ความคิดเห็นที่ 1 วัดสามปลื้ม, พระนครศรีอยุธยา เจดีย์ขนาดใหญ่องค์หนึ่งตั้งตระหง่านบนเกาะวงเวียนกลางถนน พิจารณาจากลักษณะของเจดีย์ ที่มีสัดส่วนองค์ระฆังกลมยาวกว่า ส่วนฐานแปดเหลี่ยมและการก่ออิฐแบบไม่สอปูน จากช่องที่ผู้บูรณะได้เว้นเอาไว้ ไม่ฉาบปูนทับไปจนหมด เจดีย์วัดสามปลื้มองค์นี้ก็เป็นเจดีย์องค์หนึ่ง ที่สร้างในสมัยศรีเทพนคร อันที่จริงแล้วเจดีย์องค์นี้เดิมก็คงจะอยู่ในวัด ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ แต่เพราะว่า จนท.ของรัฐ และคนไทยขาดความสำนึกในเรื่องคุณค่าของศิลปะกรรม และโบราณคดี สมัยที่มีการสร้างถนนเข้ามาในพระนครศรีอยุธยา จึงได้ตัดผ่าเข้ามากลางพื้นที่ของวัดโบราณอย่างนี้ ไ ม่ว่าจะเป็นวัดแม่นางปลื้ม วัดแม่ย่า ฯลฯ ล้วนถูกทำลายซากโบราณสถานต่าง ๆ ย่อยยับไปไม่น้อย จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 12:44:13 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ศรีเทพนคร ใช่หมายถึง อโยธยา เมืองเดิมสมัยก่อนพระเจ้าอู่ทองย้ายเข้าไปบนเกาะเมืองอยุธยาใหม่ใช่ไหมครับ น่าเสียดายจริงๆด้วย อ้อ ผมรู้สึกว่าคนมักไปวัดดังๆที่มีพระจำอยู่หรือไม่ก็ดัง ๆ ยังงั้นหรือเปล่าครับ เสียดายว่าจุดที่สำหรับคนไทยเองน่าจะไปกลับผ่านไป เช่น พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา มีกรุที่ขุดค้นจากวัดราชบูรณะ กับ วัดมหาธาตุให้ชม มีทั้งพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดค้นได้ คติการสร้างวัดมหาธาตุกลางเมือง ยังมีวัดร้างอีกหลายวัดที่น่าไปนะครับ ผมเองก็ยังไม่ได้ไปเหมือนกัน คงได้ไปแค่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา เพราะแค่เดินดูเครื่องทอง พระพิมพ์ ประวัติการขุดค้น (การลักขโมยด้วย) ก็หมดไปครึ่งวัน อีกครึ่งวันเลยไปไหว้พระก่อน ผมจะไปวัดราชบูรณะเหมือนกันแต่ปรากฏว่าเข้าผิดด้านและคงไปเย็นไปปิดซะก่อน(หรือเปล่า) แต่ไม่เห็นคนไทยเลยครับที่เข้าไปดู (หรือว่าผมไปวันฝนตก) ก็เลยอยากชวนว่าอ่านประวัติศาสตร์ก่อนไป แล้วไปเที่ยววัดร้างกันบ้าง ได้ความรู้ แล้วยังไม่ซ้ำวัดเดิมด้วย(อย่างผมไปไหว้พระวัดเดิม ๆ เกินสิบครั้งแล้ว วัดที่ต้องไปให้ได้ทุกครั้งคือวัดพนัญเชิง กะ วิหารหลวงพ่อมงคลบพิตร ก็ไม่ได้แตกต่างคนอื่นครับ แต่กำลังว่าคราวหน้าจะลองเปลี่ยนไปเดินวัดสำคัญ ๆ ที่ร้างกันบ้าง จากคุณ : met - [ 29 พ.ค. 50 13:59:17 A:124.120.84.225 X: TicketID:004416 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อ้อ ลืมไปเลยตามหัวข้อกระทู้ แปลว่าวัดสามปลื้มปัจจุบันไม่เหลือแล้ว คงเหลือแต่เจดีย์ ถูกต้องไหมครับ เรื่องนี้เคยได้อ่านเกร็ดการยกเลิกเขตพัทสีมามาบ้าง เช่น วัดบางวันใน กทม (วัดหลวงเลยล่ะ) ไม่แน่ใจนะครับวัดไหน แต่มีเหตุจำเป็นว่าต้องขยับย้ายวัดออกจากจุดเดิม พระมหากษัตริย์สมัยก่อนก็จะถอนวิสุงคามสีมา(อันนี้เรียกผิดไหม ขออภัย) แต่จะถวายที่ดินสร้างวัดแห่งใหม่ทดแทนกันไป เกร็ดการสร้างวัดมหาธาตุก็มีให้อ่านที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยาเหมือนกัน เช่น มีวัดมหาธาตุที่ กทม พิษณุโลก นครศรีธรรมราช สุโขทัย กำแพงเพชร (อันไหนผิดแย้งได้ครับ) เป็นเกร็ดว่าจะสร้างไว้กลางเมืองเพื่อประดิษฐานพระธาตุหรือพระบรมสารีริกธาตุ (ยังงงว่าทำไมวัดมหาธาตุ กทม อยู่บางเขน ไม่กลางเท่าไร) ขอบคุณ k.zorakun ด้วย จากคุณ : met - [ 29 พ.ค. 50 14:05:21 A:124.120.84.225 X: TicketID:004416 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ^ ^ ประเทศไทย ได้ขึ้นชื่อว่า มีวัดเยอะที่สุดในโลกเลยนะคะ ประวัติศาสตร์ไทย วัดสำคัญต่างๆ ถ้าให้จำนี่ ไม่หวาดไม่ไหวเชียวล่ะคะ ตอนเรียน ก็ จำเพื่อสอบ เท่านั้น น่าเสียดายที่คนไทย .... กลับไม่ค่อยให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์เท่าไหร่นัก คนที่ชื่นชมมรดกโลก กลับเป็นชาวต่างชาติ... สถานที่สำคัญที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ รักษาไว้ ทุกวันนี้ มีแต่ชาวต่างชาติ ที่ชื่นชมค่ะ ขอบคุณ คุณคนไทย ที่สนใจประวัติศาสตร์ไทย และสนใจ การเข้าวัด ขอบคุณนะคะ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 50 14:12:54 จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 14:07:32 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอาความรู้เก่าๆ ขุดมาใช้สักนิด สร้างสาระให้ชีวิตสักหน่อย... ชื่นชมคุณ met  ด้วยนะคะ คำว่า วิสุงคามสีมา  คุณสะกดถูกต้องแล้วค่ะ วิสุง แปลว่า แยก คาม (คามะ)  แปลว่า  บ้าน สีมา  แปลว่า  เขตแดน ถอนวิสุงคามสีมา คือ ถอนความเป็นเขตแดนที่แยกจากบ้าน ถูกต้องแล้วนะคะ ที่ว่า... พระมหากษัตริย์สมัยก่อนก็จะถอนวิสุงคามสีมา แต่จะถวายที่ดินสร้างวัดแห่งใหม่ทดแทนกันไป แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 50 15:40:20 จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 14:16:52 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แหะๆๆๆ  จริงๆ ดิฉัน เป็นคนนึงเลยล่ะ ที่ชอบ เรื่องประวัติศาสตร์ ยิ่งเกี่ยวกับเรื่องศาสนา ยิ่งชอบ... แต่ถ้าคุยแล้ว ไม่ได้ เป็นในทางแนวเดียวกัน จะพากันทะเลาะเสียป่าวประโยชน์ ถึงเป็นเรื่องต้องห้ามในการสนทนา เกี่ยวกับ ศาสนา และ การเมืองไงคะ บางที ประวัติศาสตร์ ก็ไม่ค่อยตรงตามความจริง นักวิชาการว่า อย่าง ประวัติศาสตร์ปบันทึกไว้อีกอย่าง... สรุป .... อยู่อย่างไรก็ ได้ ให้มีความสุขค่ะ แหะๆๆๆๆ.... ขอบคุณ กระทู้มีสาระ ชอบจัง... จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 14:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ยัยโซ เปลี๋ยนไป๋ จากคุณ : โอบทะเลไว้ด้วยไอรัก - [ 29 พ.ค. 50 14:23:40 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ^ ^ พี่โอบๆๆๆ  อย่านะ... วันนี้ รักษาภาพลักษณ์หน่อย... 555555 แท้ที่จริงอ่ะ...ฝังมุก... อุ๊บ..ฝังเพชร... 5 5 5 5 5 ถอดรูปเงาะออก รู้จักม่ะ... จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 14:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ศรีเทพนคร ใช่หมายถึง อโยธยา เมืองเดิมสมัยก่อนพระเจ้าอู่ทองย้ายเข้าไปบนเกาะเมืองอยุธยาใหม่ใช่ไหมครับ ดิฉันว่า ไม่ใช่นะคะ ยุคสมัยศรีเทพนคร น่าจะก่อนหรือหลังสุโขทัยอันนี้ ไม่แน่ใจ แต่ไม่ใช่หมายถึง อโยธยาแน่นอนค่ะ ศรีเทพนคร เป็นเมืองๆนึง ที่ปัจจุบัน คือ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ทุกวันนี้ ซากเจดีย์ต่างๆ ก็ ยังมีให้ศึกษามากมาย... จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 14:35:29 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ้อ โทษๆ ลืมไป ทู้นี้มีสาระ เรื่องอะไรที่ เก่าๆ แก่ๆ ยัยโซ จะมีความชำนาญและเชี่ยวชาญสูงครับ ฉะนั้นเรื่องประวัติศาสตร์ถามยัยโซได้ ชัวร์ๆ ยิ่งประวัติศาสตร์ซ้ำรอยด้วยนะ คิกๆๆ จากคุณ : โอบทะเลไว้ด้วยไอรัก - [ 29 พ.ค. 50 14:36:26 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ^ เอากลอนบทนี้ มาฝาก จขกท ค่ะ... ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง มหรรณพ พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง แม้ เป็นถ้ำ อำไพ ใคร่เป็นหงษ์ จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง ขอ ติดตาม ทรามสงวน นวลละออง เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป แม้ เป็นถ้ำ อำไพ ใคร่เป็นหงษ์ จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง ขอ ติดตาม ทรามสงวน นวลละออง เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป... จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 14:41:57 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ศิลปกรรมแห่งศรีรามเทพนครนั้น สามารถแบ่งเป็น ๒ ส่วน คือสถาปัตยกรรม และปฏิมากรรม สถาปัตยกรรมของศรีรามเทพนครที่หลงเหลืออยู่มักจะเป็นสถูปเจดีย์ ซึ่งนักประวัติศาสตร์ศิลป์ได้แบ่งออกเป็น ๖ แบบ ๑.เจดีย์แบบทวาราวดี   ๒.เจดีย์แปดเหลี่ยมมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป ๘ ทิศ   ๓.เจดีย์แปดเหลี่ยมองค์ระฆังกลม มีซุ้มตื้นๆหรือไม่มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป ๔.เจดีย์แบบอู่ทอง ๕.เจดีย์แบบหินยานลังกามีองค์ระฆังใหญ่และฐานเตี้ย ๖.เจดีย์ทรงระฆังอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมสูงมีช้างหรือสิงห์ล้อมรอบเจดีย์ ลักษณะสำคัญอีกประการหนึ่งที่สังเกตได้ชัด คือสถาปัตยกรรมของศรีรามเทพ นครนั้น จะมีเทคนิคการก่อสร้าง โดยใช้อิฐขนาดใหญ่ก่อเรียงกัน อย่างเป็น ระเบียบโดยไม่สอปูน แต่ใช้วัสดุพิเศษเชื่อมอิฐแต่ละก้อน เข้าด้วยกันอย่างแนบสนิท ต่างกับสถาปัตยกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่มักจะใช้วิธีการก่ออิฐถือปูนแบบธรรมดา ถึงตรงนี้ ดิฉันคิดว่า ศรีรามเทพนคร และ ศรีเทพนคร น่าจะเป็นคำๆเดียวกันนะคะ จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 15:08:26 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นมั้ย ยัยโซ มีสาระหน่อย พันทิพเจ๊งไปชั่วขณะเลย ระบบมันช็อค คิกๆๆ จากคุณ : โอบทะเลไว้ด้วยไอรัก - [ 29 พ.ค. 50 15:26:01 ]

ความคิดเห็นที่ 14 55555555555 Zorakun ตัวจริง ต้องทะลึ่งชิมิ ตะกี้ เกือบแล้วพี่โอบ... ตรงฝังมุกไง 555 เก็ตม่ะ.... กร๊ากกกกกกกกกกกกก จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 15:27:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณครับสำหรับความเห็น แต่เท่าที่เคยอ่าน เมืองโบราณศรีเทพ (เพชรบูรณ์) มีฐานะเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ ไม่ใช่เมืองหลวง กรณีที่คุยกันเรื่องเจดีย์วัดสามปลื้ม น่าจะหมายความถึงอโยธยาไหม เพราะมีคำเรียกบันทึกว่า "อโยธยาศรีรามเทพนคร" ในที่นี้คือ เมืองอโยธยาเดิมที่อยู่ด้านตะวันออกของเกาะเมือง คงไม่ใช่เมืองโบราณศรีเทพ ที่เพชรบูรณ์(อีกอย่างมันไกลกันมากนะครับ) ส่วนใหญ่พงศาวดารและการถกกันที่ผมอ่านก็ไม่ค่อยเอ่ยถึง อโยธยา มักพูดลอย ๆ อ้างอิงถึงนิดหน่อยแล้วก็ที่เหลือเป็นเรื่องของอยุธยา (เกาะเมือง) ต้องไปถาม อ.วีระ ธีรภัทร กะ ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ซะแล้ว (โทรเข้ารายการ กัว อาจารย์ด่าอิอิ) จากคุณ : met - [ 29 พ.ค. 50 15:38:40 A:124.120.84.225 X: TicketID:004416 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ข้างบนกำลังอ่านเพลินๆ..ข้างล่างออกเรทซะนี่ เหอๆๆๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 29 พ.ค. 50 15:38:49 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ในกรณี เจดีย์วัดสามปลื้ม น่าจะหมายถึง "อโยธยาศรีรามเทพนคร"   ใช่ค่ะ... แต่ถ้าพูดถึง ยุคศรีเทพนคร คือ อีกยุคนึงน่ะค่ะ งงมั้ยคะ แหะๆๆๆ .... พงศาวดาร.... โหย... ต้องไปหารื้อหนังสือ สมัยเรียนมาคุย กับคุณ met ซะล่ะม้างคะ.... ดิฉัน ไม่ค่อยชำนาญเท่าไหร่ รู้ก็ รู้งูๆปลาๆ แถมไหลลื่น แบบปลาไหล... --------------------- คุณหนุ่มเมืองกรุง... ฮั่นแนะ สงสัยสนใจ อะไรติดเรท 5 5 5 5 อาจารย์ ต้องสำรวมนะคะ 555555555 วันนี้ โซขอ มีสาระแบบไร้สาระสักวัน ก่อนจะพระจันทร์เต็มดวง... จะถอดถอนหัวใจเดิม ใส่หัวใจดวงใหม่กับโลกใบเก่านี้ลงไป... จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 15:49:24 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อาณาจักรอยุธยา เป็นอาณาจักรของไทยในอดีต มีหลักฐานของการเป็นเมืองในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 - 18 โดยมีร่องรอยของที่ตั้งเมือง โบราณสถาน โบราณวัตถุ และเรื่องราวเหตุการณ์ในลักษณะตำนาน พงศาวดารไปจนถึงศิลาจารึก ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานร่วมสมัยที่ใกล้เคียงเหตุการณ์มากที่สุด ว่าก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา ใน พ.ศ. 1893 นั้น ได้มีบ้านเมืองตั้งอยู่ก่อนแล้ว มีชื่อเรียกว่า เมืองอโยธยา หรือ อโยธยาศรีรามเทพนคร หรือ เมืองพระราม มีที่ตั้งอยู่บริเวณด้านตะวันออกของเกาะ เมืองอยุธยาเป็นเมืองที่มีความเจริญทางการเมืองการปกครอง และมีวัฒนธรรมที่รุ่งเรืองแห่งหนึ่ง มีการใช้กฎหมายในการปกครอง 3 ฉบับ คือ พระอัยการลักษณะเบ็ดเสร็จ พระอัยการลักษณะทาส และพระอัยการลักษณะกู้หนี้ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 50 15:54:47 จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 15:53:46 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตามมาอ่านครับ กำลังเพลินเลย แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 50 15:58:51 แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 50 15:58:17 จากคุณ : แก่ กรุงเก่า - [ 29 พ.ค. 50 15:57:33 ]

ความคิดเห็นที่ 20 บริเวณทิศตะวันออกของเกาะเมืองอยุธยา บริเวณนี้เชื่อว่าเคยเป็นส่วนหนึ่งของศรีรามเทพนคร ในครั้งอดีตบริเวณนี้มีโบราณสถานที่สำคัญๆ ของศรีรามเทพนครอยู่หลายแห่งด้วยกัน ทำให้นักโบราณคดีบางท่านเชื่อว่าแถวๆนี้แหละ คือศูนย์กลางของศรีรามเทพนคร ตาม ข้อสันนิษฐานว่า บริเวณ ดังกล่าว เป็นศูนย์กลาง ของ ศรีรามเทพนคร ก็ต้องมีพระราชวัง หลงเหลืออยู่เป็นแน่ แต่ลักษณะ การก่อสร้างพระราชวังส่วนมาก ทำจากไม้ซึ่งยากที่จะหลงเหลือให้เห็นร่องรอย แต่เราก็สามารถสืบค้นหาสถานที่ตั้ง ได้จากหลักฐานบันทึกใน พระราชพงศาวดารเหนือที่ระบุไว้ว่า "ศักราชได้ ๓๑๑ ปีมะเส็ง เอกศก(พ.ศ. ๑๔๙๒) พระเจ้าหลวงได้ราชสมบัติ ๙ ปี.... จึงสั่งให้ยกวังเป็นวัดเรียกว่า วัดเดิม แต่นั้นมา" เริ่ม มึน 555555555555555555 ดีใจจังอ่ะ มีคนสนใจด้วย... นึกว่าสนแต่เรื่องสูงๆๆๆ สูงกว่าหัวเข่า... กร๊ากกกกกกกกกกกกกก แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 50 16:12:19 จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 16:11:16 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ได้เป็นคนอยุธยานะคะ และไม่มีญาติอยู่ที่นั่นเลย... มีแต่เพื่อนที่แสนดี คือ พี่แก่ กรุงเก่า แต่..ลึกๆแล้ว... อยากได้แฟนเป็นคนอยุธยาค่ะ 5555555555555 ปีที่แล้ว วันเกิด ก็ยังไปดินเนอร์ ใต้แสงตะเกียง (ไฟดับ) 555 ที่อยุธยาอยู่เลยค่ะ อยุธยา คือ จ.ที่ไปบ่อยมากๆๆๆ เพราะ มี คนดีศรีอยุธยาอยู่ยังไงล่ะคะ พี่แก่ ขอค่านายหน้าโฆษณา เป็นกุ้งเผา โลนึง... 55555555555 พี่แก่ ขรา...โซคิดถึงค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 50 16:18:22 จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 16:16:16 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มาต่อๆ ม่ะต้องมาออดอ้อน มาต่อให้จบซะดีๆ จากคุณ : แก่ กรุงเก่า - [ 29 พ.ค. 50 16:28:20 ]

ความคิดเห็นที่ 23 มารอแกะกุ้งเผาครับ...แบบแบบมันแดงๆตรงหัวเยอะๆนะครับ อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 29 พ.ค. 50 16:33:32 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ^ ^ ^ อาจารย์กำลังทำผมน้ำลายสอนะคราบบ จากคุณ : แก่ กรุงเก่า - [ 29 พ.ค. 50 16:35:09 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ต่อไม่ไหวแล้วพี่แก่ขรา...... เมากาแฟ.... วันนี้ ทานกาแฟดำ ไป 4 แก้วแล้วพี่... โหย พี่แก่ ... พรุ่งนี้ โซจะกินกุ้งเผา ตัวอวบๆๆ เผื่อ ต่อด้วยปู ตัวโตๆๆๆๆ อิจฉาม่ะ.... แล้วก็ น้องไฮฯ ด้วยน๊า... ไอ้ที่ว่าให้มาต่อน่ะ ประวัติ ส่วนตัวโซหรือเปล่าพี่ 55555555555555555 จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 16:46:57 ]

ความคิดเห็นที่ 26 วัดเดิม หรือ วัดอโยธยา นั้นอยู่ถัดจากวัดกุฏิดาว และวัดจักรวรรดิ์ วัดอโยธยา ซึ่งเชื่อว่าบริเวรนี้เคยเป็นที่ตั้งวังหลวง ในสมัยศรีรามเทพนคร   มีพระเจดีย์ใหญ่ทรงระฆังตั้งอยู่บนฐานทักษิณสูง ซึ่งบัดนี้มีรอยแยกแตกร้าวหลายแห่ง ด้วยมีอายุนานนับศตวรรษส่วนยอดเจดีย์นั้นหักหายไป แม้กระนั้นก็มีความงดงาม ด้วย บริเวณองค์ระฆังกลมทำเป็นรูปปูนปั้นรูปกลีบบัวลดหลั่นกัน แปลกตากว่าเจดีย์องค์ อื่นๆ ในพระนครศรีอยุธยาที่เคยเห็นมา และน่าจะเป็นโบราณสถานเดียวของวังหลวง ของศรีรามเทพนครที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน   เป็นอันว่าเราก็ได้พบสถานที่ตั้ง ของวังหลวง แห่งอโยธยาในยุคแรกแล้ว ที่เหลือก็คงต้องใช้จินตนาการกันหน่อยว่า เมื่อยกที่วังให้เป็นวัดแล้ว พระราชวังหลวงย้ายไปอยู่ที่ไหน เราพบว่าบริเวณข้างวัดมเหยงค์ มีทุ่งกว้างในครั้งหนึ่งน่า จะเคยเป็นวัดที่สำคัญที่สุดแห่งของศรีรามเทพนคร ด้วยขนาด มหึมาของพระเจดีย์วัดช้าง (วัดโบราณที่ชาวบ้านมา ตั้ง ชื่อในภายหลังและไม่ทราบ ความเป็นมา) พระเจดีย์เป็นทรงระฆังบน ฐานสี่เหลื่ยม อัน เป็นศิลปกรรม ของศรีรามเทพนครยุคสุดท้าย ที่สูงล้ำค้ำฟ้ายืนหยัด เป็นประจักษ์ พยาน อยู่ แม้จะไร้หลักฐานางเอกสารเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ที่จะใช้อ้างอิงถึงความสำคัญ แต่เมื่อเจดีย์ประธานของวัดมีขนาดใหญ่โตโอฬาร จนอาจกล่าวได้ว่าใหญ่ที่สุด ในบรรดาเจดีย์ทั้งหลายในอยุธยาขนาดนี้ แล้วยัง จะบอกว่าเป็นแค่วัดธรรมดาๆ วัดหนึ่ง ก็คงจะ ไม่มีใครเชื่อเป็นแน่ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 50 17:39:04 แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 50 16:57:30 จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 16:55:03 ]

ความคิดเห็นที่ 27 แต่ชื่อวัดช้างออกจะดูธรรมดาไปหน่อย ที่เรียกชื่อเช่นนี้ เพราะชาวบ้านบริเวณนั้น ก็ไม่ทราบชื่อ ที่แท้จริงของวัดโบราณแห่งนี้ เนื่องจาก เป็นวัด เก่าแก่ที่รกร้างมานาน ชาวบ้านบางคนก็บอกว่าเมื่อก่อนที่วัดนี้มี รูปปั้น ช้างประดับอยู่ จึงเรียกว่าวัดช้างทำนองเดียวกันกับชื่อ วั ดช้างล้อม วัดช้างล้ม แต่ในปัจจุบัน รูปปูนปั้นนี้ไม่หลงเหลือมากนัก ที่เหลืออยู่เป็นเศษซากชิ้นส่วน ซึ่งบอกไม่ได้แน่ชัดว่า เป็นรูปช้าง หรือ รูปสิงห์ บริเวณผนังของส่วนฐานเจดีย์ ซึ่งแต่เดิมน่า จะเป็นแปด เหลี่ยม ตามลักษณะของเจดีย์ศรีรามเทพนครในยุคปลายนั้น ถูกลักลอบขุด คุ้ย เจาะเป็นโพรงขนาดใหญ่ จนเห็นได้ถนัดว่าเป็น เจดีย์ที่กลวงผนังด้านใน มีการก่ออิฐ แบบเรืยง เป็นระเบียบโดยไม่สอปูน อันเป็นเทคนิค เก่าแก่ ที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัย ทวาราวดี ภาพวิหารหลังหนึ่งภายในวัดกุฏิดาว ด้านหน้าของวิหารมีองค์เจดีย์ประธาน ลักษณะรูปแบบศิลปะของศรีรามเทพนคร จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 17:00:39 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ที่ผ่านมาเป็นโบราณสถาน ของ ศรีรามเทพนครที่ยังคงสภาพ รกร้าง ดังที่ เคยเป็นมา แต่เดิม ตั้งแต่ เมื่อครั้ง กรุงศรีอยุธยา หรืออาจ จะก่อนหน้านั้น แต่ในอาณา บริเวณเดียวกันนี้ ยังคงมี โบราณสถานของ ศรีรามเทพนครอีกส่วนหนึ่ง ที่ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ ในสมัยพระนครศรีอยุธยาคือ วัดมเหยงค์และวัด กุฏิดาว ซึ่งมีข้อความในพระราช พงศาวดารเหนือ ระบุว่า สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๑๘๕๒ วัดมเหยงค์ซึ่งเป็นวัดขนาดใหญ่วัดหนึ่งในแถบนี้นั้น ตาม พงศาวดาร กรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ ระบุว่าได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ ในสมัยพระบรมราชาธิราช (เจ้าสามพระยา) ครั้งหนึ่ง และในสมัยพระเจ้าท้ายสระ ได้มีการบูรณะใหญ่อีกครั้งหนึ่งพร้อมกันกับวัดกุฏิดาว จากหลักฐานสิ่งก่อสร้างของวัดทั้งสองก็พอหลงเหลือ ร่องรอยของศิลปะศรีรามเทพนคร ซึ่งก็ได้แก่เจดีย์ประธานของวัดมเหยงค์ ซึ่งเป็นเจดีย์ทรงระฆัง ตั้งอยู่บนฐานระเบียง มีช้างปูนปั้นล้อมรอบ ซึ่งเป็นลักษณะของเจดีย์ของพุทธศาสนาลังกาวงศ์ และเจดีย์ประธาน ของวัดกุฏิดาว ก็มีรูปทรงเก่าแก่ แบบของศรีเทพนครเช่นกัน นอกจาก วัดวาอาราม ที่กล่าวมา ซึ่งกล่าวได้ว่าสร้างขึ้นอยู่ศรีรามเทพนครแล้ว ยังมี วัดใหญ่ชัยมงคล และ วัดพนัญเชิง โดยเฉพาะวัดพนัญเชิง มีหลักฐานว่าสร้างขึ้น ในสมัยของศรีรามเทพนคร เช่นกัน โดยมีข้อความระบุในพระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐนิติ์ว่า "จุลศักราช ๖๘๖(พ.ศ. ๑๘๖๗) แรกสถาปนาพระพุทธเจ้าพแนงเชิง" จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 17:03:45 ]

ความคิดเห็นที่ 29 วันนี้ โซคงหลับตาเป็นประวัติศาสตร์แน่ๆๆ 555555555 จากคุณ : Zorakun - [ 29 พ.ค. 50 17:05:07 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มานั่งพับเพียบฟังสาวอักษรสอนประวัติศาสตร์อยุธยา พี่ชอบอยุธยามากเลย....ขลังอ่ะ   ยิ่งใหญ่ วันว่างคราวหน้าพี่จองตัวนู๋ไปด้วยแล้วกันนะคะ จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 29 พ.ค. 50 18:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แยกเจดีย์สามปลื้ม รถจะติดมาก และไฟแดงนานนนนนนนนนนมากกกกกก ให้อ้อมออกสนามกีฬา แล้วไปเที่ยววัดใหญ่นะจ๊ะ จากคุณ : อาโตะ โคเรวะ - [ 1 มิ.ย. 50 05:55:54 ]