CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    มหัศจรรย์คันฉ่องวิเศษ ( ตอนที่ 3 ) ..... วรรณกรรมเยาวชน โดย ด๋ง

    3



             ณ ดินแดนอันกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องและท้องฟ้าสีครามอร่ามตา
             หมู่นกสีขาวโพลนบินร่อนไปเป็นฝูง ผ่านเสาสูง 2 เสา ซึ่งมีสายเคเบิ้ลระโยงระยางลงมาหลายเส้นเพื่อยึดพื้นคอนกรีตเบื้องล่างเอาไว้
             สถานที่แห่งนี้คือสะพานพระราม 9 สะพานเสาขึงเคเบิ้ลระนาบเดี่ยว ที่ทอดข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาอันกว้างใหญ่ ซึ่งบนพื้นสะพานในขณะนี้กลับไม่มียวดยานพาหนะใดๆ แล่นอยู่เลย นั่นแสดงให้เห็นว่าเวลาดังกล่าวนี้ เป็นช่วงที่สะพานยังไม่เปิดใช้งาน
             ทันใดกันนั้นเอง...
             ท้องฟ้าเหนือสะพานพระราม 9 พลันบังเกิดประกายแสงสีทองอร่ามตา ก่อนที่ข้าวของโบราณจำนวนมหาศาลซึ่งถูกดูดออกจากห้องมหาสมบัติของพิพิธภัณฑ์นั้นจะร่วงหล่นลงมาไม่ขาดสาย และค่อยๆกองเรียงรายอยู่บนพื้นสะพานอย่างนุ่มนวลจนเต็มไปหมด
             ร่างของดล สุกิจ จ้อย และอุ้ม ก็ร่วงหล่นลงมาพร้อมกับบรรดาข้าวของโบราณเหล่านั้นด้วย
             อุ้มเริ่มฟื้นขึ้นในไม่ช้า และพบว่าตัวเองนอนซุกตัวอยู่ในกองข้าวของโบราณมากมาย
             " ดล สุกิจ จ้อย อยู่ไหนกันน่ะ "
             อุ้มลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนร้องไปพลางควานหาร่างของเพื่อนๆ
             " โอ๊ย ! อะไรตำก้นฉัน "
             เสียงจ้อยร้องขึ้นจากมุมหนึ่ง ซึ่งอุ้มก็รีบหันไปมองยังจุดนั้น
             " จ้อย... จ้อยอยู่ไหนน่ะ "
             อุ้มรีบย่ำเท้าไปหายังต้นเสียง พลางคุ้ยเขี่ยตามสิ่งของอยู่นาน จนในที่สุด จ้อยก็โผล่ขึ้นมา
             " อุ้ม... ฉันอยู่นี่ "
             จ้อยกล่าว ในขณะที่ดลก็โผล่ขึ้นในอีกจุดหนึ่ง ซึ่งอยู่ไกลออกไปพอสมควร สุกิจก็เช่นกัน ทั้งสามคนต่างประหลาดใจในสถานที่ที่ตนอยู่
             " ที่ไหนกันเนี่ย... ดูคุ้นๆ "
             จ้อยสงสัย
             " สะพานพระราม 9 ไงล่ะ "
             ดลตอบ
             " จริงด้วยสิ "
             จ้อยกล่าวจบ สุกิจก็พูดประโยคหนึ่งที่ทำให้เพื่อนๆ ฉงน
             " มีคนพาพวกเรามาที่นี่ "
             กล่าวจบ ทุกคนก็หันมามองสุกิจเป็นจุดเดียว
             " หมายความว่าไงน่ะ สุกิจ "
             อุ้มถาม
             " รู้สึกเหมือนกับว่ามีคนจงใจจะพาพวกเรามาที่นี่ "
             " เพื่ออะไรเหรอ "
             จ้อยสงสัย
             " มันจะเกี่ยวกับคันฉ่องที่เราทำแตกหรือเปล่านะ "
             ดลถาม ซึ่งทุกคนก็หันมามองเขาเช่นกัน
             " คันฉ่องเหรอ ? "
             อุ้มพูดขึ้น
             " แล้วทำไมถึงต้อง... "
             จ้อยยังกล่าวไม่ทันจบ เสียงชายผู้หนึ่งก็กล่าวขึ้นจากด้านบน
             " ถูกต้องแล้ว "
             มัคคุเทศก์ของพิพิธภัณฑ์ผู้เป็นเจ้าของเสียงนั้นได้ปรากฏกายลอยละล่องอยู่บนท้องฟ้าอย่างน่าอัศจรรย์ จนเหล่านักเรียนทั้งสามต่างพากันตะลึงงันในสิ่งที่เห็น
             " อ๊ะ...! คุณ... คุณเหาะได้ "
             " ฉันยังทำอะไรได้มากกว่าที่พวกเธอคิด "
             มัคคุเทศก์กล่าวจบก็ร่อนตัวลงมายืนอยู่บนโต๊ะโบราณตัวหนึ่ง พลางหันหน้าออกไปยังทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยาอันกว้างใหญ่ สายลมกระพือพัดเรือนผมของเขาจนปลิวไสว
             " พวกเธอรู้หรือไม่ว่าทีนี่คือที่ใด "
             เขาถาม
             " ก็สะพานพระราม 9 ไงล่ะ "
             จ้อยตอบ
             " ถูกต้อง... แล้วรู้หรือไม่ว่าเป็นเมื่อใด ? "
             " ใครจะไปรู้ล่ะ "
             ดลกล่าว
             " ถ้าไม่รู้ ฉันก็จะบอกให้ว่า ถ้าเป็นในโลกปัจจุบัน บนพื้นถนนที่พวกเธอกำลังยืนอยู่นี้จะเต็มไปด้วยยวดยานนานาชนิด แต่นี่ไม่มีรถคันไหนวิ่งอยู่เลย เพราะมันไม่ใช่โลกปัจจุบัน แต่เป็นโลกอดีตกาล "
             " อดีตกาล !! "
             " ใช่... อดีตกาล เมื่อครั้งที่สะพานแห่งนี้ยังไม่เปิดใช้งาน และที่ฉันพาพวกเธอมายังโลกอดีตกาลนี้ก็เพื่อให้พวกเธอได้รู้ว่าฉันมีพลังอำนาจพอที่จะนำพาพวกเธอไปยังโลกไหนและเวลาใดก็ได้ "
             " เพื่ออะไรคะ "
             อุ้มถารมขึ้นด้วยความฉงน
             " เพราะฉันกำลังจะพาพวกเธอไปชดใช้กรรมในอดีต "
             มักคคุเทศก์คนนั้นกล่าวจบ ทั้งสี่คนกล่าวขึ้นพร้อมกันว่า
             " ชดใช้กรรม !! "
             " ถูกต้อง "
             " พวกเราทำกรรมอะไรไว้กับคุณ "
             สุกิจกล่าวขึ้นด้วยทีท่าสงสัย ซึ่งมัคคุเกทศก์คนนนั้นก็ตอบว่า
             " เมื่อชาติก่อน พวกเธอเป็นปีศาจออกอาละวาดช่วงชิงคันฉ่องวิเศษไปจากฉัน ฉันสู้อุตส่าห์ฝึกฝนพลังวิชาจนมีอำนาจวิเศษสามารถเดินทางข้ามภพข้ามชาติได้ และรอคอยเพื่อหาโอกาสจะแก้แค้น รอคอยมาจนถึงชาตินี้ บัดนี้เป็นโอกาสเหมาะของฉันแล้ว ที่จริงฉันต้องการเพียงแค่จะดึงตัวพวกเธอกลับไปในอดีตกาล เพื่อให้พวกเธอได้เห็นถึงความเดือดร้อนวุ่นวายที่พวกเธอได้เคยกระทำเอาไว้ แล้วก็จะปล่อยตัวพวกเธอกลับมายังโลกปัจจุบัน แต่... "
             " แต่อะไร...? "
             ดลถามขึ้น ซึ่งมัคคุเทศก์คนนั้นก็กล่าวว่า
             " แต่พวกเธอกลับมาทำคันฉ่องวิเศษของฉันแตกละเอียดจนหมดสิ้น ฉันจะต้องลงโทษพวกเธอให้สาสมกับสิ่งที่พวกเธอได้กระทำลงไป พวกเธอจะต้องอยู่ในโลกอดีตไปตลอดกาลปาวสาน... "
             มัคคุเทศก์ตะโกนลั่น พลางพุ่งมือขวาขึ้นเหนือศีรษะในทันใด จนท้องฟ้าเบื้องบนนั้นปั่นป่วนเป็นเกลียวพายุอย่างน่ากลัว ก่อนจะเปิดกว้างออกเป็นช่องโหว่ ตามด้วยกระแสลมอันมหาศาลที่ดึงดูดร่างดล สุกิจ จ้อย และอุ้ม ให้ลอยละลิ่วขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
             ร่างนักเรียนทั้งสี่คนหายเข้าไปในท้องฟ้าที่เปิดออกเป็นช่องนั้น ซึ่งครู่หนึ่ง ท้องฟ้าอันปั่นป่วนก็ค่อยๆสงบลงแล้วประสานกันสนิทดังเดิม
             ดล สุกิจ จ้อย และอุ้ม พุ่งตัวไปตามอุโมงค์แห่งกาลเวลา ซึ่งอุโมงค์นี้มีสีดำสนิท แต่มีแผ่นวงกลมเป็นรูปหน้าปัดนาฬิกาที่บิดๆเบี้ยวๆ ลอยอยู่เต็มไปหมด
             " อุ๊ย ! สุกิจ ดูสิ เหมือนในหนังการ์ตูนเรื่องโดเรมอนเลยล่ะ "
             อุ้มกล่าวขึ้นด้วยความสนุกสนาน
             " ยังจะมาพูดเล่นอีก แล้วคราวนี้เราจะกลับบ้านกันอย่างไรล่ะ "
             สุกิจว่า
             " แหม... โมโหง่ายจริง พ่อหนุ่มเลือดร้อน "
             จ้อยยิ้มเยาะ
             " ที่อุ้มพูดก็ถูกอยู่นะ สุกิจ พวกเรากำลังเดินทางอยู่ในอุโมงค์แห่งกาลเวลาแน่ๆเลย "
             ดลกล่าว
             " แล้วอย่างนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าจะไปที่ไหน "
             จ้อยสงสัยขึ้นมา
             " ถ้าพวกเราไปหยุดอยู่ใต้หน้าปัดนาฬิกาอันไหน ก็คงเป็นที่นั่นแหละ ที่พวกเราจะต้องออกไป "
             ดลอธิบาย เพราะตนเองก็ชอบดูหนังการ์ตูนโดเรมอนเหมือนกัน
             ทันใด...
             หน้าปัดนาฬิกาสีขาวซึ่งบ่งบอกเวลา 12.00 น. ก็เปิดออก แลเห็นเป็นท้องฟ้ากว้าง จากนั้นนักเรียนทั้งสี่คนก็ถูกดูดออกไปยังช่องหน้าปัดนาฬิกานั้น

    - - - - - - - - -

             บนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่....
             ฉับพลัน...
             บังเกิดช่องโหว่เป็นวงกลมบนท้องฟ้า ก่อนที่ร่างของดล สุกิจ จ้อย และอุ้ม จะหลุดออกมาจากช่องนั้น แล้วร่อนกายลงสู่พื้นเบื้องล่างอย่างช้าๆ และนุ่มนวล จนกระทั่งเท้าของทั้งสี่คนนั้นเหยียบลงบนลานกว้างหน้าวิหารแบบโรมันหลังใหญ่ ซึ่งวิหารแห่งนี้ทำด้วยหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์
             " ดูนั่นสิ "
             ดลชี้ไปยังวิหารแห่งนั้น


    ( จบตอนที่ 3 โปรดติดตามต่อตอนที่ 4 )

    แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 48 13:20:52

    จากคุณ : misterpolice - [ 25 ธ.ค. 48 13:17:55 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป