CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดูแล้วมาคุยกัน ... ก้านกล้วย , "ช้างกูอยู่ไหน" >> "ช้างกูอยู่นี่"

      ชอบมาก ห้ามพลาด (36 คน)
      ชอบ (7 คน)
      เฉยๆ (3 คน)
      ไม่ชอบ (2 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (6 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 54 คน

     66.67%
     12.96%
     5.56%
     3.70%
     11.11%


    … เลือกอ่านเรื่องนี้พร้อมรูป + อ่านความเห็นอื่นๆ + รบกวนชวนมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=1&month=05-2006&date=25&blog=1



    .... ผมไม่คิดว่า เราควรเสียเงินค่าตั๋วให้กับหนังไทย เพียงเพราะแค่ว่ามันเป็นหนังไทย ผมไม่คิดว่าการสนับสนุนหนังไทยคือการยอมเสียเงินค่าตั๋วให้กับหนังไทยทุกเรื่องที่สร้างขึ้นมาโดยไม่คำนึงว่าหนังนั้นจะดีหรือแย่ เพราะ การเสียเงินดูหนังไม่ใช่การบริจาคทำบุญ แต่ เราควรเสียเงินไปเพราะรู้สึกว่าหนังเรื่องนั้น มันคุ้มค่าต่อการเสียเงิน

    … ผมจึงไม่คิดจะเสียเงินไปดูก้านกล้วยในทีแรก เพราะผมมองไม่เห็นจุดเด่นของหนังเรื่องนี้ เวลามองเห็นภาพนิ่งตามบิลบอร์ดผมก็เห็นว่ามันเป็นเหมือนลายเส้นจากเกมส์คอมพิวเตอร์ เวลามองโปสเตอร์มันก็มีเมฆรูปร่างช้างตัวโตละม้าย The Lion king และ ผมไม่คิดว่ามันจะมีดีคุ้มค่าต่อการเสียเงินในเมื่อสัปดาห์นี้มีหนังที่น่าสนใจมากกว่าอย่าง The Da Vinci Code และ Spring snow แต่แล้วผมก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะกระทู้ในพันทิป เมื่ออ่านความเห็นคนที่ไปดูรอบแรกๆมาเสียงส่วนใหญ่พูดไปในทิศทางเดียวกันว่าดีถึงดีมาก บวกกับตัวเองก็ชอบดูแอนิเมชั่นอยู่แล้ว ผมจึงไม่ลังเลที่จะไปพิสูจน์ ก้านกล้วย ในโรงภาพยนตร์


    ...ก้านกล้วย เล่าเรื่องของช้างเชือกหนึ่ง ก้านกล้วยเป็นเหมือนเด็กกำพร้าขาดพ่อตั้งแต่เด็ก มันอาศัยอยู่กับแม่แสนดีและผองเพื่อนในป่า ก้านกล้วยเฝ้าตามหาว่า ใครคือพ่อของมัน วันหนึ่งการมาของนกพิราบสื่อสารช่างพูดชื่อ จิ๊ดริด ทำให้มันได้ยินชื่อ ภูผา ซึ่งกระตุ้นความสงสัยในชาติกำเนิดตัวเองยิ่งขึ้นว่า ภูผา ช้างที่เข้าไปในวัง เป็นช้างสงครามที่ใครๆพูดถึงคือพ่อของมันหรือไม่ ก้านกล้วยจึงเริ่มต้นออกเดินทางและการเดินทางของมันนี่เอง ที่นำไปสู่การเติบโตเป็นช้างคู่พระบารมีแห่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ ร่วมออกรบเพื่อชาติบ้านเมือง

    ...เมื่อดูหนังจบลง ผมตอบได้ทันทีว่า ก้านกล้วย ไม่ใช่หนังที่ผมชอบมากมาย แต่เป็นหนังที่มีความดีในตัวและดีกว่าที่คาดไว้เสียด้วยซ้ำ


    ...ก้านกล้วย แบ่งเรื่องราวออกเป็นสองส่วนที่ให้ความรู้สึกสำหรับผมแตกต่างกัน

    ก้านกล้วยวัยเด็ก คือ เรื่องราวที่หนังนำเสนอ ภาพครอบครัวและการเติบโตของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง  หากเปรียบก้านกล้วยเป็นคน ก็เหมือน เด็กผู้ชายที่เติบโตมาในครอบครัวที่ขาดพ่อ ซึ่งในทางทฤษฎีพัฒนาการ เชื่อว่า เด็กผู้ชายที่เติบโตขึ้นมาโดยไม่มีพ่อ ยิ่งหากร่วมกับการขาดญาติผู้ชายในครอบครัว ย่อมทำให้เด็กคนนั้นขาด ต้นแบบของเพศชาย (role model) ที่จะถ่ายทอดบุคลิกลักษณะนิสัยใจคอและความเป็นเพศชายให้กับเขา และ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นอาจมีปัญหาในการสร้างอัตลักษณ์เป็นของตัวเอง ก้านกล้วยใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิตเฝ้าตามหาตัวตนของพ่อ ก่อนที่สุดท้าย แม้ชีวิตหลายปีของเขาที่ผ่านมาจะไม่มีพ่อเคียงข้างกายแต่เขาก็เลือกเดินตามทางของพ่อตัวเอง

