PANTIP.COM : A4406772 เรียนฟิล์มที่ ม.รังสิต รึ ม.กรุงเทพ ดีกว่าครับ =w= [ภาพยนตร์]

ความคิดเห็นที่ 24

สวัสดีครับ

ขอมาพูดในฐานะ นศ ที่จบ ภาพยนต์มาเหมือนกันครับ ( แต่ต่างประเทศนะครับ ) จะมาเล่าให้ฟังเล็กน้อยถึงบรรยากาศการทำงานจริงครับ

1 จริงอยู่ครับที่หลายๆมหาลัยมักได้รางวัล + ชื่อเสียงมาจากเวทีประกวดไม่มากก็น้อย ... ไม่ว่าจะมหาลัยไหนๆก็ตาม ... แต่เมื่อจบออกไปแล้วหากเรายังยึดติดอยู่กับไอเดียของตนเองและความภาคภูมิใจที่มาจากในรั้วมหาลัยแล้วล่ะก็ .... จะไปรอดในวงการภาพยนต์ได้น้อยมากๆครับ .... การทำงานภาพยนต์เหมือนต้นไม้ครับ ... ควรจะเริ่มจากไม้อ่อนที่โอนลู่ไปตามอุตสาหกรรมก่อนแล้วเมื่อโตใหญ่จึงแข็งแรงไม่โอนเอนต่อเงินตราที่จะมาทำให้วงการตกต่ำครับ

2 แปลกแต่จริงครับ ... สิ่งนี้นั่นผมเห็นด้วยตาตัวเอง ... % ของนักเรียนมหาลัยส่วนใหญ่เมื่อจบออกมาแล้ว .. มีน้อยมากครับที่สามารถที่จะทนสภาพการทำงานจริงของกองถ่ายภาพยนต์ได้ ... บางมหาลัยเมื่อถูกเรียกตัวไปทำงาน อยู่ได้ไม่เกินสองเดือนก็ทนสภาพที่จะต้องถูกใช้แรงงานอย่างหมูอย่างหมา ไม่มีเงินพอเพียง อดหลับอดนอน โดนดุด่าสารพัด .... นักศึกษาบางรายนั้นขอลาออกเพียงแค่สามวันหลังจากเริ่มงานเองนะครับ ผมเองเรียนกับพี่คนหนึ่งซึ่งเป็นอาจารย์อยู่ที่ ราชมงคล ... พี่เค้าบอกว่าราชมงคลนั้นต้องสอนให้นักเรียนถึกและทนมากกว่าที่จะเป็น Creative ครับ

3 เป้าหมาย ...... หลายๆคนก่อนที่จะเข้ามาเรียนภาพยนต์ก็คงจะมีความฝันเดียวกันคือการเป็นผู้กำกับและได้เล่าเรื่องของตัวเองออกสู่สาธารณะชน .... หากแต่ว่าถ้าคุณมองเพื่อนๆที่นั่งเรียนกับคุณไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยคนในห้องเรียน ... ทุกคนก็คิดเหมือนๆกับคุณนั่นแหล่ะครับ

บางทีของเหล่านี้อาจจะไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงก็เป็นได้ครับ ... คนบางคนอาจจะพบว่าแท้จริงแล้วความสนใจของผมอยู่ที่การใช้กล้อง ... ไปเป็น Camera Operator อย่างเดียวเลย ... ใครแรงดีหน่อยเป็น Steadycam Operator ( มหาลัยไทยสั่งเข้ามาหรือยังครับ ? ... มหาลัยผมเพิ่งได้มาเมื่อเดือนที่แล้วนี้เองครับ ... แต่เป็นแค่ Glidecam สำหรับกล้อง DV อย่าง XL1 นะครับ ยังไม่ใช่ของ 16mm ครับ ) ใครสนใจ Technical ก็เรียนด้านนั้นเป็นช่างแล็ป ช่างแก้สี ( ปัจจุบันเมืองไทยก็ยังไม่มีคนสอนด้านนี้จริงๆจังๆ ... เมืองนอกก็ไม่มีครับ ) ... ชอบการจัดไฟก็จัดไฟ ( อันนี้เมืองไทยยังไม่มีแต่เมืองนอก มีมหาลัยชื่อ ฟามัวร์ ที่เช็ค ที่สอนด้านนี้โดยตรงครับ ) ... ใครชอบการตัดต่อก็เรียน Avid, Final cut, Premiere, Steinbeck ไปเลย เรียนทฤษฏีการตัดหนัง 5c of the cinema ( คนไทยมีแปลแค่ c เดียวเองครับที่พี่ๆบอกกันมา ) เขียนบทก็เขียนบทไปเลย ... ไม่ใช่เรียน Basic แต่ต้นยันปลาย ... เมืองไทยถึงหา Production Designer เก่งๆ Producer เก่งๆ หรือ แม้แต่คนเขียนบทดีๆยากเลยครับ ลองคิดดูครับว่าคุณจะเข้ามหาลัยนั้นมันมีอาชีพมากกว่าผู้กำกับอีกมากครับ .... ลองนั่งดูหนังจนจบ Credit ขึ้นแล้วลองดูครับว่ามีใครทำอะไรบ้างเพื่อให้หนังจบเป็นเรื่องหนึ่งเรื่องครับ

4 อุปกรณ์ ... เป็นเรื่องที่เหมือนกันทั่วโลกไม่ว่าที่โรงเรียนสอนภาพยนต์ไหนๆก็ตามที่อุปกรณ์อย่างกล้อง ( และสำหรับบางคน เสลท ) เป็นสิ่งยั่วเย้าอารมณ์ให้เราเข้ามาในโลกภาพยนต์ ... หากแต่ว่าการที่เราคิดว่าภาพยนต์ที่ดีนั้นมาจากการได้ใช้อุปกรณ์ที่ดีที่สุดนั้นผิดนะครับ .... ผมเคยเห็นภาพยนต์ที่ถ่ายด้วย VHS ที่สามารถใช้ประโยชน์ของความเป็น VHS อย่างที่สุดและล้มช้างตัวเก็งงานประกวดภาพยนต์ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ทุนหนาถ่ายทำด้วย 35 มม หรือ 16มม กันทั้งสิ้น

ถามว่าดีหรือไม่ที่เรามีประสบการณ์กับอุปกรณ์ใหม่ๆเสมอๆ ..... ดีครับ .... แต่สิ่งที่ดียิ่งกว่าคือการใช้ทุกอย่างที่เรามีให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่มันจะเอื้อให้เราได้ ... ไม่ว่าจะ VHS DV BETA DIGIBETA 8mm 16mm overcrank 35mm 70mm IMAX Bolex Arri Aaton Panavision SRII SRIII BL 435 435 Extreme 535 หรืออะไรก็ตาม ...... เราใช้ให้ตรงกับที่เราต้องการ ... และเรารู้จักการใช้งานเครื่องมือนั้นๆอย่างแท้จริง ... มันก็จะสร้างสิ่งที่ใครๆก็ต้องร้องโอ้โหอยู่แล้วครับ

ถึงวันนี้ ... ผมก็ยังไม่ทราบว่านักเรียนภาพยนต์จบออกมามีกี่ % ที่ใช้ Light Metre เป็น ... รู้ว่าอะไรคือ J cut, L cut ... Pattern Breaking อย่างไร .... 50D 5245 ต่างจาก 500T 7218 ตรงไหน ติดต่องานอย่างไร ... ลิขสิทธิ์หนังอย่างไร ( เราจะโดนหลอกอย่างไร .... และอาจารย์ที่สอนคุณเคยโดนหลอกอย่างไร )

ที่สำคัญที่สุด ..... ผมว่าอยู่ที่ใจรักครับ ... ความตั้งใจที่จะทำภาพยนต์ออกมาและความตั้งใจที่จะเรียนรู้ไม่จบสิ้นครับ ... ไม่ว่าเข้ามหาลัยไหนๆก็จะทำให้มีผลงานที่ดีออกมาได้ครับ

พูดนอกเรื่องมากไปละผม ... หนีดีกว่าครับ

โชคดี เรียนให้สนุกครับ : )

ขอบคุณครับ สวัสดีครับ

จากคุณ : JamiroQuai [146...เดิม] - [ 29 มิ.ย. 49 10:43:08 ]