ความคิดเห็นที่ 1 ลืมบอกไป ช่อง 9 , 20.30น. วันนี้กับวันศุกร์หน้านะ จากคุณ : ว่าที่หมอใหม่ - [ 12 ม.ค. 50 19:18:12 A:161.200.255.162 X: TicketID:053299 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อิอิ เรายังเป็นน้องน้อยปีสองอยู่แต่ก็อยากให้ทุกคนๆดูนะคะว่าชีวิตการเป็นแพทย์เป็นยังไงบ้างเนอะ เผื่อว่าน้องๆคนไหนสนใจจะได้พอทราบแนวว่าใช่เรารึเปล่านะ จากคุณ : si116 (Ski~On~Ice) - [ 12 ม.ค. 50 19:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ^^ สู้ๆว่าที่คุณหมอทั้งหลาย จากคุณ : felton - [ 12 ม.ค. 50 19:52:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จะรอดูครับ โตขึ้นผมจะเป็นหมอครับ!!!(แววตาเปนประกาย...) คงไม่โตไปกว่านี้แล้วสินะ อิอิ อืม....อ่านะ จากคุณ : คุณชายอ่านะ - [ 12 ม.ค. 50 20:01:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าให้ผมเรียนหมอ ผมก็เรียนได้อะ จากคุณ : เฉยๆ - [ 12 ม.ค. 50 20:19:13 A:61.90.250.17 X: TicketID:135661 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตั้งใจว่าจะดู ลืมไปเลย ขอบคุณจขกทที่ทำให้นึกออก จากคุณ : มารอักษร - [ 12 ม.ค. 50 20:21:11 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ดูแน่ๆค่ะ น้องสาวเป็นหมอ .. นานๆๆๆๆๆ กลับมานอนที่บ้านซักที ทั้งๆที่โรงพยาบาล ก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านมาก  เจ้าตัวบอกว่า วันๆนึง ได้นอนแค่ 2-4 ชม.เอง ไหนจะราวด์ ไหนจะอยู่เวร  ฯลฯ   ยังไม่เคยเห็นด้วยตาว่ามันลำบากอะไรขนาดนั้น ยังไงต้องดูแน่ๆค่ะ ^^ จากคุณ : Yo_JungZ - [ 12 ม.ค. 50 20:46:48 ]

ความคิดเห็นที่ 8 นักเรียนของผมก็อยากเป็นหมอเหมือนกันครับ ผมก็สนับสนุนเขาเต็มที่ แม้ว่าหนทางข้างหน้ามันจะลำบากมากก็ตาม จากคุณ : Mr.Learning - [ 12 ม.ค. 50 20:55:03 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนพี่ชายเรียนหมอ ชอบเอาของแปลก ๆ กลับบ้าน ทั้งสิ่งที่มีชีวิต และเคยเป็นอวัยวะของสิ่งมีชีวิต จากคุณ : น้องเล็ก (sanow) - [ 12 ม.ค. 50 21:35:45 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ติดตามมาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วหล่ะค่ะ เพิ่งดูจบไปเมื่อครู่นี้เอง ค่ะ Lady's Hand Eagle's Eyes Lion's Heart นี่เลย 3 คุณสมบัติของหมอผ่าตัด จากคุณ : nuranjung - [ 12 ม.ค. 50 21:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อวานเราอยู่เวรห้องฉุกเฉินฝั่งอุบัติเหตุ ก็คุมน้องปี 4 (หัด)เย็บแผล ทีนี้แผลมันลึก เลยต้องเย็บเนื้อข้างในก่อนชั้นนึงค่อยเย็บผิวหนังข้างนอก ไอ้เราก็ลืมไปว่าแค่เย็บผิวหนัง น้องยังปักเข็มไม่ค่อยเข้าเลย ดันให้น้องเย็บข้างในด้วย ถ้าเย็บเองแป๊บเดียวก็เสร็จ แต่นี่ปาเข้าไปชั่วโมงกว่า ยืนจนปวดขาไปหมด ... แถมน้องยังไม่ขอบคุณสักคำ - -" จากคุณ : ว่าที่หมอใหม่ - [ 12 ม.