Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
"ทวิภพ เดอะมิวสิคัล" 2011 กับความประทับใจที่เปลี่ยนไป ติดต่อทีมงาน

หลังจากที่เคยชมการนำเสนอ "ทวิภพ" ในรูปแบบของละครเพลงมาแล้ว 5 ครั้ง
(ในปี 2548 2 ครั้ง และปี 2549 3 ครั้ง) และรู้สึกประทับใจมาก
ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าเป็นละครเพลงที่ดีที่สุดตั้งแต่คุณบอย ถกลเกียรติ ทำละครมาเลย
(ดิฉันไม่แน่ใจแค่เรื่องวิมานเมือง เพราะไม่ได้ดู นอกนั้นดูหมด)
ดังนั้น ต่อให้ชื่อนักแสดงนำหลักอย่างนัท มีเรีย และโดม ปกรณ์ ลัม จะทำให้ใจแป้วไม่น้อย
แต่ดิฉันก็คิดว่ายังไงซะ...ก็จะต้องไปดูละครเวทีเรื่องนี้ให้ได้ ^^

และแล้ว เมื่อวันพุธที่ 6 กรกฎาคม 2554 ดิฉันก็ไปชมละครเรื่องนี้มาค่ะ

ระหว่างที่ชมนั้น ดิฉันอดไม่ได้ที่จะถอนใจหลายต่อหลายครั้ง
เพราะการดำเนินเรื่องไปของทวิภพในครั้งนี้ ไม่ได้สร้างความประทับใจให้เท่าไรเลย

ว่ากันที่เรื่องแรก คือฉาก
ดิฉันเคยดูรายการพรีวิวต่าง ๆ ของทวิภพ เดอะมิวสิคัล 2011 ทางโทรทัศน์
และได้อ่านความเห็นของหลาย ๆ ท่านมาบ้าง
เมื่อครั้งแสดงที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมฯ ละครเรื่องได้ใช้ Turn Table ในการนำเสนอ
เพื่อให้ภาพการเดินทางระหว่างปัจจุบันและอดีตของมณีจันทร์มีลักษณะหมุนย้อนกลับไปกลับมา
ซึ่งมันดูดีมาก และทำให้การเปลี่ยนฉากในแต่ละฉากของเรื่องมีความลื่นไหลและต่อเนื่องดี
ส่วนครั้งนี้ ทวิภพแสดงขึ้นทีเมืองไทยรัชดาลัย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อละครเวทีโดยเฉพาะ
พื้นที่ของเวทีมีขนาดเล็กกว่าศูนย์วัฒนธรรมมาก จึงไม่สามารถใช้ Turn Table ขนาดใหญ่อย่างนั้นได้
การหมุนที่เกิดขึ้นจึงมีเพียงรอบบริเวณกระจกเท่านั้น  

ในครั้งนี้ ผู้สร้างฉากได้เคยอธิบายในรายการพรีวิวรายการหนึ่งว่า
การข้ามเวลาของมณีจันทร์ในครั้งนี้มีลักษณะพุ่งเข้าไป
ฉากจึงเลื่อนเข้าเลื่อนออกเหมือนการ zoom in - zoom out
แต่การนำเสนอแบบนี้ทำให้การเปลี่ยนฉากต่าง ๆ ดูลักลั่นมาก
เพราะนักแสดงจะเดินสวนเข้าสวนออกตลอดเวลา แม้ว่าฉากเดิมนั้นยังไม่จบลง
อีกทั้งอุปกรณ์ประกอบฉากของทวิภพ เดอะมิวสิคัลครั้งนี้
บางฉากก็ดูสวยดีเช่น ห้องนอนของคุณหลวง หรือคอนโดของมณีจันทร์ (มณีจันทร์ Ver. นี้อยู่คอนโดนะยะ)
แต่บางฉากกลับดูขาด ๆ เกิน ๆ อย่างประหลาด
เช่น ฉากป้อมพระสุเมรุบริเวณบ้านของคุณหลวง ก็ยัดฉากมาซะแน่นเวที
ในขณะที่ฉากสำคัญอย่างงานเลี้ยงเต้นรำนั้น กลับมีเพียงฉากประดับด้านบนของเวทีเพียงน้อยนิด

นอกจากนี้ทีมงานพยายามจะใส่ความสวยงามของการลอยโคมเข้ามาในฉาก
ซึ่งก็ดูสวยงามดี แต่มันเป็นเพียงเครื่องประดับที่จะใส่ก็ได้ ไม่ใส่ก็ได้
น่าจะเอาไอเดียไปใส่ใจกับรายละเอียดของฉากอื่น ๆ ที่มันหลวมมากกว่า

กระจกโบราณที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนั้น
เมื่อครั้งที่เล่นศูนย์วัฒนธรรม ทุกครั้งที่มณีจันทร์ข้ามภพ
กรอบกระจกจะเรืองรอง และมีแสงไฟส่องสว่างวาบพุ่งออกมา
ทำให้การข้ามภพผ่านกระจกของมณีจันทร์ดูยิ่งใหญ่ และชวนให้ค้นหาว่าใช้เทคนิคอย่างไร
เป็น Magic of Theatre ที่สร้างความตระการตาและน่าพิศวงอย่างมาก
แต่ครั้งนี้ การข้ามกระจกของมณีจันทร์กลับมีเพียงแค่กรอบกระจกเรืองรองเป็นแสงเหมือนไฟพันต้นคริสต์มาส
แล้วดิฉันก็เห็นนางผลักบานกระจกเปิดเข้าไป! ย้ำว่าผลักบานกระจกเข้าไป
ดิฉันถึงกับอุทานในใจ ... เอ๊า! นี่มันประตูสารพัดสถานที่ของโดเรมอนนิ!!

อีกอย่างที่ส่วนตัวเห็นแล้วค่อนข้างขัดตาคือ พื้นเวทีสีน้ำตาลกระดำกระด่าง มันดูไม่สวยเอาเสียเลย
น่าจะมีวิธีจัดการให้มันดูแล้วไม่ทื่อ ๆ ต่อสายตาแบบนี้ค่ะ

เรื่องที่สองคือบท

บทในครั้งนี้ใช้บทเดิมประมาณ 70 เปอร์เซนต์  โดยตัดฉากตอนต้นตอนที่มณีจันทร์รถเสียทิ้งไป
ตัดบทไรวัต นายทหารหนุ่มที่มาติดพันมณีจันทร์ทิ้งไป โดยเหลือเพียงกล่าวถึงแค่ชื่อ
เปลี่ยนบทฉากมาลิดาจะไปต่างประเทศ แล้วก็ฉากที่มณีจันทร์จะต้องเลือกว่าจะอยู่ต่อในภพอดีตหรือกลับสู่ภพปัจจุบัน

ในการแสดงครั้งนี้ ดิฉันว่าสิ่งที่มีปัญหาที่สุดเรื่องหนึ่ง ก็คือบทละคร
เพราะจริง ๆ แล้วเดิมทีบทละครของเรื่องนี้ก็ค่อนข้างมีความกลวงอยู่
ในการแสดงเมื่อครั้งที่ศูนย์วัฒนธรรม นักแสดงได้ถูกเคี่ยวกรำและมีการตีความบทค่อนข้างดี
ทำให้สามารถใช้การแสดงเติมเต็มความหมายให้กับบทกลวง ๆ นั้นได้
แต่ในครั้งนี้ นักแสดงหลายท่านที่ไม่เข้าใจบท และฝีมือการแสดงยังไม่เข้าขั้น
ทำให้ความกลวงของบทได้ถูกเผยออกมาชัดเจน
อีกทั้งบทในส่วนที่มีการแก้ไขบางฉาก มันไม่ได้ทำให้เรื่องดำเนินไปอย่างสมเหตุสมผล
เช่น ฉากที่มาลิดาแม่ของมณีจันทร์จะต้องไปต่างประเทศ
ครั้งก่อน ฉากนี้เกิดขึ้นที่สนามบิน มณีจันทร์เกิดลางสังหรณ์ว่าอาจจะไม่ได้พบกับผู้เป็นแม่อีก
จนมาลิดาต้องร้องเพลง "คนดีที่หนึ่ง" ปลอบประโลมลูกสาวของเธอ
ทำให้ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งกับความผูกพันระหว่างแม่ลูกคู่นี้
แต่ครั้งนี้ ฉากนี้กลับอยู่ในห้องนอนของมณีจันทร์ และมีการเปลี่ยนบทเป็น
มณีจันทร์กับมาลิดาคุยกันเรื่องผู้ชาย!
มณีจันทร์ถามแม่ว่ารู้สึกยังไงตอนเจอพ่อ แม่ก็ตอบว่าบอกไม่ถูก แต่ลูกจะรู้เองเมื่อเจอคนคนนั้น
เราเข้าใจว่า ทีมงานคงต้องการจะสื่อให้เห็นว่า มณีจันทร์กำลังครุ่นคิดกับความรู้สึกรักแรกพบของเธอกับคุณหลวง
แต่ว่ามันไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ มันกลับยิ่งทำให้มณีจันทร์ Ver. นี้ดูเป็นผู้หญิงใจง่าย รักง่ายไปหน่อย

แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 54 22:42:32

แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 54 22:18:02

จากคุณ : HeaVeN BeLL
เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 22:13:27




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com