    ก้านกล้วยวัยผู้ใหญ่ คือ เรื่องราวประวัติศาสตร์และความรักชาติไทย เนื้อหาของหนังเล่าเศษเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติไทย ในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยาตรงกับช่วงเวลาที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชครองราชย์และไปจบลงที่สงครามยุทธหัตถีอันลือลั่น พล็อตในช่วงนี้เน้นไปที่ ความรักชาติและความภาคภูมิใจ

    ...บทภาพยนตร์ที่เขียนขึ้นมานั้น ผสมผสานสองส่วนนี้เข้าด้วยกัน โดยมี พ่อของก้านกล้วย เป็นเหมือนตัวละครที่เชื่อม สองส่วนของหนัง หรือ สองช่วงวัยของก้านกล้วยให้มาบรรจบกัน เมื่อก้านกล้วยได้พบพ่อ ก็เติมเต็ม ครอบครัวที่ขาดหาย และ ทำให้มันได้ค้นพบความหมายของการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าต่อไปกับช่วงเวลาที่เหลือ

    ...สำหรับผมแล้ว เหตุที่ผมไม่ได้ชอบก้านกล้วยอย่างที่คิดไว้ เพราะผมชอบก้านกล้วยมากแค่โครงเรื่องส่วนที่สอง ในขณะที่ช่วงก้านกล้วยวัยเด็กผมได้แค่หลงใหลไปกับภาพบนจอ เนื้อหาในส่วนนี้ไม่ตรึงอารมณ์ มันเป็นช่วงที่ได้แค่ดูแบบเพลินๆ ซึ่งหากถามสาระคติสอนใจในช่วงนี้ก็หยิบออกมาได้อย่างบางเบา การถูกเพื่อนแกล้ง , การตามหาพ่อ ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ให้ความเข้มข้นทางอารมณ์น้อยไปหน่อย  หนังในช่วงแรกนี้ไม่ทำให้เห็นว่า การขาดพ่อ มีผลต่อตัว ก้านกล้วยอย่างไร และ ตัวเขามีพัฒนาการอะไรที่เติบโตขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป เราไม่เห็นว่าเขาได้เรียนรู้อะไรเมื่อเติบโตขึ้นมา หากหนังคิดจะเน้นแค่เรื่องราวประวัติศาสตร์ก็น่าที่จะย่นเวลาของช่วงนี้ลง

    คนมักจะเข้าใจว่า การสร้างหนังแอนิเมชั่นสำหรับเด็กอาจไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความลึกของบท ซึ่งผมกลับคิดตรงข้าม เพราะ หากหนังสามารถสร้างปมที่ดี ไม่จำเป็นต้องยุบยับซับซ้อน ขอเพียงมีความลึก มีพัฒนาการ มันก็จะช่วยถีบตัวให้หนังหลุดพ้นจาก ความเป็นแอนิเมชั่นธรรมดาๆ ไปเป็นแอนิเมชั่นที่น่าจดจำเมื่อเวลาผ่านเลยไป หนังแอนิเมชั่นหลายเรื่องที่ไม่ได้มีเนื้อหาซับซ้อน แต่สามารถผูกปมและใส่มิติให้กับตัวละครได้ดีพร้อมแสดงให้เห็นพัฒนาการของตัวละคร อย่างเรื่องราวที่พูดถึงครอบครัวเช่น Lion king , Robot, finding nemo ฯลฯ อนิเมชั่นเหล่านี้ต่างก็มีปมในใจของตัวละครที่ผูกไว้และให้เวลาที่เดินผ่านเป็นการคลี่คลายและเติบโตของพวกเขา

    ...สำหรับผม ก้านกล้วยในวัยเด็ก ผมให้คะแนนในระดับเกือบเต็มในแง่ภาพและเสียง แต่ในด้านบทคือส่วนที่อ่อนแอ เพราะเห็นได้ชัดว่า เมื่อก้านกล้วยดำเนินมาถึงช่วงครึ่งหลังที่มันเติบโตขึ้น เป็นช่วงเวลาที่หนังสมบูรณ์พร้อมทั้งภาพ เสียง และ เนื้อหา

