บันทึกของคนเดินเท้า
เพื่อนในอากาศ
เจียวต้าย
ก่อนที่ผมจะเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของอินเตอร์เนตนั้น ผมได้ยินได้ฟังที่เขาเล่าเกี่ยวกับความดี และความไม่ดี ที่ปรากฏอยู่ในโลกอันกว้างขวางนั้น มาเป็นเวลานานพอสมควร จนผมคิดว่าผมได้มีอายุเลยวัยที่จะเข้ามาสนุกสนานในโลกนี้แล้ว
แต่พอได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัส ผมกลับพบแต่สิ่งที่ดีงามแทบทั้งนั้น ส่วนมุมที่เขาว่าไม่ค่อยดี แต่ผมก็อยากรู้จักนั้น ไม่มีโอกาสได้พบพานเลย
เพราะเมื่อผมเข้ามาก็โผล่ขึ้นที่ห้องสมุดพันทิป โดยเหตุที่ผมกับคำว่าห้องสมุดนั้นคุ้นเคยกันมานานมาก คิดว่าจะได้อ่านเรื่องที่ให้ความรู้และความบันเทิง ได้กว้างขวางออกไปทั้งที่ควรจะรู้และไม่จำเป็นต้องรู้ โดยไม่ต้องเดินทางออกไปจากห้องเอนกประสงค์ของผมเลย
แล้วก็พบว่ามีถนนนักเขียน ที่สามารถจะเสนอผลงานของผมที่มีมากมาย ให้ผู้อ่านอีกกลุ่มหนึ่งได้ลองสัมผัสดูบ้าง
แล้วผมก็ติดอยู่ในถนนนักเขียนนี้ เป็นเวลาเกือบปีแล้ว โดยแทบจะไม่ได้โผล่ไปที่ห้องอื่น มุมอื่นเลย ได้รู้จักกับ นักอ่าน และนักเขียน มากมาย และพบว่าส่วนมากผู้คนในถนนนี้ มีความเมตตาเอื้ออารีต่อกันอย่างน่าสรรเสริญยิ่งนัก
แรกเริ่มผมก็เขียน โคลงบ้าง กลอนบ้าง ตามประสาคนที่รักจะเขียนโดยไม่ได้ร่ำเรียนมาในหลักสูตรใด พอกล้อมแกล้มไปได้
ต่อมาก็เขียนเรื่องที่เกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิต
ซึ่งเป็นเรื่องจริงบ้าง เกือบจริงบ้าง และเกินจริงบ้าง
ที่ผ่านมาในอดีต ก็มีผู้สนใจอ่านพอสมควร
แล้วผมก็เก็บเอาเรื่องเก่า ๆ ที่อ่านพบจากหนังสืองานศพ และข่าวจากหนังสือพิมพ์รายวันเมื่อหลายสิบปีก่อน ใน หอสมุดแห่งชาติ
มาเรียบเรียงเป็นบันทึกของคนเดินเท้า
และต่อมาก็นำเอาพงศาวดารจีน ที่ผมได้เรียบเรียงไว้หลายเรื่องมาเสนอ เพราะดูเหมือนจะไม่เคยมีผู้ใดทำมาก่อน
เรื่องแรกก็คือสามก๊ก ซึ่งคิดว่าผู้อ่านส่วนใหญ่คงรู้จักดี แต่อาจจะไม่เคยอ่านเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย แบบที่ผมนำมาเขียน
เมื่อมีผู้อ่านเข้ามาออกความเห็นผมจึงรู้ว่าความเข้าใจของผมนั้นผิด มีผู้อ่านหลายท่านรู้เรื่องสามก๊กกว้างกว่าผม และรู้ลึกกว่าผมก็มี แต่ผู้ที่ยังไม่เคยอ่าน พอเริ่มอ่านก็ถอยหนีเพราะจำชื่อตัวละครไม่ได้ก็มีอีก
เริ่มแรกก็มีผู้ลงชื่ออ่านเพียงสองสามคน ต่อมาก็เพิ่มขึ้นนิดหน่อย แล้วสุดท้ายก็มีเพียงสองสามคนเช่นเดิม แต่ผมก็ไม่ได้ท้อถอย เพราะผมตั้งใจจะเอาเรื่องจากพงศาวดารจีน มาเผยแพร่ทางอินเตอร์เนต ตั้งแต่เริ่มเข้ามาแล้ว
ผมจึงใช้ชื่อว่า เจียวต้าย ไงล่ะ
ต่อจากนั้นผมก็เอาเรื่องขำขัน หรือเรื่องสั้นหรรษา มาเสนออีก ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ผมเขียนไว้นานแล้ว
และส่วนมากก็เป็นเรื่องที่เล่าสู่กันฟังในวงเหล้า
ผมก็เลือกเอาเรื่องที่ค่อนข้างสุภาพมาลงจนจะหมดเค้าแล้ว
คราวนี้ได้ผู้อ่านออกมาแสดงตัวมากมาย เรื่องที่มีผู้อ่านมากที่สุดมีถึงสิบแปดท่าน และถ้านับชื่อที่ไม่ซ้ำกันทั้งหมด มีถึงห้าสิบกว่าชื่อ
ซึ่งทำให้ผมมีความสุขมาก ที่ช่วยให้ผู้อ่านมีความสุขได้ด้วยเรื่องหรรษา
และดีใจที่ไม่มีผู้ใดต่อว่า ว่าเคยอ่านมาก่อนแล้วเลย
ความเมตตาที่ผมได้รับจากเพื่อนพ้องในถนนนี้มีมากมาย อย่างผมพิมพ์สระไม่ติด เว้นวรรคไม่ได้ สะกดการันต์ไม่ถูกต้อง ก็มีผู้แนะนำให้
เมื่อไม่มีความรู้ที่จะยกกระทู้เก่ามาเชื่อมโยงกับกระทู้ที่ต่อเนื่องกัน ก็มีผู้กรุณาลิ้งก์มาให้
ผมก็เก็บความขอบคุณนั้นไว้ในใจ ไม่เอาออกมาใช้พร่ำเพรื่อนัก หวังว่าท่านคงจะเข้าใจว่าผมรู้สึกซาบซึ้งเพียงใด
การเข้ามาเที่ยวในถนนนักเขียนนี้ ทำให้ผมได้เพื่อนที่พูดคุยกันผ่านคลื่นไฟฟ้าในอากาศ ไม่ได้พบเห็นตัวตนของกันและกันมากมาย หลายท่านได้ทราบว่าอยู่ต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่จันทบุรี สมุทรปราการ
ต่างประเทศก็มี เช่นเยอรมันนี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และ เบลเยี่ยม เป็นต้น
คุยไปคุยมาก็เจอเพื่อนบ้านใกล้ขนาดหมายเลขโทรศัพท์ เรียงกันก็มี
ส่วนเพื่อนที่ได้เห็นตัวตนนั้น มีเพียงนับด้วยนิ้วมือข้างเดียว
ผมได้รับความรู้ที่อยากรู้ คือการท่องเที่ยว ทัศนาจรไปในที่อันสวยงามต่าง ๆ ทั้งในประเทศและนอกประเทศ ได้ความรู้ในหลักการเขียน โคลง กลอน กาพย์ ฉันท์ ที่ถูกต้อง จากการได้อ่านข้อเขียนของเพื่อน
เว้นอยู่ประเภทเดียวคือนวนิยายเรื่องยาว ที่ผมไม่ได้อ่านในนิตยสารมานานมาก เนื่องจากไม่มีความขยันพอที่จะติดตาม เรื่องราวและตัวละครที่ต่อเนื่องกันไปเป็นแรมเดือนแรมปี เพราะความจำเสื่อมไปตามวัย จึงไม่ได้รับสุนทรียรสจากงานประเภทนี้
แต่ถ้าเป็นเรื่องสั้น ความเรียง หรือบทกวี ผมไม่เคยพลาด ถ้าถูกใจก็พูดคุยออกความเห็นไป ถ้าไม่ถูกใจก็เฉยเสีย ผมจึงจำชื่อนักเขียนได้หลายคน ที่เห็นแล้วต้องรีบเข้าไปอ่านก่อนเสมอ
ดังนั้นผมจึงมีหนังสือของนักเขียนในถนนนี้ ประดับกองหนังสือของผมเพิ่มขึ้นสองเล่ม
คือ ความรู้สึกดีที่เรียกว่ารัก ซึ่งเป็นเรื่องสั้นของถนนนี้ล้วน ๆ ถึงเก้าชื่อ
กับ สมิงบ้านไร่ ซึ่งมีแฟนในถนนฯ ติดตามอยู่มากมาย
เมื่อมีเวลาว่างมาก ผมจะแวะเวียนไปในห้องอื่น ๆ เพื่อดูว่าเขาคุยอะไรกันบ้างในห้องนั้น แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ถูกอัธยาศัยของผม นอกจาก ห้องจตุจักร ในมุมสัตว์เลี้ยงและต้นไม้ใบหญ้า กับห้องไกลบ้านเท่านั้น
เมื่อไม่นานมานี้ผมเข้าไปอ่านข้อเขียนในมุมของแมวและสุนัข ก็ได้ทราบว่าในมุมนี้ มีผู้เมตตาต่อสัตว์ทั้งสองประเภท ทั้งที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี และที่ซัดเซพเนจร เป็นสัตว์จรจัดที่จะต้องถูกกำจัดด้วย โดยมีผู้ช่วยเหลือรับเลี้ยงหรือพาสัตว์เจ็บป่วยไปส่งสถานพยาบาลสัตว์มากราย
บังเอิญที่บ้านผมมีแมวที่คลอดลูกทิ้งไว้สี่ตัว แล้วก็ไม่มาเลี้ยงดูตามหน้าที่แม่ ผมทนไม่ได้ก็ต้องรับเอามาเลี้ยง ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อนเลย นอกจากให้อาหารเม็ดแก่พวกแมวพเนจรหน้าบ้านเท่านั้น
เมื่อผมเอามาเขียนขอความช่วยเหลือลงในหน้าแมว ก็ได้รับคำแนะนำต่าง ๆ จากเพื่อนในมุมนั้นมากมาย บางคนออกปากให้นมผงสำหรับชงให้ลูกแมวกิน และอีกคนหนึ่งถึงกับส่งขวดนมมาให้ผมทางไปรษณีย์เลยทีเดียว
แต่ผมก็ไม่สามารถจะเลี้ยงลูกแมวให้รอดชีวิตได้ มันค่อยทยอยตายไปวันละตัวจนหมดทั้งสี่ตัว พอผมเอามาเล่าในมุมแมว ก็มีผู้คนสงสารเวทนามันและปลอบใจผมหลายคน
ผมไม่กล้าเดาว่าจะมีคนอ่านแล้วไม่ออกความเห็นอีกสักกี่คน
จากนั้นก็มีผู้ที่อยู่ในห้องนั้นรู้จักชื่อผม และตามมาอ่านเรื่องของผมในถนนนักเขียนบ้าง เมื่อถึงคราวที่มีการขอบริจาคเพื่อช่วยเหลือแมวหรือสุนัข ผมก็ยินดีบริจาคทันทีโดยไม่ต้องปรากฏชื่อหรือตอบขอบคุณแต่อย่างใด
คราวหนึ่งมีการประมูลของที่ระลึก จากต่างประเทศ เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือแมวจรจัด ผมไม่เข้าใจเรื่องการประมูล และพอใจที่จะช่วยเหลือตามความสามารถที่มีเท่านั้น จึงขอบริจาคไปและแจ้งความประสงค์ว่าจะทำบุญโดยไม่ขอรับสิ่งตอบแทน
เมื่อการประมูลสิ้นสุดลงแล้ว ผมก็ได้รับของที่ระลึก เป็นพวงกุญแจสัญลักษณ์ประเทศเบลเยี่ยม เป็นพิเศษ ซึ่งถูกใจผมเป็นอันมาก
และเธอผู้นั้นก็เป็นผู้อ่านข้อเขียนของผมเป็นประจำด้วย ผมอยากจะตอบแทนความมีน้ำใจของเธอบ้าง แต่ก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร
นอกจากจะจารึกชื่อซึ่งเป็นนามแฝงของเธอไว้ในความทรงจำเท่านั้น
ผมเขียนบันทึกนี้ขึ้นมา ก็ด้วยความระลึกถึง เพื่อนนักอ่านนักเขียน ที่มีน้ำใจต่อ เจียวต้าย ทุกท่าน
ผมจะจดจำความเมตตาที่ได้รับ ตลอดเวลาที่ผมเข้ามาเดินอยู่ในถนนนี้ไว้ อย่างมิรู้ลืม.
##########
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
15 ธ.ค. 48 06:14:57
]