บทความต่อไปเป็นประเด็นอ่อนไหวมากๆ
ห้ามเด็ดขาดในการวีน เหวี่ยง ดราม่าใส่กัน กระทู้นี้เป็นกระทู้เสพข่าว และข้อเท็จจริงเท่านั้นคะ
[Trans] Forever คือใคร? เราตั้งใจแปลบทความนี้อย่างระมัดระวังที่สุด เนื่องจากเป็นบทความที่มีประเด็นอ่อนไหว และเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ดังนั้นขอให้ทุกท่านอ่านบทความนี้โดยใช้วิจารณญานและขออนุญาตไม่ทำเพลตค่ะ เพราะมันยาวเกิน ไป XD
สำหรับผู้ที่ต้องการจะนำบทความไปเผยแพร่ ขอความกรุณาลงเครดิตให้ครบถ้วนด้วยค่ะ
Forever คือใคร? เป็นบทความที่เขียนขึ้นโดย Moto จาก Motos Planet (http://blog.naver.com/xdrugx) บทความนี้เต็มไปด้วยข้อมูลและการคาดการณ์อย่างแหลมคม เป็นบทความที่แฟนๆ ของ JYJ และผู้ที่สนใจเกี่ยวกับสงครามแฟนคลับและคดีฟ้องร้องต้องอ่าน ด้วยเนื้อหาของบทความที่ยาวมากและมีข้อมูลในหลายประเด็น ดังนั้นผู้แปลต้นฉบับจากภาษาเกาหลีเป็นภาษาอังกฤษจึงได้ตัดแบ่งบทความนี้ออกเป็นหลายส่วน
ปุจฉา : Forever คือใคร?
วิสัชนา : เขาก็คือผู้จุดชนวนสงครามแฟนคลับที่น่ารังเกียจขึ้นมานะสิ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านที่ห่างไกลออกไป ยังมีผู้ชายห้าคนอาศัยอยู่ร่วมกัน จนกระทั่งวันหนึ่ง
มันคงไม่ผิดอะไรหากจะเริ่มเรื่องเช่นนี้ แต่พระเจ้า! นี่ฉันจำเป็นต้องเล่าเรื่องเก่าพวกนี้ซ้ำอีกครั้งอย่างนั้นหรือ?
เอาล่ะ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฉันสามารถสังเกตได้หลังจากการเฝ้ามองสถานการณ์โดยรวมของ TVXQ ก็คือความจริงที่ว่า แฟนๆ ทั้งหลายต่างมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยมาก และความไม่รู้นี้เป็นผลเนื่องมาจาก ความเพิกเฉยของผู้รู้, การหลีกเลี่ยงที่จะรู้ของผู้ที่ต้องรู้ และ การถูกล้างสมองจากผู้ไม่รู้
การหลีกเลี่ยงที่จะรับรู้ความจริงดูเหมือนจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดจนกระทั่งถึงเวลานี้ แต่จากจุดนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าเรื่องทั้งหมดจะดีขึ้นหรือเลวลง ฉันอยากให้แฟนๆ ทุกคนเป็น ผู้รู้
กรณีที่หนึ่ง ธุรกิจเครื่องสำอาง
ทุกๆ คนทราบว่า แจจุง จุนซูและยูชอน เริ่มทำธุรกิจเครื่องสำอางเป็นอาชีพเสริม ซึ่งในตอนต้นเป็นเพียงธุรกิจเล็กๆ ที่เทียบได้กับการค้าขายโดยกลุ่มคุณป้าในละแวกบ้าน พวกแอนตี้แฟนของเจวายเจอ้างว่าทั้งสามคนได้รับส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์การขายมากกว่าร้อยละ 60 ซึ่งมันเป็นเรื่องตลกเมื่อพิจารณาบนพื้นฐานความจริงที่ว่า พวกเขาลงทุนในไปในธุรกิจนี้ไม่ถึง 100,000 เหรียญสหรัฐด้วยซ้ำ การได้ผลตอบแทนสูงเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด และ (T/N : ถึงเขาจะได้รับผลตอบแทนเช่นนี้จริง) ก็ไม่เคยมีกฎหมายมาตราใด ที่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการจำกัดการลงทุนของเหล่าคนดังมาก่อน
ย้อนกลับไปในสมัยที่สมาชิกทั้งสามคนเริ่มต้นทำธุรกิจ ในเวลานั้นแฟนๆ บางกลุ่มปรารถนาให้สมาชิกที่เหลืออีกสองคนมีส่วนร่วมในธุรกิจนี้ด้วยซ้ำ สมาชิกทั้งสามคนใช้เงินของพวกเขาเองลงทุนในบริษัทขนาดเล็กที่กำลังเติบโต และมอบภาระการบริหารกิจการดังกล่าวให้แก่คุณพ่อคุณแม่ รวมถึงพี่สาว (ในกรณีของแจจุง) เป็นผู้ดูแลกิจการทั้งหมด มีการเปิดร้านค้าขนาดเล็กสำหรับให้แฟนๆ ไปเยี่ยมเยียน พบปะและสนทนาเรื่องราวของพวกเขากับสมาชิกในครอบครัว พวกแอนตี้แฟนเจวายเจหยิบประเด็นเรื่องการเป็นผู้บริหารของพวกเขาขึ้นมาโจมตี ทั้งที่จริงแล้วตำแหน่งผู้บริหารของพวกเขาเป็นแค่ในนามเท่านั้น ฉันขออนุมานว่าภาระรับผิดชอบจริงๆ ในฐานะผู้บริหารของพวกเขา คงไม่มากไปกว่า รับรู้การลงทุนของตนเองและผลกำไรในแต่ละไตรมาสผ่านรายงานหรอก การเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจการ
เหล่านั้นของพวกเขา ไม่มีทางที่จะรบกวนกิจกรรมในฐานะ TVXQ ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นฉันจึงมองไม่เห็นถึงปัญหาที่เหล่าแอนตี้แฟนพยายามหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นเลยสักนิด และเมื่อครอบครัวของจุนซูตัดสินใจลงทุน พวกเขาได้ถามสมาชิกทั้ง 5 คนรวมถึงครอบครัวของเหล่าสมาชิกแล้วว่า พวกเขาต้องการที่จะลงทุนร่วมกันไหม คุณพ่อคุณแม่ของยุนโฮและชางมินมีภาระวุ่นวายกับกิจการและอาชีพของเขามากเกินกว่าจะร่วมลงทุนได้ จึงปฏิเสธคำชักชวนนั้น เหลือแค่คุณแม่ของยูชอนและพี่สาวของแจจุงที่ตัดสินใจตอบรับ
ฉันไม่รู้อย่างชัดเจนนักว่าเกิดอะไรขึ้น (ฉันไม่ได้ให้ความสนใจกับประเด็นเครื่องสำอางตั้งแต่ต้น) แต่กิจการของพวกเขาเป็นไปด้วยดีและดีมากเสียจน SM ต้องการส่วนแบ่งในธุรกิจนี้ด้วย ข้อเท็จจริงเหล่านี้ถูกเปิดเผยบนหน้าหนังสือพิมพ์หลังจากคดีฟ้องร้องเกิดขึ้น เราไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมด แต่ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าประเด็นนี้เป็นชนวนที่นำไปสู่ความขัดแย้ง และจากการสันนิษฐานของฉันเอง ฉันคิดว่าแจจุง จุนซูและยูชอน ไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลยว่า เหตุใดพวกเขาจึงต้องแบ่งรายได้ส่วนนี้ให้กับเอสเอ็มด้วย ในเมื่อมันเป็นการลงทุนส่วนตัวของพวกเขา และการลงทุนใดๆ ล้วนมีความเสี่ยงเสมอ ดังนั้นมันก็อาจจะเกิดกรณีอื่นๆ กับธุรกิจเครื่องสำอางของพวกเขาก็ได้ (T/N : เช่นว่า ล้มเหลว หรือไม่ประสบความสำเร็จ) จึงเป็นไปได้ไหมว่า ในตอนที่ SM อนุญาตให้พวกเขาทำธุรกิจเครื่องสำอางนั้น SM ได้คิดเอาไว้ก่อนแล้วว่า หากเกิดกรณีที่ธุรกิจของพวกเขาล้มเหลว SM จะนิ่งดูดายต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และเมื่อธุรกิจประสบความสำเร็จจึงจะเข้ามาขอร่วมแบ่งผลกำไรด้วย? ในกรณีนี้ การอนุญาตให้สมาชิกทั้งสามคนทำธุรกิจเสริมได้ จึงไม่ต่างอะไรไปจากประจักษ์พยานที่แสดงให้เห็นถึงการปกครองแบบเผด็จการของ SM เลย
และเมื่อสมาชิกทั้งสามปฏิเสธข้อเรียกร้องของ SM จากจุดเล็กๆ จุดนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็เลวร้ายลง SM พยายามในทุกวิถีทางที่จะขัดขวางพวกเขา ด้วยการบีบบังคับให้พวกเขาเปลี่ยนชื่อธุรกิจ กระทั่งกดดันด้วยข่าวลือเลวร้ายว่าพวกเขาใช้ชื่อ TVXQ ในการขายสินค้าเหล่านั้น คุณพ่อคุณแม่ของยุนโฮและ ชางมินเข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนนี้ ด้วยการยืนยันสิทธิทางกฎหมายอย่างสมบูรณ์ของบริษัท SM และกล่าวโทษว่า ธุรกิจของทั้งสามคนเป็นสิ่งผิดกฎหมาย พวกเขาลงทุนทำธุรกิจอย่างไม่โปร่งใส ซึ่งคำกล่าวหาทั้งหมดทั้งสิ้นนั้น ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความจริงหรือหลักฐานอ้างอิงใดๆ ที่น่าเชื่อถือเลย (T/N จากผู้แปลจากภาษาเกาหลี : เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างการแถลงข่าวจาก SM ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2009) และแฟนคลับของยุนโฮก็ทำให้ภารกิจของ SM บรรลุผล ด้วยการกระจายข่าวลืออันเป็นเท็จเกี่ยวกับธุรกิจเครื่องสำอางออกไปในวงกว้าง ภายใต้การบัญชาการของ Forever เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2009 (T/N จากผู้แปลจากภาษาเกาหลี : บทบาทของแฟนคลับของยุนโฮและความสำคัญของ Forever จะถูกกล่าวถึงในตอนต่อไป)
ฉันมั่นใจว่าแฟนคลับคนใดก็ตาม ที่ได้ติดตามข่าวในช่วงเวลานั้นจะรับรู้ถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นว่า แจจุง จุนซูและยูชอน ได้ใช้ชื่อ TVXQ เพื่อประโยชน์ส่วนตนจริงหรือ? ซึ่งนั่นคงไม่มากไปกว่าการใช้ชื่อ TVXQ และ Cassiopeia ของชางมินและยุนโฮในเวลานี้กระมัง
มันไม่ได้เป็นไปในลักษณะที่ว่า หน้าเวปเพจของแฟนไซต์ต่างๆ กดดันให้แฟนๆ ช่วยซื้อสินค้าด้วยการบอกว่า เราต้องใช้เครื่องสำอางยี่ห้อนี้เท่านั้น เพราะ TVXQ เป็นผู้ขาย!!! อย่างแน่นอน จริงๆ แล้วไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า การที่แฟนคลับกลุ่มเล็กๆ ไปเยี่ยมเยียนร้านค้าของพวกเขา เพื่อซื้อสินค้า และพูดคุยกับพ่อแม่ของทั้งสามคนเลย มันเป็นแค่กิจกรรมสนุกสนานเล็กๆ น้อยๆ สำหรับแฟนคลับเท่านั้น ซึ่งมันจะต่างอะไรกับการแวะไปเยี่ยมร้านพิซซาของครอบครัวจุนซู ร้านไอศกรีมของคุณแม่ยูชอน หรือร้านอาหารของคุณแม่แจจุงล่ะ? การมีรูปของจุนซูแขวนอยู่บนผนังร้านพิซซาคือสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้ารูปของเขาไปอยู่ในร้านขายเครื่องสำอางคือการกระทำผิดกฎหมายอย่างนั้นหรือ? ฉันแปลกใจมากทีเดียวเมื่อได้รู้ว่า บรรดาคนดังชาวเกาหลีทั้งหลาย ไม่สามารถที่จะทำธุรกิจเสริมได้ พวกเขากำลังประกอบอาชญากรรมหรือไร? ไม่ผิดสักนิดถ้าพวกเขาจะใช้ชื่อเสียงของเขาช่วยในการทำธุรกิจ
และสำหรับผู้ที่ยืนกรานว่าแจจุง จุนซูและยูชอน ละทิ้งความรับผิดชอบในฐานะ TVXQ ไป ด้วยเหตุที่พวกเขา กระหายเงิน เมื่อไรกันที่พวกเขาเพิกเฉยต่อสถานะนี้? พวกเขาเข้มงวดกับตัวเองมากและไม่เคยพลาดกิจกรรมใดๆ ในตารางงานแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆ ที่ตารางงานเหล่านั้นแน่นขนัดมาก ในส่วนประเด็นที่แอนตี้แฟนบอกว่า พวกเขาทำธุรกิจเครื่องสำอางเพื่อเงิน ใช่สิ พวกเขาธุรกิจเพื่อเงินแน่ๆ !! ตลกล่ะ จะมีใครเขาทำธุรกิจ เพื่อการกุศลบ้าง? เหล่า Ho-Tel แฟนสร้างเรื่องไม่เป็นเรื่องเสียใหญ่โตและทำให้มันเป็นเหมือนกับความผิดร้ายแรงที่ไม่สามารถให้อภัยได้ สาวๆ เหล่านั้นจ้องจับผิดแจจุง จุนซูและยูชอน ในทุกครั้งที่พวกเธอหายใจ
อนิจจา Ho-Tel girls
ฉันเดาว่า ในตอนนี้คงมีแฟนๆ จำนวนไม่น้อยทีเดียวที่สงสัยว่า Ho-Tel มีความหมายว่าอะไร
-Ho มาจากการออกเสียงพยางค์แรกในภาษาเกาหลีของชื่อแฟนคลับกลุ่มหนึ่งใน DC ภายในส่วนของ Heading to the Ground Gallery (ชื่อละครเรื่องแรกของยุนโฮ) ในตอนแรก Heading to the Ground Gallery ยังคงมีความสัมพันธ์อันดีกับ DC TVXQ Gallery แต่ต่อมาในภายหลัง เมื่อ Heading to the Ground Gallery เต็มไปด้วยแฟนคลับของ HoMin และเริ่มเผยแพร่ข่าวลือเลวร้ายของ JYJ ออกมา DC TVXQ Gallery จึงตัดความสัมพันธ์ลง
-Tel มาจาก Telzone TVXQ Gallery ใน Daum
ตั้งแต่ที่ Ho-Tel girls สามารถขยายอาณาเขตของพวกเธอได้ ในทุกหนทุกแห่งในตอนนี้ ชื่อ Ho-Tel girls จึงกลายมาหมายถึงชื่อของแฟนคลับยุนโฮและชางมิน คนใดก็ตามที่เชื่อว่า JYJ เป็นจุดเริ่มต้นของความเลวร้ายทั้งหมด แต่ในขณะนี้ พวก Ho-Tel girls ตระหนักแล้วว่า การจะดึงให้แคสสิโอเปียทั้งหมดมาอยู่ในฟากของตนเอง เป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย และการเผยแพร่ข่าวลือเลวร้ายเกี่ยวกับ JYJ บนเวปไซต์ที่ได้รับความนิยมทั้งหลาย ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก พวกเธอจึงทำในสิ่งที่พวกเธอสามารถทำได้ ดังนั้นผู้ที่ขาดความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของ TVXQ จงระวังพวก Ho-Tel girls ให้ดี
กรณีที่สอง เรื่องราวเบื้องหลังสัญญาระหว่าง TVXQ และ SM
พวกเราถกเถียง วิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับสัญญาที่ไม่เป็นธรรมระหว่างสมาชิกของ TVXQ และ SM นับครั้งไม่ถ้วน และคณะกรรมาธิการ Fair Trade ก็ให้คำรับรองว่าเงื่อนไขดังกล่าวไม่ชอบด้วยหลักจริยธรรม แต่สิ่งที่ฉันจะนำมาอภิปรายในเวลานี้ไม่ใช่เรื่องนั้น แต่เป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสัญญาที่เกิดขึ้นหลังจากการเซ็นสัญญาครั้งแรก มีการสืบพยานหลายครั้งเมื่อการพิจารณาคดีเริ่มต้นขึ้น และถ้าคุณได้ติดตามอ่านรายงานจากแฟนๆ คุณก็คงจะรู้ว่าฉันกำลังจะพูดถึงเรื่องอะไร
สัญญาฉบับดั้งเดิมมีระยะเวลา 10 ปี แต่มันถูกเพิ่มเป็น 13 ปี ก่อนการปล่อยซิงเกิ้ลแรกของ TVXQ ที่ชื่อว่า Hug ออกมา มันไม่น่าแปลกใจหรอกหรือที่การเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในสัญญาเช่นนี้ เกิดขึ้นก่อนการเดบิวต์เพียงไม่นาน?
แล้วพวกเขาจะสามารถตอบว่า ไม่ หลังจากที่ได้พยายามมานานหลายปีกว่าจะถึงจุดนี้อย่างนั้นหรือ?
นี่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า SM บีบบังคับพวกเขา ดังนั้นฉันจะเจาะรายละเอียดเกี่ยวกับ ยุนโฮให้ชัดเจนขึ้น เนื่องจากยังมีความเข้าใจผิดของแฟนคลับบางกลุ่มว่า การเปลี่ยนแปลงสัญญาเป็น 13 ปี เกิดขึ้นในช่วงของ เหตุการณ์สับเปลี่ยนสมาชิก
มาดูรายละเอียดของเรื่องนี้กัน:
เมื่อ SM ตัดสินใจที่จะเดบิวต์ TVXQ สมาชิกในวงทุกคนยกเว้นยุนโฮ ต่างเซ็นสัญญาเริ่มต้น 10 ปี แต่คุณพ่อของยุนโฮกลับคิดว่าระยะเวลา 10 ปี เป็นช่วงเวลาที่นานเกินไป และต้องการให้ยุนโฮเซ็นสัญญา 7 ปีแทน หลังจากการเซ็นสัญญาเสร็จสิ้น SM ตัดสินใจที่จะเอายุนโฮออกจากวง แจจุงและ จุนซูคัดค้านอย่างถึงที่สุดจนสามารถนำยุนโฮกลับเข้ามาในวงได้อีกครั้ง และนั่นก็คือสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงระยะเวลาในสัญญาของสมาชิกเป็น 13 ปี ส่วน เหตุการณ์สับเปลี่ยนสมาชิก เกิดขึ้นหลังจากการเดบิวต์ของพวกเขา (T/N จากผู้แปลจากภาษาเกาหลี : การสับเปลี่ยนสมาชิก เป็นแผนงานของ SM ที่ต้องการให้ TVXQ เป็นวงที่มีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกในวงเสมอ) ซึ่ง SM ก็ตัดสินใจที่จะเอายุนโฮออกอีกครั้ง แล้วแทนที่เขาด้วยเด็กฝึกหัดในค่าย เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้ปกครองของเหล่าสมาชิกทั้ง 5 คน ผู้ซึ่งต้องการจะปกป้องยุนโฮ ตัดสินใจลงนามร่วมกันเพื่อร้องขอให้ SM รักษาสถานภาพปัจจุบันของ TVXQ เอาไว้ต่อไปอีก 13 ปี
แฟนๆ ผู้มีการทำงานของสมองไม่บกพร่อง คงเข้าใจได้ไม่ยากว่า การลงนามดังกล่าว ไม่ควรถูกใช้เป็นเหตุผลที่จะให้ แจจุง จุนซูและยูชอน ต้องทนอยู่ภายใต้สัญญาที่ไม่เป็นธรรมต่อไป และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับแฟนๆ ของยุนโฮ จงอย่าใช้การลงนามนี้ มาโจมตี JYJ อีกเป็นอันขาด
หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า แท้จริงแล้วยุนโฮคือสมาชิกที่ SM ต้องการจะเปลี่ยนออกจากวง ก็คือการเข้ามามีบทบาทของคุณพ่อของยุนโฮ เขาเข้าร่วมในเวปไซต์แฟนคลับของลูกชาย และขอร้องให้แฟนเหล่านั้นแสดงความสนับสนุนยุนโฮออกมา แผนงานของ SM ทำให้บรรดาแคสสิโอเปียโกรธจัดและตัดสินใจบอยคอตต์ SM รวมถึงสินค้าที่มีศิลปินของ SM เป็นผู้โฆษณาทั้งหมด แต่หลังจากนั้นคุณพ่อของยุนโฮได้ขอร้องให้แฟนคลับลดการกระทำที่รุนแรงสุดโต่งลง เนื่องจากการกระทำเหล่านั้นจะเป็นการยั่วยุ SM มากกว่า แต่เขาก็ยังขอร้องให้แฟนๆ สู้เพื่อยุนโฮต่อไป เหตุการณ์นี้ถูกบันทึกอยู่ในความทรงจำของแฟนๆ รวมถึงพยานหลักฐานทั้งหลายด้วย
แต่ทำไมในตอนนี้ แฟนๆ จำนวนมากจึงเชื่อว่าผู้ที่ SM ต้องการจะเปลี่ยนออกไปจากวงคือแจจุง ไม่ใช่ยุนโฮล่ะ?!!
http://gall.dcinside.com/list.php?id=dongbang&no=1233767&page=3&recommend=1&recommend=1&bbs
(T/N จากผู้แปลจากภาษาเกาหลี : เป็นการแสดงความเห็นในภาษาเกาหลี ที่อธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิก ครอบครัวของพวกเขา และแฟนๆ ระหว่างเหตุการณ์สับเปลี่ยนสมาชิก ซึ่งสิ่งที่แฟนๆ เห็นเมื่อไปรอ TVXQ ที่สนามบินก็คือ ภาพที่แจจุงสะอื้น พวกเขาจึงเชื่อตามๆ กันไปว่า แจจุงคือสมาชิกที่ถูกเปลี่ยนตัวออกไปจากวง)
และถ้าข้อมูลที่อ้างอิงยังไม่เพียงพอ กรุณาอ่านแถลงการณ์จาก Cassiopeia fancafe จำนวน 20 แห่ง
http://jyj3.wordpress.com/2011/01/06/full-trans-the-public-announcement-made-by-the-akadong-fancafe/ (ส่วนฉบับแปลไทย สามารถหาอ่านได้ >>ที่นี่<<)
ไม่ว่าระยะเวลาของการเซ็นสัญญาจะยาวนานสักเพียงใด แต่สมาชิกทุกคนก็พยายามทำหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายจาก SM อย่างดีที่สุด พวกเขาทำงานอย่างหนักเพื่อจัดสรรเวลาการทำงานในต่างประเทศ ตามตารางที่แสนโหดร้ายของ SM ได้ลุล่วง จนฉันอดที่จะหวาดกลัวไม่ได้ว่า ท้ายที่สุดแล้ว ความภักดี ที่พวกเขามอบให้แก่ SM นั่นเอง ที่จะย้อนกลับมาทำร้ายและทำลายพวกเขา
ฉันสันนิษฐานว่าความสุขของพวกเขาถูกบั่นทอนลงไปเรื่อยๆ ทีละน้อย จากรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาและ SM ในขณะที่เขาทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่มีเพื่อการทำหน้าที่อย่างดีที่สุด แต่สิ่งตอบแทนที่ได้รับกลับน้อยนิด และเมื่อ SM เริ่มขัดขวางการทำธุรกิจเสริมของพวกเขา แจจุง จุนซู และยูชอน จึงรู้สึกเหมือนกับถูกหักหลัง และเริ่มต้นตั้งคำถามเกี่ยวกับแผนการของ SM ที่มีต่อพวกเขา รวมถึงอนาคตหากต้องอยู่ภายใต้การปกครองของบริษัทนี้ต่อไป
สำหรับผู้ที่ตระหนักว่าตนด้อยความสามารถ ย่อมสำนึกถึงคุณค่าแห่งสัญญายาวนานของ SM แต่สำหรับผู้ที่มีศักยภาพในการพัฒนาทางดนตรีอย่างต่อเนื่อง ฉันกลับมองไม่เห็นความจำเป็นว่า เหตุใดเขาจึงต้องยอมล่ามตัวเองเอาไว้กับสัญญา ในเมื่อเขาสามารถที่จะปลดตัวเองให้เป็นอิสระได้อย่างถูกต้องด้วยกระบวนการทางกฎหมาย
ครั้งหนึ่งคุณพ่อของยุนโฮเคยพูดเอาไว้ว่า สัญญาก็คือสัญญา และมันคือสิ่งที่ต้องปฏิบัติตาม ส่วนคุณพ่อของชางมินบอกว่า กฎหมายถึงแม้อยุติธรรม มันก็ยังเป็นกฎหมาย ขอโทษเถอะนะ แต่ฉันอยากจะหัวเราะเหลือเกิน นี่นะหรือคือถ้อยแถลงจากผู้ที่ภาคภูมิใจในการสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนกฎหมาย? เหลวไหลสิ้นดี ในฐานะนักเรียนกฎหมาย ฉันรู้สึกอับอายแทนคุณจริงๆ คุณพ่อของยุนโฮ
กรณีที่สาม ความขัดแย้งระหว่าง JYJ กับ Homin
ความขัดแย้งระหว่างสมาชิก:
มันเป็นเรื่องน่ารำคาญมากเวลาที่ได้ยินว่า แจจุง จุนซูและยูชอน ทอดทิ้ง TVXQ ไป เพียงเพราะพวกเขาออกมาจากบริษัท SM Entertainment นี่พวกเขาเชื่อว่า SM มีค่าเท่ากับ TVXQ อย่างสิ? ถ้าคุณเป็นแฟนของพวกเขามานานเพียงพอ คุณคงจะรู้ดีว่าทั้งสามคนภูมิใจในความเป็น TVXQ ของตนมากเพียงไร และมันจึงเป็นสิ่งที่รับไม่ได้เลยกับการที่จะมีแฟนบางคนออกมากล่าวโทษว่า พวกเขาทอดทิ้งชื่อ TVXQ ไป เหตุผลของการที่พวกเขาเลือกใช้ชื่อ JYJ โดยไม่ใช่ชื่อ TVXQ เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เพื่อให้เกียรติสมาชิกที่เหลืออีก 2 คน (T/N จากผู้แปลจากภาษาเกาหลี : แฟนๆ บางคนยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับสิทธิ์การถือครองชื่อ TVXQ ว่าตกเป็นของ SM ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น JYJ มีสิทธิ์ที่จะใช้ชื่อ TVXQ ได้ แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่ใช้) แฟนๆ พวกนั้นจะมีความสุขหรือเปล่า ถ้าแจจุง จุนซูและยูชอน ปล่อยอัลบั้มที่ 5 ของ TVXQ ออกมา เหมือนๆ กันกับยุนโฮกับชางมิน? ดังนั้นแท้จริงแล้ว ผู้ที่ทอดทิ้ง TVXQ รุ่นเก่า ไปคือยุนโฮและชางมินต่างหาก
แฟนๆ ทั้งหลายคงจะจำบรรยากาศแปลกแปร่งที่ยากแก่การอธิบาย ระหว่างแจจุงและยุนโฮในช่วง มิโรติกได้ ฉันพยายามที่จะไม่สนใจเพราะคิดว่าพวกเขาคงจะทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับเพื่อนในคลับ 85 ของยุนโฮเหมือนเช่นเคย แต่อย่างไรก็ตามฉันตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เมื่อพวกเขาไปออกรายการวิทยุด้วยกัน แล้วสมาชิกทุกคนต้องตอบคำถามที่ว่า เขาต้องการจะพูดอะไรกับเพื่อนๆ ในวงบ้าง? แจจุงบอกว่าตอนนี้หัวข้อสนทนาระหว่างสมาชิกก็คืออนาคตของ TVXQ เขาบอกว่าเขารู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่ความไม่มั่นใจของเขาก็หายไป เมื่อเขาได้มองไปที่ใบหน้าของสมาชิกแต่ละคน แจจุงเป็นคนเดียวที่ตอบคำถามอย่างจริงจัง และเขาดูลังเลใจอย่างมากสำหรับการตอบคำถามนี้ ส่วนยุนโฮฉันไม่แน่ใจนักเกี่ยวกับคำตอบของเขา แต่จำได้ว่าเขาแสดงสีหน้ายุ่งยากใจ (T/N จากผู้แปลจากภาษาเกาหลี : รายการนี้เป็นรายการวิทยุ แต่สามารถรับชมภาพในห้องส่งได้ ผ่านการแพร่ภาพทางอินเตอร์เน็ต)
ทั้งๆ ที่ฉันเชื่อว่าเวลาในตอนนั้นเร็วเกินไปสำหรับพูดคุยเรื่องการฟ้องร้องของสมาชิก แต่เหตุการณ์นี้กลับติดอยู่ในใจของฉัน จนกระทั่งคดีฟ้องร้องเกิดขึ้น จากจุดนั้นเองเราจึงเพิ่งตระหนักว่าสมาชิกได้
หารือเกี่ยวกับอนาคตที่มีร่วมกันของพวกเขา ตั้งแต่ช่วงการทำงานอัลบั้มมิโรติกแล้ว และคุณก็คงรู้ว่าพวกเขายังคงปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งถึงวันที่มีการฟ้องร้องจริงๆ ดังนั้นถ้าคุณได้ดู All About TVXQ 3 ช่วง Couple Talk ซึ่งถ่ายทำเอาไว้ตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2009 คุณจะพบว่าสมาชิกใกล้จะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการตัดสินใจของพวกเขาแล้ว (T/N จากผู้แปลจากภาษาเกาหลี : ฉันเชื่อว่า Moto หมายถึงบทสนทนาช่วงหนึ่งระหว่างยุนโฮกับจุนซู ซึ่งฉันจะแปลบทสนทนาพร้อมกับนำคลิปมาให้ดูอีกครั้ง (ส่วนเราขอแปะโป้งติดคุณๆ ไว้ก่อนนะคะ T.T)) หลังจากการถ่ายทำ All About TVXQ 3 สิ้นสุดลง สมาชิกมีเวลาที่จะไตร่ตรองเกี่ยวกับแผนการและอนาคตของพวกเขาแต่ละคน ซึ่งฉันเชื่อว่าแม้จะมีความเห็นที่ขัดแย้งกัน แต่พวกเขาก็สามารถเข้าใจกันและกันได้อย่างสมบูรณ์
ฉันสันนิษฐานว่า แจจุง จุนซูและยูชอน เชื่อว่า แม้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคมากมายเมื่อออกจาก SM ก็ตาม แต่เขาจะได้รับอิสระที่จะสร้างสรรค์ต่างๆ ในฐานะศิลปิน และสามารถที่จะประสบความสำเร็จทั้งในฐานะศิลปินกลุ่มและศิลปินเดี่ยวได้ ร่วมกันกับสมาชิกทั้ง 5 คนและแฟนคลับผู้ภักดี
ในขณะที่ยุนโฮกับชางมิน คิดถึงความเป็นไปได้เกี่ยวกับการแพ้คดี และพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับโอกาสที่พวกเขาแต่ละคนจะได้รับจาก SM ในการทำกิจกรรมเดี่ยว พวกเขาจึงเลือกที่จะอยู่กับ SM ดังเดิม เพื่ออนาคตที่มั่นคงมากกว่าจะไปเผชิญกับเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม และคิดว่าพวกเขาได้พยายามและประสบความสำเร็จมากพอแล้วในฐานะศิลปินกลุ่ม
ฉันไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องของ การทรยศ อะไรเลย พวกเขาแค่เชื่อในสิ่งที่แตกต่างกันออกไป แต่พวก Ho-Tel เอาแต่ตะแบงเถียงอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้นว่า แจจุง จุนซูและยูชอนออกจากบริษัทเพราะเหตุผลทางการเงิน ก็แล้วชางมินกับยุนโฮไม่ได้อยู่กับบริษัทด้วยเหตุผลเดียวกันหรอกหรือ? ฉันไม่คิดว่าการตัดสินใจของพวกเขาเป็นสิ่งที่ผิดศีลธรรมอะไรเลย มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่คนเราจะให้ความสำคัญกับอนาคตของตนเองเป็นอันดับแรก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ฉันผิดหวัง ก็คือความจริงที่ว่า ยุนโฮและชางมินไม่เคยพยายามที่จะต่อสู้เพื่อเพื่อนๆ ของพวกเขาเลย ขณะที่ SM ทำลายชื่อเสียงของทั้งสามคนด้วยการเรียกพวกเขาว่า ผีหิวเงิน และกล่าวหาว่าพวกเขา กำลังหลอกลวงคนทั้งชาติ ยุนโฮกับชางมินกลับยืนกรานว่า เขาทั้งสองคนไม่รู้เรื่องใดๆ เลย จู่ๆ สมาชิกทั้งสามคนก็หันหลังให้และจากไปเฉยๆ บทความจำนวนนับไม่ถ้วนบนหน้าหนังสือพิมพ์ ถูกเผยแพร่ทุกวันด้วยฝีมือของ SM เพื่อประณามความเลวทรามที่ไม่สามารถอภัยได้ของสมาชิกทั้ง 3 คน ในช่วงเวลานั้น แต่ละวันฉันต้องอยู่กับความหวาดกลัวที่ว่า สมาชิกทั้งสามคนอาจจะทำร้ายตัวเอง ในขณะที่ยุนโฮกับชางมินกลับใช้ชีวิตในแต่ละวันของเขา ด้วยการซ่อนตัวหลัง ครอบครัว SM และสนุกกับกิจกรรมเดี่ยวของพวกเขา (ดูว่ายุนโฮมีความสุขมากเพียงไร ได้จากช่วงเวลาที่เขาถ่ายทำ Heading to the Ground
) การจะเซ็นชื่อลงไปในเอกสารแล้วก็กล่าวว่า เราปรารถนาให้คุณกลับมายัง SM อีกครั้ง และ เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะธุรกิจเครื่องสำอาง และการเล่นบทเป็นเหยื่อที่ถูกกระทำ ทั้งๆ ที่พวกเขารู้ความจริงทุกสิ่งทุกอย่างเต็มอก พวกเขาทำอย่างนี้ได้อย่างไร?
ฉันต้องเตือนตัวเอง
ให้นึกย้อนกลับไปในวันที่ยุนโฮและชางมินตัดสินใจเลือกอนาคตสำหรับตัวเขาเอง แทนที่จะเลือกอนาคตของกลุ่ม มันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องละนะ เมื่อคิดว่า
ขอโทษที่ฉันจำเป็นต้องหยิบประเด็นนี้ขึ้นมากล่าวถึง แต่ฉันรับรู้ถึงความด้อยกว่าในการดำรงอยู่ของสมาชิกทั้งสองคน และฉันเข้าใจมันได้อย่างสมบูรณ์ทีเดียว
ผู้ปกครองของชางมินเคยพูดเอาไว้ว่า ลูกชายของพวกเราถูกปฏิบัติราวกับเป็นคนนอกเสมอ ซึ่งมันไม่มีความหมายใดๆ เลยสำหรับแฟนผู้รักและรู้จักชางมินดี ถึงกระนั้นฉันก็พยายามจะทำความเข้าใจ ในฐานะของพ่อแม่ พวกเขาอาจจะรู้สึกเช่นนั้น เนื่องจากเขาได้รับความนิยมน้อยที่สุดในวง แต่ก็ด้วยเหตุนี้เช่นกัน ถึงแม้ในกลุ่มแฟนๆ ที่ไม่ได้ชื่นชอบในตัวชางมินที่สุด ก็ยังคอยเอาใส่ใจและห่วงใยเขาเสมอ เพราะไม่ต้องการให้เขาตกเป็นเป้าหมายของแอนตี้แฟน อย่างไรก็ตามฉันคิดว่าเขาคงกังวลเกี่ยวบทบาทในวงของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่า เขาต้องการจะสร้างรากฐานที่มั่นคงขึ้นสำหรับอนาคตของเขา
และมันก็เป็นไปในลักษณะเดียวกันกับยุนโฮ เขาพยายามอย่างหนักที่จะซ่อนความไม่พอใจ เมื่อต้องเปรียบเทียบความสามารถกับเพื่อนร่วมวง แต่เขาก็ทุ่มเทอย่างหนักในทุกครั้งจนฉันอดที่จะประทับใจในตัวเขาไม่ได้ อย่างไรก็ตามฉันเพิ่งตระหนักว่ายุนโฮเห็นแก่ตัวมากแค่ไหน เมื่อตอนที่เขาต้องตอบคำถามจำนวนนับไม่ถ้วนเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกลางงานแถลงข่าวละคร Heading to the Ground เขาตอบว่า ผมหวังว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดีครับ เขาให้คำตอบราวกับตนเองเป็นบุคคลที่สาม ผู้ไม่แยแสสักนิดว่า แจจุง จุนซูและยูชอน กำลังยืนหมิ่นเหม่อยู่บนปากเหว นี่คือสิ่งที่หัวหน้าวง TVXQ สมควรกระทำอย่างนั้นหรือ?
ต่อมาสิ่งที่ฉันพยายามจะพูดก็คือ เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ยุนโฮและชางมินเชื่อว่า ตนเองจะไปได้ดีกว่าถ้าพวกเขาเลือกอยู่กับ SM แทนอยู่กับบรรดาสมาชิก นั่นก็คือ พวกเขาคิดว่าเขาจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากกิจกรรมกลุ่มที่เกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว สมาชิกทั้ง 5 คนต่างล้วนต้องสละประโยชน์ส่วนตน เพื่อให้กลุ่มดำเนินไปได้ และนั่นจึงเป็นสาเหตุแห่งความภาคภูมิใจในฐานะ TVXQ มันจึงเป็นเรื่องน่าขันที่ในตอนนี้ยุนโฮและชางมินกลับคิดว่าตนตกเป็น เหยื่อ
สมาชิกทั้งสองคนและ Ho-Tel ยืนกรานว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นตัวบั่นทอนโอกาสในการทำกิจกรรมและการทำงานของพวกเขาลง แต่จำนวนกิจกรรมเหล่านั้นก็พอๆ กับ JYJ หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป ความจริงก็คือ ยุนโฮเริ่มกิจกรรมเดี่ยวของเขาก่อนทุกคนในวง โดยพื้นฐานแล้วเขาเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูงและมันก็ไม่ผิดถ้าจะมีนิสัยเช่นนี้ในตัวเอง แต่จะเป็นไปได้หรือกับการตั้งความหวังว่าจะมีแฟนกลุ่มใหม่ที่พร้อมจะทุ่มเทตนเองเพื่อเขา และกลายเป็น เอนเตอร์เทนเนอร์ผู้โด่งดังระดับโลก จากการฉกฉวยโอกาสไม่กี่ครั้งที่ SM หยิบยื่นให้? (ใช่ คำว่า เอนเตอร์เทนเนอร์ผู้โด่งดังระดับโลก เป็นคำที่คุณพ่อของยุนโฮหยิบมาใช้เสมอ) และนี่คือเหตุผลที่คุณเอาแต่นั่งเงียบ แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นตรงหน้า โดยไม่พยายามแม้แต่จะยื่นมือเข้ามาขัดขวางสักครั้งใช่ไหมยุนโฮ? ถ้าเขากังวลเกี่ยวกับความอยู่รอดของ TVXQ จริง เขาก็ควรจะทำอะไรมากกว่านี้ ฉันอยากจะถามเขาแค่คำถามเดียว ทำไมเขาเอาแต่หลบเลี่ยง ไม่ยอมติดต่อกับ JYJ เมื่อตอนที่ฝ่ายนั้นพยายามติดต่อเขาล่ะ? ทำไมเขาถึงไม่ยอมรับสาย ไม่ยอมอ่านข้อความใดๆ และไม่แก้ความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นล่ะ?
ย้อนกลับไปดูกิจกรรมของยุนโฮ เขาเล่นละครเรื่อง Heading to the Ground และเรตติ้งของละครก็ดิ่งลงเหวสมชื่อ ต่อมาเขามีคอนเสิร์ต This is It ที่จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึง Michael Jacksons จำนวนที่นั่ง 2 ใน 3 ว่างเปล่า ยุนโฮร้องลิปซิงค์ทุกเพลงและคุณภาพของคอนเสิร์ตเลวร้ายถึงขนาดที่สื่อมวลชนออกมาวิจารณ์ว่าเป็นคอนเสิร์ตที่สร้างความอัปยศให้แก่ชื่อของ Michael Jackson เขาป่วยใช่ไหม? (T/N : ตอนเล่นคอนเสิร์ตนี้) เอาเถอะ ถ้ามันจะเป็นด้วยเหตุนั้น ต่อมาก็เป็นละครเพลงเรื่อง Goong ที่คุณภาพการสร้างน่าสยดสยองจนแม้แต่แฟนคลับของยุนโฮเองก็อดประหลาดใจไม่ได้ว่า เหตุใดเขาจึงเลือกเล่นละครเพลงเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ส่วนละครสั้น Haru ก็ถูกกลบด้วยข่าวของค่าตัวนักแสดงที่สูงจนเกินความจำเป็น
ฉันจึงอดประหลาดใจไม่ได้ว่า ทำไมแฟนๆ จึงจำงานเหล่านี้ไม่ได้ และเอาแต่เถียงว่าเขาไม่มีงานทำ!
ยุนโฮพลาดหวังกับกิจกรรมเดี่ยวของเขาไม่น้อย ในเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปดังที่เขาปรารถนาเมื่อครั้งได้รับข้อเสนอจาก SM เลย และเขาก็โทษว่าทั้งหมดล้วนมีสาเหตุมาจาก JYJ ในตอนนี้เขากลับมาอีกครั้งพร้อมกับชางมินในฐานะ TVXQ รุ่นที่ 2″ กับ อัลบั้มที่ 5″ ที่ได้รับความรักจากเหล่า แคสสิโอเปียรุ่นที่ 3″ เขากำลังมุ่งหน้าไปอีกทางหนึ่งด้วยเหตุที่แผนการเดิมล้มเหลวทั้งหมดใช่หรือไม่? จริงๆ นะ มันคืออะไรกันแน่? เขาควรจะต้องบอกพวกเราสักทีว่า สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ หลังจากการเกิดเรื่องฟ้องร้องคืออะไร สำหรับแฟนที่สนับสนุนสมาชิกทั้ง 5 คน
คุณใจดำเกินไปยุนโฮ (T/N จากผู้แปลจากภาษาเกาหลี : Moto ซึ่งเป็นผู้เขียนบทความ ไม่ได้กล่าวถึงงานแสดงของชางมิน แต่เขาก็ยุ่งอยู่กับละครเรื่อง Paradise Ranch และการถ่ายแบบรวมถึงสัมภาษณ์ในนิตยสารนับครั้งไม่ถ้วน)
กรณีที่ 4 แล้ว
เขาคือใคร?
สืบเนื่องจาก 623, 625 และ Forever :
(T/N จากผู้แปลจากภาษาเกาหลี : 623 และ 625 หมายความถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 23 และ 26 มิถุนายน 2009 ตามลำดับ)
ตอนนี้เข้าสู่ปี 2011 แล้ว แต่ยังมีแฟนจำนวนมากที่ยังคงสงสัยว่า 625 คืออะไร? แล้วที่ TVXQ ต้องแยกวงเป็นเพราะเรื่องนี้หรือ ? ฉันพยายามจะสรุปเรื่องราวในส่วนที่ยังเหลืออยู่นี้ให้เข้าใจชัดเจนที่สุดโดยไม่ใส่คำอธิบายเพิ่มเติมลงไปเพื่อไม่ให้บทความนี้ยาวเกินไป ถ้าดูจากแถลงการณ์ของ DNBN และของเวบไซต์แฟนคลับหลัก ๆ ในตอนนี้แล้ว ฉันคิดว่าเราคงไม่ต้องยกเรื่องนี้ขึ้นมาอธิบายกันอีกรอบ
หมายเหตุ มีการเพิ่มเติมและแก้ไขบางส่วนของบทความ :
Forever ได้ลงบทความอันโด่งดังของเขาเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน นั่นถือว่าเป็นเวลาที่เขาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่อย่างไรก็ตามข่าวลือที่มีต้นตอมาจาก Forever ถูกปล่อยออกมาตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายนแล้วและ คำสั่งลับ นั้นถูกสั่งการจากห้องสนทนาออนไลน์ในวันที่ 24 มิถุนายน รวมไปถึงพวกคำพูดต่าง ๆ ที่เหมือนกับไปคัดลอกข้อความของ Forever ออกมาด้วย จากเรื่องนี้เราจึงสามารถอนุมานได้ว่า Forever เริ่มเผยแพร่เรื่องนี้ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายนแล้ว ถึงแม้พวก Ho-Tel จะแย้งว่าบทความของ Forever ที่ลงไว้ในวันที่ 26 มิถุนายนนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับ การประชุม 625 แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นความจริงแน่นอนก็คือการเผยแพร่ข้อมูลของ Forever เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการประชุม 625 ขึ้น ฉันได้เพิ่มรายละเอียดของลำดับเหตุการณ์สำหรับแฟนที่ยังไม่ทราบเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ (แก้ไขเพิ่มเติม วันที่ 9 มกราคม 2011)
23 มิถุนายน 2009
ข่าวลือที่คล้ายกับข้อมูลของ Forever เกี่ยวกับ การแยกวงของ TVXQ เริ่มต้นกระจายในชุมชนอินเตอร์เนตขนาดใหญ่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับTVXQ เช่นใน My Club เป็นต้น
ซึ่งนั่นเป็นเวลาเดียวกันกับที่ผู้ดูแลเวบไซต์คนเก่าของ DNBN บอกว่า เธอได้รับโทรศัพท์จาก คนที่คุณก็รู้ว่าใคร (T/N จากผู้แปลจากภาษาเกาหลี : ผู้ดูแลเวบไซต์คนเก่าของ DNBN เคยกล่าวว่า เธอได้พบกับคุณพ่อของยุนโฮผู้ซึ่งให้ข้อมูลเธอเกี่ยวกับแผนของ JYJ ที่จะออกจากTVXQ ตามคำกล่าวอ้างของเธอซึ่งในตอนนี้กลายเป็นแฟน Ho-Tel ชื่อดังไปแล้ว และ เวบไซต์ DNBN ที่สร้างขึ้นใหม่ก็ไม่มีเธอและกลุ่มของเธอเข้าร่วมด้วย)
24 มิถุนายน 2009
แจจุง จุนซุ และยูชอน ยื่น หนังสือขอยุติสัญญาและคำร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้อง ไปยัง SM ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยต่อสื่อในเดือนกรกฎาคม 2009
19.00 22.00 น.(ตามเวลาเกาหลี)
กลุ่มแฟนของยุนโฮถูกเรียกให้มารวมตัวกันอย่างฉุกละหุกในห้องสนทนาของ Soul Dresser ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของชุมชนอินเตอร์เนตที่ใหญ่ที่สุดสำหรับสาว ๆ เนตติเซน ในเกาหลี
เนื้อหาในการสนทนาครั้งนี้คล้ายกับจุดยืนอย่างเป็นทางการของ SM ที่มีต่อสถานการณ์ของ TVXQ ที่มีการประกาศออกมาในอีกสามเดือนให้หลังในเดือนพฤศจิกายน 2009 เป็นอย่างมาก สำหรับประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายกล่าวพ้องกันคือ
- เน้นไปยังข่าวลือว่า JYJ จะเซ็นสัญญากับ CJ (T/N จากผู้แปลจากภาษาเกาหลี : CJ คือกลุ่มเครือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับวงการบันเทิง)
- พูดถึงสัญญาของ TVXQ ที่มีระยะเวลานาน 13 ปีซึ่งเป็นข้อมูลที่รู้เฉพาะคนวงในที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
- ยืนยันว่าสัญญายาวนาน 13 ปีนั้นเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
- อ้างว่า TVXQ ถูกสร้างขึ้นเพื่อตีตลาดทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น และจีน ดังนั้นสัญญา 13 ปีจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมและยุติธรรมแล้ว
- อ้างถึงข่าวลือว่าสมาชิก JYJ ปฎิเสธการถ่ายโฆษณาให้กับ Missha
(T/N จากผู้แปลจากภาษาเกาหลี : Missha เป็นแบรนด์เครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง มีการกล่าวหามาโดยตลอดว่าที่ JYJ ปฏิเสธการถ่ายโฆษณานี้เนื่องจากธุรกิจเครื่องสำอางของพวกเขา ซึ่งตัวแทนของ Missha ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือนี้อย่างหนักแน่นว่า พวกเขาไม่เคยติดต่อ TVXQ ให้มาเป็นพรีเซนเตอร์แต่อย่างใด)
- พูดถึงข่าวลือว่า JYJ ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมในอัลบั้ม SM Towns summer (มีบทความนับไม่ถ้วนออกมากล่าวถึงการยกเลิกการถ่ายปกอัลบั้ม แต่ในที่สุดอัลบั้มนี้ก็ออกวางแผงโดยมีเพลงของสมาชิกทั้งห้าของ TVXQ รวมอยู่ด้วย)
- การโจมตีเรื่องธุรกิจเครื่องสำอางทั้งหมดของ SM และ Forever สอดคล้องกันเป็นอย่างดี โดยมุ่งประเด็นการโจมตีไปที่ ความต้องการหาเงินจากแฟนคลับ
- การอธิบายข้อมูลเรื่องความเกี่ยวข้องกันของสัญญาระหว่าง TVXQ, Avex และ SM
- ยืนยันว่าชางมินไม่จำเป็นต้องออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ (กล่าวโดย Forever และผู้ปกครองของชางมิน)
25 มิถุนายน 2009
ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน ข่าวลือเรื่อง TVXQ จะแยกวงเพราะธุรกิจเครื่องสำอางของแจจุง จุนซู และ ยูชอน เริ่มมีการพูดกันในกลุ่มผู้ดูแลเวบไซต์และบรรดาสมาชิกส่วนใหญ่ทั้งในเวบของแฟนคลับเองและกลุ่มที่ไม่ใช่แฟน โดยพูดคุยกันผ่านบอร์ดที่ไม่เปิดเผยตัวและทางข้อความส่วนตัว นี่คือเบื้องหลังที่ทำให้เกิดการประชุม 625 ขึ้นมา โดยครอบครัวของ JYJ มีการประชุมส่วนตัวกับแฟนกลุ่มหนึ่งเพื่ออธิบายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
26 มิถุนายน 2009
ในที่สุด Forever ก็ออกมาจากหลังฉากและปรากฏตัว อย่างเป็นทางการ ในบลอกของเขาเมื่อเวลา 13.00 น. ท่ามกลางการเฝ้ารอคอยของสาวกจำนวนนับไม่ถ้วนของเขา สำหรับกุญแจที่จะไขปริศนาว่าใครคือ Forever และกลุ่มของเขานั้นหาได้จากชื่อในห้องสนทนาของ Soul Dresser พวกเขาน่าจะเป็นใครกัน ?
เกี่ยวกับ 625 :
กลุ่มหัวหน้าแฟนคลับของแจจุง จุนซูและยูชอนซึ่งกำลังช็อกกับข่าวลือที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วติดต่อกับผู้ปกครองของ JYJ และขอคำแนะนำว่าจะโต้ตอบกับเรื่องนี้อย่างไร กลุ่ม Ho-Tel มักจะใช้ 625 เป็นอาวุธเพื่อโจมตี JYJ พวกเขาแจกจ่ายไฟล์เสียงที่มีการตัดต่อแก้ไขออกไป และยืนยันว่าพ่อแม่ของ JYJ พยายามป้ายสีให้ยุนโฮและชางมินกลายเป็นคนทรยศ ด้วยการใช้บันทึกการประชุมที่มีการตัดรายละเอียดบางส่วนออกไปและกระจายมันออกไปอย่างกว้างขวาง (T/N จากผู้แปลจากภาษาเกาหลี : ฉันไม่รู้ว่าพวก Ho-Tel ไปได้ไฟล์เสียงมาได้อย่างไร แต่พวกเขาก็คุกคาม JYJ และแฟน ๆ ด้วยเนื้อหาของบันทึกนี้มาเป็นปีแล้ว พวก Ho-Tel ตีความการประชุมครั้งนี้ออกมาด้วยตรรกกะที่ไร้เหตุผลและขยายความเกินเลยกว่าความเป็นจริง) ฉันแนะนำให้คุณฟังเนื้อหาทั้งหมดของการประชุม พวก Ho-Tel ทำราวกับว่าไฟล์เสียงนี้เป็นอาวุธลับสุดยอดของพวกเขา แต่ฉันออกจะผิดหวังเมื่อพบว่าเนื้อหาในนั้นไม่มีอะไรน่าสงสัยหรือเป็นที่กังขาแต่อย่างใดเลย การประชุมจบลงด้วยคุณพ่อของจุนซูบอกแฟน ๆ ว่าไม่ให้โต้ตอบข่าวลือเหล่านั้นอย่างออกหน้าออกตา และให้ใช้วิจารณญาณของพวกเขาเอง พวก Ho-Tel ซึ่งไม่รู้จะหาอะไรมาว่ากล่าวได้ ก็อ้างว่าคุณพ่อของจุนซูบอกให้แฟน ๆ โจมตียุนโฮกับชางมิน สมาชิกของ JYJ กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากและสิ่งสุดท้ายที่คุณพ่อของจุนซูต้องการคือสงครามที่น่ารังเกียจระหว่างแฟนคลับ ดังนั้นเขาจึงบอกให้แฟนรับมือกับข่าวลืออย่างสงบด้วยการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ แล้วทำไมพวกงี่เง่านั่นถึงได้พลิกแพลงออกมาเป็น ทำให้ยุนโฮกับชางมินดูเหมือนคนทรยศซะ ไปได้ล่ะ?! แต่เอาเถอะ เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวก Ho-Tel แสดงความโฉดเขลาในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ของพวกเขาออกมาหรอก
เกี่ยวกับ 623 และ Forever :
Forever ได้ลง บทความฉบับสมบูรณ์ เกี่ยวกับความคิดเห็นของเขา รวมไปถึงข่าวลือต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นทั้งหมด ลงในบลอกของเขาในวันที่ 26 มิถุนายน มันเต็มไปด้วยข้อมูลที่เป็นส่วนตัวมาก ๆ อย่างเช่นเนื้อหาของสัญญา และเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อแม่ของสมาชิกที่แฟนทั่วไปไม่เคยรู้มาก่อน เพียงวันเดียวหลังจากที่บทความถูกโพสลงไป บรรดาเวบไซต์แฟนคลับและแฟนบลอกส่วนใหญ่ของยุนโฮเกือบทั้งหมด ก็นำบทความของ Forever ออกไปติดประกาศอย่างเป็นทางการลงที่หน้าแรกของเวบไซต์พวกเขา คุณไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจหรอกหรือ ที่แฟนทั้งหมดเชื่อโดยไม่มีใครสงสัยอะไรเลยสักนิดกับข่าวลือที่น่าตกใจแบบนี้ แล้วยังถูกชักจูงอย่างง่ายดายโดยคนแปลกหน้าในเวบ ที่ไม่มีเครดิตอะไรเลยในเวลาอันสั้นแบบนี้ ความจริงแล้วบทความของ Forever ไม่สามารถหาพบได้ด้วยการใช้การค้นหาจากบลอกได้ในช่วงเวลานั้น มันเหมือนกับว่ากลุ่มหัวหน้าแฟนคลับทั้งหลายของยุนโฮได้รับการบอกล่วงหน้าและรอคอย การถือกำเนิดของ Forever อย่างเอาเป็นเอาตายจากบลอกสร้างใหม่ที่ว่างเปล่า
อย่างไรก็ตามความเห็นของ Forever ได้กลายเป็น ไบเบิล ของแฟนยุนโฮส่วนใหญ่ไปแล้ว และคำพูดที่พวกเขาใช้กันบ่อยอย่างเช่น ความจงรักภักดี ความศรัทธา ความจริง ข้อเท็จจริง และ การสมรู้ร่วมคิด ก็ล้วนมาจาก Forever ทั้งสิ้น เขาเปรียบเสมือนกับ บิดา ของเหล่า Ho-Tel ทั้งหมด (แค่เปรียบเปรยนะ
.) ถ้าคุณอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์ คุณจะรู้ถึงจุดประสงค์ของคำกล่าวของ Forever ว่า ถ้าเราไม่ดำเนินการอะไรบางอย่างอย่างรวดเร็วล่ะก็ แฟน ๆ ก็จะเชื่อฝ่ายสามคนนั้นและกล่าวโทษอีกสองคนที่ยังอยู่กับ SM ดังนั้นเราต้องชิงโจมตีสามคนนั้นก่อนและทำให้ฝ่ายสองคนดูเหมือนเป็นเหยื่อ ดังนั้น คิดว่า Forever จะเป็นใคร ? ฉันรู้ว่าเขาต้องไม่ใช่แค่ แฟนคนหนึ่ง แน่ ๆ และเขาต้องเป็นคนที่ใกล้ชิดมาก ๆ กับสมาชิก โดยเฉพาะยุนโฮและ SM
http://ilnostroposto.files.wordpress.com/2011/02/forever.jpg?w=630&h=122
http://ilnostroposto.files.wordpress.com/2011/02/forever2.jpg?w=630&h=122
นี่เป็นข้อความในบลอกส่วนตัวของแฟนคลับที่เขียนขึ้นในเดือนกันยายน 2009 มีทั้งแฟนที่รู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่แรก และมีแฟนที่ยังไม่รู้อะไรเลยด้วยเช่นกัน ฉันไม่ได้ขอให้แฟน ๆ ยอมรับว่านี่คือความจริง และฉันไม่ได้ขอให้ใครมาเป็นแอนตี้แฟนของโฮมินด้วยเช่นกัน สิ่งที่ฉันอยากจะขอคือให้พวกเรา ทุกคนรู้ว่ามีลูกศรและปลายดาบแห่งการกล่าวร้ายถูกนำมาโยนใส่สมาชิกทั้งสามคนอย่างบ้าคลั่ง โปรดรับรู้ด้วยว่าพวกเราเป็นแฟนซึ่งความรับผิดชอบอย่างน้อยที่สุดของเราคือการพยายามหยุดยั้งพวก Ho-Tel ไม่ให้กระจายความเกลียดชังและคำพูดโกหกอย่างนั้นออกไปอีก
โปรดรู้ไว้ว่าคนที่ยังรัก TVXQ ทั้งห้าคน อย่างจริงใจนั้นคือคนโง่
เด็กโง่สามคนนั่นล่ะ
ถ้าหากพวกคุณยังหลีกเลี่ยงที่จะยอมรับความจริงและยังคงไม่หวังอะไรนอกจากให้ TVXQ กลับมาเป็นห้าคนเหมือนเดิม ก็จงโปรดกล้าหาญและเผชิญหน้ากับความจริงที่เจ็บปวดได้แล้ว ความเจ็บปวดที่คุณเลือกที่จะเพิกเฉยกลายเป็นปลายกริชที่หันเข้าหาหัวใจของแจจุง จุนซู และยูชอน
ถ้าคุณอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับ Forever มากกว่านี้ ในบลอกนี้ (http://order623.egloos.com , http://one55.egloos.com) มีรายละเอียดที่คุณอยากรู้ทั้งหมด (เป็นบลอกเกาหลี)
(ความคิดเห็นจากผู้แปลจากภาษาเกาหลี)
นี่เป็นตอนสุดท้ายของ Forever คือใคร? แล้ว ฉันต้องขออภัยที่ตัดบางส่วนออกไปรวมทั้งส่วนสรุปด้วย มันค่อนข้างซ้ำซ้อนและวกวนเกินไปและจะทำให้บทความนี้ยาวเกินไป
บทความนี้สะท้อนให้เห็นถึงความคิดของผู้เขียน เหตุผลที่ฉันตัดสินใจเผยแพร่บทความนี้ไม่ใช่เพื่อสร้างแอนตี้แฟนของโฮมิน แต่อยากให้ข้อมูลผู้อ่านเกี่ยวกับความคิดเห็นที่แฟนเกาหลีของ TVXQ ส่วนใหญ่รับรู้กันอย่างกว้างขวาง ฉันรู้ว่านี่เป็นความคิดเห็นของ Moto ก็จริง แต่ยกเว้นส่วนที่เธอบอกว่าเป็นข้อสันนิษฐานของเธอเองแล้ว นอกจากนั้นล้วนมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือและเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงทั้งสิ้น
ถึงแม้ว่าบทความนี้จะไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่าใครคือ Forever ก็ตาม แต่ฉันคิดว่าทุกคนคงจะสามารถคาดเดาเองได้ เวบไซต์แฟนคลับใหญ่เช่น DNBN และ DC TVXQ Gallery วางแผนที่จะร้องขอให้มีการสอบสวนอย่างเป็นทางการอย่างเร็วที่สุดเมื่อการฟ้องร้องเริ่มคลี่คลายบ้างแล้วและกำลังเก็บรวมรวมข้อมูลและหลักฐานเกี่ยวกับ Forever และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่สำคัญอยู่ในขณะนี้
ขอบคุณสำหรับการติดตาม
Credits : Moto (blog.naver.com/xdrugx)
English translation : hopeforjyj
Thai Trans: ilnostroposto.wordpress.com
ขอบอกว่าแปลจนตาบวม ตาลาย
ช่างบทบทความที่ยาวได้โล่จริงๆ
การพิจารณาไตร่ตรองว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ คือสิทธิ์ของท่านผู้อ่านค่ะ ^^