CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ~~ เพราะเรา(ต้อง)คู่กัน ~~ จบแล้วค่า

    (ต่อจากคราวที่แล้วค่ะ)

    เมื่อรอส่งเด็กๆกลับบ้านหมดแล้วจุฑามาศก็ตรงไปยังลานจอดรถเพื่อไปตามที่นัดกับนราธิปไว้  แต่เมื่อไปถึงรถคันเล็กของตนก็ต้องชะงักที่เห็นร่างสูงมารออยู่ก่อนแล้ว

    “ผมขอติดรถไปกับคุณเลยแล้วกัน  พอดีรถผมเสียก็เลยติดรถนายชามารอคุณที่โรงเรียนเลย”  นราธิปรีบบอกเหตุผล  แต่เขาไม่ได้บอกไปตามความจริงว่าที่มาเพราะอยากยืดเวลาอยู่กับเธอให้นานออกไปอีก  เพราะไม่รู้ว่าถ้าได้คุยเรื่องการแต่งงานกันแล้ว  ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะยังเหมือนเดิมมั้ย

    “ค่ะ  งั้นไปกันเลยแล้วกัน”  จุฑามาศเองก็ดีใจอยู่ไม่น้อย  แต่ก็เก็บอาการไว้อย่างมิดชิด

    ภายในร้านอาหารเล็กๆ  แต่บรรยากาศน่ารักดูอบอุ่นเป็นกันเอง  ตั้งแต่การบริการของเจ้าของร้านสองหนุ่มที่หน้าตายิ้มแย้มเป็นมิตรอยู่เสมอ  กับลูกจ้างสาวตัวเล็กที่พูดเก่งชนิดลิงหลับไปหลายตื่น  แล้วยังรวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นแต่ก็ดูน่ารักเหมือนเป็นมุมพักผ่อนของบ้าน  ที่มีเพียงโต๊ะกับเก้าอี้ไม้สีขาวต่อเองรูปแบบง่ายๆ  กับข้างฝาไม้ขัดที่แขวนไม้กระถางไว้เป็นระยะๆ  ทำเอาสองหนุ่มสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านพากันลืมเรื่องที่ตั้งใจจะมาคุยกันไปเสียสนิท

    “ร้านน่ารักจังค่ะ  แต่ไม่ค่อยเป็นที่สังเกตเท่าไหร่เลยนะคะ  ฉันขับรถผ่านมาแถวนี้ก็บ่อยแต่ไม่เคยเห็นเลย”  จุฑามาศเอ่ยชม

    “นอกจากร้านน่ารักแล้วเนี่ย  อาหารยังอร่อยมากด้วย”  นราธิปยิ้มดีใจที่เห็นว่าเธอถูกใจร้านที่เขาพามา  พอดีกับที่พนักงานสาวตัวเล็กเดินมาถามว่าจะรับอะไร

    “เหมือนเดิมแล้วกัน  2  ที่นะ”  นราธิปตอบซึ่งพนักงานสาวก็รับออร์เดอร์ด้วยความคุ้นเคย

    “นี่คุณไม่ถามฉันเลยเหรอ”  จุฑามาศแกล้งทำทีเป็นต่อว่า

    “ถึงไม่ถามแต่รับรองว่าคุณจะต้องชอบแน่ๆ”  นราธิปตอบพร้อมรอยยิ้มเย่อหยิ่งมั่นใจตามสไตล์นักธุรกิจไฟแรงอย่างเขา

    “มั่นใจขนาดนั้นเชียว”  จุฑามาศทำเสียงสบประมาท  

    “แน่น้อน  เพราะยิ่งได้รู้จักคุณผมก็ยิ่งมั่นใจในอะไรหลายๆอย่างมากขึ้น”  ไม่พูดเปล่าตาคมนั้นจ้องดวงหน้าสวยพราวระยับ  ทำเอาคนถูกมองเริ่มปั้นหน้าไม่ถูก  

    “คุณรู้สึกมั้ยว่าถึงเราจะดูต่างกันในหลายเรื่อง  แต่ก็มีอีกหลายเรื่องที่เราชอบเหมือนกัน”  นราธิปเริ่มรุก  ฝ่ายคนฟังนั้นทำได้เพียงนั่งเงียบๆ  สะกดความเขินของตัวเองเอาไว้

    “คุณเองทำให้ผมเกิดมุมมองใหม่ๆกับผู้หญิง  ปกติผู้หญิงสวยของผมก็ต้องสวยอย่างที่เห็นได้จะจะ”  ถึงตรงนี้คนที่นิ่งเงียบเริ่มฉุน  รู้สึกเหมือนถูกหลอกด่า  อ้าปากจะวีนใส่ก็พอดีกับที่พนักงานสาวร่างเล็กคนเดิมที่มาช่วยห้ามทัพ  พร้อมกับวางสลัดเห็ดหอมหน้าตาน่าทานกับน้ำพันซ์สีสดใสสองชุดไว้ตรงหน้า

    “น่าทานนะคะ”  จุฑามาศเห็นอาหารเข้าก็ลืมเรื่องที่จะวีนไปเสียสนิท  ทำเอาคนที่นั่งตรงข้ามได้แต่มองอาการเหล่านั้นอย่างเอ็นดู

    “แต่ว่าที่คุณมั่นใจนักหนาน่ะผิดถนัด  เพราะว่าฉันไม่ชอบทานสลัดค่ะ”  จุฑามาศมองหน้าคมพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน

    “ยังไม่ได้ทานเลยแล้วคุณจะมาตัดสินว่าไม่ชอบได้ไง  ผมไม่ยอมหรอกนะมันไม่ยุติธรรม”  นราธิปทำทีเป็นอ้อน

    ....  ดูเอาเถอะพ่อคุณ  มารยาใช่เล่นนะเนี่ย คงใช้กับสาวๆบ่อยล่ะสิ  ....

    “ทานก็ได้  แล้วถ้าฉันไม่ถูกใจอย่างที่คุณบอกล่ะ”  

    “ผมก็จะยอมรับความจริงนั้นแต่โดยดี  เหมือนเรื่องของเรา” เมื่อพูดออกไปแล้วเขาก็รู้ตัวทันทีว่าพลาดจริงๆที่พูดออกไปตอนนี้  เพราะได้เห็นสีหน้าคนตรงหน้าเปลี่ยนไปทันที

    “จริงสิ  เราตั้งใจมาคุยเรื่องนี้กันนี่  คุณมีอะไรก็พูดมาตามตรงได้เลยค่ะ”  จุฑามาศรู้สึกเหมือนกับว่าเวลาแห่งความสุขในฝันนั้นหมดลงแล้ว  ต้องมาพบกับความจริงที่หนีไม่ได้เสียที

    “คือ  ..  ผมก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง  อืม..”  นราธิปรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ  จะให้เริ่มยังไงล่ะ  ถามไปเลยว่าคุณชอบผมมั้ย  แล้วเรามาแต่งงานกันเถอะ  แต่มันก็ติดที่ว่าเธอจะคิดว่าเขาทำตามความต้องการของผู้ใหญ่  ....  ท่าทีอึกอักของคนตรงหน้าทำให้จุฑามาศเริ่มหวั่นใจ  ว่าสิ่งที่ตนคิดมาตลอดนั้นมันจะเป็นจริงรึเปล่า  รึว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะออกมาปฏิเสธว่าทำตามความต้องการของผู้ใหญ่ไม่ได้จริงๆ

    “คุณไม่เห็นด้วยกับการจับเราสองคนแต่งงานกันใช่มั้ย”  แล้วคำถามไคลแม็กซ์ที่นราธิปอยากเก็บเอาไว้เป็นคำถามสุดท้ายก็ดันถูกเธอถามขึ้นมาเป็นคำถามแรก

    “ก็จริงครับ  แต่ว่าผม ..”  เมื่อได้ยินคำยอมรับจากคนตรงหน้าจุฑามาศก็สรุปเอาเองทันทีว่าเรื่องทั้งหมดคงไม่เป็นอย่างที่เธอคิดไว้แล้ว

    “งั้นก็ดีค่ะ  เพราะว่าฉันก็ไม่เห็นด้วย  และคิดว่าคงไม่ยอมตกลงทำตามใจท่าน  เราสองคนก็โตแล้ว  มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง  ฉันเข้าใจคุณค่ะ  ก็เอาเป็นว่าเราไปบอกท่านกันตามตรงดีกว่านะคะ  ว่าเราสองคนคง .. ทำตามที่ท่านหวังไว้ไม่ได้ แล้วเราจะได้กลับไปใช้ชีวิตตามเดิมกันซะที”  จุฑามาศกลั้นใจอยู่เพียงครู่ก็พูดสรุปทุกสิ่งทุกอย่างเอาเองอย่างเป็นตุเป็นตะ  นราธิปได้ฟังแล้วก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วเรื่องราวจะออกมาในรูปแบบนี้

    “แล้ว .. ที่ผ่านมาล่ะ”  เขาเค้นเสียงให้ออกจากปากอย่างยากเย็น

    “ที่ผ่านมาเราสองคนก็คงฝืนใจกันมากพอแล้ว  ต่อไปคุณก็ไม่ต้องมาลำบากวุ่นวายเพราะฉันอีกไง  ฉันเองก็  ..  ก็คงจะสบายดีค่ะ”  จุฑามาศเองก็ต้องพยายามพูดกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเองอย่างยากเย็นเช่นกัน

    “สรุปว่าเราคงจบเรื่องทั้งหมดกันแค่นี้  ..  พรุ่งนี้ผมจะพาคุณแม่ไปบ้านคุณ  ท่านจะได้รับรู้ไปพร้อมกัน”  นราธิปกล่าวสรุปอย่างโมโหที่คนตรงหน้าไม่คิดจะฟังอะไรเขาบ้างเลย เอาแต่สรุปเอาเองทั้งหมด

    “ค่ะ”

    แล้วอาหารมื้อเย็นที่น่าจะสุดแสนโรแมนติคก็ต้องกลายเป็นสุดแสนกล้ำกลืนไป

    *****  *****  *****  *****  *****  *****  *****

    คุณครูสาวที่วันนี้กลับมาแต่งตัวตามปรกติ  เลิกทำตัวเป็นครูโบราณพันปีเดินออกไปต้อนรับสองหนุ่มนักธุรกิจกับมารดา  แล้วพาเข้ามายังห้องรับแขกเล็กๆของบ้าน

    “ว่ายังไงจ๊ะ  ตกลงว่ามีอะไรจะบอกแม่ล่ะ  รีบร้อนเร่งให้มาเร็วๆ  แล้วก็มานั่งมองหน้ากันเอง” คุณทรงสมรถามลูกชาย

    ....  นี่คงอยากมาคุยให้จบๆกันไปล่ะสิ  ที่แท้ก็คงเบื่อเต็มทนแล้ว  ....  จุฑามาศคิดน้อยใจมองหน้าหล่ออย่างเคืองๆ  คนถูกมองเห็นอาการนั้นก็งงกับท่าทีของคุณครูสาว  แต่ก็ไม่กล้าถามอะไร

    “นั่นสิ  ยัยจุ๊ก็เหมือนกันเห็นเดินวนไปวนมารอเค้าอยู่ตั้งแต่เช้าแล้ว  นี่ก็พร้อมหน้าแล้วมีอะไรก็ว่ามาสิ”  คุณจุฑารัตน์ถามลูกสาวบ้าง

    ....  ที่แท้ก็รออยากให้มาพูดคุยให้หมดเรื่องหมดราวไปนี่เอง  ....  นราธิปตีความเอาจากที่คุณจุฑารัตน์พูดแล้วก็มองหญิงสาวด้วยสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาบ้าง

    จุฑามณีผู้เป็นน้องสาวของจุฑามาศเห็นอาการของคนทั้งสองเข้าก็อดขำไม่ได้  ไม่รู้ว่าจะพ่อแง่แม่งอนกันไปถึงไหน  แต่เมื่อได้ยินประโยคที่ออกมาจากปากของพี่สาวและว่าที่พี่เขยก็ทำเอาเธออึ้งไปเพราะคาดไม่ถึง

    “เราสองคนจะไม่แต่งงานกัน”  อย่างกับนัดหมายไว้  เพราะว่านราธิปและจุฑามาศนั้นพูดออกมาเกือบจะพร้อมกัน

    “เราสองคนโตแล้วนะคะ  ไม่ชอบการบังคับหรอกค่ะ”

    “ใช่ครับ  เราต่างก็อยากได้เลือกและกำหนดชีวิตด้วยตัวเอง”

    “แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา  ที่พวกแม่ให้เวลาเราได้ศึกษากันน่ะ  ไม่ได้ชอบพอกันขึ้นมาบ้างเลยเหรอ”  คุณทรงสมรถามขึ้นมาบ้าง  ทำเอาคนทั้งสองต่างก็ไม่กล้าตอบ  ได้แต่มองหน้ากันเองสลับกับมองที่พื้น

    “ว่าไงล่ะ  เราสองคนไม่รู้สึกถูกใจกันขึ้นมาบ้างเลยเหรอ”  คุณจุฑารัตน์ถามบ้าง  เมื่อไม่มีคำตอบใดจากคนทั้งคู่  หญิงวัยกลางคนทั้งสองก็ลอบยิ้มให้กันก่อนลงตอบตกลงยกเลิกการแต่งงานทั้งหมด

    “จริงๆแล้วพวกแม่ก็ไม่ได้คิดจะบังคับหรอก  แค่อยากให้ได้ทำความรู้จักกันซะที  แล้วก็ให้มีเวลาได้เรียนรู้กัน  เห็นเราเอาแต่ควงสาวไม่ซ้ำหน้าก็อยากเห็นเราได้มีโอกาสรู้จักและศึกษาใครซักคนอย่างจริงจังซะบ้าง  ไม่ใช่เอาแต่ลอยไปลอยมา”  คุณทรงสมรกล่าว

    “แล้วเรื่องที่ว่าเตรียมงานกันไว้แล้วล่ะครับ”  นราธิปถามขึ้นมาอย่างงงๆ

    “ล้อเล่นจ้ะ  ไม่คิดว่าจะเชื่อกันเป็นตุเป็นตะนี่นา” คุณจุฑารัตน์ตอบยิ้มๆ

    “ใช่จ้ะ  เห็นตอนบอกว่าจะแนะนำให้รู้จักกับหนูจุ๊   ตาธิปก็เอาแต่บ่นว่าไม่ชอบโดนคลุมถุงชนแม่ก็นึกว่าพูดสนุกๆ  ก็เลยเล่นไปด้วย  แต่ว่าแม่ก็ชอบหนูมากนะหนูจุ๊”  คุณทรงสมรบอกกับนราธิป  ก่อนหันมาบอกจุฑามาศอย่างเสียดาย

    “ฉันก็เอ็นดูตาธิปเหมือนกัน  แต่ไม่เป็นไร  เอาไว้รอรุ่นหลานก็ได้  ฉันเชื่อว่ายังไงฉันกับเธอก็ต้องได้เป็นทองแผ่นเดียวกันแน่”  คุณจุฑารัตน์กล่าว  พร้อมกับชวนคุณทรงสมรออกไปดูผ้าที่เพิ่งซื้อมาใหม่อย่างไม่ได้ใส่ใจคนทั้งคู่นัก

    “เอ้อจา ..  พี่มีหนังสือใหม่เล่มนึง  คิดว่าจาน่าจะชอบ  ไม่แน่ใจว่าติดรถมารึเปล่า  ไปดูกันมั้ย”  นราธรจึงชวนจุฑามณีออกไปคุยกันข้างนอกบ้าง  เพื่อให้คนทั้งสองได้อยู่กันลำพัง  เผื่อว่าจะมีอะไรพูดกัน

    “ค่ะ”

    จากคุณ : กรุ่นกลิ่นแก้ว - [ 17 ธ.ค. 48 13:31:02 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป