ความคิดเห็นที่ 1 มาว่ากันที่นักแสดงบ้าง ... คนแรกที่ดิฉันอยากจะพูดถึง ... คือ "พ่อมาก" จากการอ่านหลาย ๆ กระทู้ที่พูดถึงพ่อมากว่า ฮีร้องห่วย อันนี้ ... ดิฉันคิดต่างแฮะ ดิฉันไม่ได้รู้สึกว่าการร้องเพลงด้อยกว่านักแสดงนำท่านอื่นของคุณน้อต วรฤทธิ์ จะทำให้บรรยากาศของเรื่องเสียไปเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ... ดิฉันกลับรู้สึกได้ถึงอารมณ์ในถ้อยคำที่คุณน้อตร้องตลอด แม้เรื่องของ Pitch และ Dynamic ที่มีปัญหาอยู่ค่อนข้างมาก   แต่มันไม่ได้ทำให้อารมณ์ที่ตัวละครจะสื่อสารออกมามีปัญหาตามไปด้วย ซึ่งตรงนี้  ดิฉันค่อนข้างจะทึ่งมากในฝีมือการเป็นนักแสดงของคุณน้อต วรฤทธิ์นะคะ ตรงกันข้ามกับนางเอก ... คุณครูน้ำมนต์ เธอร้องเพลงเลอเลิศอลังการมาก ... สื่อสารด้วยถ้อยคำได้ชัดเจน แต่ในฐานะนักแสดง ... หลายฉากที่ดิฉันยังรู้สึกว่า เธอยังจับจุดบทบาทของแม่นาคได้ไม่ดีนัก เหมือนยังตีความไม่แตก  ทำให้บทแม่นาคของเธอยังลอยอยู่ค่อนข้างมากในครึ่งแรก ซีนที่เห็นชัดที่สุดคือ ... ซีนที่รู้ข่าวว่าแม่ของตัวเองเสียชีวิต จากบทที่ปูมาตั้งแต่ต้น ... ทำให้เราเห็นว่า ... แม่นาคกับแม่ทองคำเป็นแม่ลูกที่รักใคร่ห่วงใยกันมากเหลือเกิน แต่ไหงตอนแม่ตาย ... แม่นาคเธอไม่สู้จะเศร้าโศกเท่าใดนัก ... คล้ายกับคนที่ได้ข่าวว่าเสียไปเป็นคนรู้จัก ญาติห่าง ๆ หรืออะไรก็ตามที่ไม่ค่อยจะผูกพันกันเท่าไหร่ เป็นซีนที่เพื่อนพ้องของดิฉันที่ไปร่วมชมแล้วออกปากกันทุกคนว่า ... มันไม่ค่อยได้อารมณ์ตามบทบาทเลย อีกประการหนึ่ง ... เพื่อนดิฉันตั้งขอสังเกตไว้ ... ซึ่งดิฉันค่อนข้างจะเห็นตรงกันคือ ... ครูน้ำมนต์เธอดูเป็นผู้หญิงที่เก่งและฉลาดเกินไปสำหรับบทแม่นาคที่ยอมละทิ้งทุกสิ่งแล้วหนีตามผู้ชายมา แม้ว่า คนเขียนบทจะสร้าง Character analysis ของแม่นาคให้ดูเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้ดีและค่อนข้างล้ำยุค คือเป็นลูกสาวขุนนาง  และ... "ฉันอ่านหนังสือออก และเขียนหนังสือได้"  555 แต่เธอดูไม่น่าสงสารเอาซะเลย ... ดิฉันรู้สึกตลอดเวลาที่นั่งดูว่า พี่น้ำมนต์เธอดูคล้ายแม่นาคที่พร้อมจะมีลูกล่อลูกชนและเล่ห์เหลี่ยมแพรวพรายในการแก้ลำแม่ผัวอยู่เสมอ ประมาณว่า ... รังแกชั้นดีนักใช่มั้ย ... ชั้นทำอะไรไม่เป็นเหมือนพวกแกก็จริง แต่ชั้นฉลาดกว่า ... เพราะงั้น ... ชั้นจะวางแผนต่าง ๆ ได้มากมายเพื่อจัดการแกคืน  อะไรทำนองนั้น แต่ในครึ่งหลัง ... เธอแสดงได้เข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น ... ซึ่งฉากบนสะพานตอนท้ายนั้น พ่อมากและแม่นาคทำเอาดิฉันน้ำตาไหลพรากเป็นก๊อกแตกเลยทีเดียว นักแสดงนำท่านอื่นที่จะกล่าวถึง ... คงหนีไม่พ้น 4 เทพ นี้ คุณเอ๋  นรินทร  บ๊ะนางช้าง เอ๊ย! ณ บางช้าง ...  เป็นนักแสดงที่ดิฉันชอบมากที่สุดในเรื่อง เพราะเธอพอดีไปหมดทุกอย่าง ... การแสดงของเธอไม่เยอะไป ... ไม่น้อยไป สมกับเป็นหนึ่งในนางเอกมิวสิคัลอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยจริง ๆ บทป้าแก่หมอตำแยขี้เมา  ยิ่งมาคู่กับสัปเหร่อที่แสดงโดยคุณเด๋อ  ดอกสะเดา นั้น แหม!  เป็นสีสันที่ทำให้เรื่องมีมิติขึ้นมากจริง ๆ คุณครูอ้วน  มณีนุช ... เธอโดดเด่นที่สุดในเรื่องเลยค่ะ บทแม่เหมือนเหมาะกับเธอมาก ... ไม่ว่าจะเป็นตัวบท ... และเพลงที่เธอต้องร้อง แหม!  มันช่างกราดเกรี้ยวเยี่ยวราดได้ใจดิฉันมาก คุณรัดเกล้า ... บทแม่ทองคำนั้น ... แม้จะออกมาน้อยนิด แต่เธอเล่นได้ประทับใจเหลือเกิน ... คือถ้าเป็นละครเวทีแล้วเอ่ยชื่อรัดเกล้า ก็เป็นอันเข้าใจได้ว่า ... อย่างไรเสีย  ตัวละครที่เธอรับบทจะทำให้คนดูรู้สึกคุ้มกับเงินที่จะต้องจ่ายไปดูแน่ ๆ ฉากที่แม่ทองคำกวาดเศษจดหมายของลูกมาต่อกันอย่างทรมานใจ   เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร เนื่องจากตัวเองอ่านหนังสือไม่ออก จนตรอมใจตายนั้น ... แหม!  ดิฉันน้ำตาซึมเลยล่ะ แอบอยากดูแคสต์ครูปุ้ม อรวรรณ ... ว่านางจะเล่นเป็นประการใด เพราะเมื่อวันแถลงข่าว ... แอบคิดนิดนึงว่าจะไหวหรือเปล่าว้า ... นางร้องแกว่งไกวเหลือประมาณ แอคติ้งก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นจนน่าเป็นห่วง ... ข้อดีข้อเดียวคือ ... หน้าตาครูปุ้มเหมือนคนที่มีอะไรในใจแล้วต้องเก็บกดไว้ตลอดเวลา ซึ่งอาจจะทำให้บทแม่ทองคำของเธอน่าสนใจไปอีกแบบก็ได้ ปุยฝ้าย เอเอฟ ... ดิฉันคิดว่าคนที่ได้ไปชมคงไม่มีใครค้านแน่ ถ้าดิฉันจะเรียกเธอว่าเทพ คู่กับสามท่านที่กล่าวมา บทสายหยุดนี่  ถือเป็นคู่ขนานของ แม่สร้อย จากฝั่งซีเนริโอ้เลยทีเดียว เพราะแม่สร้อยนั้น ... นางเอ๊ก นางเอก  แสนดีเหลือเกิน แต่นังสายหยุดน่ะหรือ ... หึหึหึ ... ครึ่งแรกมันน่าตบมากกกกกกกกกก !!! แต่ครึ่งหลัง ... นางก็น่าสงสารมากเช่นกัน ปุยฝ้ายหน้าตาสวย  ร้องเพลงดี ... ดีกว่าเมื่อวันแถลงข่าวอย่างเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าการสื่อสารโดยการร้องเพลงของเธอผ่านฉลุย ... เอาดีด้านนี้ได้สบายเลย แอคติ้งก็อาจจะต้องปรับปรุงนิดหน่อย ... เพราะแม่สายหยุดเธอห่อตัวบ่อยเหลือเกิน แต่ถือว่าเรื่องที่สองแล้วเล่นกับนักแสดงระดับปรมาจารย์อย่างหลายท่านที่กล่าวมาข้างต้น แล้วนางไม่ดับอนาถนี่ ... ถือว่านางเซียนใช้ได้เลยล่ะค่ะ สิ่งที่ทำให้ดิฉันกรี๊ดมากที่สุด ... คือการได้พบว่า มีเทพฝ่ายชาย 2 ท่านมาร่วมเล่นด้วย บทหมอผีที่ดิฉันนึกสงสัยว่าจะออกมาเป็นยังไง ... เพราะฝั่งซีเนริโอ้นั่นแรงใช่เล่น  ดึงเอาคุณติ๊ก ชิโร่มาเล่น แล้วดิฉันก็กรี๊ดจริง ... เพราะดรีมบอกซ์แรงกว่า ... เอาคุณศรัณย์ ทองปาน มาเล่น (ดิฉันอดที่จะเปรียบเทียบไม่ได้ค่ะ  เพราะว่าบทมันแร๊งส์ !!) บาทหลวง 2 สมัยจาก สู่ฝันอันยิ่งใหญ่  Man of La Mancha นี่ร้องได้ใจมาก เสียงกราดเกรี้ยว เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความน่ากลัวของความเป็นหมอผี สุดยอดจริง ๆ และกรี๊ดรอบสอง ... เมื่อเห็นคุณจ้อน  ธานี  พูนสุวรรณ รับบทหลวงพ่อที่เทศนาให้แม่นาคและพ่อมากได้สติ ออกมาสองฉาก ... ฉากแรกไม่ได้พูดอะไร ... ฉากสองร้องจึ๋งนึง ... แต่ไอ้จึ๋งนึงนี่แหละ มันเหนือคำบรรยายมาก ๆ ชอบที่เอาบทสวดมาร้องกับทำนอง ... มันดูขลังและน่าศรัทธามากเลยค่ะ แต่ส่วนตัว ... ดิฉันอยากให้พระที่มาเทศน์โปรดสัตว์ให้แม่นาคกับพ่อมาก เป็นสัปเหร่อที่บวชหลังจากเมียตายมากกว่า เพราะมันจะทำให้การถกเถียงกันระหว่างหมอตำแยกับสัปเหร่อที่ว่าใครสำคัญกว่ากันสมบูรณ์ขึ้น กล่าวคือ  หมอตำแยที่จำเป็นในยามคนเกิด กลับเป็นสาเหตุให้คนตาย แต่สัปเหร่อที่จำเป็นในยามคนตาย ... กลับเป็นสาเหตุให้คนไม่ตาย  ... มันจะทำให้ส่วนนี้เติมเต็มมาก ๆ เลยนะคะในความรู้สึกของดิฉัน โดยรวมแล้ว  แม่นาค เดอะมิวสิคัล  เป็นละครเวทีที่ดิฉันรู้สึกประทับใจมากค่ะ ตั้งแต่ดูมาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่กระแสมิวสิคัลเริ่มบูมในบ้านเรา มีเรื่องนี้แหละค่ะ  เป็นเรื่องที่สามรองจาก ทวิภพ เดอะมิวสิคัล (แคสต์คุณกบ ทรงสิทธิ์ กับคุณปนัดดา) และสู่ฝันอันยิ่งใหญ่ (Man of La Mancha) ที่นักแสดงนำของเรื่องส่วนใหญ่มีคุณภาพในการสื่อสารด้วยการร้องเพลง และการแสดงค่อนข้างดีเยี่ยม รวมไปถึงการตีความบทที่แปลกใหม่  และทำให้เราเห็นทัศนวิสัยรอบ ๆ ตัวพ่อมากและแม่นาค ทำให้เราเข้าใจถึงความเป็นมาเป็นไปของเหตุการณ์ทั้งหมด ดิฉันว่า ... ดิฉันคงต้องยอมอดขนมเอาตังค์ไปซื้อตั๋วดูอีกล่ะ  อิอิ PS1.  แอบเห็นคุณณภัทร  ชาญหัตถศิลป์ที่ติด 1 ใน 10 คนสุดท้าย KPN Award 2009 เป็น 1 ใน Ensemble ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า ... ดิฉันคุ้น ๆ เพราะเชียร์เค้าตอนประกวด PS2.  ดิฉันรออ่านรีวิวของคุณ doo_wop_boy อยู่นะนี่ 555 PS3.  คุณลำปาวจะเคืองดิฉันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ... แอบติพี่น้ำมนต์ขวัญใจเค้า 555 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 52 06:19:45 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 52 06:18:55 จากคุณ : HeaVeN BeLL - [ 5 ก.ค. 52 06:09:26 ]

ความคิดเห็นที่ 2 โดนใจเหมือนกันครับ อยากไปดูอีกมาก ๆ แต่ถ้ามีรีสเตจอยากให้ลองหาพระเอกที่พอจะร้องเสียงสู้ครูน้ำมนต์ได้หน่อยนะครับ เห็นด้วยว่าเขาร้องได้ในเรื่องอารมณ์นะ แต่เสียงแห้งมากและบางคำมันหายไปเลย ออกจากโรงละครแล้วมันมีอะไรกวนใจตลอดเวลาจริง ๆ โดยเฉพาะความคิดที่ว่าถ้าได้พระเอกที่เสียงร้องสูสีกับนางเอก เพลงจะเพราะกว่านี้มากแค่ไหนกันหนอ และจะดูอิ่มใจ เข้าใจเรื่องมากกว่านี้แค่ไหนถ้าไม่มีตาลุงไร้มารยาทที่คอยวิจารณ์ พากย์โน่นพากย์นี่เกือบจะตลอดเวลาสิงอยู่ที่เก้าอี้แถวหลัง แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 52 07:18:38 จากคุณ : กมลภัทร - [ 5 ก.ค. 52 07:17:00 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ บ่นไม่เลิก ฮ่าๆ   ภาวนาว่าตัวเองอย่าเจอแบบนี้เหมือนกัน เพราะจะไปดูวันนี้ รีวิวของเจ้าของกระทู้ตลกดี แต่ยังอ่านไม่หมด กั๊กๆไว้ก่อน เดี๋ยวดูแล้วจะมาอ่านเต็มๆ รอรีวิวของ doo_wop_boy เหมือนกัน   คงจะอ่านสนุกน่าดู แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 52 07:58:19 จากคุณ : เย็นสิทธิ์ - [ 5 ก.ค. 52 07:58:07 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ละเอียดมากเลยจ้ะเป้ อยากดูบ้างแล้ว  แต่จองไว้วันที่ 12 โน่นแน่ะ - -" จากคุณ : ~*~Moonshine~*~ - [ 5 ก.ค. 52 08:49:16 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตอบ จขกท. เคืองนิสส์นึงครับ ก็เล่นติครูน้ำมนต์เค้ามากกว่าชมไปเยอะเลยนี่ ฮือ ฮือ ขอเท่าๆ กันได้ป่าวอ่ะัตัวเอง นะนะ จากคุณ : ลำปาว - [ 5 ก.ค. 52 08:54:23 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไปดูมาแล้วครับเมื่อคืนนี้... เมื่อก่อนนี้ ชอบเรื่องคู่กรรมมาก ครั้งนี้เลยใจไม่ค่อยดี..กลัวว่าจะเห็นงานที่ฝีมือไม่เทียบเท่า... ไปดูแล้วกลับชื่นชมเป็นอย่างมาก ... งานนี้ทีมงานสามารถสร้างมิติใหม่ของคำว่าคุณภาพของงานละครเพลงมาได้อย่างแท้จริง มิติต่างๆของเรื่อง ถูกสะท้อนออกมาอย่างเรียบง่ายแต่มีชั้นเชิง และดูพัฒนาให้สูงกว่าเรื่องคู่กรรมขึ้นไปอีก เอาไว้ถ้ามีเวลาจะมาเล่าความรู้สึกอื่นๆให้ฟังหลังจากเขียนเสร็จนะครับ ... อาจจะช้าหน่อยเพราะต้องตั้งสติออกจากความท่วมท้น ตื้นตัน ที่กำลังมีอย่างมากมายเหลือเกิน กลับมาประเด็นของ จขกท. ผมเห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ (80-90%) เลยนะครับ ขออนุญาตไม่พูดซ้ำในส่วนที่เห็นตรงกัน เรื่องแรกคือบท ที่ทำให้ผู้หญิงที่ดูฉลาดนั้นกลับคิดสั้นหนืตามผู้ชายมาแบบ..เอ่อ...ท้องกันมาก่อนด้วย เรื่องนี้ผมว่าไม่เห็นแปลก เพราะทุกวันนี้ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ขนาดจบโทจบเอกกันมาแล้ว ยังทำอะไรแบบคิดสั้นๆหลายครั้ง รวมทั้งตัวผมเอง เรื่องต่อมาคือการแสดงของคุณน้ำมนต์ ขอแสดงความเห็นพ้องด้วย ว่าช่วงที่เธอทราบว่าแม่ตายนั้น เหมือนกำลังอยากรู้ว่าทำไม อย่างไร มากกว่ากำลังเสียใจ... เลยดูขัดๆ แต่ส่วนอื่นๆในช่วงครึ่งแรกที่ผมกลับเห็นว่าทำได้ค่อนข้างดี..เพราะผมมองแบบนี้ครับ.... จากการถูกเลี้ยงดูมาแบบถูกประคบประหงม ลูกผู้ดีมีบ่าวไพร่เต็มบ้าน แล้วมาอยู่ในสังคมที่มีแนวทาง และความคิดอีกแบบ อย่างนี้... ถ้าเป็นเราก็คงจะต้องเจอกับอาการ Culture Shock สับสน อ้ำๆอึ้งๆ งงๆลอยๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก อยู่ไม่น้อย.. ผมว่าน้ำมนต์เธอแสดงออกถึงอาการของแม่นาคที่กำลัง "พยายาม" ในสิ่งที่เธอไม่ได้เป็น ไม่ได้คุ้นเคย แต่ก็สับสน งุนงง ได้เป็นอย่างดี ลองๆนึกดู ผมว่าเวลาเธอถูกรังแก แล้วแสดงปฏิกริยาแบบที่คนที่มีการศึกษากำลังพยายามจะยอมเพื่อให้ได้รับการยอมรับนั้น ถ้าใช้บุคคลิกแบบอ่อนยวบ เศร้าซึม น่าสงสารสุดขีด มันก็อาจจะไม่เข้ากับการตีความของบทนี้ไป ดังนั้นถ้าเธอจะดูเป็นคนฉลาด ใช้ความคิดประกอบการกระทำไปบ้าง มันก็เหมาะไปอีกแบบ ส่วนที่บอกว่า เธอเหมือนกำลังจะท้าลองดีกับแม่ผัวและผู้คนต่างๆนั้น ผมไม่รู้สึกครับ เพราะขนาดทำกับเธอขนาดนั้น... ตอนหลังเธอยังโผล่มาเพื่อบอกเฉยๆเลยว่า... อย่าไล่ฉันไป ฉันยังไม่ตาย..ยังมี แขน ขา หน้า ตา และ ผม มือ   แม่ไม่เห็นหรือว่าฉันยังไม่ตาย.. เรื่องครูอ้วน... เห็นด้วยว่าทั้งเนื้อเสียง บุคคลิก เหมาะกับบทนี้เป็นอย่างสุดๆ คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เป็นการเล่นครั้งแรกๆของเธอ เพียงแต่อยากให้เธอลดการเขย่าแขนให้เข้ากับจังหวะเพลงลงไปหน่อย ... ของเธอจะได้เป็นการเล่นละครที่เพอร์เฟ็คขึ้น น้องปุยฝ้าย น่ารักมาก... เป็นการพัฒนาจากบทที่แทบจะเป็นการเดินไปเดินมาเฉยๆในโจโจ้ซัง มาเป็นตัวเอกได้อย่างเต็มภาคภูมิ... ที่เดินห่อๆตัวหน่อยน่ะ ผมว่าเหมาะสมแล้วครับ... เพราะแม้ว่าเธอจะสวย แต่ตามบทก็ยังต้องเป็นชาวบ้านชนบท... ส่วนบทเดินหลังตรงนั้น ยกให้เป็นของ แม่นาคลูกขุนนางใหญ่นั้นน่ะดีแล้วครับ เรื่องสุดท้าย... ความจริงผมก็แอบอยากให้พระสัปเหร่อมาเทศน์ตอนจบนะ... แต่พอนึกถึง ภาพพจน์รวมๆและน้ำเสียงที่ค่อนข้างแบนๆของคุณเด๋อแล้ว ก็เห็นว่าไม่เข้ากับบทที่ต้องดูขลังและเป็น Turning Point แบบนั้น... ไม่ใช่ว่าเขาจะเล่นไ่ม่ได้นะครับ แต่ผมว่าจะฝึน Stereotype เรื่องความตลก ที่คนดูมีกับตัวละคร มันอาจจะไม่ควร.. หรือจะคิดอีกแบบ จะเอาคุณจ้อนมาเล่นเป็นสัปเหร่อตั้งแต่แรกก็ไม่ควรอีก มันดูตลกไม่ได้จริงๆ.. เอาแค่นี้ก่อนครับ... เป็นแค่มุมมองที่แตกต่างแค่บางมุมนะครับ.. ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนกัน จากคุณ : ชอบสบาย - [ 5 ก.ค. 52 10:47:14 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นด้วยเรื่องคาแรคเตอร์ของคุณน้ำมนต์  ที่ร้องดีแต่มีอะไรบางอย่าง ที่ความลึกซึ้งของบทไม่ได้ถูกขยี้ผ่านแอ็คติ้ง  ความซับซ้อนของตัวละคร ถูกส่งผ่านเนื้อหาของเพลงมากกว่าการแสดงออก   เป็นไปได้ว่าจะเป็น ที่บุคลิกด้วยมั้งคะ   แต่ยังไงซะก็ยังถือว่าเริ่ดมาก สำหรับน็อตถ้าไม่นับเรื่องเสียงแหบจากการใช้เสียงอย่างหนัก เราถือว่าเราเซอร์ไพรส์กับการแสดงเค้า  เหนือความคาดหมายทีเดียว ไม่ได้รู้สึกถึงกับว่าเค้าเป็นจุดอ่อนคล้ายๆอย่างที่จขกท.คิดเหมือนกัน จากคุณ : Stay alivE - [ 5 ก.ค. 52 10:56:48 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยกับ จขกท ในหลายประเด็นค่ะ เรื่องครูน้ำมนต์ เดิมทีเราไม่ปลื้มครูน้ำมนต์ เห็นว่าหน้าตายไปหน่อย แต่พอดูแม่นาค เข้าใจแล้วว่าทำไมคนยกย่องเยอะ เพราะน้ำเสียงในการขับร้องของครูน้ำมนต์เยี่ยมจริงๆ แถมรักษาระดับเสียงได้ดีมากๆ คีย์ที่ร้องสูงมาก บทก็เยอะ แต่เนื้อเสียงครูน้ำมนต์ไม่ดร้อปเลย ในส่วนการแสดง เพราะปูพื้นมาว่าเค้าเป็นลูกผู้ดี อาจถูกสอนให้เก็บความรู้สึกเก่ง เลยดูนิ่งไปบ้าง ฉากแจ้งข่าวว่าแม่ทองคำตาย เราก็ตะหงิดๆว่าแม่ลูกดูรักกันมาก ทำไมแม่นาคเสียใจแค่นี้เอง ช่วงนั้นน่าเป็นช่วงจิตตก จิตอ่อนซะด้วย สามีก็ไม่อยู่ ท้องแก่ ถูกทิ้งกลางป่าตะเคียน แต่คิดเข้าข้างให้ว่าเจ็บท้องอยู่ เลยห่วงเด็กที่จะเกิด มากกว่าแม่ที่ล่วงลับ เราก็นึกว่าหลวงพี่ฉ่ำน่าจะมาบิณฑบาตรชีวิตพ่อมากในตอนจบ แต่เข้าใจเอาเองว่า มันคงยากเหมือนกันที่คุณเด๋อจะดึงอารมณ์คนดูให้เชื่อว่าตอนนี้ตัวเองเป็นพระที่มีบารมีพอ เราชอบเทคนิคที่ผู้กำกับใช้กับละครเรื่องนี้นะคะ เป็นเทคนิคที่ไม่ใช้ทุนสูง แต่ใช้จินตนาการ เช่นฉากการจมน้ำ การ flashback ของสายหยุด (ดูแล้วนึกถึงละครสถาปัตย์ จุฬาสองเรื่อง เดชไอ้ด้วนกับฉากจมน้ำ Moulin Rouge กับฉาก Flash back ทุนน้อยคล้ายๆกัน เลยต้องใช้จินตนาการชดเชยด้วยกัน) (ต้องแจ้งนิดนึงว่ามาจากห้องเรียล ข้อความต่อไปนี้อาจมีความลำเอียงก็เป็นได้) เราชอบตัวละครสายหยุดมากที่สุด เพราะตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครที่มีที่มาที่ไปของอารมณ์ ความเกลียดที่มีให้แม่นาค คนดูทุกคนรับรู้ถึงสาเหตุ ในขณะเดียวกันผู้เขียนบทก็แทรกอารมณ์ที่ทำให้คนดูรู้ว่าสายหยุดไม่ใช่คนที่มีจิตใจเลวร้าย ยังคิดห่วงว่าแม่นาคจะคลอดได้เองมั๊ย ในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างสายหยุดกับพ่อมาก บอกตรงๆเราเห็นมันชัดกว่าความรักของพ่อมากแม่นาคเสียอีก "ไปขี่ควาย เก็บผักบุ้ง" สองประโยคนี้ความหมายลึกซึ้งนัก หวังว่าจะมีโอกาสได้ชมผลงานดีๆของปุยฝ้ายอีกหลายๆเรื่องค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 52 20:47:00 จากคุณ : Nusantara - [ 5 ก.ค. 52 20:40:16 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ ตามคห. 8 เป๊ะๆ ครับ แต่ตอนแรกยังไม่เข้าใจว่าทำไมแม่เหมือนถึงเกลียดแม่นาคนัก พอมาอ่านที่จขกท. วิเคราะห์ความเป็นเผด็จการของแม่เหมือน ถึงได้เข้าใจตัวละครแม่เหมือนชัดขึ้น:) จากคุณ : DJ PUTORN - [ 5 ก.ค. 52 20:44:47 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอแชร์ความคิดที่เห็นต่างด้วยอีกคนค่ะ (นอกนั้นก็เห็นเหมือนกับหลายๆ คนค่ะ) แต่ก่อนอื่นขอปรึกษาค่ะ ว่ากระทู้นี้ spoil หรือไม่ แล้วเราควรจะรบกวนให้จขกท.เพิ่มเติมคำว่า spoil ลงไปในความเห็นแรกดีหรือไม่คะ ขอแชร์ความเห็นในเรื่องของที่แม่นาคเจอกับพ่อมากแค่สามเดือน ก็หนีตามกันมาแล้ว แถมยังท้องลูกอีกด้วย เป็นไปได้ไหมคะว่า คนสมัยนั้นการพบรักและตามมาจนถึงการแต่งงาน ส่วนใหญ่จะไม่ได้ใช้เวลาดูในกันมากมายนัก ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างรู้สึกว่าเรามีสิทธิ์เลือก และควรจะเลือกคนที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด ดีที่สุด จึงมีการดูใจกันเป็นปีๆ และในกรณีของแม่นาค ต่างกันตรงที่แม่นาคไม่สามารถจัดงานแต่งงานกับพ่อมากได้ เลยตกลงใจหนีตามกันมาเลย และระหว่างการเดินทางในการหนีตามมานั้น คงกินระยะเวลาหลายวันอยู่ อาจจะเป็นแรมเดือน ซึ่งพอแม่นาคมาถึงบ้านพ่อนาคเพียงไม่กี่วัน เลยเริ่มมีอาการแพ้ท้องให้เห็นแล้ว ส่วนฉากตอนที่แม่นาคทราบว่าแม่ตายนั้น รู้สึกเหมือนกันค่ะว่า เธอควรจะตกใจก่อนที่จะถามว่าแม่ตายยังไง ส่วนแม่เหมือน ...เล่นดีมาก ร้องดีมากเลยค่ะ แต่อยากให้ปรับปรุงเช่นกัน เรื่องการร้องที่มีหางเสียงยังฟังเป็นการร้องสากลอยู่ (เหมือนจะอ่านเจอในรีวิวบางกระทู้เช่นกัน) อีกอย่างหนึ่ง นั่งดูอยู่แถว C ด้านซ้ายมือ (ถ้าหันหน้าเข้าโรงละครค่ะ) ดังนั้นฉากที่แม่เหมือนออกมาส่งลูกชายไปเกณฑ์ทหาร รู้สึกว่าผ้าคลุมไหล่สีน้ำเงินที่แม่เหมือนใช้ดูแวววาวไปนิด ขัดกับบทของแม่เหมือนที่ควรจะเป็นชาวบ้านค่ะ คห.8 ชอบบทแม่สายหยุดมากๆ เหมือนกันค่ะ (พอๆ กับป้าแก่ หมอตำแย เลย) เห็นเพิ่มเติมตรงที่ คุณดารกาเขียนบทให้เห็นความเป็นสายหยุดได้ดีมากค่ะ ทั้งความเป็นเด็ก ที่แสดงทุกอย่างออกมาอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา  และการเคารพนับถือผู้ใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีพระคุณ นั่นก็คือแม่เหมือน ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็ยังมีอยู่ ที่เห็นเด่นชัดอีกตอนคือ ฉากสุดท้ายของสายหยุด มีทั้งความรักแม่เหมือน พ่อมาก และความรู้ผิดชอบชั่วดีปนกันไปค่ะ สำหรับบทสายหยุดนั้น มีนิดเดียวคือ ฉากที่มีหมอผี แม่เหมือน แม่นาค ร่วมด้วย  คิดว่าสายหยุดควรจะแสดงสีหน้าที่นิ่ง มากกว่าที่จะแสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดค่ะ นอกนั้นก็เห็นเหมือนกับหลายๆ ท่าน รวมไปถึงรีวิวก่อนหน้านี้ด้วยค่ะ ^^ จากคุณ : hoyakus - [ 6 ก.ค. 52 02:05:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อีกอย่างหนึ่ง นั่งดูอยู่แถว C ด้านซ้ายมือ (ถ้าหันหน้าเข้าโรงละครค่ะ) ดังนั้นฉากที่แม่เหมือนออกมาส่งลูกชายไปเกณฑ์ทหาร รู้สึกว่าผ้าคลุมไหล่สีน้ำเงินที่แม่เหมือนใช้ดูแวววาวไปนิด ขัดกับบทของแม่เหมือนที่ควรจะเป็นชาวบ้านค่ะ . . . สำหรับบทสายหยุดนั้น มีนิดเดียวคือ ฉากที่มีหมอผี แม่เหมือน แม่นาค ร่วมด้วย  คิดว่าสายหยุดควรจะแสดงสีหน้าที่นิ่ง มากกว่าที่จะแสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดค่ะ จากคุณ : hoyakus +++++++++++++++++++++ ดูจากการแต่งตัวและท่าทางหลายๆอย่าง คาดว่าครอบครัวพ่อมากน่าจะอยู่ระดับผู้มีอันจะกินของหมู่บ้านค่ะ เราเข้าใจแบบนั้นตลอดการชม เลยไม่ได้สงสัยเรื่องเครื่องแต่งกายของแม่เหมือนเลย . . ซีนนั้นสายหยุดถูกผีแม่นาคเข้าสิงค่ะ เพราะฉะนั้นความเกรี้ยวกราดบนใบหน้าสายหยุดมาจากความรู้สึกโกรธของแม่นาค ที่แม้ตายไปแล้ว แม่เหมือนก็ยังไม่หยุดที่จะให้ร้าย ทำลายเธอ จากคุณ : Nusantara - [ 6 ก.ค. 52 09:59:16 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ^ ^ จริงๆ ก็ไม่ได้อะไรค่ะ ...แค่เห็นคุณน้ำมนต์ทำหน้านิ่งมากเท่านั้นเอง เป็นแม่นาคที่ถึงจะโกรธแต่ก็ดูนิ่งค่ะ จากคุณ : hoyakus - [ 6 ก.ค. 52 22:23:06 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่าคุณน้ำมนต์แสดงเรื่องนี้ได้ดีมากนะครับ...เรียบและลึกดี มีพัฒนาการจาก อังศุมาลิน ชนิดก้าวกระโดด กลายเป็นตัวละครที่มีชีวิต..และตอนเป็นวิญญาณยิ่งแสดงได้.... อิมมม...สะท้านมาก เล่นดีเสมอเสียงของเธอทีเดียวครับ จากคุณ : Filmnoir - [ 6 ก.ค. 52 22:38:02 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เขียนรีวิวดีจัง อ่านแล้วเห็นภาพตามเลย ไปดูแล้วก็อยากไปดูอีก จากคุณ : รักเด็ก555 - [ วันอาสาฬหบูชา 13:40:21 ]