ค. 50 21:47:18 A:161.200.255.162 X: TicketID:053299 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ดูเมื่อกี๊ครับ  ชอบตอนที่ทำคลอดออกมา  เด็กน่ารักมาก  ชื่นชมพวกเขาทุกคนครับ        ปล.  คุณแวนด้า  พิธีกร  คุณเป็นพิธีกรที่น่ารักที่สุดเก่ง  อัธยาศัยดีมาก  ในวงการทีวีเมืองไทย  ในความคิดของผมครับ จากคุณ : AODAOD29 (AODAOD29) - [ 12 ม.ค. 50 21:47:53 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กว่าจะเป็นหมอ ตอนแรก เมื่อศุกร์ที่แล้ว เราไม่ได้ดูเพราะอยู่เวรพอดี แต่แม่เราดูแล้วเล่าให้ฟังว่า พิธีกรถามรองคณบดีเกี่ยวกับว่า เรียนหมอสนุกไหมเป็นยังไง ท่านตอบว่า "ถ้าอยากสบาย อย่ามาเรียนหมอ" ถูกต้องนะคร้าบบบบบ !!! ..... คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดกันอยู่ว่า เป็นหมอนั้น สบาย รายได้ดี แต่เขาจะเปลี่ยนความคิดถ้าเคยเป็นคนไข้ที่ admit ในร.พ.ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ เพราะจะได้เห็นการเรียนของนักเรียนแพทย์ ว่าวันๆต้องทำอะไรบ้าง ทำไมถึงเห็นหมอเกือบตลอดเวลา หมอเอาเวลาที่ไหนไปนอนนะ? เราเคยได้คนไข้เป็นเด็กม.6 ที่คิดจะเอ็นท์เข้าหมอ เพราะอยากรวย แต่พอเห็นสภาพการเรียนของเราแล้ว เปลี่ยนใจไปเข้าอย่างอื่นเลย ^_^ ซึ่งก็ถือว่าทำถูกแล้ว ถ้าอยากสบาย อยากรวย ต้องไม่เป็นหมอ แม้เราจะได้ยินชื่อหมอบางคนในวงสังคมอยู่บ้าง แต่กว่าจะไปถึงขั้นนั้นก็ต้องระดับอาจารย์ที่มีความรู้และประสบการณ์มากแล้ว ซึ่งก็ไม่ใช่ทุกคนด้วย จากคุณ : ว่าที่หมอใหม่ - [ 12 ม.ค. 50 22:02:45 A:161.200.255.162 X: TicketID:053299 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เพิ่งดูจบตะกี้ค่ะ เสียดายจังไม่ได้ดูตอนที่แล้ว ดูไปยิ้มไป ตอนเค้าทำคลอด น้องปีใหม่น่ารักมากกก  แก้มยุ้ยเชียว พอเห็นหน้าแม่ก็ร้องอ๋อกันทั้งห้อง (ก็เค้าเหมือนแม่นี่นา) ศุกร์หน้าตอนจบแล้ว ไม่พลาดแน่ค่ะ จากคุณ : Girl@Lib - [ 12 ม.ค. 50 22:03:23 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สู้ สู้ มีอะไรให้ช่วยก็บอก ถ้าช่วยได้ก็จะช่วย จากคุณ : ต่อไปนี้ผมจะกล้า - [ 12 ม.ค. 50 22:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16 นอกจากพ่อแม่แล้ว แม้กระทั่งญาติๆเราเองก็ยังเข้าใจผิดกันอยู่ทุกคน เจอกันทีไรก็จะบอกว่า "ใกล้จบแล้ว อีกเดี๋ยวก็สบายแล้วนะ" เราก็ได้แต่ยิ้มแหะๆว่า ไปใช้ทุนอยู่ต่างจังหวัดได้เงินเดือนไม่ถึงหมื่นเนี่ยนะสบาย !?! ตัวเงินเดือนจริงๆน่ะ 8 พันกว่าบาท บวกค่านู่นค่านี่ และค่าอยู่เวรเข้าไป ก็จะได้ถึง 2-3 หมื่น แล้วแต่ร.พ. บางคนได้ถึง 4 หมื่นก็มี อาจจะดูว่าเยอะถ้าเทียบกับบัณฑิตจบใหม่ในสาขาอื่น แต่นั่นแลกมาด้วยการไม่ได้นอน อยู่เวรรักษาคนไข้ ถ้าเทียบเป็นหน่วยความเหนื่อยแล้วคงไม่เห็นฝุ่น แค่ตาแพนด้าของหมอก็พอจะบอกได้ :D จากคุณ : ว่าที่หมอใหม่ - [ 12 ม.ค. 50 22:10:19 A:161.200.255.162 X: TicketID:053299 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความเหน็ดเหนื่อยก็ยังมีเรื่องน่าชื่นใจให้เราจดจำอยู่เรื่อยๆ ^_^ เดือนที่แล้วมีคนไข้ใน ward ที่มีน้ำอยู่ในช่องปอดเยอะมากจนแกหายใจเหนื่อย ก็เลยต้องเจาะเอาน้ำออกมาเพื่อเอาไปตรวจและเพื่อลดอาการเหนื่อย ซึ่งการเจาะระบายน้ำนี้อาจจะมีภาวะแทรกซ้อนก็คือ เข็มอาจจะไปโดนปอดแล้วทำให้มีลมรั่วในช่องปอด ซึ่งพี่หมอก็ได้บอกคนไข้เอาไว้ก่อนแล้ว เราก็เป็นคนเจาะดูดน้ำ ตอนแรกก็ดูดได้น้ำปกติ แต่ดูดไปดูดมา เอ๊ะ ทำไมมีฟองกาศออกมาหว่า ?! ปรากฏว่ามีลมรั่วจริงด้วย เยอะอีกตะหากจนความดันตก ต้องใส่สายระบายลมคาเอาไว้เลย -_-" พี่ก็ปลอบใจว่า ปอดเขามันคงผิดปกติอยู่แล้วแหละ ไม่งั้นมันคงไม่มีลมรั่วง่ายขนาดนั้น วันต่อมาเราก็เลยไปบอกป้าแกว่า "หมอขอโทษนะป้า ที่ทำให้ป้ามีลมรั่วในช่องปอดเลย" ในใจหวังว่าแกคงจะบอกว่า ไม่เป็นไร แต่เปล่า ... แกบอกว่า " หมอประสบการณ์ยังน้อย มันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ต้องรู้สึกผิดนะ ไม่ต้องเสียใจ หมอไม่ตั้งใจ หมอเจตนาดี ต่อไปหมอได้เจอคนไข้มากขึ้นก็จะเก่งขึ้น " โอ้โฮ ฟังแล้วเกือบจะน้ำตาไหล จากคุณ : ว่าที่หมอใหม่ - [ 12 ม.ค. 50 22:23:15 A:161.200.255.162 X: TicketID:053299 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณว่าที่หมอใหม่พูดซึ้งจัง เงินเดือนหมอจบใหม่นี่ไม่ถึงหมื่นหรือ  -_-'  โห... จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 12 ม.ค. 50 22:54:38 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนนี้เป็นexternอยู่ อยู่เวรเหนื่อยมากได้นอน 1ชม.เอง ถ้าครายอยากเรียนหมอต้องมีจัยรัก+อดทน  ไม่ช่ายสบายเหมือนที่ใครๆๆคิด จากคุณ : extern (GuIdE&The FreeDoM) - [ 12 ม.ค. 50 23:12:00 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เหนื่อย...กาย แต่สุขใจ แต่อีกคนแถวนี้เถียงว่าเหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ--"" แต่ก็ภูมิใจนะ จากคุณ : อฎ12ต&อฎ9ต (ข้าวฟ่าง&ม่านแพร) - [ 12 ม.ค. 50 23:15:22 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เงินเดือนหมอจบใหม่ ไม่ถึงหมื่นก็จริงครับ แต่มีค่าวิชาชีพ ค่าที่ไม่ต้องไปทำคลินิกบวกเพิ่มอีกก็หลายหมื่นอยู่นะครับ ค่าทดแทนคุ้มกับความเหนื่อยที่ลงแรงไปอยู่ ปล. แต่พยาบาลบางคนก็เหนื่อยไม่แพ้หมอเลยนะครับ แต่ค่าตอบแทนที่พวกเค้าได้รับทำไมยังน้อยอยู่ ขอบคุณครับจะรอดูนะครับ จากคุณ : อิมเมจจีเนีย - [ 12 ม.ค. 50 23:29:52 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ได้ดูแล้วคะวันนี้ เสียดายอาทิตย์ที่แล้วไม่ได้ดู เห็นแล้วประทับใจจังค่ะ จากคุณ : Chollaphin - [ 12 ม.