หญิงสาวรีบก้าวลงจากรถประจำทางทันทีที่มันจอดสนิท
ก่อนจะเพ่งสายตาไปยังที่ตั้งของวินมอเตอร์ไซต์ประจำซอย
ว่างเปล่า...ไม่มีรถสักคนอยู่ตรงนั้น
เสียงฟ้าร้อง พร้อมลมที่พัดแรงขึ้น ส่งผลให้หญิงสาวออกเดินเร็วๆเข้าไปในซอย
ในขณะที่มือก็ยังคงควานหาร่มในกระเป๋าสะพายใบโตไปด้วย
ร่มสีฟ้าใสถูกกางออก เพื่อบังเม็ดฝนที่หล่นลงมาจากฟ้าไว้ได้ทันพอดี
ช่วงก้าวของเท้านั้นยิ่งยาวและเร็วขึ้น ดวงตากลมโตหรี่ลงเมื่อรู้สึกได้ถึงลมแรงๆที่พัดมาปะทะใบหน้า
ผมสีน้ำตาลประกายทองที่ถูกปล่อยสยายระแผ่นหลัง ปลิวไปตามแรงลม
มือเรียวพยายามยื้อร่มให้อยู่กับตัว ต้านทานลมที่พัดสวนทางไป
แต่ก็ทำอยู่ได้ไม่นาน...ทั้งลมและฝนกระชากร่มให้หลุดจากมือ ปลิวไปด้านหลัง
โอ้ย... เสียงห้าวๆที่ดังขึ้นเรียกให้หญิงสาวหันมอง ก่อนจะยกกระเป๋าสะพายบังตัวเองแทนร่มเร็วๆ
แต่เพียงแค่ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ เธอก็ทิ้งกระเป๋าให้ตกลงไปคล้องกับไหล่ตามเดิม
หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปหาคนที่นั่งยองๆลูบหัวป๋อยๆอยู่กลางสายฝน
ร่มเจ้าปัญหาปลิวไปตกอยู่ข้างถังขยะอีกฝั่งนึงแล้ว
แรงกระแทกจากของบางอย่างที่ลอยมาตามลม ทำเอาชายหนุ่มมึนไป
ดีนะที่เขาเดินก้มหน้าอยู่ ไม่อย่างนั้นอาจจะตาบอดไปแล้วก็ได้...
คุณเจ็บมากมั้ยคะ ชั้นขอโทษ...
ตุ้ยเงยหน้าบึ้งๆขึ้นมาแทนคำตอบ แต่เพียงแต่ตาสบตา สองเสียงก็ประสานกันแข่งกับเสียงฝน
คุณนั่นเอง...
ปี๊นๆๆ
เสียงแตรรถที่ดังอยู่เบื้องหลัง เรียกให้ชายหนุ่มลุกขึ้นรวดเร็ว
เขาคว้าข้อมือหญิงสาวด้วยมือข้างที่ว่าง
ก่อนจะพาวิ่งตรงไปยังตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก
เสียงสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตาเบาลง เพราะถูกกระจกที่กรุอยู่โดยรอบกั้นเอาไว้
หญิงยกมือขึ้นปาดน้ำฝนที่หน้าเร็วๆ เอนตัวพิงตู้โทรศัพท์ มองคนที่กำลังเสยผมขึ้นอย่างรู้สึกผิด
ขอโทษอีกทีนะคะ...เพื่อนพี่ต้า
ชายหนุ่มมองคนที่ยืนห่างไปแค่คืบ นึกเอ็นดูที่อีกฝ่ายเรียกเขาด้วยสรรพนามนั้น
ไม่เป็นไร...แต่ทีหลังถ้าลมแรงมากๆ ก็อย่ากางร่มอีกล่ะ...ตาล
ดวงตากลมโตที่มองสบมาดูเหมือนจะกว้างขึ้นอีกนิดนึง ตาลแปลกใจที่เขาจำชื่อเธอได้ด้วย
วันนั้น...วันที่พบกันครั้งแรก พี่ต้าเรียกชื่อเธอต่อหน้าเขาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
ตุ้ยยิ้มให้กับท่าทางนั้น ดูเหมือนเขาจะเดาออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร
ความจริง...เขาคงจะจำชื่อเธอไม่ได้ ถ้าหากไม่ได้คุยกับโด่งวันนี้
เรียกพี่ว่าตุ้ยก็ได้...
ความเงียบก่อตัวขึ้นระหว่างกัน ไม่มีถ้อยคำใดๆหลุดออกจากปากอีก
เม็ดฝนที่กระเด็นเข้ามาทางช่องด้านล่างของตู้โทรศัพท์ ทำเอาคนตัวเล็กกว่าเริ่มจะหนาว
ตุ้ยมองคนที่ยืนกอดกระเป๋าไว้ในอ้อมแขนอย่างสำรวจ...คำถามจากโด่งผ่านเข้ามาในความคิด
แล้วตุ้ยว่า...ตาลน่ารักมั้ยล่ะ
ก็...น่ารักดี ไม่อย่างงั้น...ตอนนั้นโด่งคงไม่ชอบหรอก
หญิงสายละสายตาจากม่านฝนด้านนอก กลับมาประสานสายตากับคนที่จ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว
.
.
.
ติ๊ดๆ
เสียงแหลมเล็กที่ดังมาจากกระเป๋าสะพาย ทำให้หญิงสาวสะดุ้ง เธอละสายตาจากดวงตาชายหนุ่ม
ก่อนจะรีบก้มลงควานหาที่มาของเสียง และก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
โทรศัพท์มือถือของเธอดับไปแล้ว...แบตหมด
และในวินาทีนั้นเอง ที่เหมือนตาลจะนึกอะไรขึ้นมาได้
มือเรียวควานไปทั่วช่องเล็กภายในกระเป๋า ช่องที่เธอใส่กุญแจห้องและโทรศัพท์มือถือเอาไว้
ตอนนี้มันว่างเปล่า โทรศัพท์อยู่ในมือเธอ ส่วนกุญแจ...หายไปไหนไม่รู้
โอ้ย... หญิงสาวอุทานออกมาเบาๆอย่างขัดใจ เธอคงลืมหยิบมันมาด้วยเมื่อตอนออกจากห้อง
บรูน่า...เธอต้องโทรหาบรูน่า
ไวเท่าความคิดหญิงสาวเอื้อมมือไปยกหูโทรศัพท์สาธารณะ
แต่ก็กลับต้องวางมันลงในนาทีถัดมา เธอจำเบอร์เพื่อนไม่ได้
เพราะเวลาโทรหาแต่ละครั้ง ก็ใช้วิธีเรียกจากเมมโมรี่ในโทรศัพท์มือถือเอา
ทำยังไงดี...
มีอะไรรึเปล่า...
น้ำเสียงทุ้มๆที่เอ่ยถาม เรียกให้ตาลเงยหน้ามอง เธอหัวเราะเก้อๆให้กับความขี้ลืมของตัวเอง ก่อนจะบอก
ตาลลืมเอากุญแจห้องมาน่ะค่ะ...เข้าห้องไม่ได้
.................................................
โด่งลืมเอากุญแจบ้านมาว่ะตุ้ย...เข้าบ้านไม่ได้...ขอค้างด้วยนะ
โคตรเชื่อเลย คิดนานมั้ยแผนเนี้ย...
โธ่...ตุ้ยอ่ะ โด่งไม่ได้แกล้ง ลืมจริงๆ หรือว่าตุ้ยจะให้โด่งไปนอนข้างถนน
ไปนอนบ้านต้านู่น เดี๋ยวโทรบอกให้ อย่ามาเนียน...
เนียนอะไร นอนห้องตุ้ยไง โด่งไม่ได้จะนอนห้องร่าซะหน่อย ถึงจะอยากก็เถอะ...
ทะลึ่งแล้วไอ้โด่ง ไม่ให้นอนโว้ย ไหนเคยบอกว่าซ่อนกุญแจสำรองไว้ใต้กระถางต้นไม้หน้าบ้านไง...
....................................
กุญแจสำรอง...ตุ้ยจำได้ว่าวันนั้นโด่งยอมแพ้
เพราะเขาลงทุนขับรถไปถึงหน้าบ้านเพื่อน ยกกระถางต้นไม้ทุกต้นพิสูจน์กันเลยทีเดียว...
วันนั้นโด่งเนียนไปแล้ว งั้นวันนี้เขาขอลองมั่ง
ตาลอยู่คอนโดในซอยนี้หรอ...
ค่ะ...ตาลอยู่คอนโดเปี่ยมรักน่ะค่ะ
หรอ...อยู่ติดกันเลย...แล้วจะทำไงดีล่ะครับ
ตาลยิ้มรับคำพูดห่วงใยนั้น เธอกัดริมฝีปากเบาๆอย่างใช้ความคิด ก่อนจะนิ่งไปอีกครั้ง
ตุ้ยมองใบหน้าใสนั้นนิ่งๆ เงียบไปครู่ใหญ่ หญิงสาวยังไม่มีทีท่าว่าจะคิดอะไรออก...เหมือนที่เขาคิดได้
ตาลคงลืมนึกถึงเรื่องการขอกุญแจสำรองจากเคาท์เตอร์ไป
และแน่นอน...ตุ้ยจะไม่บอก เพราะเขาอยากให้...
ถ้าไม่รังเกียจ...ตาลขึ้นไปห้องพี่ก่อนก็ได้นะ
ดวงตากลมโตที่เบิกกว้างขึ้นรับคำพูดเขา ทำเอาตุ้ยตกใจ
เมื่อคิดได้ว่าอีกฝ่ายคงตีเจตนาของเขาไปเป็นอย่างอื่น
เอ่อ...พี่ไม่ได้อยู่คนเดียวครับ น้องสาวพี่ก็อยู่ ไอ้โด่ง...เพื่อนต้าอีกคนก็อยู่ด้วย...
ได้ผล...ชื่อของโด่งทำให้หญิงสาวหายตกใจ ตุ้ยไม่แน่ใจว่าเธอกำลังดีใจอยู่รึเปล่า
พี่กับโด่งเป็นเพื่อนสนิทต้า...
น้ำเสียงเรียบๆนั้นฟังดูเหมือนอีกฝ่ายเพียงแค่บอกเล่า แต่ตาลก็รู้...เขากำลังพูดให้เธอมั่นใจ
ไม่เป็นไรค่ะ ตาล...เกรงใจ
ดวงตาที่มองสบมาเป็นไปตามคำพูด ตุ้ยดูรู้ว่าตาลไม่ได้กลัวเขาแล้ว เธอกำลังเกรงใจจจริงๆ
ไม่เป็นไรเลย...ไม่ต้องเกรงใจ
ตุ้ยอยากให้ตาลขึ้นไปที่ห้องเขา เพราะต้องการพิสูจน์เรื่องบางเรื่อง
บางทีถ้าหากเจอหน้ากัน ความหวั่นไหว ที่โด่งปฏิเสธว่าไม่ได้มีอยู่ในใจ
มันอาจจะเผยออกมาให้ได้เห็น...
ตุ้ยอยากจะรู้ว่าโด่งคิดอย่างไรกับแฟนเก่าคนนี้กันแน่
...............................................
ซาร่ากระพริบตาถี่ๆ เสียงเม็ดฝนที่ตกกระทบพื้นดินดังเข้าสู่โสตประสาท
กลิ่นไอดินลอยมาแตะจมูกพร้อมกับลมเย็นๆจากนิตยสารเล่มบางที่พัดไปมาตรงหน้าเธอ
พี่โด่ง...
หญิงสาวเอ่ยเรียกคนที่นั่งอยู่บนที่วางแขนของโซฟาตัวที่เธอนอนอยู่
ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาใกล้ เขาส่งยิ้มให้ผ่านความมืด
ตื่นแล้วหรอคะ...
น้ำเสียงอ่อนโยนถูกส่งมาพร้อมเหงื่อจากปลายคางที่หยดลงบนหน้าผาก
ซาร่ายกมือขึ้นปาดมัน ยันตัวขึ้นนั่ง ก่อนจะพยายามเรียบเรียงความคิด
ขอโทษค่ะ... โด่งพูดแล้วก็รีบยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดเหงื่อเร็วๆ อากาศภายในห้องร้อนอบอ้าวจนน่าอึดอัด
ทำไมไม่เปิดไฟคะ น้ำเสียงที่แสดงความระแวงอยู่ในที ทำเอาชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู
ไฟดับค่ะ...ร่าคิดว่าพี่โด่งปิดไฟหรอ
หญิงสาวย่นจมูกในความมืด หันมองคนที่นั่งอยู่ข้างกัน ก่อนจะบ่น
ร้อนจัง...
พูดออกไปแล้ว ก็นึกได้ คงเพราะอย่างนี้ พี่โด่งถึงได้เอานิตยสารมาพัดให้เธอ
ซาร่าเอื้อมไปแตะใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
สัมผัสได้ถึงความชื้นจากเหงื่อบนแก้มของคนรัก หญิงสาวเช็ดมันด้วยมือของเธอ
ก่อนจะแย่งเอาของจากมืออีกฝ่ายถือมาไว้ และเริ่มพัดมันตรงหน้าโด่งบ้าง
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่โด่งไม่ร้อน...
ยังจะมาพูดอีก เหงื่อออกตั้งเยอะแน่ะ
ซาร่าใช้มือข้างที่ว่างอยู่จับแก้มชื้นๆนั้นไว้ เธอบีบมันเบาๆอย่างอยากจะแกล้ง
พี่โด่งไม่ได้เหงื่อออกเพราะร้อนซักหน่อย...
ดวงตาสุกใสที่เปล่งประกายฝ่าความมืด แฝงความหมายอะไรบางอย่างที่ทำให้หญิงสาวหน้าร้อนผ่าว
โด่งใช้มือของเขากุมมือซาร่าไว้แนบแก้ม ก่อนจะใช้มืออีกข้างลูบหัวคนตัวเล็กกว่าอย่างรักใคร่
หญิงสาวเกร็งตัว เมื่อรู้สึกได้ว่าคนรักกำลังโน้มตัวลงมาใกล้
สัมผัสจากริมฝีปากที่กดลงบนหน้าผาก ทำเอาซาร่าใจไหววูบ
โด่งเลื่อนหน้าออกมา เขาจ้องตาคนรักอยู่อย่างนั้น...นิ่งนาน
เดี๋ยวพี่ตุ้ยมาเห็นนะคะ...ไม่กลัวหรอ คำพูดที่อ่อนยวบลงตามหัวใจหลุดออกจากปากแผ่วเบา
ไม่กลัว...เพราะตุ้ยไม่อยู่ มันออกไปซื้อเทียนให้ ตอนนี้ร่าอยู่กับพี่...แค่สองคน
ซาร่าหลบสายตาชายหนุ่มไปทางอื่น เมื่อประโยคนั้นจบลง
โด่งหัวเราะน้อยๆ เขาจับใบหน้าใสให้หันกลับมามอง ก่อนจะบอกน้ำเสียงทะเล้น
คนที่กลัวน่ะ...ร่าต่างหาก
ใครบอก...ร่าไม่ได้กลัว
น้ำเสียงสั่นๆจากคนปากแข็ง น่ารักจนโด่งอดใจไม่ไหว...
เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้จนแทบจะชิด เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
หรอคะ...
.
.
.
ซาร่าใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองปิดปากของโด่งไว้ ก่อนจะดันมันเบาๆ
พี่โด่งจะทำอะไรตามใจไม่ได้นะคะ
หญิงสาวจับใจความจากเสียงอู้อี้ที่ดังอยู่เบื้องหลังมือของเธอไม่ได้
แต่แววตาขี้เล่นที่เจือแววเสียดายเล็กๆจากดวงตาของโด่ง ก็ทำให้เธอหัวเราะออกมา
ซาร่าโน้มหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย...
เธอจูบลงบนมือของตัวเอง
ริมฝีปากของคนสองคนถูกมือเล็กๆทั้งสองข้างของซาร่ากั้นเอาไว้
หญิงสาวรีบชักหน้าออก ก่อนจะลุกขึ้น เดินไปนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับชายหนุ่ม
เธอคว้าหมอนอิงทุกใบที่มีมาวางไว้รอบตัว ก่อนจะบอกคนที่นั่งยิ้มมองเธออยู่
ถ้าพี่ตุ้ยกลับมาเมื่อไหร่...ร่าจะฟ้องจริงๆด้วย
*************************
แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 49 23:20:14
แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 49 22:17:56
แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 49 22:08:39
แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 49 22:07:15