CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เหลือเพียงเธอเท่านั้น…ที่ยัง ( ไม่ ) เป็นใจ

    “ พักนี้ฉันดวงไม่ค่อยดีเลยแก !  เพิ่งซื้อมือถือมาใหม่ก็ดันซุ่มซ่ามทำตกคอห่าน... ไหนจะเรื่องที่โดนเพื่อนในห้องแอบนินทาประมาณว่าหมั่นไส้ฉัน หาว่าฉันเนี่ยสร้าง
    สถานการณ์ส่งดอกกุหลาบให้ตัวเอง   ”

           หญิงสาวผิวสี ร่างอวบนิดๆ  บ่นอุบอิบหลังจากที่เดินข้ามพ้นเขตประตูห้องเรียนออกมาแล้วเจอะหน้าซี้ปึกยืนอยู่  หล่อนสบถเสียงดังตบท้าย

           “ จะบ้าหรือไง !  ใครเขาทำกันเล่า ”  

           “ ก็นั่นน่ะซิ ”  หญิงสาวอีกคนซึ่งมีร่างที่สูงกว่าตอบแนวประชดประเทียด พลันเหล่มองอีกฝ่ายกลับจนสาวผิวเข้มอย่างปลายเทียนต้องเอ่ยสารภาพว่า    

           “ แหม !  ก็ยอมรับนะว่าเคยส่งดอกไม้ในวันวาเลนไทน์ให้กับตัวเองทุกๆ ปี แต่งานนี้ไม่ใช่ฉันแน่ๆ ยัยพัด ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนจนถึงขนาดจำไม่ได้นะ   ถึงฉันทำ...ฉันก็เป็นประเภทที่กล้าทำแล้วก็กล้ายอมรับ แต่งานเนี่ยมิใช่ฉันแน่นอน  แต่ว่า...”

           คนขี้วีนหยุดบ่นซะดื้อๆ แถมลากเสียงยาวทิ้งท้าย สร้างความฉงนใจจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม

           “ แต่ว่า...อะไรยะ ? ”

           “ อืม มันน่าแปลกแกว่ามั๊ยพัด  ใครกันนะที่ตาถั่ว...เสียบดอกไม้ไว้ที่ล็อกเกอร์น่ะ  ฉันขอคอนเฟิร์มว่าหมอนั่นเสียบผิดตู้แหงๆ  ”

            สองสาวเดินลงจากบันไดมาที่ชั้นหนึ่ง  เลี้ยวผ่านหัวมุมตึก  เดินทอดน่องตรงมาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่หน้าตู้ล็อคเกอร์ประจำตัวของคณะมนุษย์ศาสตร์

            “ ไม่มีทาง  ! ”  สาวหมวยท้วงขึ้นจมูกเสียงแหลม  จนทำให้ปลายเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ  “ หมายความว่าไง ? ”

            พัดชายิ้มหน้าระรื่น ครั้นเห็นดอกไม้ดอกหนึ่งถูกเสียบไว้ ณ จุดเดิม   “ แกก็ดูนี่ซิ...นั่นยังไงเล่า !  ดอกไม้ของแกชัวร์  มีรูปเทียนไขด้วยแหละแก ”  เสียงแจ๋นของพัดชาเปล่งบอก  มือชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปที่รูปภาพในการ์ดที่แนบมา

           “ อีกแล้วเหรอ !  ดอกนี้ก็ดอกที่ 3 ของเดือนนี้แล้วนะ  เจ้าของดอกไม้เป็นใครกัน  ฉันหวังว่าคงไม่ใช่นายกีวี  นายแว่นจอมตื้อข้างบ้านนะ ยี้  ! ถ้าเกิดเป็นนายนั่นจริง ฉันขอทิ้งดอกไม้ดีกว่า  ”

           สาวน้อยร่างโปร่งสั่นหน้าดิก  “ อย่าทิ้งนะเทียน ! อาจจะไม่ใช่นายนั่นก็ได้...เก็บเอาไว้เหอะน่า  บางทีโชคชะตาแห่งความรักอาจจะกำลังเล่นเกมกับเธออยู่ก็ได้ ”

           “ เล่นเกมกับฉันน่ะเหรอ ? ”  ปลายเทียนเกาหัวแกรก  “ บ้าน่า ! นี่ยัยพัด...แกอย่าเอาเรื่องดวงมาพูดกับฉันซิ  แกก็รู้ว่าฉันเชื่อเรื่องพวกนี้มากแค่ไหน  ”

            พัดชาขบปากยิ้มกว้าง  “ เชื่อฉันไหมล่ะว่าเนื้อคู่ของแกกำลังจะปรากฏตัวเร็วๆ  นี้นี่แหละ ”

            หญิงสาวผมหยักศก  ร่างอวบปรายตามองแล้วส่ายหน้า “ ฉันไม่อยากจะเชื่อแกแล้วยัยพัดแม่หมอขี้ตู่  ทำนายทีไรไม่เห็นจะแม่นเลย  ครั้งที่แล้วแกดูไพ่ให้ฉันบอกว่าต้นปีที่ผ่านมาฉันมีเป็นตัวเป็นตนแน่  แล้วไงยะฉันรอเป็นชาติแล้วเนี่ยไม่เห็นจะโผล่มาซักคนเลย ”

            “ ใครจะรู้บางทีเนื้อคู่แกอาจจะ...อยู่ใกล้ๆ ตัวก็ได้นะเทียน ”

            “ ใกล้ตัว ? ” ปลายเทียนทวนถาม

            “ อืม...อาจเป็นพี่ปี่ก็ได้ ? ”

            “ พี่ชายแกน่ะเหรอ...โอ๊ย เลิกพูดเถอะ ”

            “  แต่คราวนี้ฉันว่า...” ยังไม่ทันที่พัดชาจะได้พูดจบ ปลายเทียนก็รีบใช้มือปิดป้องปากเพื่อนแล้วพูดแทรกว่า  “ เนื้อคู่ของฉันจะเป็นใครฉันไม่สนหรอกย่ะ เพราะว่าฉันสนคนแค่คนเดียวเท่านั้น... ”

             พัดชาตาโต...คลี่ยิ้มบางๆ “ เฮ้ย ! คนไหนวะเทียน ”  

             หล่อนเขย่าแขนเพื่อซี้ออกอาการลุ้นๆ “ แม่เทียนไขของฉันปิ๊งหนุ่มคณะไหนกัน บอกใบ้หน่อยซิ ”

             “ คณะเดียวกับฉันนี่แหละย่ะ ” หล่อนพูดขวยเขิน

             “ เด็กมนุษย์ศาสตร์  –  ญี่ปุ่นเหรอ ? "  พัดชาทบทวน พยายามนึกว่าใครเข้าเค้าบางแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก  “เทียนจ๋า...หมอนั่นเป็นใครกัน ? ”

             “ ใครกันล่ะพัด  ที่ชอบกักตัวฉันไว้ให้ช่วยตรวจงานทุกวันศุกร์น่ะ  ”  

              พัดชาร้องอ๋อ  “ ยัยเทียน ! แกชอบ... ”  หล่อนปิดปากตกใจสุดขีด  ปลายเทียนรีบตัดบท “ เออๆ คนนั้นนั่นแหละ ”

              “ เป็นไปได้ไง ! ดูแกไม่มีทีท่าที่จะชอบเขาเลยนะ...แล้วไหงเป็นเงี่ย ? ”

              สาวร่างอวบกว่าเอ่ยว่า  “ ไม่รู้ซิว่าชอบตั้งแต่เมื่อไหร่  อาจเป็นเพราะเจอหน้าเขาบ่อยมั้งก็เลยรู้สึกชอบเขาขึ้นมา ”

              “ ชอบมากถึงขนาดรักหรือยัง หรือว่าแกแค่ชอบเขาเฉยๆ  ”

              “ แกถามอะไรน่ะพัดชา บ้าหรือเปล่า ? ”

              พัดชาอมยิ้มกริ่ม  “ ถ้าชอบมากถึงขนาดว่าอยากเห็นหน้าทุกวัน หรืออดใจไม่ไหวยังไงก็ต้องแวะไปเจอนั่นแหละแก...แสดงว่าแกน่ะเริ่มรักเขาแล้วล่ะ ”

              “ คอร์สติวเข้มเรื่องความรักหรือไงย่ะ  ฉันรู้หรอกน่า...”

              “ แล้วแกเริ่มเป็นถึงขนาดนั้นหรือยังจ๊ะ ?  ”

              ปลายเทียนจ้องมองดอกไม้ในตู้ล็อกเกอร์หัวใจกระชุ่มกระชวยพิกล  “ อืม ”  พัดชาหัวเราะพรืดหยอกเย้า  “ ตายแล้ว ! ข่าวใหญ่เลยนะเนี่ย ต้องประกาศให้ทั่ว ”

              “ จะบ้าหรือไงยะ ! อย่าเชียวนะ ”   ด้วยความเขินปลายเทียนเก็บของใส่ล็อกเกอร์ท่าทางเก้ๆ กังๆ   “ จะยืมสมุดเลคเชอร์ไหมเนี่ย ”  พัดชาพยักหน้า  “ เดี๋ยวนี้ริโดนเรียนนะแก ”  ปลายเทียนค่อนขอดเล็กน้อย...ผลักบานเหล็กปิดแล้วไขกุญแจล็อกตู้

             “  ยัยพัด !  ตาย ! ฉัน...ฉันลืมไปเสียสนิทเลย  กี่โมงแล้วเนี่ย ? ”

             คนถูกถามยกข้อมือยื่นให้อีกฝ่ายดู ร่างเล็กเสตามองที่เครื่องบอกเวลาแล้วอุทาน ” ว๊าย !  ฉันไปก่อนนะ พัด เดี๋ยวโดนเจ๊บรรณหาว่าอู้งานอีก  ไปล่ะ ”

             พัดชาทอดสายตามองตามเพื่อนที่วิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว  เมื่อไหร่ยัยเพื่อนจอมโก๊ะของเธอจะมีแฟนเหมือนชาวบ้านเขาซักที  หากปลายเทียนมีคนดูแลเอาใจใส่ซักหน่อย อะไรๆ ก็คงดีกว่านี้เป็นแน่


            “ ช่วยจัดหนังสือเข้าชั้นให้มันเร็วกว่านี้หน่อยได้ม่ะ  มาช้าแล้วยังจะมาอู้อีก ” เจ๊บรรณ หรือคุณบรรณารักษ์ เจ้าหน้าที่ประจำห้องสมุดมหา’ ลัย ออกคำสั่งเสียงเฉียบ

            “ ค่า ทราบแล้ว กำลังเร่งทำอยู่ค่ะ ” สาวน้อยตาคมกะพริบตาถี่ไล่ความเบลอออกจากสมอง หล่อนสะบัดแข้งสะบัดขา รวบรวมกำลังทั้งหมดหอบหนังสือกองโตเดินผ่านบันไดขึ้นไปที่ชั้นสองแล้วทิ้งหนังสือลงโต๊ะดังปั๊กก่อนทรุดตัวลงกับพื้นจัดหนังสือด้วยท่าทีเบื่อหน่าย

            “ เฮ้อ !  ไอ้เทียนเอ๊ย  ชาตินี้มีกรรมจริงหนอ  นอกจากจะไม่สวยแล้วยังไม่ฉลาดอีก  ไหนจะขี้ลืม ป้ำๆ เป๋อๆ  จอมโก๊ะอีกต่างหาก  เฮ้ย...เบื่อชะมัด  เซ็งโว๊ย  เมื่อไหร่จะพ้นๆ โทษไปซะทีนะ ”

           ถ้าเกิดวันนั้นหล่อนเป็นคนเห็นแก่ตัวซะก็ดีหรอก  ก็แค่ปลายเทียนเห็นอาจารย์ปราณีเดินอุ้มท้องโย้ผ่านหน้าเธอไป ด้วยความสงสารกลัวอาจารย์และเด็กในท้องจะเป็นอันตราย ก็เลยเหน็บหนังสือเล่มที่เธอจะยืมเอาไว้ที่ใต้รักแร้ก่อนแล้วอาสาช่วยอาจารย์ถือหนังสือ  อาจารย์ก็เดินเลือกหนังสือไปซิส่วนอีกคนก็เดินตามก้นต้อยๆ จากหนึ่งเล่มก็กลายเป็นสองเล่ม เป็นสามเล่ม  เป็นสี่เล่มจนท้ายสุดก็สุมเป็นกองพะเนินสูงเหนือหัวปลายเทียนไปอีก

           ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด....
           เสียงเครื่องตรวจจับคำรามเสียงดังลั่นจนผู้คนแตกตื่น  สาวน้อยผมประบ่าหันรีหันขวางไม่รู้สาเหตุที่เกิดขึ้นและแล้วหล่อนก็ถึงบางอ้อ  เมื่อสายตามารวมอยู่ที่หล่อนเพียงจุดเดียว

           ‘ อย่าหนีนะแม่หัวขโมย  นักศึกษาคนนั้นขโมยหนังสือ  ช่วยกันจับตัวมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ !!!!! ’ เจ๊บรรณเจ้าเดิมลั่นวาจาประมาณว่าบ้าพลังสุดขีด

            ‘ หนูหรือคะ ? ’ ปลายเทียนยื่นหน้าเหวอถามเจ๊บรรณ ก่อนกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อกเมื่อสบสายตาเอาจริงเอาจังของหญิงแก่หน้าเหี้ยม

           แม่เจ้า ! หล่อนลืมหนังสือที่เหน็บไว้ใต้แขนไปเสียฉิบ  ตายละว้า ! หล่อนเดินผ่านเครื่องสแกนโดยที่ไม่ได้ยืมหนังสือเล่มนั้น  

           และนั่นแหละ...ก็คือสาเหตุที่หล่อนต้องมาทำงานชดใช้ความผิดฐานขโมยหนังสือเป็นเวลาตั้ง 3 เดือน...อย่างนี้ปลายเทียนจะดีใจหรือเสียใจดีเนี่ย !!

    จากคุณ : PieKrob - [ 28 ธ.ค. 48 09:06:24 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป