรือ?  จะกลัวความลำบาก  ทนกับความลำบากไม่ได้  คอยดูเถอะนายระบิล”  อีกเสียงหนึ่งของความคิดรีบดังขึ้นมาข่มอีกความคิดหนึ่งทันที  เพื่อเรียกความฮึกเหิม

    เธอนึกทบทวนการเดินทางของวันนี้ทั้งวัน  รู้สึกอับอายขายหน้าตัวเองเหลือเกิน  ดันกระโดดไปกระแทกนายระบิลจบเกือบตกน้ำกันทั้งคู่   แถมเท้าที่ก้าวพลาดทำให้ลื่นจนเขาต้องคว้าตัวเธอเอาไว้อีก  ที่แย่ที่สุดคือ  ถูกเขามองด้วยสายตาราวกับเธอไปล่วงเกินเขาอย่างร้ายแรงงั้นแหละ  กับแค่การเกาะไหล่เขาไว้แค่เนี้ย!

    คนบ้า!!  คนอะไรไม่รู้!!  

    เด็กสาวหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่คนเดียว

    “ก๊อก ๆ ๆ “  

    ตะเกียงหันไปที่ประตูห้อง  

    ตายยากจริง  บ่นถึงก็มาเชียว   สาวน้อยบ่นขมุบขมิบเบา ๆ  ก่อนพยายามปั้นหน้ายุ่ง ๆ จากการหมั่นไส้คนที่อยู่หน้าประตูให้เป็นปกติ  ยกมือเสยผมที่ยุ่ง ๆ อย่างลวก ๆ แล้วเดินไปเปิดประตูไม้สักบานใหญ่ทาสีเข้ม

    เมื่อประตูเปิดออกชายหนุ่มด้านนอกจึงยื่นกระเป๋าเป้ของเธอคืนเจ้าของ  หลังจากพอกลับมาถึงก็บึ่งมอเตอร์ไซด์กลับไปเอากระเป๋ามาให้เธอ เกรงว่าเธอจะไม่มีของใช้ที่จำเป็น

    “เชิญทานข้าวครับคุณรวิวาร” เมื่อน้ำเสียงราบเรียบนั้นกล่าวจบ   และเห็นเธอพยักหน้ารับแล้วจึงเดินเลยไป

    เด็กสาววางกระเป๋าเป้ไว้ในห้อง  แล้วเดินตามผู้จัดการไร่ไปยังเรือนด้านหน้า  คิดในใจว่าจะได้กินอย่างอร่อยเต็มที่เสียที   จะกินให้พุงกางเลย  คอยดูสิ!   แต่ทว่า…ความฝันพังทลายลงคลืน…เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหาร   เด็กสาวตะลึงงันไปชั่วขณะ!  กระพริบตาถี่ ๆ  อย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง  

    อะไรกันเนี่ย!!

    เมื่อมองเห็นอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ  มีเพียงน้ำพริกถ้วยหนึ่ง  นอกนั้นเป็นผักสด และผักรวกเท่านั้น

    ให้ตายสิ!  จะกินลงมั้ยเนี่ย!  ตะเกียงเอ๊ย!

    เธออยากเป็นลมเป็นแล้งจริง ๆ เลยตอนนี้

    ผู้จัดการไร่เดินตรงไปนั่งที่เก้าอี้ด้านซ้ายมือของโต๊ะอาหาร  ตรงข้ามกับตะเกียงซึ่งอยู่ทางด้านขวา  เขาเหลือบสายตามองเด็กสาวนิดหนึ่ง

    “เชิญครับ”  พลางผายมือเชิญให้เธอนั่งลง

    “เอ่อ…คือ…”  หลานสาวเจ้าปัญหาอ้ำอึ้งก่อนจะหลุดถ้อยคำออกไปได้

    “มีแต่น้ำพริกกับผัก…เท่านั้นหรือคะ  ฉะ…ฉันกินน้ำพริกกับผักสดอะไรนี่ไม่ค่อยเป็น  ไม่เคยกิน  แล้วก็ไม่ชอบด้วยค่ะ”  

    “มีเท่านี้ละครับ  อย่างที่บอกไม่มีใครอยู่เลย  แม่บ้านตามคุณท่านไปด้วย  ผมก็ทำอย่างอื่นไม่ค่อยจะเป็นด้วย  ผักนี่ปลูกเอง  ไร้สารพิษ  ลองทานดูครับ”  พูดพลางมองเธอด้วยสายตาตำหนิเล็กน้อย  เธออยากดื้อไม่ยอมไปพักอยู่กับคุณตาที่บ้านพักในเมืองทำไม!  เป็นภาระเขาให้ต้องมาคอยดูแลเธอ  พูดจบเขาลงมือตักน้ำพริกใส่จานข้าวตัวเอง

    “นายแกล้งฉันหรือไง  ระบิล”  เธอต่อว่าเขาอยู่ในใจ  มองหน้าชายหนุ่มด้วยสายตาขุ่น ๆ

    “กินก็กิน  ไม่งั้นหิวตายแน่เลย”  เด็กสาวบอกตัวเอง   แล้วค่อย ๆ ตักน้ำพริกใส่จานข้าวตัวเองบ้าง

    “หือ…จืดชืด  ไม่เผ็ดเลยพะผ่าสิ!”  เธอบ่นในใจ

    “ทานได้มั้ยครับ”  สายตาเขายังจับจ้องอยู่ที่สีหน้าอาการของเธอ

    “ก็…ทานได้ค่ะ  แต่มันจืดไปหน่อยนะคะ”

    “แสดงว่า  คุณเป็นกินรสจัดสิครับ”

    “เรื่องของฉัน!“ เธออารมณ์เสียขึ้นมาทันที

    “ที่นี่  เรานิยมทานอาหารใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด  รสไม่จัดเกินไป  มันดีต่อสุขภาพนะครับ”  เขาอธิบายอย่างใจเย็น

    “รู้น่ะ! นายจะบอกให้ฉันพยายามหัดกินล่ะสิ”  แล้วหยิบถั่วฝักยาวฝักอวบสีเขียวเข้าปาก  เด็กสาวทำจมูกย่น

    “อื๋อ..เหม็นเขียวจัง”  แต่ก็พยายามกลืนลงไป

    กินไปพลางก็เหลือบมองเขาไปพลาง

    “ต้องหัดกิน  ไม่งั้นนายคงหาว่า  ฉันกินยากอีก  นายทำได้! ฉันก็ทำได้!” เธอบอกตัวเองอยู่ในใจ

    ตะเกียงอึ้งไปครู่หนึ่งหลังจากทดลองหัดกินผักรูปร่างแปลกตาไม่เคยเห็นมาก่อน  มีลักษณะเป็นช่อ ๆ เล็ก ๆ   และทันทีที่เริ่มเคี้ยว  รสขมแผ่ซ่านกระจายทั่วทั้งปาก  เธออยากจะคายทิ้ง  แต่สายตาเขาที่มองมาทำให้เธอพยายามกลั้นใจกลืนมัน  และกลืนมันลงไปจนได้ในที่สุด  แล้วรีบดื่มน้ำตามแก้ความขม

    รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านตรงกันข้าม
    “ผักนั่น  เขาเรียกว่า  สะเดาครับ  มันออกจะขมอยู่นิดหน่อย  แต่มีประโยชน์มากเลยนะครับ”

    “ขมบ้าอะไรนิดหน่อย  ขมปี๋เลยสิไม่ว่า”

    ระบิลหัวเราะเบา ๆ ในท่าทางปั้นปึ่งของหลานสาวเจ้าของบ้าน

    “ทีเงี้ย!  ล่ะ หัวเราะได้นะ  นายระบิล  ทุกทีทำเป็นเก๊กขรึม  เชอะ!”   ได้แต่แอบบ่นเขาอยู่ในใจ  จ้องผู้จัดการไร่ด้วยสายตาเขม่นเข่นเขี้ยว

    ระบิลจึงละสายตาจากคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม  มองจานข้าวตัวเอง  แล้วทานข้าวต่อไปอย่างเงียบเฉียบ

    รวิวารไม่แตะผักสดอีกเลย  เธอเลือกทานแต่ผักรวกกับน้ำพริกเท่านั้น

    เมื่อม่านราตรีกำมะหยี่สีดำคลี่คลุมท้องฟ้า   พระจันทร์เสี้ยวโผล่พ้นทิวไม้เหนือขุนเขาขึ้นมาส่องแสงนวลตา   โคมไฟรูปตะเกียงถูกเปิดให้สว่างไสวตามทางเดิน   เรือนไทยไม้สักจึงโดดเด่นท่ามกลางความมืด    ดูเรียบง่าย  แต่คลาสิค  เสียงหริ่งเรไรร้องระงมบรรเลงเพลงราตรี

    เสียงร้องกรี๊ด….ด   ยาว….ว….ว  ดังลั่นบ้านแหวกความสงบเงียบขึ้นมา

    “เป็นอะไรไปอีกล่ะ  คุณหนู…!!”

    ระบิลรีบรีบเดินออกจากห้องตัวเอง   ค้นหาที่มาของเสียงหลานสาวเจ้าของบ้านตัวยุ่งที่ส่งเสียงกรีดร้องรบกวนเวลาพักผ่อนของเขา  ด้วยรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องคอยดูแลสุขทุกข์ของเธอ  ชายหนุ่มก้าวเร็ว ๆ เดินตรงไปยังห้องโถงใหญ่แล้วเลี้ยวเข้าสู่ห้องด้านหน้าของเรือนไม้สัก

    ทันทีที่เลี้ยวเข้าสู่ห้องด้านหน้านั้นเอง  รู้สึกมีอะไรบางอย่างพุ่งเข้ามากระแทกดัง  อึ้ก!!  อย่างแรง  เขาแทบจุก เซถอยหลังไปหลายก้าวจนเกือบจะล้ม  แต่ยังประคองตัวไว้ได้   เสียงกรีดร้องนั้นดังอยู่ใกล้จนรู้สึกแสบแก้วหูเหลือเกิน

    เมื่อมองสิ่งที่พุ่งเข้ามากระแทกชัด ๆ  จึงเห็นเด็กสาวซบหน้าอยู่กับอกของเขา  ชั่วอึดใจเดียว  เด็กสาวจอมยุ่งรีบเงยหน้าขึ้นทันที

    เด็กสาวทำหน้าแหย ๆ  หลังจากหลับหูหลับตาวิ่งกระเจิดกระเจิงออกมาจากห้องพักทางด้านหน้า  ซึ่งติดอยู่กับห้องคุณตาของเธอ

    “เกิดอะไรขึ้นครับ”  

    เขาถามเด็กสาวตรงหน้าเมื่อยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว   พลางขยับร่างของเธอถอยห่างออกไปจากตัวเขา

    “เอ่อ…”  เด็กสาวอั้มอึ้ง  เป็นคำถามที่ยากต่อการตอบ  จะบอกเขายังไงดี  ถ้าบอกไปเขาต้องหัวเราะเธอแน่ ๆ  ว่าเธอตกใจกลัวอะไรช่างไร้สาระสิ้นดี

    “ว่าไงครับ”  เขาถามย้ำเมื่อเห็นเธอนิ่งเงียบไป

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว  ผมขอตัวนะครับ”  จบคำเขาหันหลังกลับ

    “ดะเดี๋ยว!  สิ”  เธอรีบเรียกเขาให้หยุดก่อน

    ชายหนุ่มหันกลับมา  และมองเธอด้วยสายตาของคำถาม

    “จะ…จิ้ง…จก…ค่ะ”  เธอตัดสินใจบอกออกไปอย่างตะกุกตะกัก

    ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างงงสุด ๆ  

    “อะไรนะ!”

    เขาอุทานเสียงดัง

    “คุณกลัวจิ้งจกเนี่ยนะ”  เขาไม่อยากจะเชื่อ

    ให้ตายสิ!

    เด็กสาวพยักหน้าหงึก ๆ อย่างจ๋อย ๆ

    “นายต้องช่วยจับมันออกไปจากห้องฉันนะ”  เธอสั่งเขาเสียงจริงจัง

    สิ่งที่ได้ยินยิ่งทำให้ร่างสูงตรงหน้าเธอแทบถลึงตาใส่

    “จิ้งจกมันไม่ทำอะไรคุณหรอก   ผมขอตัวนะครับ”  เขาไม่ยอมทำตามคำสั่งเธอ  หันหลังกลับเดินจากไปทันที

    อีกแล้ว!!  ที่เขาเดินจากเธอไปอย่างไม่สนใจแบบนี้!!

    “นายระบิล!”  

    เธอตะโกนเรียกเขาอย่างหัวเสีย   เขาช่างไม่เคยทำอะไรตามใจเธอซักอย่างเดียว   เรื่องอื่นไม่เป็นไร  แต่เรื่องนี้เธอยอมไม่ได้  กับการที่จะต้องอยู่ห้องตามลำพังกับจิ้งจกสองต่อสอง  หรืออาจจะเป็น  สองต่อหนึ่ง  หรือสามต่อหนึ่งก็ได้

    รวิวารรี่เข้าไปคว้าแขนชายหนุ่มไว้  แล้วลากเขาไปยังห้องพักของเธอ

    “ฉันไม่ยอมนะ  นายต้องไปจับมันออกให้ฉัน!!”  เธอทั้งลากเขาทั้งตะโกนเสียงดังลั่นบ้าน  

    มือแข็งแรงของคนหนุ่มจับข้อมือของเด็กสาวไว้  แล้วพยายามดึงให้เธอหยุด  แต่ไม่รู้เด็กสาวบอบบางอย่างเธอไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน  มากมายมหาศาลขนาดนี้

    “โอเค  ๆ ครับ”  เขามองอาการของเด็กสาว  คงจะต้านทานเธอไม่ไหว

    “ผมจะไปจับให้  แต่ให้ผมเดินไปเองได้มั้ย”

    สายน้อยจึงหันกลับมา  ข้อเสนอนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย   แต่สองมือเล็ก ๆ ยังไม่ยอมปล่อยมือเขา

    “สัญญาก่อน”

    เอากับเธอสิ!

    “ครับ ๆ  สัญญาครับ”  

    เธอจึงยอมคืนมือให้ชายหนุ่ม

    ทั้งคู่เดินไปจนถึงห้องของเธอ  เขาเหลือบเห็นจิ้งจกตัวอ้วนสีเหลืองนวลเกาะอยู่ตรงมุมบนเพดานห้องด้านติดกับหน้าต่าง

    “ไหนละครับ”  เขาแกล้งถาม

    แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 48 23:25:24

    จากคุณ : ริเศรษฐ์ - [ 14 ธ.ค. 48 23:22:04 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป