Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    Yokoso Japan ตอนที่ 1 : บินสู่ญี่ปุ่นประทับใจ ไปกับการบินไทย TG127/642 เชียงใหม่-กรุงเทพ-โตเกียว และ Narita Express

    หมายเหตุ : กระทู้ฉบับเต็มภาพประกอบเพียบอยู่ที่ลิ๊งค์นี้
    http://www.hflight.net/forum/m-1206694196/s-all/


    สวัสดีครับ .... ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับ ว่าทริปนี้เป็นทริปฝากกล้องไปถ่ายนะครับ
    เพราะผู้ร่วมทริปคือน้องสาวผม แล้วก็คุณพ่อ คุณแม่ผมเอง

    ส่วนตัวผมนั้นก็รบรา เอ้ย รักษาน้องหมาน้องแมว ทำงานทำการไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอกครับ (เฮ่อ..)

    การเดินทางสู่ญี่ปุ่นในครั้งนี้ของสามพ่อ-แม่-ลูก เกิดขึ้นได้จากการที่ทางมหาวิทยาลัย Keisen กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้เชิญให้คุณพ่อผมไปทัศนศึกษาและดูงานที่มหาวิทยาลัย โดยจะช่วยออกค่าใช้จ่ายเรื่องการเดินทางและที่พักให้

    ดังนั้น ครั้นคุณพ่อจะเดินทางไปญี่ปุ่นคนเดียวก็รู้สึกกะไรอยู่ จึงจำเป็นต้องนำน้องสาวผม เด็กเมเจอร์ญี่ปุ่น ไปทำหน้าที่ล่าม.... แล้วสองพ่อลูก จะไปกันเองได้อย่างไร ถ้าไม่มีแม่แพคไปด้วย แต่ทว่าผมเองก็ต้องทำงาน หยุดยาวไม่ได้ ผมก็เลยต้องอดไปปริยาย อยู่เฝ้าบ้านโฮ่งๆ ละกัน

    ช่วงเวลาสิ้นเดือนมีนาคมเป็นช่วงที่เหมาะสมมากๆ เพราะปิดเทอมแล้ว
    คุณพ่อ-คุณแม่ผมเริ่มมีเวลาว่าง อีกทั้งคุณแม่ผมได้รับคำเชิญให้ไปเป็นวิทยากรบรรยายที่กรุงเทพ ซึ่งสามารถเบิกค่าเดินทางการบินไทย เชียงใหม่-กรุงเทพ-เชียงใหม่ ได้ด้วย ทำให้ประหยัดค่าเดินทางไปได้อีกเปราะหนึ่ง

    ก็ได้พยายามค้นหาราคาที่ถูกที่สุดครับ ด้วยความที่ตั้งใจว่าจะเดินทางแบบ กรุงเทพ-โตเกียว/โอซาก้า-กรุงเทพ (เหตุผลน้องสาวผมบอกว่า จะได้ลองทั้งสองสนามบิน, ไม่ต้องอ้อมไปมา และ ตม.ขาออกที่คันไซ คนน้อยกว่าที่นาริตะ) .... จึงทำให้หาตั๋วราคาประหยัดได้ยากลำบากเหมือนกัน แต่เท่าที่เช็คๆ ดูแล้ว เดินทางกับการบินไทย ได้ราคาตั๋วไป-กลับ อยู่ประมาณ 25,8xx บาท/คน ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง แต่การเดินทางช่วงนี้ก็ถือว่าเป็นช่วง peak พอดี ก็ต้องทำใจ ก็เลยได้เลือกที่จะออกตั๋วกับคุณเอเยนต์ข้างที่ทำงานผมเอง (พนักงานที่ขายตั๋วให้ก็เป็นลูกศิษย์คุณพ่อผม คุยกันง่ายหน่อย)

    16 March 2008 : Bangkok - Tokyo (Narita) TG642 23:50 - 7:30 B777-200
    27 March 2008 : Osaka (Kansai) - Bangkok TG673 01:25 - 5:55 B777-200


    แต่ไม่เป็นไรครับ เพราะส่วนคุณพ่อผมสามารถเบิกได้ ก็สามารถไปหักลบได้ พอคำนวนยอดที่จ่ายจริงของทั้ง 3 คน ค่าตั๋ว เชียงใหม่-กรุงเทพ-ญี่ปุ่น ไป-กลับ ก็อยู่ประมาณ 18,xxx บาทซึ่งก็ถือว่ารับได้ ที่สำคัญตั๋วนี้เป็น Q Class ซึ่งสามารถสะสมไมล์ได้เต็ม 100% ด้วยหล่ะครับ

    น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ว่า พอออกตั๋วการบินไทยไปได้ราว 1 สัปดาห์ ทาง Singapore Airlines ได้ออกโปรโมชั่นสุดแสนจะถูกมากๆ บินไป-กลับ ญี่ปุ่น ราคารวมภาษีแค่คนละ 16,700 บาท เท่านั้นเอง และวันที่เลือกเดินทางก็มีโปรโมชั่นด้วย (แต่ว่าจะต้องเลือกขึ้น-ลงที่คันไซ หรือ นาริตะเพียงอย่างเดียว) ก็อดที่จะเสียดายไม่ได้ เอาหน่ะครับ เดี๋ยวคราวหน้าทริปผมไป จะเล็งโปรโมชั่นดีๆ

    เพราะผมเองก็อยากจะเกาะ SQ ไปญี่ปุ่นเหมือนกัน ถ้าผมไปก็คงเข้าออกที่นาริตะหล่ะครับ หุ หุ หุ แพลนไว้ 7 วันจะท่องเหนือจรดใต้ ตั้งแต่ซัปโปโร ยัน ฟุกุโอกะเลย เหอๆ

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    เรื่องวีซ่า ...
    เนื่องด้วย ทริปนี้ทางมหาวิทยาลัย Keisen ได้เชิญคุณพ่อผม และได้ส่งหนังสือมาเชิญคุณแม่ผมด้วย ซึ่งคุณพ่อ-คุณแม่ผมเป็นข้าราชการ จึงสามารถใช้หนังสือเดินทางราชการ (Official Passport -- เล่มสีน้ำเงิน) เดินทางเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นได้ โดยไม่ต้องทำวีซ่า แต่ต้องมีหนังสือเชิญเป็นลายลักษณ์อักษรแนบไปด้วยครับ

    ถึงอย่างไรจะไปแบบราชการก็ต้องไปติดต่อสถานทูตก่อนครับ อย่างคุณพ่อ-คุณแม่ผมก็ไปติดต่อสถานกงศุลญี่ปุ่นที่เชียงใหม่มา
    ทั้ง 2 คนยื่นเอกสารเหมือนกัน แต่คนละเคาน์เตอร์
    -- ของคุณพ่อผม ได้รับการพิจารณาเจ้าหน้าที่ว่าได้รับวีซ่าเข้าญี่ปุ่นแบบ Tourist
    -- ของคุณแม่ผม ได้รับการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ว่าได้รับวีซ่าเข้าญี่ปุ่นแบบ Official (มาเพื่อทำงานหรือทำธุรกิจ ไม่ได้มาท่องเที่ยว)

    ซึ่งทำให้เกิดปัญหามาก ทำให้คุณแม่ผมไม่สามารถใช้บัตร Japan Rail Pass ได้ เนื่องจากผู้ที่จะใช้บัตร Japan Rail Pass จะต้องถือ Tourist Visa เท่านั้น !!!
    (แต่นั่นก็เป็นดุลยพินิจของคุณเจ้าหน้าที่สถานทูต)

    ส่วนคุณน้องสาวผม ก็ต้องทำวีซ่า Tourist ตามปกติ สามารถยื่นทำได้ที่สถานกงศุลญี่ปุ่นที่เชียงใหม่ได้เลยสบายบรี๋อ ....
    แต่กระบวนการไม่ง่ายครับ แม้ว่าน้องสาวผมจะเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ไปเรียนอยู่ญี่ปุ่นมา 1 ปีเต็มแล้วก็ตาม
    สำหรับนิสิต-นักศึกษา เอกสารที่จำเป็นมากๆ ในการยื่นขอวีซ่า ได้แก่
    1. ใบรับรองสถานะการเป็นนิสิต-นักศึกษา จากสถาบันที่ตนศึกษาอยู่ (เป็นภาษาอังกฤษ)
    2. Statement รายได้ของผู้ปกครองทั้งพ่อและแม่ ....

    ส่วนรายละเอียดในการขอวีซ่าเพื่อไปท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นระยะสั้นๆ สำหรับบุคคลทั่วไป สามารถไปอ่านได้จากลิ๊งค์นี้ครับ
    http://www.jeducation.com/THAI/prepare/shortvisa.html

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    โปรแกรมทริปนี้มีทั้งหมด 10 วันครับ ผมจะพยายามเอามาลงให้ดูแล้วกันนะครับ ข้อมูลทั้งหมดอาจจะไม่ค่อยละเอียดครบถ้วนเท่าไหร่ เพราะผมไม่ได้เป็นคนเดินทางเอง ได้แต่เก็บข้อมูลจากคุณน้องสาวผม (แค่ฝากให้ถ่ายรูปเฉยๆ ... จะบังคับให้โพสต์กระทู้ด้วยก็กะไรอยู่ -- ขนาดยอมให้ยืมล๊อกอินให้ใช้โพสต์ยังไม่เอาเลย เหอๆ)

    ทริปคร่าวๆ ตลอด 10 วันก็มีประมาณนี้ครับ
    วันที่ 1-4 โตเกียว : ตะลุยไปในโตเกียว ชมย่านต่างๆ แล้วก็ไปนิกโก้ 1 วัน
    วันที่ 5-7 เกียวโต : ตะลุยย่านเกียวโต - นารา
    วันที่ 8 เมือง Tottori (เมืองที่น้องสาวเคยไปแลกเปลี่ยนมา 1 ปี -- เยี่ยม Host ว่างั้น)
    วันที่ 9 ฮิเมจิ (ครึ่งวัน) --> ฮิโรชิม่า
    วันที่ 10 โอซาก้า -->> บินกลับตอนกลางคืน

    ดูจากขนมได้เลยนะครับ ไปแวะเมืองไหนซื้อขนมที่เมืองนั้นไล่มาตามรายทาง ตั้งแต่ Tokyo Banana กล่องเหลือง, กล่องเขียวๆ ที่เกียวโต-นารา ด้านล่างที่เมือง Tottori, กล่องขาวที่ฮิเมจิ และกล่องสีเลือดหมู จากฮิโรชิม่า (ที่สำคัญเวลาซื้อขนมอย่าลืมดูวันหมดอายุด้วยนะครับ)

    ปล. ทริปนี้ไม่มีออนเซ็น ไม่มีเปลื้องผ้านะครับ ถ้าต้องการสิ่งนี้ รอทริปที่ผมไปเองก็แล้วกันนะครับ เหอ เหอ เหอ

     
     

    จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 29 มี.ค. 51 00:29:48 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom