เรื่องมันเริ่มขึ้นจากบทสนทนาเล็กๆในวงเหล้าของหนุ่มๆหลังเลิกงานวันศุกร์แล้วมีใครสักคนหนึ่งถามคำถามขึ้นมาว่า มีใครในนี้กลัวเมียบ้าง
ผมเลือกที่จะไม่ตอบคำถามนั้น เพราะชีวิตนี้มีแต่แฟนไม่เคยมีเมีย แต่เดี๋ยวนี้ความแตกต่างระหว่างคำว่าเมียกับแฟนก็น้อยลงทุกทีแล้ว ดูจากใครหลายๆคนก็มักแนะนำเมียตัวเองกับคนอื่นว่า นี่แฟนผม
กำลังคิดอะไรอยู่เพลินๆก็มีเสียงเรียกชื่อผมและทุกคนในวงเหล้าหันมามอง นั่นเองผมถึงเพิ่งรู้ว่าสมาชิกในวงเหล้ากำลังฟังคำตอบของแต่ละคนจนเวียนมาถึงผมแล้ว
ว่าไงสุทธิ กลัวเมียรึเปล่า
ไม่กลัว เพราะไม่มี ผมยักคิ้วกระดกแก้วเหล้าเข้าปากและฮัมเพลง Its now or never ของเอลวิสคลอไปตามที่ผับเปิดให้ฟังเหมือนไม่สนใจกับคำถามอันนั้น
อะไร แล้วรูปคู่ที่ติดไว้ที่โต๊ะทำงานล่ะ
นั่นแฟน ไม่ใช่เมีย ยังไม่แต่งงาน
ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ละว้า เดี๋ยวก็แต่ง ตกลงแกกลัวเมีย เอ๊ย แฟนไหมล่ะ
ผมวางแก้วเหล้าลงกับโต๊ะแล้วถอนหายใจอย่างลืมตัว มันคืออาการลืมตัวจริงๆ เพราะหลังจากนั้นเพื่อนๆที่เดาท่าทีของผมออกก็พากันตบโต๊ะหัวเราะลั่น บอกต่อๆกันไปว่าสุทธิกลัวแฟน ผมหัวเราะแห้งๆแล้วผสมเหล้าเข้มข้นเทเข้าปากอึกๆๆ ไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้เลย
อลิสา.....แฟนของผม เธอดุจริงๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นผมต้องรีบตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าทั้งๆที่เป็นวันเสาร์ อลิสาจองตัวผมแบบนี้ทุกอาทิตย์ ก็ทั้งสัปดาห์ที่มีแต่งาน งาน และงานกันทั้งคู่ โอกาสที่จะได้เจอกันตามประสาคนรักที่ยังไม่แต่งงานก็มีเพียงวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผมผ่านวันเสาร์อาทิตย์ไปกับการเดินตามเธอในศูนย์การค้าจนค่ำจนมืดทั้งสองวัน แม้แต่เช้าวันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ผมรีบอาบน้ำแต่งตัว กินอาหารเช้า เช็คความพร้อมของรถยนต์ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างพร้อมก็พอดีแปดโมง หน้าที่ต่อไปของผมน่ะเหรอ.....โทรศัพท์ไปปลุกแม่ตัวดีที่กำลังหลับสบายอยู่น่ะสิ
รีบๆมานะ อย่าให้รอนานล่ะ น้ำเสียงงัวเงียทว่ายังแฝงความดุแว่วมาจากปลายสายทำให้ผมต้องรีบขับรถออกจากบ้านมา โชคดีที่การจราจรเช้าวันเสาร์ปลอดโปร่งทุกสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาผมก็มาถึงบ้านของเธอได้ ในขณะที่วันธรรมดาอาจใช้เวลาถึงชั่วโมงเศษๆ ผลของการรีบมาตามที่เธอกำชับทำให้ผมมาพบกับเธอในสภาพเพิ่งใส่ชุดคลุมมิดชิดออกจากห้องน้ำ
พี่ธินั่งดูทีวีตรงนั้นก่อนนะคะ สายังไม่ได้ลงครีมนวดผมเลย
ผมเปิดทีวีแล้วนั่งดูกับโซฟาอย่างว่าง่าย ปล่อยให้เธอกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง ได้ยินเสียงน้ำกระทบอ่างอาบน้ำเป็นระยะแต่ไม่นานก็ถูกกลบด้วยเสียงการ์ตูนโดเรมอนในทีวี ผมนั่งดู เอนหลังดู ไปๆมาๆก็แทบจะเปลี่ยนท่าเป็นนอนดูทีวี ยกนาฬิกาขึ้นดูก็เก้าโมงกว่าแล้ว อลิสายังไม่ออกจากห้องน้ำเลย โดเรมอนในทีวีฉายจนครบสามตอน ผมลองเปลี่ยนช่องดูบ้าง มีทั้งสารคดีสัตว์โลกแอฟริกา ข่าวสุดสัปดาห์ นักการเมืองเหมาเวลาพูดออกอากาศ ดูทั้งหมดจนเบื่อเต็มทีอลิสาถึงเพิ่งจะออกจากห้องน้ำ ผมเปียกสยายเต็มแผ่นหลัง
พี่ธิเบื่อรึยัง เดี๋ยวสาก็เสร็จแล้วนะ รอหน่อย เธอว่าแล้วก็หายขึ้นไปชั้นบน
ผมเลิกคิ้วถอนหายใจมองตามหลังเธอไป กดรีโมททีวีไปมาสักพักก็ลุกไปปิดสวิตช์ เดินออกไปนั่งเล่นที่สวนหน้าบ้าน แดดยามสายเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศในหมู่บ้านเงียบเหงาชวนนอนจนผมอ้าปากหาว แต่รู้กับตัวดีว่าวันนี้คงไม่ได้นอนกลางวัน ผมไม่มีสิทธินั้นเมื่ออยู่กับอลิสา ผมต้องพร้อมเสมอที่จะพาเธอไปทุกที่ที่เธอต้องการ ทำทุกอย่างที่เธออยากให้ทำ ไม่มีคำว่าไม่ถ้าเธอเอ่ยปากขอในเรื่องใดๆก็ตาม ยกนาฬิกาขึ้นมองตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงสี่สิบนาทีแล้ว
เดินกลับเข้ามาเอนหลังรอที่โซฟาอีกครั้ง แว่วเสียงเดินตึกตักและเสียงเปิดปิดลิ้นชักอยู่ข้างบน พยายามเงี่ยหูฟังว่ามีวี่แววจะลงมาได้หรือยังแต่ก็ไม่มีวี่แววอันนั้นสักที ผมยังต้องนั่งหาวหวอดๆอยู่อย่างนั้นจนสิบโมงกว่าจึงมีเสียงเดินลงบันไดมา อลิสาแต่งตัวเสร็จแล้ว ผมขยับตัวลุกขึ้นจะเดินไปที่รถ
เดี๋ยวสิพี่ธิ จะรีบไปไหนล่ะ
อ้าว ก็แต่งตัวเสร็จก็ไปเที่ยวกันได้แล้วนี่
ยังไม่เสร็จ สายังไม่ได้แต่งหน้าเลย
ผมเบ้ปากทิ้งตัวลงบนโซฟาอีกครั้ง เห็นเธอเดินไปที่กระจกเงาหน้าห้องน้ำแล้วเปิดกระเป๋าถือออก หยิบกระปุกครีมบำรุงผิวมาละเลงบนใบหน้า จากนั้นก็เป็นกระปุกครีมกันแดด เสร็จจากพวกครีมก็เป็นแป้งรองพื้น บรัชออนแก้มสีชมพู ปัดอายเชโดว์สีน้ำทะเลบนเปลือกตา ใช้เครื่องมือดัดขนตาจนงอนแล้วก็ใช้มาสคาร่าปัดซ้ำ นึกว่าจะเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ปรากฏว่าเจ้าหล่อนหยิบลิปสติกขึ้นมาอีกสามแท่ง มีลิปมัน ลิปสี ตบท้ายด้วยลิปกรอสเพื่อความแวววาวของปาก ผมดูจนแน่ใจว่าเธอน่าจะหมดกระบวนการเสริมความงามแล้วก็ลุกจะเดินไปหน้าบ้าน แต่เสียงของอลิสาก็ดักผมไว้อีกครั้ง พี่ธิ สายังไม่เสร็จนะ รอหน่อยสิ
อะไรอีกล่ะ ก็แต่งจนทั่วหน้าแล้วนี่
หน้าน่ะทั่วแล้ว แต่สายังไม่ได้ฉีดน้ำหอมกับทาซันบล็อกที่แขนเลยนะ
พี่ไม่เห็นมีอะไรมากแบบนี้เลย อาบน้ำทาลูกกลิ้งที่รักแร้ก็ไปเที่ยวได้แล้ว
ก็พี่ธิเป็นผู้ชายนี่ สาเป็นผู้หญิงก็ต้องดูแลตัวเองสิ นั่งรอตรงนั้นแหละ แป๊บเดียวบ่นซะแล้ว เธอตัดบท
ผมดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง เมื่อเห็นเวลาเกือบสิบเอ็ดโมงแล้วก็หลับตาอ่อนใจ นี่ผมจะต้องรีบตื่นมาที่นี่ทำไมนะ แต่คำตอบก็คงมีคำตอบเดียว อลิสาชอบให้ผมเป็นคนปลุกและต้องการจะเห็นผมมาที่บ้านของเธอให้เร็วที่สุดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แน่นอนที่ผมไม่มีสิทธิปฏิเสธ มาถึงตอนนี้ก็จำได้ว่าถึงเธอจะทาครีมพอกไปทั้งตัวจนเสร็จแล้วก็ยังออกจากบ้านกันไม่ได้ อลิสาเดินไปเปิดตู้รองเท้าสองตู้หน้าบ้าน เลือกรองเท้าออกมาดูทีละคู่ว่าคู่ไหนจะเหมาะกับชุดที่เธอใส่ กำลังจะโล่งใจเมื่อเห็นเธอใส่รองเท้าเดินมาหาแล้วหัวใจของผมก็ต้องพลันเหี่ยวลงอีกเมื่อแฟนสาวถอดรองเท้าหันหลังกลับวิ่งขึ้นไปชั้นบน......เธอลืมใส่ตุ้มหู
แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 48 23:42:28
จากคุณ :
ธามาดา
- [
25 ธ.ค. 48 22:40:28
]