CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


            พหุจุฬา 02        

    ตอนแรก พหุจุฬา 01 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3943800/W3943800.html
    --------------------------


    เสียงฮัมเพลงดังแว่วมาจากห้องนอนของเธอ เด็กสาวกำลังจัดของลงกระเป๋า วันก่อนหลังผ่านการถกเถียงกับเขาอยู่พักใหญ่ เขาก็จำยอมทำตามใจของเธอ เมื่อคิดถึงเรื่องราวหลังการสอนนับเลข ยิ่งทำให้เขาสับสน นี่สมควรถูกต้องหรือไม่ มันเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า
    …

    ++++++++++

         “ทวิคุณต้องช่วยฉัน”  

         “ได้ยินไหม คุณต้องช่วยฉัน ทวิ” เด็กสาวพูดย้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นชายหนุ่มเบิ่งตาโพล่ง มองเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นต่อหน้าอย่างไม่เข้าใจ

         “อ… อะไร ท…ทำไม” เป็นถ้อยคำพูดที่แสนยากเย็น และไม่ได้ใจความของเขา

         “นี่คุณไม่รู้เรื่องอะไรเลยเหรอ เฮ้อ!” เด็กสาวถึงกับถอนหายใจ เพราะทราบว่าคงต้องเปลืองคำพูดอธิบายให้เขาได้ทราบ

         “เอาอย่างนี้นะ คุณตั้งใจฟังให้ดี ฉันจะเล่าให้ฟังครั้งเดียว ตั้งใจฟัง เข้าใจไหม แหนะ ยังอ้าปากค้างอยู่นั่นละ”

    ในที่สุดด้วยความมึนงง เขาก็พอจะเรียกสติขึ้นมาได้ และผงกหัวพร้อมรับฟังเรื่องราวที่เธอจะเล่า

         “ฉันถูกพาตัวมา” เธอเงียบอยู่ครู่หนึ่งเพื่อดูปฏิกิริยาของเขา ว่ามีสติพร้อมรับฟังเรื่องราวหรือยัง ความเงียบสร้างความอึดอัดให้พอสมควร แต่ยังนับว่าน้อยไปเมื่อเทียบกับดวงตากลมโตใสแจ๋วที่จ้องมองมา นัยน์ตานั้นเหมือนจะมองทะลุทุกเรื่องราวที่อยู่ต่อหน้า ทำให้รู้สึกตัวเปลือยเปล่าไม่สามารถปกปิดสิ่งใดภายใต้ตาคู่นั้น

         “ใครพามา” ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว รีบลำลักถามเธอเพื่อให้พูดต่อ เด็กสาวยิ้มที่ริมผิวปากให้แก่เขา ตากลมโตกลายเป็นหยาดเยิ้ม ฉับพลันก็เปลี่ยนเป็นปรากฏร่องรอยโกรธกริ้ว เม้มริมผิวปาก ปฏิกิริยาเหล่านั้นทำให้ใจเขาเต้นแรงขึ้น ซึ่งแม้แต่ตัวเขาก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร มีความรู้สึกหนึ่งแทรกเบียดเข้ามาในหัว แล้วก็หายลับไปอย่างไร้ร่องรอย

         “จะใครเสียอีก ก็เมียของคุณนะสิ” พลางสูดหายใจลึก สองมือเท้าหัวเข่าที่นั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้น ทำให้หัวไหล่ถูกดันให้สูงขึ้น ชายหนุ่มมองท่าทางของเด็กสาวที่ทำไปก็รู้สึกผ่อนคลาย เขารู้สึกว่าท่าทางที่เด็กสาวทำขึ้นนั้น เพื่อทำให้มองดูตลกจนเขาสบายใจขึ้น

    เด็กสาวที่อายุเพียงสิบสี่ปี ถ้าเธอทำโดยไม่ตั้งใจก็แล้วไป แต่ถ้าทั้งหมดนี่เป็นการจงใจ นั้นก็แสดงถึงภูมิปัญญาที่น่าตื่นตระหนกแล้ว นอกจากนั้นก็บอกได้อีกอย่างว่าต้องมีคนที่สอนเธอมา คนที่ว่านั้นคือใคร?

         “หล่อน… ยายนั่นกลัวว่าฉันจะหนีกลับไปเลยกักเอาไว้ ร้ายกาจที่สุด ฉันไม่รู้หรอกว่าหล่อนได้รหัสมาด้วยวิธีไหน พวกเรานะ พออายุสิบหกก็ต้องถึงเวลานี้ทุกคน แต่ก่อนนั้นก็ต้องเตรียมตัวก่อน แต่นี่ดูซิ ฉันไม่มีเวลาเตรียมตัวอะไรเลยอยู่ๆก็โดนกัก น่าแค้นใจจริงๆ” เด็กสาวพูดเหมือนบ่นพึมพำ จนทำให้เขากลัวจะไม่รู้เรื่องจริงๆ จึงรีบถามซ้ำ

         “กักอะไร”

         “อ่า… โทษที พอนึกแล้วก็อดอารมณ์เสียไม่ได้” พลางส่งยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะพูดต่อ

         “ก็กักขังในตัวเลข มันเป็นวิธีที่คิดขึ้นมาเพื่อให้พวกเราผ่อนคลาย เราทุกคนจะมีรหัสสำหรับเปิดเข้าไปควบคุมสำนึกคนละชุด รหัสนี้จะถูกใช้ก็เมื่อเราอายุถึงสิบหก พอถูกกักแล้วจะทำให้หัวหมุนเหมือนกับคนดื่มเหล้าหนักๆ อืม… ฉันไม่เคยดื่มหรอกนะเขาว่ามาอย่างนี้ การกักนั้นจะใช้เวลาสองปี พอพวกเราอายุครบสิบแปด ก็จะถูกปล่อยออกมาด้วยชักนำชุดคลายรหัส คุณก็คงจะรู้ว่าแล้วว่าปล่อยยังไง ก็คุณเป็นคนปล่อยฉันนี่นะ”

         “ งั้นวารีก็โดนแบบนี้ตั้งแต่อายุสิบสามปี แล้วที่ว่าพวกเรานะ ยังมีคนอื่นอีกเหรอ แล้วทำไมต้องผ่อนคลาย ช่วยอธิบายให้ชัดหน่อย” พอได้จังหวะเขารีบถามสิ่งที่สงสัยทันที

         “โอ้ย ถามอะไรเป็นชุด ฉันโดนกักตั้งแต่อายุสิบสอง ยายนั่นพาฉันร่อนเร่ไปเกือบปีก่อนจะมาพบคุณ ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงต้องผ่อนคลาย ก็เพราะพวกเราเรียนรู้กันมาก ถ้าไม่พักสมองเสียก่อนก็จะกลายเป็นบ้าได้ เขาเล่าว่า เมื่อก่อนที่ยังไม่มีการกักขังในตัวเลข คนที่ออกไปทำงานไม่กี่ปีก็เป็นบ้าไปเลย” เธอหยุดพูดจ้องมองดูเขา แล้วจึงพูดต่อ

         “แต่ฉันก็ไม่โทษยายนั่นหรอกนะ ที่พาฉันหนีมา ชีวิตแบบนั้นมันน่าเบื่อจริงๆ ตอนที่ยายนั่นชวนฉันหนีมา ในคืนแรกก็มอมยาแล้วก็กักฉันเอาไว้ ตอนโดนกักเหมือนอยู่ในฝัน บางครั้งรู้สึกตัว บางครั้งเหมือนพึ่งตื่นนอน ทำอะไรไปก็ลืมจำได้แค่ลางๆ ฉันก็พยายามคลายรหัสให้ตัวเองอยู่ตลอด แต่ไม่สำเร็จสักที เอาล่ะ พอแค่นี้ล่ะ คุณรู้มากไปจะไม่ปลอดภัย ห้ามถามอะไรอีก ทีนี้ช่วยพาฉันกลับไปด้วย”

         “กลับไปไหน แล้ววารีฉันเป็นพ่อของเธอนะ ถึงจะเป็นพ่อเลี้ยงก็ตาม เธอต้องเรียกฉันว่าพ่อเข้าใจหรือเปล่า” เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจที่เด็กสาวพูดจาแปลกๆ เหมือนไม่เคารพเขาที่เป็นผู้ใหญ่กว่า

         “เหอะ!” เด็กสาวส่งเสียงไม่พอใจเช่นกัน “ยายนั่นไม่ใช่แม่ฉัน ดังนั้นคุณจึงไม่ใช่พ่อของฉันด้วยเช่นกัน เข้าใจไหมคุณทวิ” เธอยื่นหน้าส่งเสียงยียวนเขา

    เขานิ่งเงียบจ้องมองหน้าตาของเด็กสาวอย่างละเอียด ชั่งใจว่านี่เป็นเรื่องที่เด็กสาวหลอกเขาหรือเปล่า เธอไม่ใช่ลูกของหล่อนอย่างนั้นหรือ ทำไมหน้าตาถึงคล้ายกันเหลือเกิน ยิ่งมองยิ่งพบความละม้ายในใบหน้า

    ส่วนเด็กสาวนั้นเมื่อถูกจ้องมองตรงๆ ก็เอียงหน้าหลบสายตาของเขา ภาพยียวนเมื่อครู่กลับหายไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ประทับพิมพ์ตรงนี้กลับกลายเป็นสาวน้อยแรกรุ่นไร้จริต ที่หลุบหน้ากระพริบขนตางอนงามเอียงอายต่อหน้าชายหนุ่ม จนทำให้เขารู้สึกตัวว่าไม่ควรจ้องมอง จึงรีบถามกลบเกลื่อนให้ตัวเอง

         “งั้นก็ตามใจเธอ แล้วจะให้ฉันพาไปไหน”

         “ก็กลับที่ ที่ฉันหนีมาไงล่ะ”

         “ที่ไหน” เขาถามต่อด้วยความสงสัย

         “ไม่รู้ แต่คุณต้องช่วยฉันหา”

         “อ้าว… “ เขาอุทานขึ้น “แล้วจะหาอย่างไง ประกาศหนังสือพิมพ์เหรอ”

         “บ้า! คุณไปเก็บของที่เป็นของยายนั่นมาให้หมด มันต้องมีข้อมูลซ่อนอยู่ถ้ามีฉันจะรู้ เดี๋ยวฉันจะค้นดูเอง เร็วสิ” เด็กสาวเร่งรัด ขณะเดียวกันก็ทำท่าจะลุกขึ้น เขารีบผุดขึ้นยืนก่อน แล้วก็เดินไปทั่วบ้านเก็บข้าวของที่อยู่ของภรรยาสาวผู้ล่วงลับมาให้เด็กสาว

    +++++++++++++++++++++++

    หลังจากเก็บรวบรวมของทั้งหมดมาให้เด็กสาว เขาก็นั่งมองดูเธอรื้อค้นของทีละอย่าง ท่าทีมุ่งมั่นตั้งใจหยิบจับสิ่งของต่างๆ มาตรวจดู และไม่รบกวนปล่อยให้เธอจับแยกชิ้นส่วนตามต้องการ มีบางครั้งเขาก็หัวเราะขึ้น เมื่อเห็นเด็กสาวทำสียู่ย่นหลังจากยกขวดน้ำหอมนานาชนิดของภรรยาเขาขึ้นมาดม

         “มองอะไร” ท่ามกลางความเงียบ เด็กสาวส่งเสียงทำลายมันไป

         “เปล่า ให้ช่วยอะไรหรือเปล่า” ความรู้สึกที่ถูกจ้องมองจนตัวเปลือยเปล่าโผกลับเข้ามาหาเขาอีกครั้ง เด็กสาวหยีตาจ้องมองเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มที่ริมผิวปาก ทำท่าเหมือนจะรู้ทันความคิดของเขา ชายหนุ่มไม่ชอบเลย

         “งั้นไปซื้อกับข้าวให้หน่อยสิ หิวข้าวจะแย่อยู่แล้ว” เขาลุกเกือบจะทันทีที่เธอร้องบอกเขา นั่นสบความปรารถนาที่จะออกห่างจากเด็กสาวอยู่แล้ว เขาจึงไม่รีรอรีบจ้ำอ้าวออกจากห้องไป

    สิ้นเสียงปิดประตูหน้าบ้าน สีหน้าของเธอกลับเรียบเฉยขึ้นมาอย่างฉับพลัน อันที่จริงแล้วเธอไม่ได้หิวข้าว เหตุที่กันให้ชายหนุ่มออกไป ก็เพราะมีบางอย่างเกิดขึ้น

    สิ่งนั้นปรากฏอยู่ในกองข้าวของ มันถูกห่อไว้หลวมๆ ด้วยผ้าเช็ดหน้า เพียงเห็นแค่บางส่วน ก็กระตุ้นความรู้สึกให้พลุ่งพล่านขึ้นมา เด็กสาวค่อยบรรจงคลี่ห่อผ้าออกอย่างช้าๆ เวลาเหมือนจะหยุดนิ่ง แสงแดดส่องลอดบานเกร็ด กระทบเข้ากับของสิ่งนั้นจนทำให้ดูเหมือนมันเปล่งแสงได้  เธอคล้ายกับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วดังเข้ามาในหัว “หยิบขึ้นมา” แล้วเธอก็เอื้อมมือไปหยิบมัน สิ่งนั้นคือมีดคู่ของหล่อนนั้นเอง หลังเกิดเหตุชายหนุ่มได้ซ่อนมันเอาไว้ และนำมาให้เมื่อเธอร้องขอ

    เด็กสาวค่อยลุกขึ้นยืน สองมือกำมีดทั้งคู่เอาไว้แน่น ครั้งแรกยังกำมีดโดยถือปลายไว้ด้านบน เมื่อลองฟันมีดบนอากาศก็แสดงทีท่าเก้ๆ กังๆ จนได้แผลเล็กน้อยที่คมมีดสะกิดเข้าง่ามมือ จึงเปลี่ยนมาถือกลับด้านหันปลายแหลมเข้าหาตัว คราวนี้จับได้ถนัดมือขึ้น เมื่อลองฟันมีดบนอากาศก็มีเสียงวืด เธอลองเปลี่ยนท่าทางและแง่มุมตวัดมีดไปมา เพียงครู่หนึ่งเสียงวืดก็หายไป ที่น่าประหลาดไปอีก ท่าทางต่างๆ ที่ใช้ตวัดมีดนั้นกลับดูคล่องแคล่วกลมกลืน ความเร็วในการควงทำให้ตัวมีดเหมือนจะกลายเป็นเส้นเชือกสีขาวที่หมุนวนไปรอบตัวของเด็กสาว

    เวลาถูกกลืนกินไปอย่างรวดเร็ว เธอควงมีดร่ายรำไม่หยุดยั้ง เหมือนจะลืมเลือนทุกสิ่ง จนกระทั่งมีเสียงเดินของชายหนุ่มดังแว่วมาที่หน้าระเบียง เธอจึงได้สติอีกครั้ง เด็กสาวรีบทิ้งมีดลงพื้นทันที

         “ซื้อมาแล้ว ข้าวผัดไข่ดาว เอะ! ทำไมเหงื่อออกเต็มหน้า แล้วเจออะไรไหม” ชายหนุ่มถามขึ้น เมื่อเห็นเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มหน้าเด็กสาว

         “ไม่เจออะไรเลย ค้นหมดทุกอย่าง คุณแน่ใจนะว่าเอาของมาให้ฉันครบหมดแล้ว” เธอปาดเหงื่อทิ้ง พลางก้มดูข้าวของที่กระจัดกระจายเต็มพื้นห้อง

         “เหลืออยู่อีกอย่างหนึ่ง” พอวางกล่องข้าวบนโต๊ะ เขาก็นั่งลงแล้วชี้มาที่ตัวเธอ เด็กสาวทำหน้าประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงนึกได้คลำมือไปที่ลำคอ ก็พบสิ่งที่เธอมองข้ามไป จี้ห้อยคอนั่นเอง


    <<อ่านต่อด้านล่างครับ>>

    จากคุณ : egotech - [ 15 ธ.ค. 48 05:19:53 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป