4
ทั้งสี่จ้องมองดูวิหารโรมันหลังนั้นด้วยความตะลึง
" สวยจังเลย "
อุ้มกล่าว
" เข้าไปดูข้างในกันเถอะ "
สุกิจเอ่ยจบก็รีบวิ่งนำหน้าไปก่อนใครจนอุ้มต้องร้องว่าตามหลัง
" แหม... ว่าแต่คนอื่นเขาเริงร่า ตัวเองกลับเป็นเสียเอง "
ทั้ง 4 คน เข้าสู่วิหารอันสุดยิ่งใหญ่อลังการแห่งนั้น ซึ่งภายในดูโอ่โถง โล่ง และกว้างขวาง มีพรมสีแดงชาดปูลาดเป็นทางยาวจากทางเข้าด้านหน้าสู่ด้านในและทอดขึ้นไปตามบันไดหินอ่อนกว้างๆ เตี้ยๆ สู่เบื้องหน้าบัลลังก์ศิลาอันใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่
ทางด้านขวาของวิหารแห่งนั้นเป็นระเบียงหินอ่อนทอดยาวออกไปในท้องทะเลสีครามอันกว้างไกลสุดสายตา
" ทะเล... ดูทะเลสิ "
อุ้มตะโกนพลางวิ่งผ่านช่องเสากลมๆขนาดใหญ่ที่เรียงรายกันอยู่เป็นแถวนั้นไป ก่อนจะยืนพิงราวระเบียงหินอ่อนอยู่ คนอื่นๆก็ตามมาในไม่ช้า ดลกับสุกิจยืดอกขึ้นสูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อดื่มด่ำกับกลิ่นอายทะเลอันสดชื่นหอมหวล จ้อยสยายผมออกรับลมอันกรรโชกแรงและเย็นสบาย
" ชื่นใจจริงๆ "
สุกิจว่า
" ทะเลสวยจังเลยนะพวกเรา "
ดลกล่าว
" วิหารนี้ก็สวย "
จ้อยเอ่ย
" ไม่รู้ใครเป็นเจ้าของวิหารนี้ "
อุ้มสงสัย
" คงต้องเป็นคนที่มีเงิน หรือไม่ก็อาจเป็นเจ้าชาย "
ดลกล่าวจบ อุ้มทำนัยน์ตาเป็นประกายพลางว่า
" เจ้าชาย ... !! "
" หล่อหรือเปล่าก็ไม่รู้ "
จ้อยเสริม
" เป็นเจ้าชายก็หล่อหมดแหละ "
สุกิจเอ่ย
" บ้า... นั่นมันในหนังหรอก "
จ้อยตวาดใส่
" นอกหนังก็คงจะหล่อเหมือนกันนั่นแหละ "
ดลกล่าว
" หล่อไม่หล่อก็ไม่เป็นไร ขอให้รวยไว้ก่อนก็แล้วกัน เราว่าไม่หล่อแต่รวยนี่น่าสนใจกว่าเนอะ "
จ้อยร่าเริง ในขณะที่สุกิจเดินไปยืนพิงราวระเบียงหินอ่อน เขามองออกไปนอกทะเลแล้วกล่าวขึ้นว่า
" อยากกลับบ้านแล้วล่ะ ป่านนี้แม่เราคงจะรอคอยกินข้าวอยู่ "
" ฮ่า... สุกิจคิดถึงบ้านเป็นเหมือนกันแฮะ "
อุ้มตะโกนเย้า ก่อนหัวเราะออกมา คนอื่นๆก็เช่นกัน
" มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ "
สุกิจกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจนเพื่อนๆต่างเงียบกริบกันไปหมด สุกิจยังกล่าวอีกว่า
" ถ้าพวกเราต้องอยู่ที่นี่ไปจนตายแล้วจะว่าไง ไม่คิดบ้างเหรอ เอาแต่สนุกสนานร่าเริงบันเทิงไปวันๆอยู่นั่นแหละ "
ทุกคนเริ่มฉุกคิดขึ้นมาได้ในสิ่งที่สุกิจพูด
" ฉันชักกลัวแล้วละอุ้ม "
จ้อยกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจนอุ้มต้องเข้าปลอบโยนเพื่อนรักเอาไว้
" ใจเย็นๆ จ้อย พวกเราจะช่วยกันแก้ปัญหา "
" คิดยังไงล่ะ สุกิจ "
ดลถาม
" ไม่รู้สิดล ดงเป็นกรรมของพวกเราจริงๆมั้ง "
สุกิจกัดฟันตอบ
" หมายความว่าพวกเราจะต้องอยู่ในโลกอดีตนี้ไปตลอดกาลอย่างที่มัคคุเทศก์คนนั้นว่าเหรอ "
อุ้มถาม
ทันใดกันนั้นเอง...
เสียงอันนุ่มนวลของชายหนุ่มคนหนึ่งก็กล่าวขึ้นจากข้างหลังของทั้งสี่คนนั้น
" มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกจ้ะ "
ทั้งหมดหันขวับไปมองยังต้นกำเนิดเสียงนั้น
ชายหนุ่มรูปงามในชุดสูทสีครีมยืนยิ้มอยู่อย่างมีไมตรีจิตอันดี เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงระเบียงหินอ่อนแล้วมองออกไปในทะเลกว้าง
" คุณเป็นใครน่ะ ? "
สุกิจถาม ซึ่งชายหนุ่มคนนั้นก็ตอบว่า
" ฉันคือ เทพคันฉ่อง "
" เทพคันฉ่อง... !!! "
ทั้งสี่งุนงงสงสัย
" ใช่แล้ว... ฉันสิงสถิตย์อยู่ในคันฉ่องที่พวกเธอทำแตกนั่นแหละ พอคันฉ่องแตกฉันก็หลุดออกมาได้ "
เทพคันฉ่องเอ่ย
" เมื่อกี๊นี้คุณบอกว่ามันก็ไม่แน่เสมอไปเหรอ ที่พวกเราจะต้องอยู่ในอดีตไปตลอดกาล "
อุ้มถาม
" ใช่ "
" แสดงว่าคุณมีวิธีที่จะช่วยพวกเราให้กลับไปยังโลกปัจจุบัน "
สุกิจว่า
" วิธีที่จะช่วยพวกเธอน่ะมี แต่พวกเธอจะต้องตามหาคันฉ่องบานนั้นกลับมา "
เทพคันฉ่องกล่าว
" มันจะเป็นไปได้อย่างไร ก็คันฉ่องมันแตกไปแล้วนี่คะ "
จ้อยพูด
เทพคันฉ่องหัวเราะพลางว่า
" คันฉ่องที่แตกไปนั้นมันเป็นคันฉ่องในโลกปัจจุบัน แต่ที่ฉันพูดถึงอยู่นี่มันเป็นคันฉ่องในโลกอดีตกาล ฉันต้องการให้พวกเธอตามหาคันฉ่องนั้นให้พบ และปกป้องมันไว้จากพวกเธอในชาติก่อน ซึ่งอยู่ในโลกอดีตนี้เช่นเดียวกับพวกเธอ "
" งงจัง "
จ้อยเกาหัวพลางว่า ในขณะที่สุกิจถามขึ้น
" ทำไมต้องปกป้องมันจากพวกเราในชาติก่อนด้วย "
" เพราะพวกเธอในชาติก่อนเป็นเหล่าปีศาจที่ได้รับคำสั่งให้ช่วงชิงคันฉ่องจากเจ้าฟ้าต้อยติ่ง ผู้เป็นเจ้าของคันฉ่องบานนั้นนะสิ "
เทพคันฉ่องอธิบายจบ ดลจึงถามขึ้นว่า
" ได้รับคำสั่ง ? คำสั่งจากใครเหรอครับ "
" เจ้าเกาะมหัศจรรย์ เป็นปีศาจผู้มักใหญ่ใฝ่สูง มันหวังจะครอบครองโลกทั้งหมด "
" แล้วเจ้าฟ้าต้อยติ่งเป็นใครกัน "
จ้อยถามจบ เทพคันฉ่องก็หันมายิ้ม
" เขาก็คือมัคคุเทศก์คนนั้นไง "
" หา... !! "
ทั้งสี่คนตะลึงงัน
" อย่างนี้นี่เอง มัคคุเทศก์คนนั้นถึงได้เคียดแค้นพวกเรานัก "
อุ้มกล่าว
" แล้วถ้าพวกเราไม่สามารถคุ้มกันคันฉ่องนั้นได้ล่ะ "
จ้อยถามขึ้น
" เจ้าเกาะมหัศจรรย์ก็จะได้คันฉ่องบานนั้นไป และใช้มันเพิ่มพลังให้กับตัวเองจนสามารถครอบครองโลกนี้ได้ทั้งหมด "
เทพคันฉ่องอธิบาย
" แล้วพวกเราจะต้องทำอะไรบ้าง "
จ้อยถาม
" ตามหาคันฉ่องให้พบ แล้วพวกเธอก็จะกลับไปยังโลกปัจจุบันได้ ฉันจะคอยช่วยเหลือพวกเธอในยามคับขัน "
เทพคันฉ่องกล่าวจบก็หายวับไป แล้วท้องฟ้าก็เปิดออกเป็นช่องอีกครั้ง ก่อนที่ดล สุกิจ จ้อย และอุ้ม จุถูกกระแสลมดูดขึ้นสู่ฟ้าแล้วหายวับเข้าไปในช่องนั้น ท้องฟ้าปิดประสานกันดังเดิมจนสนิท
- - - - - - - - -
ณ ท้องทะเลแห่งหนึ่ง
ท้องฟ้าเปิดออกเป็นช่อง ก่อนที่ร่างดล สุกิจ จ้อย อุ้ม จะร่วงหล่นออกมาสู่พื้นน้ำอันเต็มไปด้วยเกลียวคลื่นที่ถาโถม ร่างทั้งสี่คนปะทะผืนน้ำจนสลบไศลไป
ตกดึกของคืนวันนั้น...
เกลียวคลื่นซัดสาดร่างของคนทั้งสี่เข้าสู่ฝั่งจนกระทั่งรุ่งเข้า และเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องไปทั่ว ดลตื่นขึ้นเป็นคนแรก แล้วเขาก็ต้องตกตะลึงพรึงเพริดในสิ่งที่เห็น
" คุณพระช่วย ดูนั่นสิ "
ดลตวาดก้องพลางจ้องมองไปยังสิ่งหนึ่งที่ชายหาด ในขณะที่สุกิจ จ้อย และอุ้มก็ตื่นขึ้นตามๆกัน
" ตะโกนอะไรน่ะ ดล คนกำลังหลับสบายเชียว "
จ้อยว่า
" กรี๊ดดดดดดดดดด !!! "
อุ้มกรีดร้องก้อง
" นางเงือก !! "
สุกิจว่าพลางทำตาโต ทั้งสี่คนต่างจ้องมองไปยังนางเงือกที่นอนเอนกายอยู่บนชายหาด ท่อนล่างซึ่งเป็นปลานั้นแช่อยู่ในน้ำทะเล หล่อนสวมเสื้อเกาะอกสีทองอร่ามตาและสวมรัดเกล้าทำด้วยอัญมณีส่องประกายวาววับ เส้นผมอันดำขลับสลวยของเธอนั้นยาวสยายไปทั่ว
" นี่เรามาอยู่ในโลกแห่งเทพนิยายหรือนี่ "
ดลสงสัย
" เห็นจะใช่ "
สุกิจว่าจบ เสียงผู้หญิงคนหนึ่งก็ตวาดมาจากชายหาดด้านใน
" นำตัวพวกมันไป "
ทั้งสี่คนหันไปมองยังเจ้าของเสียงซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนสวมชุดกิโมโนยาวระพื้นมีเสื้อคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งครั้งแรกที่ดลเห็นเธอคนนี้ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าพวกตนอยู่บนเกาะญี่ปุ่นอย่างแน่นอน
หญิงคนนี้หันไปพูดกับหญิงอีกคนซึ่งอ่อนวัยกว่าด้วยภาษาที่พวกเด็กทั้งสี่ไม่เข้าใจ แล้วหลังจากนั้น บรรดาซามูไรก็ตรงเข้าจับกุมตัวคนทั้งสี่เอาไว้ ก่อนจะบังคับให้เดินไปตามทางอันมุ่งสู่ปราสาทหลังใหญ่ในทันที
( จบตอนที่ 4 โปรดติดตามต่อตอนที่ 5
จากคุณ :
misterpolice
- [
28 ธ.ค. 48 12:22:33
]