CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เรือกับม้า

    เรือกับม้า

    เขาไม่ได้กินอะไรมาหนึ่งวันเต็มแล้ว แม้ว่าความหิวจะเข้ามารบกวนความรู้สึกของเขาอยู่เกือบตลอดเวลา  แต่ว่าก็ยังไม่มีสิ่งใดจะสามารถผ่านเข้าไปกระทบกับกระเพาะของเขาได้ ยังมีความรู้สึกบางอย่างที่มากกว่านั้น ที่เขาไม่สามารถที่จะยอมรับมันได้

    เขาอยู่กับเธอมาก็นานพอสมควร เขารักเธอมาก อาจจะมากกว่าญาติของเขาบางคนซะอีก (แต่ที่แน่ๆ มากกว่าพรรคการเมืองที่ออกนโยบายหลอกหลวงคนจน แน่นอน) แม้ว่าเขาจะไม่สามารถรู้ได้อย่างแน่ชัดว่า เธอรักเขารึเปล่า  แต่ก็มีบางอย่างทำให้เขารับรู้ได้ว่า เธอก็น่าจะรู้สึกดีกับเขาเช่นกัน การเอื้อนเอ่ยบางสิ่ง อาจไม่สำคัญเท่ากับ สิ่งที่สามารถรับรู้กันได้จริงๆ  

    เมื่อวานนี้ เธอเพิ่งจากเขาไป จากไปโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวกับเขาแม้แต่นิดเดียว แม้เขาจะพอรู้ว่า สักวันหนึ่งเขาและเธอต้องจากกัน แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่ามันจะมาถึงวันนั้น เร็วเช่นนี้  ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ ยังคงตราตรึงในใจเขา  เขายังไม่สามารถที่จะทำใจรับมันได้  การอยู่โดยขาดอะไรบางอย่างในชีวิตไป อาจเป็นเรื่องง่ายสำหรับใครบางคน แต่สำหรับเขาแล้วมันยากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดทั้งนั้น

    นี่ คือเรื่องราวระหว่าง “จ้อย” เด็กชายอายุ 12 ขวบ กับ “เจ้าลาย” แมวตัวโปรดของเขา

    จ้อยซึมเศร้ามาตั่งแต่เมื่อวานแล้ว ข้าวปลาไม่กิน พ่อและแม่ของเขา ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะ ไม่ว่ายังไงจ้อยก็ไม่ยอมกินข้าว  ได้แต่ขลุกตัวอยู่ในห้องของเขา  นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่ตลอดเวลา   ไม่รู้เหมือนกันว่านอกหน้าต่างมีอะไรที่ดึงดูดใจจ้อยได้  แต่นั้นก็ไม่สำคัญ เพราะยังไงจ้อยก็ยังคงยังไม่ลืมเรื่องเมื่อวานนี้

    ถึงเวลาหนึ่ง  จ้อยรู้สึกปวดฉี่  ทำให้จ้อยต้องยอมออกจากห้องของเขา เพื่อจะพาร่างที่ไร้วิญญาณ ไปปลดปล่อยทุกข์บางอย่างทิ้งไป  ห้องน้ำของบ้านจ้อย อยู่นอกตัวบ้าน ต้องเดินลงไปชั้นล่างและออกจากจากตัวบ้าน เพื่อที่จะเดินไปยังห้องน้ำ

    ระหว่างที่จ้อยจะเดินไปเข้าห้องน้ำ มีเสียงทักจ้อยดังขึ้น
    “เจ้าจ้อย   เป็นอะไรไปเหรอ  เห็นแม่แกบอกว่า แกไม่กินข้าวกินปลาเลย หมกตัวอยู่แต่ในห้อง”

    จ้อยได้รับรู้ว่ามีบางอย่างมากระทบแก้วหู  แต่จ้อยก็ไม่สามารถประมวลผลได้ว่า ใจความมันคืออะไร

    จ้อยยังคงเดินไปเข้าห้องน้ำโดยไม่สนใจเสียงนั้นเลย

    ระหว่างทางที่จ้อยจะเดินกลับจากห้องน้ำนั้น มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
    “เฮ้ย  เจ้าจ้อย  แกได้ยินที่ตาถามเมื่อกี้ไหม”  ชายวัยประมาณหกสิบนั่งอยู่บนแคร่  ตะโกนด้วยเสียงที่ดังมาก
    จ้อยเริ่มดึงสติกลับมาจากที่ๆแสนเศร้าโศก
    “อะไรนะครับตา”
    “ตาถามว่า แกเป็นอะไรไปวัน สองวันนี้”
    “เปล่านี่ครับ”  
    “ยังมาเปล่าอีก   แม่แกบอกตาว่า แกไม่ยอมกินข้าว ไม่ยอมออกจากห้องเลย   นี่นะ ที่แกบอกว่า เปล่า”
    “ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆครับตา” จ้อยยังไม่ยอมรับความจริง
    “เออ ถ้าเป็นงั้นจริงๆ ก็ดีล่ะ”
    “ผมขอตัวนะครับตา”   จ้อยรีบตัดบทลา
    “เออๆ”

    จ้อยหันหลัง เดินไปได้ประมาณ 5-6 ก้าว เสียงคุณตาก็ดังขึ้นอีกครั้ง

    “นี่ๆ  เจ้าจ้อย  มาเล่นหมากรุกกับตา ตาหนึ่งสิ”

    จ้อยหันหลังกลับมา  ทำหน้างงๆ

    “ผมไม่มีอารมณ์เล่นอ่ะครับวันนี้”
    “เอาน่า  มาเล่นเป็นเพื่อนข้าหน่อย ตาเดียวเอง”

    จ้อยนิ่งคิดอยู่สักครู่

    “ก็ได้ครับ ตา”

    จ้อยเดินไปนั่งบนแคร่  ทั้งคู่เริ่มที่จะจัดวางตัวหมากรุก และเริ่มเล่นทันทีเมื่อจัดเสร็จ

    ผ่านไปประมาณ 5 นาที

    “นี่เจ้าจ้อย  แกตั้งใจเล่นรึเปล่าวะเนี่ย” เสียงคุณตาไม่พอใจจ้อยมาก

    จ้อยก้มลงมองบนกระดาน เพิ่งรู้สึกตัวว่า ตัวเองได้เสียทั้งม้าและเรือไปอย่างละหนึ่งตัวแล้ว (แต่ละฝ่ายจะมี ม้าและเรือ อย่างละ 2 ตัว และในศาสตร์ของหมากรุกนั้น ม้าและเรือมีความสำคัญมากในการที่จะเผด็ดศึกคู่ต่อสู้) จ้อยรู้สึกแปลกใจมากว่าทำไมจ้อยถึงเสีย หมากสำคัญไปแล้วตั้งสองตัว  ทั้งๆที่จ้อยเป็นคนที่เล่นหมากรุกเก่งมาก ขนาดเป็นแชมป์ระดับจังหวัดเลย  

    นอกจากนี้ จ้อยเป็นคนที่เกลียดความพ่ายแพ้เข้าไส้เลย  จ้อยเริ่มตั้งสติ  เอาใจกลับมาเพ่งที่การแข่งหมากรุกอย่างเดียว

    ผ่านไปอีกประมาณ 20 นาที

    “รุกฆาต”
    เสียงจ้อยดังขึ้น

    คุณตาอมยิ้มเล็กๆ

    จากคุณ : ผีหน้าแดง - [ 21 ธ.ค. 48 21:09:28 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป