ความคิดเห็นที่ 1 ยอดเขาเอเวอเรสต์ (Mount Everest) เป็นยอดเขาหนึ่งในเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเกิดจากการชนกันของแผ่นเปลือกโลกยูเรเซียนและแผ่นเปลือกโลกอินเดีย ในทางภูมิรัฐศาสตร์ ยอดเขาเอเวอเรสต์ถือเป็นจุดแบ่งพรมแดนระหว่างประเทศเนปาลและทิเบต โดยชาวเนปาลเรียกยอดเขาเอเวอเรสต์ว่า สครมาธาร์ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 20:34:45

ความคิดเห็นที่ 2 Mountain Flight มีให้เลือกบินหลายสายการบิน แต่ Buddha Air ถือเป็น The Best Mountain Flight in the World กับตันเตรียมเทคออฟ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 20:37:51

ความคิดเห็นที่ 3 ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 196 USD ต่อคน เครื่องจุผู้โดยสารได้เพียง 16 ที่นั่ง รวมกัปตัน 2 คนแอร์โฮสเตส 1 รวมทั้งหมด เป็น 19 คน เริ่มบินขึ้นแล้ว วิวด้านล่างคือกาฎมาณฑุ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 20:42:45

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก ชื่อยอดเขาเอเวอเรสต์นั้น ตั้งโดย เซอร์แอนดรูว์ วอ นักสำรวจประเทศอินเดียชาวอังกฤษ เพื่อเป็นเกียรติแก่ เซอร์จอร์จ อีฟเรสต์ นักสำรวจประเทศอินเดียรุ่นก่อนหน้า (คำว่า Everest นี้ คนส่วนมากอ่านออกเสียงเป็น เอเวอเรสต์ ขณะที่เซอร์จอร์จอ่านออกเสียงชื่อสกุลของตัวเองว่า อีฟเรสต์) ซึ่งก่อนหน้านั้นนักสำรวจเรียกยอดเขาแห่งนี้เพียงว่า ยอดที่สิบห้า (Peak XV) จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 20:43:47

ความคิดเห็นที่ 5 ขอร่วมไว้อาลัย และตามไปเยีี่ยมชมด้วยครับ จากคุณ : กฤชพล เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 20:44:03

ความคิดเห็นที่ 6 เริ่มทะยานสู้ท้องฟ้า คนทั่วไปจดจำชื่อเอเวอเรสต์ได้ในฐานะยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก แต่สำหรับชาวเชอร์ปาและนักปีนเขาบางคนแล้ว ยอดเขาเอเวอเรสต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่จุดที่สูงที่สุดบนพื้นโลกเท่านั้น หากยังเป็นจุดหมายสูงสุดในชีวิตพวกเขาด้วย การไปให้ถึงยอดเขาเอเวอเรสต์เป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่เมื่อยอดเขาเอเวอเรสต์ถูกพิชิตได้ นั่นหมายความว่าขีดจำกัดของมนุษยชาติได้เพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 20:45:02

ความคิดเห็นที่ 7 ในเครื่องจะแบ่งเป็น 2 แถวทุกที่นั่งติดริมหน้าต่าง แอร์โฮสเตสจะแจกแผ่นพับที่มีชื่อยอดเขาต่างๆ และชี้ให้เราดูว่ายอดไหนชื่ออะไร เมื่อปี ค.ศ. 1952 รัฐนาถ สิกดาร์ นักคณิตศาสตร์และนักสำรวจจากเบงกอล เป็นคนแรกที่ประกาศว่าเอเวอเรสต์คือยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก จากการคำนวณทางตรีโกณมิติ โดยอาศัยข้อมูลที่วัดด้วยกล้องส่องแนวในที่ที่ไกลจากยอดเขาไป 150 ไมล์ ณ ประเทศอินเดีย ในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 ทางการจีนได้ส่งคณะเดินทางสำรวจไปที่ยอดเขา เพื่อคำนวณความสูงของยอดเขา ในวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2548 สำนักงานสำรวจและทำแผนที่แห่งชาติจีน ได้ทำการวัดครั้งล่าสุด พบว่ายอดเขาเอเวอเรสต์มีความสูง 8,844.43 เมตร (29,017 ฟุต 2 นิ้ว) และอาจมีการคลาดเคลื่อนจากการวัดเล็กน้อย จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 20:47:46

ความคิดเห็นที่ 8 ในปี ค.ศ. 1956 ยอดเขาเอเวอเรสต์วัดความสูงได้ 29,002 ฟุต ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1950 การวัดทำได้แม่นยำขึ้น และให้ความสูง 29,028 ฟุต หรือ 8,848 เมตร ซึ่งตัวเลขนี้ถือเป็นความสูงของยอดเขาเอเวอเรสต์ที่ใช้อ้างถึงโดยทั่วไป และได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลเนปาล อย่างไรก็ดี จากการติดตั้งเครื่องมือที่ยอดเขาของทีมสำรวจสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1999 และทำการวัดความสูงด้วยจีพีเอสแล้ว พบว่าความสูงที่แท้จริงของยอดเขาเอเวอเรสต์ในขณะนั้นคือ 29,035 ฟุต หรือ 8,850 เมตร ทั้งนี้ยอดเขาเอเวอเรสต์ยังคงสูงขึ้นเรื่อย ๆ ปีละไม่กี่เซนติเมตร เนื่องจากการที่แผ่นเปลือกโลกยังคงชนกันอยู่ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 20:48:57

ความคิดเห็นที่ 9 หิมาลัยงดงามมากค่ะ จากคุณ : นางมารชุดส้ม เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 20:49:31

ความคิดเห็นที่ 10 จะเห็นได้ว่าเทือกเขาหิมาลัย เป็นยอดเขาที่สูงมาก สูงจนทะลุก้อนเมฆ ยอดเขาเอเวอเรสต์เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดเมื่อวัดจากระดับน้ำทะเล แต่ก็ยังกล่าวได้ไม่เต็มปากเต็มคำนักว่ายอดเขาเอเวอเรสต์เป็น ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก เนื่องจากมีอีกสองยอดเขาที่ดูจะสูงกว่ายอดเขาเอเวอเรสต์ เมื่อใช้เกณฑ์การวัดที่ต่างกัน ยอดเขาแรกคือ ยอดเขาเมานาโลอา ในหมู่เกาะฮาวาย ซึ่งถ้าวัดความสูงจากฐานที่จมอยู่ในทะเลแล้วจะพบว่ายอดเขานี้สูงกว่า 9 กิโลเมตร เลยทีเดียว แต่เมื่อวัดความสูงจากระดับน้ำทะเล ยอดเขาเมานาโลอาจะสูงเพียง 13,680 ฟุต หรือ 4,170 เมตรเท่านั้น อีกยอดเขาหนึ่งคือ ยอดเขาชิมโบราโซ ในประเทศเอกวาดอร์ ที่ถ้าวัดจากจุดศูนย์กลางโลกแล้วจะสูงกว่ายอดเขาเอเวอเรสต์ 2,150 เมตร ทั้งนี้เพราะโลกมีลักษณะป่องตรงกลาง แต่เมื่อวัดความสูงจากระดับน้ำทะเล ยอดเขาชิมโบราโซมีความสูง 6,272 เมตร จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 20:50:54

ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อเครื่องบินบินขนานมาตามแนวเทือกเขาหิมาลัย แอร์โฮสเตสจะพาผู้โดยสารแต่ละที่นั่งเข้าไปในห้องนักบิน เพื่อให้ทุกคนได้เห็น Everest เต็มๆตาจาก Cockpit คือนักบินเห็นอะไร เราก็จะได้เห็นแบบที่นักบินเห็นค่ะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 20:53:22

ความคิดเห็นที่ 12 นี่คือยอดเขาเอเวอร์เรส ที่ใครๆใฝ่ฝันที่จะขึ้นไปพิชิต เป็นที่น่าสังเกตว่าจุดที่ลึกที่สุดในมหาสมุทร มีความลึกมากกว่าความสูงของยอดเขาเอเวอเรสต์ โดยร่องลึกแชลเลนเจอร์ในร่องลึกบาดาลมาเรียนานั้นลึกมากเสียจนถ้าวางยอดเขาเอเวอเรสต์ลงไป ยอดเขาเอเวอเรสต์จะยังคงจมอยู่ในน้ำเป็นระยะทางเกือบไมล์ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 20:54:51

ความคิดเห็นที่ 13 กับตันจะบินวนให้ผู้โดยสารได้ชมเอเวอร์เรสจนครบทุกคนค่ะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 20:55:45

ความคิดเห็นที่ 14 ตอนนี้ถึงคิวของ x-file แล้วค่ะ จำได้ว่ากดชัตเตอร์รัวอยู่หลังกัปตัน จนกับตันต้องเอียงตัวหลบให้ถ่ายภาพอย่างเต็มที่เลยค่ะ ในปี ค.ศ. 1922 นักปีนเขาชาวเชอร์ปาเจ็ดคนเสียชีวิตจากหิมะถล่ม นับเป็นครั้งแรกของการเสียชีวิตบนยอดเขาเอเวอเรสต์ที่ถูกบันทึกไว้ ในปีเดียวกันนี้ คณะเดินทางจากอังกฤษคณะที่สองได้ไต่ขึ้นสู่ระดับความสูง 8321 เมตร ในปี ค.ศ. 1924 คณะเดินทางจากอังกฤษคณะที่สามเดินทางเข้าใกล้ยอดเขาเอเวอเรสต์ จอร์จ มัลลอรี และ แอนดรู เออร์ไวน์ ตัดสินใจเดินทางขึ้นสู่ยอดเขา การเดินทางของเขาทั้งสองในครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ไม่มีวันหวนกลับ วันที่ 8 มิถุนายน เวลา 12.50 น. นักเดินทางคนอื่น ๆ เห็นทั้งสองอยู่ไม่ไกลจากยอดเขา จากนั้นมีเมฆลอยมาปกคลุม และไม่มีใครเห็นทั้งสองคนนี้อีกเลย ในปี ค.ศ. 1979 หวังฮงเป่า นักปีนเขาชาวจีนบอกกับเพื่อนร่วมทางว่าเขาพบศพศพหนึ่งในปี ค.ศ. 1975 และนั่นน่าจะเป็นศพของเออร์ไวน์ แต่โชคไม่ดีที่หวังฮงเป่าตกเขาเสียชีวิตไปก่อนที่จะได้บอกอะไรเพิ่มเติม ในปี ค.ศ. 1999 คณะเดินทางวิจัยมัลลอรี-เออร์ไวน์ได้พบศพของมัลลอรีใกล้แคมป์จีนเก่า ส่วนศพของเออร์ไวน์นั้น แม้จะมีการค้นหาอย่างหนักหน่วงในปี ค.ศ. 2004 แต่ก็ยังไม่พบ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 20:57:26

ความคิดเห็นที่ 15 วิวจากห้องนักบิน เป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักปีนเขาว่ามัลลอรีและเออร์ไวน์ได้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์แล้วหรือไม่ นักปีนเขาส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่ามัลลอรีและเออร์ไวน์ได้ไปถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ เนื่องจากไม่มีหลักฐานว่าทั้งคู่ได้ไปถึงหินขั้นที่สอง (การไปถึงยอดเขาเอเวอเรสต์จากทางด้านเหนือต้องผ่านหินสามขั้น) แต่นักปีนเขาทั้งหลายเชื่อว่าถ้าทั้งคู่ผ่านตรงนี้ไปได้ การไปถึงยอดเขาก็ไม่ใช่เรื่องลำบาก เพราะไม่มีอุปสรรคใหญ่ใดๆ อีกแล้ว จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 20:58:37

ความคิดเห็นที่ 16 ซูมเข้าไปอีกนิด เหมือนนักบินจะแลนดดิ้งลงบนยอดเขา ในระยะแรก การเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาใช้เส้นทางด้านเหนือจากดินแดนจีนทิเบต แต่เส้นทางนี้ได้ปิดตัวลงในปี ค.ศ. 1950 หลังจากประเทศจีนเข้ายึดครองทิเบต ในขณะที่ประเทศเนปาล ได้เริ่มเปิดประเทศให้คนภายนอกเดินทางเข้าประเทศได้ในปี ค.ศ. 1949 ในปี ค.ศ. 1951 คณะเดินทางจากอังกฤษเดินทางเข้าสู่ประเทศเนปาลเพื่อสำรวจเส้นทางปีนเขาเส้นใหม่ที่อยู่ด้านใต้ของเทือกเขา ในปี ค.ศ. 1952 คณะเดินทางจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พยายามขึ้นสู่ยอดเขาจากทางด้านใต้ โดยอาศัยข้อมูลของคณะเดินทางจากอังกฤษ ซึ่งทีมของ เรย์มอนด์ แลมเบิร์ต และ เตนจิง นอร์เก เกือบจะขึ้นสู่ยอดเขาได้ แต่ต้องถอยกลับเสียก่อนขณะที่เหลือระยะทางอีก 200 เมตรเท่านั้น ในฤดูใบไม้ร่วงปีเดียวกัน คณะเดินทางจากสวิสได้พยายามอีกครั้ง แต่ก็ไต่ได้ในระดับที่ต่ำกว่าเดิม จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 20:59:37

ความคิดเห็นที่ 17 ที่ภาพออกสีฟ้าเข้มเนื่องจากกระจกห้องนักบินติดฟิล์มกรองแสงสีฟ้าเพื่อตัดแสงสะท้อนเวลาบินค่ะ ในปี ค.ศ. 1953 คณะเดินทางจากอังกฤษนำทีมโดย จอห์น ฮันต์ ได้กลับมาที่ประเทศเนปาล และพยายามขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์อีกครั้ง เมื่อคณะเดินทางไต่ขึ้นใกล้ยอดเขา จอห์น ฮันต์ ได้เลือกนักปีนเขาหนึ่งคู่ให้ไต่ขึ้นไปสู่ยอดเขา แต่นักปีนเขาคู่นี้อ่อนแรงเสียก่อน และไม่สามารถขึ้นไปสู่ยอดเขาได้ ในวันถัดมา จอห์น ฮันต์ เลือกนักปีนเขาอีกคู่หนึ่งคือ เอดมันด์ ฮิลลารี ชาวนิวซีแลนด์ และ เทียนซิง นอร์เก ชาวเชอร์ปาร์ นักปีนเขาคู่นี้เองที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ลงได้เป็นครั้งแรก เมื่อเวลา 11.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1953 ที่ยอดเขาทั้งสองได้หยุดพักถ่ายรูป รวมทั้งฝังลูกอมและไม้กางเขนเล็ก ๆ ไว้ในหิมะก่อนจะเดินทางกลับ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 21:01:05

ความคิดเห็นที่ 18 ภาพสวยมากๆเลยครับ จากคุณ : ค่ง หยาง เจี่ยน เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 21:01:26

ความคิดเห็นที่ 19 ภาพนี้ถือเป็นภาพที่สุดประทับใจ ในชีวิตนักเดินทางของ x-file เลยค่ะ ข่าวความสำเร็จของคณะเดินทางไปถึงลอนดอน ในเช้าวันที่สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่สองขึ้นครองราชย์ และหลังจากที่ เอ็ดมันด์ ฮิลลารี และ จอห์น ฮันต์ กลับมายังกาฐมัณฑุ ทั้งสองก็ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นอัศวิน เพื่อเป็นเกียรติแก่ความพยายามและความสำเร็จในครั้งนี้ แม้ยอดเขาเอเวอเรสต์จะถูกพิชิตลงได้อย่างเป็นทางการ แต่มนต์ขลังของยอดเขาแห่งนี้ก็ใช่ว่าจะหมดไป นักปีนเขาทั้งหลายทั่วทุกสารทิศจากทุกมุมโลกต่างก็อยากพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ให้ได้ซักครั้งในชีวิต นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 เป็นต้นมา ความพยายามในการขึ้นไปสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ครั้งสำคัญๆ มีดังนี้ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 21:02:29

ความคิดเห็นที่ 20 สวัสดีค่ะคุณกฤชพล, คุณนางมารชุดส้ม, และคุณค่ง หยาง เจี่ยน ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันนะคะ ห้องนักบินที่ความสูง 12,650 ฟุต ในปี ค.ศ. 1960 วันที่ 25 พฤษภาคม นักปีนเขาชาวจีนสามารถขึ้นถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ได้โดยใช้เส้นทางด้านเหนือ ในปี ค.ศ. 1963 วันที่ 22 พฤษภาคม ทอม ฮอร์นเบียน และวิลลี อันโซลด์ ชาวอเมริกัน ขึ้นถึงยอดเขาโดยใช้เส้นทางด้านทิศตะวันตก ค้างคืนที่ระดับความสูง 8,400 เมตร และเดินทางกลับตามเส้นทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ในปี ค.ศ. 1965 วันที่ 20 พฤษภาคม นาวาง กมบุ ชาวเชอร์ปา เป็นคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สองครั้ง ในปี ค.ศ. 1975 วันที่ 16 พฤษภาคม จุนโกะ ตาเบอิ ชาวญี่ปุ่น เป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้สัมผัสยอดเขาเอเวอเรสต์ ในปี ค.ศ. 1978 ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ (Reinhold Messner) ชาวอิตาลี และ ปีเตอร์ ฮาเบเลอร์ (Peter Habeler) ชาวออสเตรีย เป็นสองคนแรกที่ขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ได้โดยไม่ใช้ถังออกซิเจน ในปี ค.ศ. 1980 ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ (Reinhold Messner) เป็นมนุษย์คนแรกที่ขึ้นสู่ยอดเอเวอเรสต์เพียงลำพัง โดยไม่ใช้ถังออกซิเจนสำรอง จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 21:06:48

ความคิดเห็นที่ 21 หลังจากวนให้ผู้โดยสารชมกันแบบใกล้ๆจนครบแล้ว นักบินก็จะบินกลับ Mountain Flight จะเริ่มบินตั้งแต่ไฟล์ทแรก 6 โมงเช้าจนไฟลท์สุดท้ายของวันคือ 9 โมงค่ะ บินขึ้นลงเป็นว่าเล่นเหมือนรถ บขส. จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 21:10:20

ความคิดเห็นที่ 22 ในฤดูกาลปีนเขาปี ค.ศ. 1996 มีผู้เสียชีวิตจากการปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ทั้งหมด 15 คน นับว่าเป็นปีที่มีผู้เสียชีวิตจากการปีนเขามากที่สุด โดยในวันที่ 10 พฤษภาคม ได้เกิดพายุขึ้นและคร่าชีวิตนักปีนเขาไปทั้งหมด 8 คน ในจำนวนนี้รวมถึง ร็อบ ฮอลล์ และ สก็อต ฟิชเชอร์ สองนักปีนเขาผู้มากประสบการณ์ผู้ถูกจ้างให้นำทางคณะสำรวจ อย่างไรก็ตาม สองผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ คือ จอน คราเคอร์ และ เบค เวเธอร์ส ได้กลับมาเขียนหนังสือเล่าประสบการณ์เฉียดตายในครั้งนั้น โดย จอน คราเคอร์ เขียนหนังสือ Into Thin Air และกลายเป็นหนังสือขายดีในเวลาต่อมา ส่วน เบค เวเธอร์ส ออกหนังสือชื่อ Left for dead จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 21:11:33

ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อจบฤดูกาลปีนเขาปี ค.ศ. 2001 มีผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้แล้วทั้งหมด 1491 คน และมีผู้เสียชีวิตจากการปีนเขาทั้งหมด 172 คน กล่าวได้ว่าที่ยอดเขาเอเวอเรสต์แห่งนี้เป็นที่ที่มีทั้งชีวิตและความตาย ความสำเร็จและความล้มเหลว อย่างไรก็ตาม ยอดเขาเอเวอเรสต์ก็ยังคงเป็นสถานที่ที่ท้าทายนักปีนเขาต่อไป ขอขอบคุณข้อความทั้งหมดจากวิกิพีเดียด้วยค่ะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 21:13:10

ความคิดเห็นที่ 24 คนไทยที่สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์สำเร็จเป็นคนแรกคือ นายวิทิตนันท์ โรจนพานิช ซึ่งสามารถพิชิตยอดเขาได้เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 เวลา 8:00 น. ตามเวลาท้องถิ่นเนปาล ร่วมกับนักปีนเขาชาวเวียดนาม 3 คนจากรายการเรียลลิตี้โชว์ \_Conquering Mount Everest 2008\_ ของสถานีโทรทัศน์วีทีวี ประเทศเวียดนาม (ได้แก่ Phan Thanh Nhien, Bui Van Neogi, Nguyen Mau Linh) จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 21:14:38

ความคิดเห็นที่ 25 ภาพสวยงาม มีสาระ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : puk ka bee เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 21:14:53

ความคิดเห็นที่ 26 ก่อนปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ ชาวเนปาลจะเพื่อจัดพิธีบวงสรวงเทพยดาแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นการขอขมาและบูชาเทพธิดา "สักการะมาถา"  ซึ่งเป็นชื่อของยอดเขาเอเวอเรสต์ แปลว่า พระแม่ผู้เป็นเจ้า จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 21:15:54

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณคุณ Puk Ka bee ที่แวะมาทักทายกันนะคะ ใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการบิน แต่ของเรากัปตันวนแถมให้ถ่ายกันอย่างจุใจ เพราะเราเป็นไฟล์ทสุดท้ายของวันนั้นวันที่ 31 ตุลาคม 2551 ใกล้จะร่อนลงสนามบินแล้วแต่ต้องบินวนประมาณ 3-4 รอบเพราะการจารจรทางอากาศติดขัด อ้อ! ต้องขออภัยขอแก้ไขราคาค่าโดยสารนะคะ คนละ 116 USD ค่ะ (จำสับสนเพราะบินหลายไฟล์ท) จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 21:22:19

ความคิดเห็นที่ 28 ขอปิดด้วยภาพนี้นะคะ ขอบคุณเวปพันทิปและเพื่อนๆห้อง Blueplanet ทุกคนที่แวะมาค่ะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 21:28:28

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณที่นำมาให้ชม เห็นแล้วก็อยากไปมั่งจัง ไม่มีวันหยุดยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มั่งเล้ย จากคุณ : SimonSay เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 21:31:56

ความคิดเห็นที่ 30 รูปสวยมากเลยค่ะ : ) ได้ความรู้ไปเยอะเลย .. จากคุณ : จิบกาแฟ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 21:44:48

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณที่นำภาพสวยๆ มาให้ชมค่ะ จากคุณ : Blue Whale เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 21:55:29

ความคิดเห็นที่ 32 ชอบมากเลยค่ะ ไฟท์ในฝันเลยค่ะ อยากไปมากๆๆ จะไปให้ได้เลยค่ะ แต่คงต้องไผฟิตร่างกายก่อน 555 ร่วมไว้อาลัยกับเหตุการเครื่องบินตกด้วยนะคะ... 19 ชีวิตแสดงว่าเสียทั้งลำเลย.. R.I.P ค่ะ จากคุณ : Stamp Van Der Woodsen เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 22:50:07

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 23:37:20

ความคิดเห็นที่ 34 http://youtu.be/FqX3j1FmUYc ใจไม่แข็งพออย่างดูต่อ สะภาพศพนักท่องเที่ยวของเที่ยวบ​ิน Buddha Air ตกที่ Nepal เมื่อวันที่ 25 กันยาที่ผ่านมา มี American 2 คน Japanese girl 1 คน ด้วย แต่ละศพเห็นกันแบบจะๆ กระดูกหักเหลาแหลกทั้งตัว มีเซอร์ไพรส์ด้วย ดูอยู่ดีๆ ศพหล่นลงมาจากต้นไม้ แบบว่าร่างเหลวแหลก เหมือนไร้กระดูกกันเลยทีเดียว หน่วยกู้ภัยก็เอาเท้าเขี่ยวศพ ซึ่งไม่ให้เกียจคนตายเอาเสียเลย อีกทั้งคนที่เอามาลงยูทูปก็ไม่เซ็นเซอร์ภาพศพเลย เครื่องบินตก น่ากลัวอ่ะ แต่ก็น่าดูไว้เป็นบทเรียนว่า ถ้าไปเที่ยวเนปาลคงไม่กล้าขึ้นเครื่องบินแบบนี้แน่ๆน่ากลัวมากๆ เฮ้อ..แต่ก็ว่าล่ะครับ คนเราเมื่อถึงคราวตายมันก็ตาย..อนิจจา อนิจจัง จากคุณ : vuddiken เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 04:38:33

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่กล้าคิดค่ะ ถ้ามีโอกาสไปจะกล้าขึ้นไปดูมั้ย ขอบคุณค่ะที่แบ่งปันประสบการณ์ จากคุณ : siawping เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 11:32:33

ความคิดเห็นที่ 36 ไม่กล้าคิดค่ะ ถ้ามีโอกาสไปจะกล้าขึ้นไปดูมั้ย ขอบคุณค่ะที่แบ่งปันประสบการณ์ จากคุณ : siawping เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 11:33:02

ความคิดเห็นที่ 37 เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ เสียใจกับผู้เสียชีวิตด้วย การเดินทางทุกอย่างย่อมเสี่ยงทั้งนั้นค่ะ ถ้าฟังจากสถิติที่จขกท.ว่ามา ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงของสายการบินนี้นี่นะ จากคุณ : ยูจินคุง เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 13:31:44

ความคิดเห็นที่ 38 อยากไปบ้างจังค่ะ จขกทไปขึ้นเครื่องที่ Katmandu เหรอคะ ต้องจองล่วงหน้าหรือต้องซื้อจากทัวร์ยังไงบ้างคะ ส่วนตัวเคยเห็น Everest กับตาตัวเองมาแล้วจากฝั่งทิเบต คราวหน้าอยากไปเห็นจากฝั่งเนปาลบ้าง จากคุณ : will i be lucky เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 01:36:11

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณมากๆค่ะ ช่วยเก็บเข้าคลังกระทู้ไว้ให้นะคะ จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 09:27:46

ความคิดเห็นที่ 40 สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาว Blueplanet ทุกท่าน คุณStamp Van Der Woodsen : ถ้าไม่ได้ไป trekking ก็คงไม่ต้องฟิตร่างกายมากมายเลยค่ะ แต่ทริปของ x-file เราไปกันเองและมี mini trekking เดินขึ้นยอดเขา sarangkot ที่ Pokhara ด้วย เดิน 4 ชั่วโมงก็แทบขาดใจ ขึ้นไปพักที่ Sherpa Resort บนยอดเขาซารังก็อตเพื่อไปรอชมแสงแรกของพระอาทิตย์สาดส่อง Annapurna Range เป็นไฮท์ไลท์ของ Pokhara เลยค่ะ คุณ vuddiken : สำหรับนักเดินทางอย่าง x-file คิดว่าคนเราเมื่อถึงเวลาตายก็คงจะหนีไม่พ้น ขึ้นอยู่กับบุญกรรมของแต่ละคนที่ทำมา ขอให้ใช้ชีวิตอย่าประมาทแค่นั้นพอค่ะ คุณยูจินคุง : น่าจะเป็นอุบัติเหตุครั้งแรกของสายการบิน Budhha Air ในรอบ 15 ปีที่ก่อตั้งสายการบินถือว่าน้อยมากนะคะ คุณwill i be lucky : ไฟล์ทนี้ขึ้นจาก Katmandu ค่ะมีหลายสายการบินให้เลือก ซื่อได้ตาม Agent ทั้่วไปใน Katmandu ค่ะ มีรถมารับถึงโรงแรมเลยค่ะ คุณสาวหน้าใส ขอบคุณมากนะคะ ขอแถมภาพของ Annapurna Range ที่เมือง Pokhara x-file บินไปเมือง Pokhara โดยสายการบิน Yeti ซึ่งเป็นเครื่องบินใบพัด เล็กกว่าและ น่ากลัวกว่า Budhha Air บินไปสั่นไป แต่มันส์ดีค่ะเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและไม่ลืมเลือน จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 11:53:45

ความคิดเห็นที่ 41 ท่านใดสนใจเก็บประสบการณ์กับไฟล์ทนี้เชิญชมได้ที่เวปไซด์นี้ค่ะ http://www.buddhaair.com/everest/ ภาพนี้เป็นไฮไลท์ของ Pokhara คือการรอชมแสงแรกพระอาทิตย์สาดส่องยอดเขามัชฉาปูชเรค่ะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 11:56:44

ความคิดเห็นที่ 42 Annapurna Range จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 11:57:26

ความคิดเห็นที่ 43 Annapurna Range จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 11:58:06

ความคิดเห็นที่ 44 Annapurna Range ที่นี่ก็มี Mountain Flight เหมือนกัน เสียงเครื่องบินดังกระหึ่มไปทั่วขุนเขายามเช้า จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 11:59:25

ความคิดเห็นที่ 45 Annapurna Range, Pokhara, Nepal จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 12:00:33

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ ^___^ จากคุณ : will i be lucky เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 14:15:17