    ครึ่งหลังของก้านกล้วยนี่เอง ที่ไม่ว่าชาติไหนก็คงไม่สามารถจะทำเรื่องราวในหนังได้ดีเท่าของเรา เพราะ ฝรั่งอาจสร้างภาพที่สวยเหมือนจริงแต่สิ่งที่ขาดหายไปคือ จิตวิญญาณของความเป็นไทย ที่คงไม่มีชาติไหนจะถ่ายทอดออกมาได้เทียบเท่า เพราะเรื่องราวการรบยุทธหัตถีในหนังนั้น มันไม่ใช่แค่เป็นเรื่องราวที่มีความหมายต่อประวัติศาสตร์ประเทศๆหนึ่ง แต่มันคือเรื่องราวที่อยู่ในใจคนไทยทุกคนมาหลายชั่วอายุคน กับการที่เราเป็นคนไทยคนหนึ่งที่มีบรรพบุรุษของเราต่อสู้เพื่อปกป้องแผ่นดิน โดยไม่คำนึงถึงชีวิตของตัวเอง  

    บทหนังในส่วนนี้ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม แค่คิดก็ยากแล้วว่าจะดัดแปลงมันออกมาให้มีความสนุกสนาน ไปพร้อมๆกันทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ได้อย่างไร แต่หนังก็สามารถทำออกมาได้ ด้วยการผสมผสานตัวบทที่มีการปูอารมณ์ที่ดี มีภาพที่ดี มีบทสนทนาที่ดี (ไดอะล็อคของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ เพื่อนพ่อของก้านกล้วย ฟังแล้วขนลุกดีทีเดียว)

    ช่วงเวลาของหนัง นับตั้งแต่ตอนที่ก้านกล้วยโตขึ้นและเข้าไปในวัง การออกรบยุทธหัตถี การพบความจริงของพ่อ และ ความหมายของการมีชีวิตอยู่ หนังไม่ใช่แค่สามารถสร้างความรู้สึกตื่นเต้น ชวนติดตาม แต่ยังสามารถปลุกเร้าความรู้สึกฮึกเหิมรักชาติได้ดีไม่แพ้หนังไทยที่ใช้คนแสดงอย่างบางระจัน


    ... สำหรับงานด้านภาพต้องชมว่า ภาพสวยและมีสีสันสะดุดตามากๆตั้งแต่ฉากแรกเปิดเรื่อง  ฉากหลังในหนังตั้งแต่ในป่าไปจนถึงในวัง เช่น ใบไม้ , สายน้ำ , แสงเงา ฯลฯ ล้วนถูกเก็บรายละเอียดมาเป็นอย่างดีดูมีมิติ ตัวละครหลักๆอย่างก้านกล้วยและช้างตัวอื่นๆ มีการเคลื่อนไหวที่ดูเป็นธรรมชาติ ในงานด้านภาพหากจะมีให้ติก็คงเป็นในส่วนของตัวละคร”คน”ในเรื่องที่ดูหยาบๆ , แข็งๆ ทื่อๆ โดยเฉพาะตัวประกอบอื่นๆ แม้แต่นกอย่างจิ๊ดริ๊ด ที่เรียกสีสันได้มาก แต่ผมเองก็ยังรู้สึกว่า การออกแบบของเจ้านกช่างพูดตัวนี้ยังดูเรียบๆไปหน่อย และ ไม่ได้เป็นแค่จากภาพที่ยังไม่เนียน มันยังเป็นผลมาจาก คาแรกเตอร์ตัวละครหลายๆตัวยังดูขาดเสน่ห์พอสมควร ไม่มีตัวละครตัวไหนที่ดูน่าจดจำนอกจากตัวเอกอย่าง ก้านกล้วย และ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งการบ้านสำหรับงานชิ้นถัดไปของผู้สร้างทีมนี้ กับคำถามที่คงต้องหาให้เจอว่า หากจะสร้างตัวละครขึ้นมานอกจากความสวยงามของภาพแล้ว ตัวละครนั้นจำเป็นต้องมีอะไรอีกที่จะทำให้คนดูตกหลุมรัก ตัวอย่างแอนิเมชั่นล่าสุดอย่าง Ice age 2 เป็นตัวอย่างที่ดีของ การสร้างคาแรกเตอร์ตัวละครที่แทบทุกตัวในเรื่องล้วนมีดีมีเสน่ห์ และ ส่วนนี้เองเป็นส่วนที่หนังน่าจะสามารถพัฒนาขึ้นไปกว่าเดิมได้อีก เพราะมันไมได้เกี่ยวกับเงินทุนแต่เกี่ยวกับคนเขียนบทในการกำหนดรายละเอียดตัวละคร

    ...อีกจุดหนึ่งที่ผมชอบมากๆ คือ ดนตรีประกอบ แค่ฉากเปิดเรื่องนั้นก็สร้างความมั่นใจให้กับคนดูได้ตั้งแต่แรกว่า เรากำลังจะได้ดูแอนิเมชั่นไทยแท้ยิ่งกว่าแช่แป้ง ด้วยเสียงเครื่องดนตรีไทยและดนตรีประกอบแบบไทยๆ (ถ้าจำไม่ผิด เข้าใจว่า ฝีมือคุณดนู ฮันตระกูล) กับเพลงคุ้นหูเราอย่าง ช้าง ต้องยกนิ้วให้ดนตรีประกอบที่เรียกได้ว่าเด่นตลอดทั้งเรื่อง ในฉากที่ต้องไพเราะก็เพราะจับใจ ในฉากปลุกใจก็ฮึกเหิม ให้อารมณ์อลังการงานสร้างเป็นอย่างยิ่ง

    ...แม้ว่า ก้านกล้วย จะเป็นก้าวแรกของแอนิเมชั่น 3D ของไทยแต่ก้าวแรกนี้ก็นับได้ว่าเป็นก้าวที่กระโดดไปได้ไกลทีเดียว งานชิ้นนี้ภายใต้การกำกับของ คมภิญญ์ เข็มกำเนิด ผู้ซึ่งคลุกคลีอยู่กับวงการแอนิเมชั่นเมืองนอกเมืองนามาก่อนที่จะมาทำเรื่องนี้ให้กับกันตนาแอนิเมชั่น เขาสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์นำมาประยุกต์ออกมาเป็นก้านกล้วย โดยไม่พยายามทำตัวเป็นดิสนีย์หรือบลูสกายเวอร์ชั่นไทย การผสมผสาน พล็อต+ภาพ+เสียง(ดนตรี)+บท ที่เคี่ยวมาอย่างลงตัว ทำให้ก้านกล้วย เป็นแอนิเมชั่น 3D ที่มีความเป็นไทยอย่างไม่จงใจยัดเยียด มีความร่วมสมัยที่คนชาติอื่นสามารถดูได้สนุกสนาน และ สิ่งที่จัดได้ว่าใจกล้ามากสำหรับการสร้างหนังแอนิเมชั่นเรื่องแรกมาขึ้นจอ คือ การหยิบเรื่องราวประวัติศาสตร์มาสร้างเป็นแอนิเมชั่นสำหรับเด็ก  แทนที่จะสร้างหนังแอนิเมชั่นครอบครัวที่มีโอกาสขายได้มากกว่า

    ...ปีที่แล้วถือว่าเป็นปีที่น่าผิดหวังของหนังแอนิเมชั่น การมาของ Ice age 2 และ ก้านกล้วย ช่วยทำให้คนดูได้ลุ้นว่าปีนี้เราน่าจะได้ดูหนังแอนิเมชั่นดีๆ หากวัดคะแนนรวมแล้วผมเองให้คะแนน ก้านกล้วย มากกว่า หนังแอนิเมชั่นสิงสาราสัตว์ของปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น Madagascar หรือ Chicken little ทั้งสองเรื่องนั้นอาจมีทีเด็ดตรง ภาพที่เฉียบขาดกว่า มีความลึกของบทมากกว่า มีตัวละครที่ขายเสน่ห์ได้มากกว่า แต่เมื่อเล่าเรื่องออกมาแล้ว ของดีของทั้งสองเรื่องนั้นไม่สามารถผสมผสานคลุกเคล้าได้กลมกล่อม ธีมหลายธีมเหมือนมีหลุดเปะปะไปตามรายทาง และ บางช่วงก็ยืดเยื้อจนน่าเบื่อ เป็นแอนิเมชั่นที่ดูจบแล้วไม่มีอะไรติดตามออกมาจากโรง ในขณะที่ก้านกล้วยอาจมีของดีในตัวบางอย่างที่ไม่ดีเทียบเท่าแต่สุดท้ายแล้วสามารถคลุกเคล้าได้ความลงตัวมากกว่า ดูจบแล้วประทับใจมากกว่าโดยไม่ได้คำนึงว่ามันเป็นของคนไทยหรือไม่เป็น เป็นหนังที่ดูจบอาจไม่ได้ชอบมากมาย แต่ ก็รู้สึกยินดีบอกต่อให้คนอื่นๆได้ไปดู


    (มีต่อ)

    แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 49 12:12:30

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 25 พ.ค. 49 12:10:29 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป