เธอนั่งอยู่ในเทอเรซของเกสต์เฮาส์ได้พักใหญ่แล้ว
ข้างหน้ามีแก้วกาแฟที่พร่องไปครึ่งแก้ว ซองยาเส้นและซองกระดาษสำหรับม้วนยาวางอยู่เคียงข้าง
สายตาที่ทอดไปเบื้องหน้าวางอยู่ที่ร่างคุ้มค่อมของหญิงชราคนหนึ่งที่ก้มๆเงยๆอยู่หน้าตลาดตรงข้ามเกสต์เฮาส์
อีกสิบนาที เธอจะออกไปจากที่นี่
เริ่มสายแล้วนักท่องเที่ยวคนอื่นๆเริ่มตื่นและออกมาจับจองที่นั่งจิบกาแฟมากขึ้น
เธอหยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งแผ่น เรียงยาเส้นลงไปก่อนจะม้วนแล้วเลียปิดตามความเคยชิน
สายตาฉงนฉงายเล็กน้อยยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างก้มๆเงยๆคุ้มค่อมอยู่อย่างเดิม
ผุ้คนเริ่มหนาตามากขึ้น ทั้งในเทอเรซ ในตลาด และบนถนน
เธอหยิบกระเป๋า...วางเงินค่ากาแฟไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่รีบร้อน
เย็นนี้ เมื่อหล่อนกลับมา หญิงชราจะยังคงอยู่ที่เดิม
เธอเลี้ยวซ้าย ออกไปท่าน้ำใกล้ๆที่พัก
ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ การจราจรที่ติดขัดมลภาวะและอากาศร้อนอบอ้าวหนักอึ้งนั้น ร่างกายเธอรับความแตกต่างได้ไม่มากนัก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาที่นี่ ครั้งที่สี่แล้วสินะ
เรือด่วนเจ้าพระยาเทียบท่า...วันนี้เธอจะไปลงที่ท่าไหน เดินเล่นในย่านไหนดี
ละอองน้ำที่กระเด็นเป็นฟองฝอยช่วยโชลมให้เธอเย็นฉ่ำขึ้น
การเดินทางว่องไว ไม่เสียเวลาบนท้องถนนหุ้มสารตะกั่ว และเสียเวลาทุ่มเถียงราคาขูดรีดของตุ๊กๆไทยแลนด์
ในเก๋งเรือ...นักเรียน คนทำงานหนุ่มสาว คุณตาคุณยายแก่ๆนั่งอุ้มลุกหลานไว้บนตัก อ้อ....สามเณรอีกสามสี่รูปด้วย
ต่างคนต่างมองออกไปด้านนอก....
มองสายน้ำสีน้ำตาลที่รินไหลเอื่อยๆ
วั้นนั้น เธอตัดสินใจลงที่ท่าน้ำแห่งหนึ่ง ตามแผนที่มันอยู่ทางใต้สุดของบางกอก
ถนนทั้งสาย เต็มไปด้วยคนขายดอกไม้ แม่ค้าดอกไม้สาวบ้าง แก่บ้างนั่งร้อยดอกไม้มือเป็นระวิง
ปากก็คุยกันตะโกนข้ามฝั่งกัน ผู้คนสัญจรขวักไขว่
ถนนสายดอกไม้....ที่นี่ เธอยังไม่เคยมา
เธอหยุดมองดูแม่ค้าคนหนึ่งร้อยดอกไม้ หล่อนเปล่งเสียงออกมาพร้อมทีท่ากวักมือเชื้อเชิญ
เธอไม่เข้าใจหรอก...แต่นึกรู้ว่าหล่อนคงชวนเธอให้ลองทำตาม
เธอลงนั่งริมถนนกับแม่ค้า หล่อนยัดเยียดเข็มยาวๆและถุงที่ใส่กลีบกุหลาบและดอกมะลิให้ อ้อ มีดอกสีเหลืองๆที่เธอไม่รู้จักชื่อด้วย
แม่ค้าบอกให้เธอลองทำตาม เสียบดอกไม้ สับหว่าง สับหว่าง ก่อนจะหยุดมองเธอทำแล้วหันไปหัวเราะคิกคักกับเพื่อนแม่ค้าด้วยกัน
เธอเสียบดอกนั้น ดอกนี้...ตั้งใจจดกับเข็มร้อยดอกไม้ในมือ...
เสียงหัวเราะของแม่ค้าและเพื่อนแม่ค้าจางหายไป หล่อนยิ้มให้เธอ...แล้วสอนร้อยดอกไม้ต่ออย่างชอบใจ
เธอนั่งอยู่ในตลาดดอกไม้ได้พักใหญ่...ได้มาลัยมาหนึ่งพวง
เธอตัดสินใจออกเดินต่อ แม่ค้าดอกไม้ยกดอกไม้สดให้เธอถุงหนึ่ง พร้อมเข็มและด้าย
พวกหล่อนยิ้มให้เธอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะลงมือร้อยดอกไม้ต่อ
เธอออกเดินทาง พร้อมถุงดอกไม้พะรุงพะรังเต็มมือ
เดินเข้าเดินออกอีกทั้งบ่ายตามย่านต่างๆ
เลาะลงตามท่าน้ำแล้วท่าน้ำเล่า พร้อมมาลัยในมืออีกหนึ่งพวง
บ่ายคล้อยแล้ว...เธอเดินกลับมาจากท่าน้ำยังที่พัก
นักเรียนในเครื่องแบบเดินผ่านไปมาหลายกลุ่ม คงถึงเวลาเลิกเรียน
นั่น...
หญิงชราคนเดิมยังก้มๆเงยๆอยู่หน้าตลาด
เหมือนเมื่อเช้า...เหมือนทุกเช้าและทุกเย็นที่เธอเห็นเมื่อ กรกฎาคมปีที่แล้ว และเมื่อปีก่อนหน้านั้น
หญิงชรายังผ่ายผอมเหมือนเดิม ยังเหี่ยวย่นเหมือนเมื่อเช้า
เธอคว้ากระดาษมามวนยาเส้น เลียริมกระดาษปิดมุม ก่อนจะจุดไฟสูบตามความเคยชิน
สาวใหญ่เจ้าของเกสต์เฮาส์หัวเราะชอบใจเมื่อเห็นเธอก้าวเข้ามาพร้อมกับมาลัยหนึ่งพวง ถุงดอกไม้สดพร้อมเข็มและด้าย
เย็นนั้น พวงมาลัยของเธอลอยเด่นอยู่เหนือเคาน์เตอร์หน้าเทอเรซของเกสต์เฮาส์
เธอนั่งอยู่ในเทอเรซของเกสต์เฮาส์พักใหญ่ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำแล้วออกมาหาข้าวเย็นในตลาดตรงกันข้าม
พ่อค้าบะหมี่เกี๊ยวคนนั้นมาถึงแล้ว
เขาขับรถกระบะมาทุกๆเย็น ราวห้าโมงแก่ๆกับภรรยาหน้าละอ่อน
สองคนช่วยกันกางโต๊ะ พ่อค้าวุ่นวายอยู่กับรถเข็นบะหมี่เกี๊ยว
ตกเย็น ลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรแวะเวียนมาเติมเต็มกระเพาะกันไม่ขาดสาย
เธอเดินลงไปที่ร้านหมี่เกี๊ยว พ่อค้าเห็นเธอเดินมา เขาส่งยิ้มให้กว้างขวางอย่างทุกเย็น
สักพัก บะหมี่เกี๊ยวถ้วยใหญ่กว่าปกติถูกวางไว้ตรงหน้า เขาคงเห็นเธอผอม
(ปีนี้เขาพูดภาษาอังกฤษได้มากขึ้น) "มอร์ ?มอร์?" "อี้ท อี้ท"
ราวๆทุ่ม "เมอซิเออร์คุณครู" เดินมาสั่งบะหมี่เกี๊ยวกลับบ้านอย่างทุกเย็น
เธอตั้งชื่อเขาว่า "เมอซิเออร์คุณครู" เขาเป็นชายวัยกลางคน แต่ตัวเรียบร้อยดู"มีระดับ"
นับเป็นขาประจำ"มีระดับ"คนเดียวของพ่อค้าบะหมี่เกี๋ยว เขามาสั่งบะหมี่กลับบ้านทุกเย็น ไม่มองใคร ไม่พูดกับใคร
ลูกค้าคนอื่นๆในร้าน มองเขามา หัวเราะคิกคักกระซิบกระซาบกันจิ๊กจั๊กจนเขาลับตาไป
เธอจ่ายเงินแล้วเดินกลับที่พัก
วันรุ่งขึ้น
เธอนั่งอยู่ในเทอเรซของเกสต์เฮาส์อยู่พักใหญ่แล้ว
ข้างหน้ามีแก้วกาแฟที่พร่องไปครึ่งแก้ว ซองยาเส้นและซองกระดาษสำหรับม้วนยาวางอยู่เคียงข้าง
สายตาที่ทอดไปเบื้องหน้าวางอยู่ที่ร่างคุ้มค่อมของหญิงชราคนหนึ่งที่ก้มๆเงยๆอยู่หน้าตลาดตรงข้ามเกสต์เฮาส์
เธอหยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งแผ่น เรียงยาเส้นลงไปก่อนจะม้วนแล้วเลียปิดตามความเคยชิน
สายตากระจ่างยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างก้มๆเงยๆคุ้มค่อมอยู่อย่างเดิม
หญิงชราร่างกายคุ้มค่อม ก้มๆเงยๆเก็นเศษกระดาษอยู่หน้าตลาด
เช้า กลางวัน เย็น...ทุกวัน ทุกวัน
ใบหน้าของหล่อนเหี่ยวย่น ตาเล็กยิบหยีดูฝ้าฟาง
หล่อนก้มๆเงยๆ เก็บกระดาษชิ้นเล็กใส่ลงในลังเล็ก เก็บกระดาษกล่องใหญ่ลงในลังใหญ่ เก็บขวดพลาสติกถุงพลาสติกไว้ในอีกลัง
มือเหี่ยวยับบ่งบอกร่องรอยการกรำงานหนักที่ผ่านมา
เก็บเศษกระดาษชิ้นเล็กในลังเล็ก เก็บกระดาษชิ้นใหญ่ในลังใหญ่ เก็บเศษขวดพลาสติกและถุงพลาสติกว่างเปล่าไว้ในอีกลัง
เธอ...หยิบกระดาษขึ้นมาอีกหนึ่งแผ่น เรียงยาเส้นลงไปก่อนจะม้วนแล้วเลียปิดแล้วจุดสูบตามความเคยชิน
เธอเริ่มเข้าใจ..
ชีวิตของหญิงชราเป็นเช่นนี้ หล่อนก้มๆเงยๆเก็บเศษกระดาษชิ้นเล็กในลังเล็ก เก็บกระดาษชิ้นใหญ่ในลังใหญ่ เก็บเศษขวดพลาสติกและถุงพลาสติกว่างเปล่าไว้ในอีกลังอยู่หน้าตลาดและในตลาด
หล่อนคัด หล่อนแยก เศษขยะในชีวิตของผู้อื่นที่ถูกทิ้งตามทางเท้าเพื่อหาเลี้ยงชีวิตของตนเอง
สายๆ สามล้อคันหนึ่งจะแวะเข้ามาในตลาด ชั่งเศษกระดาษชิ้นเล็กในลังเล็ก เศษกระดาษชิ้นใหญ่ในลังใหญ่ เศษถุงและขวดพลาสติกในอีกลัง
ก่อนจะยื่นเศษเงินให้หญิงชราหลังคุ้มค่อมคนนั้น
ผู้คนยังคงสัญจรผ่านมาผ่านไป และเริ่มหนาตามากขึ้นเมื่อแสงตะวันเริ่มทอแสงกล้า
เธอลุกจากเทอร์เรซ หายเข้าไปในห้องด้านหลังก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งพร้อมถุงขยะใหญ่สีดำสามใบ
เธอเดินตัดเทอร์เรซ ตรงไปหาหญิงชราหลังคุ้มค่อมที่นั่งหลบแสงแดดอยู่ข้างทางเท้าตรงข้ามเกสต์เฮาส์
เธอยื่นถุงให้หญิงชรา หล่อนไม่เข้าใจมองหญิงต่างชาติที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความงงงวย
เธอยิ้มให้หล่อน ส่งถุงเข้าไปให้พร้อมท่าทางที่บอกให้หล่อนรับไว้
รอยยิ้มจุดขึ้นบนดวงหน้ายับย่นของหญิงชรา หล่อนทำท่าขอบอกขอบใจให้พร
รอยยิ้มระบายบานอยู่บนดวงหน้าของเธอและหล่อน
เธอเดินกลับมานั่งทอดสายตาเช่นเก่าบนเทอร์เรซของเกสต์เฮาส์
หญิงชรา หล่อนนั่งพักก่อนจะดำเนินวัตรคัดแยกของหล่อนต่อในยามบ่าย
เธอบอกฉันว่า เธอและหล่อนกลายมาเป็นเพื่อนกันแล้ว
สายวันนั้น เธอออกจากเกสต์เฮาส์มุ่งหน้าไปยังสนามบินระหว่างประเทศเพื่อเดินทางออกจาก บางกอก
ย่ำเย็น
หญิงชราคนเดิมจะยังก้มๆเงยๆอยู่หน้าตลาด
เหมือนเมื่อเช้า...เหมือนทุกเช้าและทุกเย็นที่เธอเห็นเมื่อ กรกฎาคมปีที่แล้ว และเมื่อปีก่อนหน้านั้น
ราวๆห้าโมงเย็น รถกระบะคันเดิมของพ่อค้าบะหมี่เกี๊ยวและภรรยาหน้าละอ่อนจะมาจอดหน้าตลาด
ขาจร ขาประจำและ "เมอซิเออร์คุณครู"จะมาสั่งบะหมี่เกี๊ยวเติมกระเพาะเช่นเก่า
พวงมาลัยยังลอยเด่นอยู่เหนือเคาน์เตอร์ของเกสต์เฮาส์ กลีบเริ่มโรยราเป็นสีชาไปตามกาลเวลา
เรือด่วนเจ้าพระยายังวิ่งฉิวในแม่น้ำสีน้ำตาลเช่นเดิม
กรกฎาคมปีหน้า
เธอจะกลับมา
นั่งทอดสายตาอยู่ในเทอเรซซ์ด้านหน้าของเกสต์เฮาส์ หยิบกระดาษขึ้นมาอีกแผ่น เรียงยาเส้นลงไปก่อนจะม้วนแล้วเลียปิดแล้วจุดสูบตามความเคยชิน
- - - - - - - - - - - - - - -
ฉันเข้าใจ นั่งอมยิ้มฟัง "เรื่องราวในความเงียบ"
แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 48 04:14:14
จากคุณ :
ange du riz
- [
28 ธ.ค. 48 03:45:53
]