ไม่แข่งยิ่งแพ้ 1
แพ้ เพราะไม่ลงแข่ง
เฮ้ย ไอ้นะ แอบมองเค้าอีกแล้วนะ เอ็ง แล้วทำไมไม่เข้าไปคุยวะ เอาแต่มอง เดี๋ยวก้อหมาคาบไปแดกหรอก ไอ้นี่
ครับเอาอีกแล้ว ไอ้นพ เพื่อนซี้ของผมมันแหกปากแบบนี้ เล่นเอาผมนายกฤษณะ หรือไอ้นะ ของมัน อายคนไปแทบจะทั้งคณะ แต่ถึงคนอื่นจะรู้หรือแซวขนาดไหน นางฟ้าของผม ไม่ยักกะได้ยินสักที ผมชอบเธอมาแต่ไหนแล้วล่ะครับ ตั้งแต่ เป็นน้องใหม่ของวิทยาลัยแห่งนี้ด้วย ผม และเธอ และอีกหลาย ๆคน ถูกจับให้รวมอยู่ในกลุ่มเดียวกัน อ่ะ หลายคนคงคิดว่าเธอ ขาว สวย หุ่นดี เป็นเจ้าหญิง เปล่าครับ นางฟ้าของผม ตัวเล็ก ๆ ครับ ไม่ขาวอีกต่างหาก เรียกว่ามองไม่เห็นความสวยครับ ส่วนผม หล่อครับหล่อ แต่เธอน่ารักครับ กล้าแสดงออก เสียงดัง ตัวนิดเดียวแต่เก่งฮะ
น้อง ๆ ครับ เดี๋ยวคืนนี้เราจะมีการแสดงของน้องใหม่ ก่อนที่จะคิดแผนการแสดง พี่ขออาสาสมัคร ขึ้นมาเพื่อเป็นนักแสดงก่อนครับ
สิ้นเสียงรุ่นพี่ พวกเราทั้ง 30 กว่าคน ตอนนี้ทั้งหมดเงียบกริบ ไม่มีใครส่งเสียง หรือแม้แต่สบตารุ่นพี่สักคน กลัวครับเรียกว่าเรากลัวที่จะต้องมาเป็นพระเอก นางเอกกัน ไม่รู้จะโดนแกล้งยังไง เนื่องจากกลุ่มของเราชุดนี้เป็นกลุ่มที่เหลือเลือกครับ เราไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนมากกว่า 2 คน ครับผมกับไอ้นพเพื่อนซี้อยู่กลุ่มนี้ด้วย กัน
พี่คะ หนูเล่นด้วยค่ะ
เสียงแหลม ๆ ดัง มาจากกลุ่ม ผู้หญิงด้านหน้า แล้วเธอก้อลุกขึ้นมา แน่นอนเรียกเสียงฮาได้จากพวกเรา ก้อเธอนั้น ตัวเล็ก เท่าเด็กประถม แถมใส่แว่นตาอีกต่างหาก เธอเดินออกไปหาพี่ที่ถือโทรโข่ง แล้วรอให้เราหัวเราะกันจนหยุด หัวเราะอะไรกันหรือ ความขี้ขลาด ตาขาวของพวกเธอหรือไง หน้าตา สวย ๆ หล่อ ๆ แต่หดหัวอยู่ในกระดอง ธุระไม่ใช่หรือไร ก้อในเมื่อพวกเธอมองว่าชั้นขี้เหร่ขนาดนี้ ถ้า กล้า ปล่อยให้ออกไปแสดง ก้อหมายความว่า กลุ่มนี้ หาไอ้ที่หน้าตาดีกว่านี้ไม่ได้ 55555 พูดเธอก้อหัวเราะออกมา ถูกของเธอครับ พวกเราที่หน้าตาดี ๆ ที่เหลือเริ่มทนไม่ได้ เราลุกขึ้นมาอาสาแสดง ละคร ของ กลุ่ม
ไอ้นะ ฮะ อะไรฟะ กรูถามมรึง ช่า เย็นนี้แอ เค้ามีแข่ง สุนทรพจน์ ที่โรบินสัน มรึงจะไปเชียร์ เค้าเปล่า
ไปสิไป
แหมที่อย่างนี้มรึงไม่ต้องคิดเลยนะ ทีกรูชนไปแดก เหล้า มรึงคิดแล้วคิดอีกนะ
ไม่ได้หรอก ไปให้กำลังใจเค้าหน่อย
โอ้ย ไปแอบมองเค้าสิไม่ว่า ทำไมว้า ปิ๊งเค้า ก้อไม่ยอมบอกเค้าไป มาแอบชอบแอบมองอยู่ได้ เห็นแล้วทุเรศลุกตาว่ะ
เรื่องของกรู แค่นี้กูรูมีความสุขแล้วนี่หว่า
เออ แล้วมานั่งช้ำใจเวลาเค้าควงคนอื่น
นี่แหละครับผมล่ะ ผมชอบเธอครับ ตกหลุมรักความปากเสีย และความกล้าแบบไม่กลัวตายของเธอ ก็คนหน้าตาดี อย่างผม นับวันสาวยิ่งเมินไปทุกที ๆ แต่คนที่ไม่ได้สะดุดตาใครอย่างเธอ นับวันยิ่งเป็นที่สนใจมากขึ้นทุกที ข่าวคราวการประกวดสุนทรพจน์ หรือโต้วาทีของเธอ เป็นที่สนใจใคร่รู้ของหนุ่ม ๆ ในวิทยาลัย ในรอบที่เธอขึ้นพูดคนดูจะแน่นขนัด ผมเองบ่อยครั้งก็ไม่เข้าใจนักว่าคำที่เธอพุดหมายความว่าอย่างไร แต่ผมหลงเสียงครับ หลงเสียงนาง เธอเสียงเพราะมาก
หวัดดีค่ะ การประกวดจบแล้ว คุณมารอเก็บเก้าอี้ คนดูเหรอคะ ถึงยังไม่กลับ
นี่ คุณ คุณ เธอ นาย นาย นาย
เสียงเธอดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเธอเอื้อมมือมาเขย่าตัวผม เปล่าครับ ผมได้ยินเธอมาตั้งแต่ครั้งแรกแล้วแต่ว่า ผมอึ้งมากกว่าไม่คิดว่าเธอจะสนใจผมขนาดที่เดินเข้ามาคุยกับผม หลังจากที่ผมเห็นเธอโบกมือลาหนุ่มช่างยนต์ เจ้าของช่อดอกไม้ และหนุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เจ้าของกล้องถ่ายรูปที่ขอถ่ายภาพเธอเสียมากมาย แล้วเธอก็ใจดี โพสต์ท่าให้เสียสวยเชียว แน่นอนผมอิจฉาครับ อิจฉาพวกเขาเหล่านั้นที่กล้าที่จะพูดคุยกับเธอ ซึ่งผม ไม่กล้า
เปล่าครับ ไม่ได้รอเค้ามาเก็บเก้าอี้ ผมตอบพลางมองเธอ สลับกับที่เขินอาย สายตาที่เธอมอง อ้อ วันนี้เธอไม่ได้ใส่แว่น จึงทำให้เธอขยับเข้ามาใกล้ ผมจนผมได้กลิ่นหอมจากเรือนกายของเธอ เธอขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
งั้นคุณมารอใครล่ะคะ ไม่มีใครอยู่แล้ว และแอ ก็กำลังจะกลับ แล้วด้วย
ผม ... พูดไม่ออกแฮะ
อ้าวคุณเลยติดอ่างเลย เธอแซวผมแบบยิ้ม แต่เห็นรอยยิ้มของเธอ หัวใจผมก็พองโตแล้วล่ะครับ
ผมรอส่งคุณ
ในที่สุด ก็หลุดคำนี้ออกไปจนได้ แล้วผมก็ต้องก้มหน้า หลบสายตาเธอ ซึ่งเธอเองก็คงอึ้งไปพักใหญ่ ก่อนที่จะ
ดีค่ะ แอ กำลังหาคนไปส่งพอดีเลย วันนี้ไม่ได้เอาแว่นตามา บอกตรง ๆ ว่าที่ยังไม่ได้ไปไหน เพราะแอ หาทางไปบันไดเลื่อนไม่ถูกค่ะ
เธอพูดด้วยน้ำเสียงยินดีทีเดียวเชียว หัวใจผมเกือบจะแล่นออกมาเต้นอยู่นอกอก ผมกำลังจะได้ไปส่งเธอที่บ้าน เอ๊ะ แล้วเธอจะให้ผมไปส่งถึงบ้านหรือเปล่านะ เอาเป็นว่า ถึงแม้ว่าเธอจะให้ผมส่งแค่ หน้าห้าง ผมก็ถือว่าผมได้ไปส่งเธออยู่ดี
โอเค ครับ งั้นแอ ตามผมมาเลย
ผมรับเอาแฟ้มเอกสารที่เธอถือไว้มาถือเสียเอง แล้วก็เดินนำหน้าเธอลงมา โดยเร็ว ด้วยกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ แต่สักพักเมื่อหันหลังกลับไป ผม ไม่พบเธอเสียแล้ว เธอหลอกผมหรือนี่ ทำไมผู้หญิงถึงได้ใจร้ายกับผู้ชายหน้าตาดีอย่างผมจังนะ ผมหมดแรงปล่อยให้แฟ้มในมือตกพื้นทันที เอกสารของเธอกระจัดกระจาย เมื่อก้มลงเก็บผมถึงได้สติ แฟ้มนี้ของเธอ ถ้าตั้งใจหลอกผม เธอคงไม่ทิ้งงานของเธอไว้ที่ผมแน่ ผมตัดสินใจย้อนกลับไปที่หน้าเวทีประกวด เธอนั่งอยู่ที่เก่าด้วยใบหน้าที่ดูเป็นกังวล เธอยังมองไม่เห็นผม แม้ว่าผมจะเดินไปจนใกล้เธอในระยะแค่ 10 ก้าว
แอ ทำไม....
ผมหยุดคำถามไว้ได้แค่นั้น เมื่อสบสายตาของเธอ ที่เอ่อไปด้วยรอยน้ำตา เธอกำลังร้องไห้
คุณกลับมารับชั้นหรือ เป็นไปได้หรือ
เธอ ถามผมด้วยน้ำเสียงที่บ่งชัดถึงความยินดี พร้อมๆ กับการเขย่าแขนผมแรง ๆ เท่าที่แรงของเธอมี ผม เช็ดน้ำตาให้เธอเบา
ทำไมล่ะ ก็ผมจะพาคุณกลับบ้านนี่นา ว่าแต่ทำไมคุณถึงไม่เดินตามผมไปล่ะ หือม
ชั้น ...เอ่อ มองไม่เห็นคุณน่ะ เธอตอบ ครั้งนี้เป็นผมเองที่แปลกใจ
ก็วันนี้ชั้นไม่ได้เอาแว่นตามานี่
เธอเฉลยแบบอาย ๆ ครั้งนี้คงเป็นครั้งแรกกระมังที่ผมเห็นเธออาย
คุณสายตาสั้นมากเลยหรือ ผมถามอย่างที่ไม่มีอะไรจะถามมากกว่า แต่เธอกลับเล่ามาอย่างคนที่ชินกับการพูด
สั้นมากนะ มากขนาดที่ว่าชี้นมองไม่เห็นคุณเมื่อกี้นี้ ตั้งแต่คุณเดินจากไป จนคุณกลับมายืนตรงนั้น หรือตรงนี้ หากคุณไม่พูดขึ้นมาเสียก่อน และ อีกอย่างนึง ซึ่งสำหรับชั้นมันน่าอายมากก็คือว่า ชั้นคิดว่าชั้นรู้ว่าคุณเป็นใคร แต่เวลานี้ชั้นก็เห็นหน้าคุณไม่ชัดและชั้นก็ขี้ขลาดเกินกว่าที่จะมาเดาว่าคุณเป็นใครชื่ออะไร เรียนคณะอะไร ภาคไหน และปีไหน รู้ด้วยสัญชาตญาณเท่านั้นว่าเป็นคนเดียวที่พาชั้นกลับบ้านได้ โดยสวัสดิภาพเท่านั้นเอง
เธอบอกแบบเขินๆ ว่าแต่ว่าคุณผู้อ่านคิดว่าผมควรจะดีใจไหมนี่เพราะเธอจำผมไม่ได้ นะครับ
คุณอย่านิ่งแบบนี้สิ ชั้นใจคอไม่ดีเลยนะ รู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้ เพื่อเป็นการไถ่โทษ ชั้นเลี้ยงข้าวคุณนะ มื้อนึง
ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เธอจะเลี้ยงข้าวผมไถ่โทษ ทั้งที่เธอเองไม่มีความผิด ถ้าจะผิดก็คงแค่ว่าเธอลืมหยิบแว่นตามาเท่านั้นเอง แต่ให้เธอเข้าใจแบบนี้ดีแล้วนะผมว่า เพราะผมจะได้กินฟรี อุบ ไม่ใช่ จะได้อยู่ใกล้เธอนาน ๆ ไง
แต่ว่าในเมื่อแอมองไม่เห็นเอาแบบนี้แล้วกัน เธอเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ ผมมองเธออย่างงง ๆ
ก้อเราจะได้ไม่หลงกันอีกไง ขืนเดินไปหลงไป ไม่ได้กลับบ้านเร็วแน่ ไปเถอะ แล้วเธอก็ลากผมเดินไป
ทางนี้ครับ แอไปผิดทางนะ ผมบอกพลางออกแรงฉุดเธอไว้ ซึ่งแค่ผมกระตุกมือเบา ตัวเล็ก ๆ ของเธอก็เซแล้วล่ะครับ
อ้าว เหรอ ว้าแย่เนอะ ก็มันไม่เห็นนี่ ฟังสิครับ อุทานไปกี่คำกันล่ะ แถมยังเอามือข้างที่ว่าง เกาศรีษะเสียอีก
อาหารมื้อบ่ายที่เธอสัญญาจะเลี้ยงผม เธอพาผมมาที่ร้านลูกชิ้นครับ จริง ๆ แล้วเธอแค่บอกชื่อร้านมากกว่า ส่วนที่เหลือนั้นผมจัดการพาเธอเดินมาเอง ร้านลูกชิ้นปิ้ง ด้านหลังห้าง มีลูกชิ้นสารพัดแบบสารพัดรสให้เลือกทาน ตบท้ายด้วยน้ำผลไม้ปั่น เธอเลือกน้ำมะนาวสำหรับตัวเอง เธอว่ามันทำให้น้ำเสียงของเธอดีครับ ส่วนผมทายสิครับเธอสั่งน้ำอะไรให้ผม น้ำสมหวังครับ ถ้าเรียกให้ถูกก็น้ำแห้วไง ครับ ผมชักไม่อยากเชื่อแล้วสิว่าเธอเองจำผมไม่ได้เอาเสียเลย เราคุยกันหลายเรื่อง ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องการแข่งขันของเธอมากว่า แล้วก็เรื่อง สายตาของเธอ ทำให้ผมรู้ว่าเธอสายตาสั้นมาก และเวลาที่ขึ้นเวทีทุกครั้งเธอต้องถอดแว่นออกเสียด้วย นี่คือข้อตกลงของเธอกับอาจารย์ที่ปรึกษา และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอลืมแว่นไว้ที่บ้าน เท่ากับว่า เป็นครั้งแรกที่เธอเลือกให้ใครสักคนไปส่งบ้านด้วยสัญชาตญาณ แต่การที่ผมต้องไปส่งเธอที่บ้านนั้น สิ่งหนึ่งที่ผมได้รู้ก้อคือว่า เธอไม่ปลื้มกับช่อดอกไม้ และตุ๊กตาที่ได้เป็นของกำนัลในการประกวดสักเท่าไร แต่เธอชอบมากกับ ลูกโป่งสวรรค์ครับ ทำไมน่ะหรือไม่บอกครับ เอาเป็นว่าเธอปลื้มกับมันมาก ๆ แล้วกัน
อุ๊ย ลูกโป่ง สวยจัง สียงเธออุทานออกมา ร่างเล็ก ๆ นั้นขยับหยิบกระเป๋าเงินแล้วทำท่าจะทยานออกไปจากโต๊ะ หากผมไม่จับมือเธอไว้เสียก่อน เนื่องจากเธอไม่ได้ดูเสียเลยว่าตรงพื้นที่เก้าอี้ของเธอวางอยู่นั้น ใกล้ ๆกันนั้นมันเป็นพื้นต่างระดับ อารามรีบร้อนแบบนั้นเดี๋ยวได้ลงไปจับกบกันพอดี แถมเธอยังหันมาตาเขียวใส่ผมเสียอีก
จะไปซื้อให้ ผมบอกเธอ
เอาสีฟ้านะ เธอกล่าวออกมา ผิดคาดครับผมคิดว่าเธอน่าจะต่อว่าที่ผมบังอาจไปจับมือเธอเสียอีก แถมแววตาก็ น่าสงสารจัง ยังครับยัง ปัญหายังไม่หมดแค่หญิงสาวตัวเล็ก แต่โตกว่า เด็ก 5 ขวบที่อยากได้ลูกแงแล้วได้มาถือในมือด้วยความดีใจนั้น สักพักก้อหน้าเศร้าลง อีก
ทำไมหรือ ก็ได้แล้วไง ลุกโป่งสีฟ้า ตรงตามที่สั่งแล้วนะ ผมรีบบอกเธอ
เปล่า ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก แต่จะเอากลับบ้านยังไง โตแล้วไม่ใช่เด็กนะ เธอพุดเขิน ๆ ผมหัวเราะในแทบจะทันทีครับ ถูกต้องโตแล้วไม่ใช่เด็ก แต่ไอ้กิริยาตอนที่เธอเห็นลูกโป่งนั้น ผมยังคิดว่าผมมาทานอาหารกับเด็ก 5 ขวบเสียด้วยซ้ำ
แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 48 17:24:10
จากคุณ :
alonywoman
- [
16 ธ.ค. 48 19:29:59
]