โด่งก้าวเท้าเร็วๆ เดินตามคนที่พอลงจากเวทีได้ก็ขึ้นบันไดไปที่ห้องซ้อม พร้อมกี้ตาร์ไฟฟ้า...
ชายหนุ่มเปิดประตูห้องซ้อมเข้าไป เห็นเพื่อนกำลังก้มเก็บกีตาร์ของเขาเข้ากระเป๋า
ทั้งๆที่อยากจะถามว่าทำไมต้องเดินหนี...แต่ก็พูดไม่ออก
อ้าว...โด่ง ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตุ้ยหันมามองเขาและแกล้งทำเป็นไม่รู้...แต่มีหรอที่โด่งจะจับไม่ได้
น้ำเสียงที่ฟังดูร่าเริงจนผิดปกตินั้นทำเอาโด่งนึกห่วง เขาเดาไม่ถูกเลยว่าตุ้ยกำลังคิดอะไรอยู่...
เราขึ้นมาเอากระเป๋าให้ แล้วก็จะเอาลงไปให้โด่ง...
ตุ้ย... โด่งเรียกชื่อเพื่อนเสียงอ่อน ทำไมตุ้ยต้องแกล้งทำ ทำไมต้องแกล้งร่าเริง...
ตุ้ยถอยหลังไปเมื่อโด่งก้าวเข้ามาใกล้ เขาไม่อยากจะพูดอะไรตอนนี้
จากสายตาที่มองสบมาเมื่อตอนที่ร้องเพลงอยู่บนเวที ตุ้ยแน่ใจว่าโด่งรับรู้คำขอของเขา...แค่นั้นก็พอแล้ว
...อย่าถามอะไรตุ้ยอีกเลยโด่ง ตุ้ยไม่พร้อมจะตอบ...
เขาไม่อยากมองใบหน้าใสนั้นอีก ด้วยกลัวว่าตัวเองจะเผลอใจบอกรักออกไปอีกรอบ
ถ้าเขาทำอย่างนั้น...โด่งก็จะยิ่งลำบากใจ
ตุ้ยกลั้นใจยื่นกีต้าร์ให้เพื่อน พยายามทำใจให้นิ่งกับสายตาสงสัยที่มองสบมา
อยากจะเดินเข้าไปกอดซะให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ...
ฝากไปส่งร่าที่คอนโดด้วยนะ ตุ้ยต้องอยู่คุยงานก่อน คงกลับดึก พรุ่งนี้มีงานเช้าอีก
น้ำเสียงเหนื่อยอ่อนจากประโยคนั้น ทำเอาโด่งนิ่งไปบ้าง
ถ้าหากจะถามอะไรอีกฝ่ายตอนนี้ มันก็คงจะผิดเวลาไปหน่อย ตุ้ยยังมีงานรออยู่อีกมาก...
อื้อ...ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวโด่งไปส่งร่าให้เอง โด่งกระชับกระเป๋าใส่กีต้าร์ไฟฟ้าให้เข้าที่
เขาหันหลัง แต่ยังไม่ทันจะก้าวเท้า ก็เปลี่ยนใจหันกลับมาหาเพื่อนอีกรอบ
อย่าคิดมากนะตุ้ย...โด่งเป็นห่วง
คำพูดอ่อนโยนจากคนตรงหน้า ทำเอาตุ้ยต้องก้มหน้ามองพื้น ก่อนจะพยักหน้ารับด้วยใจเต้นรัว
พรุ่งนี้มีงานเช้า...ให้โด่งโทรปลุกมั้ย
คราวนี้ตุ้ยเงยหน้าขึ้นสบตาโด่งตรงๆ ก่อนจะบอกน้ำเสียงหนักแน่น
ไม่ต้องหรอก ตุ้ยอยากตื่นเองมากกว่า ถึงเวลาที่ต้องตื่น เดี๋ยวตุ้ยก็ตื่นเองแหละ...ไม่ต้องห่วง
สามคำสุดท้ายน้ำเสียงอ่อนลง ตุ้ยส่งยิ้มให้โด่งต่อท้ายประโยคนั้น
โด่งอยากจะยิ้มตอบ แต่ก็ยิ้มไม่ออก ความหมายจากถ้อยคำของเพื่อน ดังก้องเข้าไปในใจเขา
โด่งรับรู้และเข้าใจทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่ง...
งั้นคืนนี้ก็...ฝันดีนะตุ้ย
โด่งส่งยิ้มบางๆให้อย่างยอมแพ้ ก่อนจะหันหลังและเดินออกจากห้องไป
................................
รถฮอนด้า แอคคอด สีดำคันสวยแล่นมาจอดตรงหน้าประตูบ้านของคนขับ
บรูน่าเดินลงไปกดกริ่งให้ เธอหันไปมองโด่งที่นั่งเคาะพวงมาลัยรถเล่น
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาสบตาก่อนจะมองเลยไปในรั้วบ้าน รถยนต์สีขาวคุ้นตาจอดนิ่งอยู่ในโรงรถ
โด่งจำได้ทันทีว่ามันเป็นรถของต้า... ต้ามาที่นี่หรอ
เพียงแค่นึกสงสัย คนที่สามารถจะตอบคำถามทั้งหมดได้ก็วิ่งมาเปิดประตูรั้วรวดเร็ว
บรูน่าเดินเข้าบ้านไปก่อนแล้ว โด่งก้าวลงจากรถพร้อมกระเป๋ากีต้าร์ไฟฟ้า ก่อนจะเอ่ยถามคนที่กำลังล็อครั้วบ้านอยู่
ต้าอยู่ในบ้านหรอ...
บอยส่ายหน้า ก่อนจะบอก พี่ต้าไม่ได้มา มาแต่รถ...
หมายความว่าไง... โด่งกดล็อครถ เดินตามน้องเข้าบ้านทั้งๆที่ยังสงสัย
พี่ต้าให้ผมยืมรถ และให้เอาไปคืนที่บ้าน...พรุ่งนี้ บอยพูดอย่างร่าเริง ก่อนจะหันมายักคิ้วให้พี่ชายทีหนึ่ง
แค่นั้นโด่งก็เข้าใจ แต่ก็ยังอดแปลกใจไม่ได้ สิ่งที่เขาเคยกลัวมันไม่ได้เกิดขึ้น
ต้าไม่ได้รังเกียจบอยแต่ยังเปิดทางให้... โด่งยิ้มกับตัวเอง นึกขอบคุณอีกฝ่ายในใจ
ที่ต้าไม่ได้เก็บเอาเรื่องระหว่างผิดใจที่เกิดขึ้นวันนั้นมาเป็นอารมณ์
แล้วมิ้นเป็นไงบ้าง...
ดีขึ้นแล้วฮะ... น้ำเสียงสดใสนั้นช่วยยืนยันคำพูดของน้องชายได้เป็นอย่างดี
บอยหันมายิ้มกว้างให้โด่ง ก่อนจะวิ่งขึ้นห้องนอนตัวเองไป
โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาอีกคู่หนึ่งลอบมองมาจากในครัวด้วยความสงสัย...
..................................
เสียงเรื่องยนต์จากรถยนต์ที่แสนจะคุ้นเคย เรียกให้มิ้นชะโงกมองไปนอกหน้าต่าง
ก่อนจะหันกลับมามองนาฬิกาบนฝาผนังห้อง คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ
...แปดโมงห้านาที...
สงสัยพี่ต้าจะลืมของ...
แม้จะยังเจ็บคอ และรู้สึกเวียนหัวอยู่ แต่เธอก็รู้สึกดีขึ้นจากเมื่อวานมากแล้ว
มิ้นค่อยๆเดินลงบันได ก้าวออกไปหน้าบ้าน และเปิดประตูให้รถของพี่ชายที่จอดรออยู่
ดวงตาเรียวสวยกลับโตขึ้นชั่วนาทีเพราะความดีใจ ทันทีที่เห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับไม่ใช่พี่ชาย
แต่เป็นใครอีกคน...ที่อยู่ดูแลเธอตลอดทั้งวันเมื่อวานนี้
บอยก้าวลงจากรถพร้อมรอยยิ้มกว้าง รับคำถามและสีหน้าแปลกใจจากมิ้น
พี่บอยมาได้ไงคะ
ขับรถมา...
มิ้นนิ่วหน้ากับคำพูดกวนอารมณ์นั้น บอยหัวเราะออกมาก่อนจะเดินไปจับแขนที่ยังคงอุ่นอยู่เพราะพิษไข้
ชายหนุ่มหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาว เขาจ้องลึกลงไปในดวงตาเรียว ก่อนจะบอกเสียงอ่อน
พี่มา...เพราะคิดถึง
แก้มใสเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อตอนนั้นเอง มิ้นเดินหนีคนปากหวานเข้าบ้านไปรวดเร็ว
เธอบอกให้บอยนั่งรอที่ห้องรับแขกก่อน เพราะยังไม่ได้ปิดโทรทัศน์บนห้องนอน
มิ้นเดินขึ้นห้องไปพร้อมรอยยิ้มกว้าง แต่เพียงแค่เอื้อมมือปิดโทรทัศน์ หญิงสาวก็ต้องใจหาย
เสียงสตาร์ทเครื่องรถยนต์ดังกลบเสียงเข็มนาฬิกาบนฝาผนังบ้าน
...พี่บอยจะไปไหน...
เพียงแค่ความคิดนี้ผ่านเข้ามา มิ้นก็รีบก้าวออกจากห้อง วิ่งลงบันไดมาข้างล่าง
เธอเห็นบอยยืนอยู่ตรงปลายบันได เขาไม่ได้ไปไหน เสียงรถเมื่อครู่ดังมาจากข้างบ้าน
มิ้นคิดมากไปเอง แม้จะรับรู้แล้วว่าตัวเองเข้าใจผิด แต่เท้าที่ไวกว่าก็ยังไม่ยอมหยุดวิ่ง
เพราะยังคงมีไข้ อาการวูบจึงผ่านเข้ามาก่อนที่เธอจะก้าวถึงพื้น มิ้นเซไปข้างหน้า
เธอล้มลงตรงปลายบันไดพร้อมๆกับเสียงเรียกอย่างตกใจจากบอย ที่วิ่งเข้ามารองรับร่างเธอเอาไว้ได้ทันพอดี
ใบหน้าของคนทั้งสองอยู่ใกล้...จนแทบจะชิดติด สายตาสองคู่ประสานกันนิ่ง
แม้มิ้นจะรู้ตัวว่ากำลังนอนทับอยู่บนร่างของอีกฝ่าย แต่เธอกลับขยับเขยื้อนไม่ได้
สายตาของบอยที่จ้องลึกเข้ามาในดวงตา ตรึงเธอไว้ตรงนั้นเอง
ชายหนุ่มเองก็ใจเต้นรัวไม่แพ้กัน หัวใจบอกให้เขาเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้...
ทั้งๆที่ความรู้สึกมันบอกอย่างนั้น... แต่บอยกลับเอนหัวลงกับพื้น
หันแก้มแนบกับพื้นกระเบื้องเย็นๆ และหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง
น้องมิ้น...มิ้นลุกเถอะ พี่บอยหนัก...มากกก
ประโยคนั้นทำเอามิ้นหยุดเคลิ้ม เธอทุบลงไปบนอกชายหนุ่มด้วยความอาย ก่อนจะรีบลุกขึ้นรวดเร็ว
บอยยันตัวขึ้นนั่งขัดสมาธิ เขายังไม่หยุดหัวเราะ
เหลียวมองคนที่เดินตึงๆอย่างงอนๆไปทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาแว๊บนึง
ก่อนจะหันหน้ากลับมาอีกทาง พยายามควบคุมความรู้สึกของตัวเอง...
เสียงหัวเราะที่เขาแกล้งทำหยุดลงแล้ว...บอยแกล้งหัวเราะ
เพราะถ้าหากไม่ทำอย่างนั้น บอยก็อาจจะเผลอทำอย่างอื่นกับมิ้นไปแล้ว...
............................
แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 49 20:14:54
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 49 23:54:45
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 49 23:38:57
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 49 23:37:00
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 49 23:03:23