ค. 50 23:50:36 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุ้มกับความเหนื่อยรึเปล่า? คนที่ไม่ได้เป็นหมออาจจะคิดว่าคุ้มเพราะ"ไม่เคย"เหนื่อยแบบที่"หมอเหนื่อย" มันไม่ใช่แค่ชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน แต่มันเต็มไปด้วยการคิดการตัดสินใจ มีความเครียดความกดดันและชีวิตคนไข้อยู่ในนั้น เหนื่อยกายยังพอว่า แต่ถ้าเหนื่อยใจจะยิ่งหมดแรงไปเลย ถ้าคนที่เราพยายามช่วยไม่เข้าใจสิ่งที่เราทำ ไม่เข้าใจความจริงของตัวโรค ถึงแม้(ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าใจว่า)หมอเหนื่อยแค่ไหน แต่พวกเราก็ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่นี้ ^_^ จากคุณ : ว่าที่หมอใหม่ - [ 12 ม.ค. 50 23:54:47 A:161.200.255.162 X: TicketID:053299 ]

ความคิดเห็นที่ 24 จะตามดูค่ะ เพราะสามีเป็นนักศึกษาแพทย์อยู่ 55+ จากคุณ : มหายมยักษ์ - [ 13 ม.ค. 50 00:03:12 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อยากเป็นหมอที่ดี ไม่มีคำว่าสบายหรอกค่ะ อาชีพหมอ เป็นอาชีพที่มีอายุเฉลี่ยสั้นที่สุดก็ว่าได้ เหมือนกับเอาลมหายใจของเราเองไปต่อลมหายใจผู้อื่น บางทีทำงานกันข้ามวันข้ามคืน ล้าเหมือนกันนะคะ แต่ก็เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ต้องอดทนกันต่อไป อยากให้เปลี่ยนความคิดกันใหม่ อาชีพหมอไม่ได้สบายกันหมดและไม่ได้ร่ำรวยทุกคนหรอกนะคะ ที่เราเห็นว่าหมอเขามีรายได้เดือนหนึ่งมากๆ แต่เคยทราบกันไหมว่าเขาต้องทำงานกันหนักขนาดไหน บางทีแค่เวลาดูแลตัวเองยังไม่มีเลยค่ะ คห. 19 ได้นอนตั้ง 1 ชั่วโมงดีจัง ของเราสว่างคาตาก็เคยมาแล้ว จำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่อยู่เวรก่อนสอบ ได้นอนแค่สองชั่วโมง เช้าก็ยังวิ่งไปเซ็น order ให้คนไข้ 5 นาทีก่อนเข้าห้องสอบ ถึงคะแนนอาจจะไม่ได้มากมาย แต่ก็ถือว่าพอใจที่เราได้ช่วยคนไข้ค่ะ จากคุณ : Mriya - [ 13 ม.ค. 50 00:05:52 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อยากให้เพื่อนที่จะเรียนหมอ และเรียนอยู่ดูจัง เพื่อนผมแทบทุกคนที่เข้าหมอ ไม่มีคนอยากเป็นเลยครับ แต่เข้าเพราะ เรียนเก่ง คะแนนถึง แล้วรวย ถามว่าอยากรักษาคนไข้เหรอมันก็บอกว่าไม่ มันอยากรวย -_-" ว่าแล้วก็อยากดู มีให้ดูย้อนหลังมั้ยครับ จากคุณ : ปูเทียมไก่ชุบ - [ 13 ม.ค. 50 00:32:14 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าให้ผมเรียนหมอ ผมก็เรียนได้อะ จากคุณ : เฉยๆ - [ 12 ม.ค. 50 20:19:13 A:61.90.250.17 X: TicketID:135661 ^ ^ ^ หลายคนเรียนหมอได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เรียนหมอ จะสามารถเป็นหมอที่ดีได้ จากคุณ : อือมนะ... - [ 13 ม.ค. 50 00:45:51 A:58.8.64.96 X: TicketID:083501 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่กล้าเป็นหมอครับ แหะๆ ยังไม่รู้เลยจะเข้าคณะอะไรดี จากคุณ : ## ARMYKUNG ## - [ 13 ม.ค. 50 01:05:20 ]

ความคิดเห็นที่ 29 จขกท.ทําให้เปลี่ยนมุมมองสําหรับอาชีพนี้เลยค่ะ   แอบคิดมานานว่า  อาชีพหมอสบายและเงินเดือนน่าจะมาก ได้ดูกบนอกกะลาตอนนี้เหมือนกัน  น้องปีใหม่  น้องปีเก่าทําให้ยิ้มได้  น่ารักมากๆ (ชอบพิธีกรด้วยค่ะ) ตอนหน้าไม่พลาดแน่ๆ   เสียดายตอนที่แล้วไม่ได้ดู ขอเอาใจช่วย  จขกท.ว่าที่คุณหมอ   ขอให้มีอุดมการ์ณและมีจิตวิญญานในการเป็นคุณหมอที่ดีน่ะค่ะ  สู้ๆ ปล.อาจาร์ณหมอในรายการก็สอนดี๊   ดี   ชอบจัง จากคุณ : jin-na-jaa - [ 13 ม.ค. 50 01:13:13 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อยากมีแฟนเป็นหมอ....ช่วยแปลอังกิดให้ผมหน่อยสิที่รัก ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ จากคุณ : Parn-aE - [ 13 ม.ค. 50 01:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เพิ่งเห็นว่ามีว่าที่คุณหมอ  อีกหลายคห.ในกระทู้นี้ ขอเอาใจช่วยน่ะค่ะ   ถึงงานจะหนัก  จะเหนื่อยยังไงก็ขอให้รักษาจิตใจที่ตั้งใจจะเป็นคุณหมอที่ดี   เหมือนวันแรกๆ  ที่เข้าไปเรียน     สู้ๆน่ะค่ะ จากคุณ : jin-na-jaa - [ 13 ม.ค. 50 01:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ยังไม่ได้ดูเลยครับ แต่จากที่อ่านได้ยินมาก็จะรู้ว่าพวกหมอจะเป็นกลุ่มคนที่นอนน้อย ทีนี้ผมมีคำถามจากประโยคดังกล่าวครับ ทำไมหมอต้องนอนน้อยขนาดนั้น บางคนสองชั่วโมง บางคนชั่วโมงเดียว อันนี้เป็นเพราะจำนวนของหมอมีน้อยเกินไปใช่หรือไม่ มันจะโยงไปอีกสองสามประเด็นนะครับ คือถ้าหมอได้นอนน้อยแล้วจะมีผลต่อการทำงานหรือรักษาขนาดไหน ทำไมไม่มีข้อบังคับใดๆที่ว่าต้องทำงานไม่เกินกี่ชม.ต่อวันหรือต่อสัปดาห์ ขนาดคนทั่วไปก็ยังมีเรื่องตัวบทกฏหมายออกมาควบคุมเลย (อันนี้เกี่ยว health and safety) ลองคิดดูว่าถ้าหมอมาฟุบไปตอนกำลังผ่าตัดจะเกิดอะไรขึ้น หรือจะเอาอย่างตอนเดินทางโดยเครื่องบินก็มีการสาธิตการใช้เครื่องช่วยหายใจว่าก่อนที่จะช่วยคนอื่น เราต้องช่วยตัวเราเองก่อน นอกจากนี้สิ่งที่กล่าวมาเป็นที่ยอมรับในสถานประกอบการทั่วไป ว่าในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุถ้าตัวเรายังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเราเองได้ เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปช่วยคนอื่น ที่เสนอมาคือ เคยมีการประชุมหรือเสนอโครงการณ์อะไรประเภทนี้ในวงการหมอไหมครับ เอาผลลัพธ์มาเทียบวัดกันดูว่าใน รพที่หมอได้รับการพักผ่อนอย่างพอเพียงจะมีการทำงานที่ดีหรือมีจำนวนคนเสียชีวิตจากขั้นตอนการรักษามากขึ้นหรือน้อยลง จากก่อนหน้าหรือ รพอื่นๆ ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ของทั้งคนไข้และตัวหมอเองนะครับ นอกจากนี้เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินกิตติศัพท์เรื่องความล่าช้าของหมอที่ประเทศอังกฤษ จะตรวจนัดรักษาทีก็รอกันเป็นชาติ อันนี้เรื่องจริงครับ แต่เพราะหมอเขาเองก็มีน้อย(น้อยจนต้องดึงตัวหมอชาวต่างชาติมา พร้อมข้อเสนอเรื่องเงินและสวัสดิการที่สูงมาก) นั่นคือเหตุผลว่าทำไมที่นี่ต้องใช้ระบบนัดรอเวลากัน ที่ยกตัวอย่างมาคือ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะมีการจัดระบบโครงสร้างในโรงพยาบาลกันใหม่ ที่บ้านเราเวลาไปรักษากันที ก็มักจะใช้ตัวเงินในการตัดสินว่าข้าต้องได้รักษาก่อน ทั้งๆที่หลายๆครั้งคนที่ป่วยหนักกว่า ใกล้ตายกว่าแต่ไม่มีเงินต้องไว้ทีหลัง เข้าใจดีว่าบ้านเราหมอยังน้อย ระบบสังคม การจัดเก็บภาษีและอื่นๆก็ยังแตกต่างกันมาก แต่ผมเองก็มองว่าการกระทำที่กล่าวไปข้างบน มันจะเป็นการทำลายทรัพยากรบุคคลในด้านการแพทย์ของเราเสียเปล่าๆ ที่กล่าวไปก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้เห็นผลกันในทันที แต่ก็ลองเสนอดู ข้อเสนอแนะ จะเป็นไปได้ไหมที่จะดึงตัวหมอชาวต่างชาติมาทำงานในบ้านเรา หรือรัฐบาลจะมีความช่วยเหลืออย่างไร (จะลดจำนวนประชากร/ส่งเสริมให้คนเรียนหมอ/ปรับเปลี่ยนกระบวนการๆคัดเลือกคนเข้าไปเรียนในสาขาอาชีพนี้/ปรับเปลี่ยนความคิดของผู้ปกครองหลายๆคนที่อยากให้ลูกเป็นหมอโดยที่ตัวเด็กไม่ชอบและกว่าจะรู้ตัวก็เรียนไม่ไหว เป็นการไปจำกัดสิทธิ์ของเด็กคนอื่นๆ) แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 50 04:01:52 จากคุณ : MeetJoBlack - [ 13 ม.ค. 50 03:42:09 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ถ้าเรียนเก่งก็อยากเรียนหมอ  เพราะเป็นอาชีพที่ต้องทำงานเหมือน ๆ อาชีพอื่น ๆ แต่ว่าได้บุญทุกวัน  เพราะช่วยคนให้หายจากโรคภัย  1 ปีก็ได้บุญไปโข  40 ปี  โอว..บุญหล่นทับ จากคุณ : เพื่อนร่วมโลกที่ไม่เรื่องมาก - [ 13 ม.ค. 50 07:12:06 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ชั่วโมงการนอนมีผลต่อการปฏิบัติงานของแพทย์ครับ มีงานวิจัยยืนยันมาแล้ว แต่จะทำไงได้ล่ะครับ อย่างที่คุณว่า หมอน้อย คนไข้ก็ไม่เคยหยุดป่วย เรื่องอดนอนเป็นเรื่องที่เราฝึกฝนกันมาตั้งแต่เรียนแล้วครับ รับรองว่าอดนอนได้มากกว่าคนปกติแน่ แต่ความทรมานก็ไม่ได้ลดลงเลยครับ ถามว่าคุ้มไหมกับเงินสามสี่หมื่น ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด อยู่เวรวันเว้นสองบ้างวันเว้นวันบ้าง คนไข้อาการหนัก ไม่ได้นอน พูดรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เงินทองหามาไม่มีโอกาสได้ใช้ จริงครับที่ว่า ถ้าใครไม่เคยเหนื่อยแบบนั้น ก็อาจจะบอกว่าคุ้ม อยากให้ลองมาอยู่เวรด้วยกันสักวัน น่าจะได้ไอเดียมากขึ้น แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 50 08:19:26 จากคุณ : ruiN - [ 13 ม.ค. 50 08:18:39 ]

ความคิดเห็นที่ 35 กลับมาดูอีกที ยืนยันว่า การนอนน้อยของหมอ นอกจากจะมีผลกับการทำงานแล้ว  ยังมีผลกับครอบครัวด้วย เนื่องจากเวลาหมอไม่ได้นอน หรือกำลังจะได้นอน(ในห้องพักแพทย์) ซึ่งก็จะถูกปลุกอยู่เรื่อยๆอยู่แล้ว  ...  เวลาคนในครอบครัวโทรไป ซึ่งเราก็ไม่รู้อยู่ดี ว่าวันนี้น้องจะอยู่เวรกี่โมง หรือ รับจ๊อบนอกรึปล่าว โทรไปโทรไป โดนคุณน้องหมอวีนใส่ หรือรับโทรศัพท์ แล้วพูดจาไม่รู้เรื่อง งงๆมึนๆ นี่ขนาดคนในครอบครัวนะคะ ถ้าเป็นคนไข้เนี่ย แย่แน่ๆ เบลอๆแบบนี้  จริงๆทางโรงพยาบาลน่าจะจัดสรรเวลาให้หมอได้พักผ่อนเยอะกว่านี้ (ซึ่งก็ไม่รู้จะทำวิธีไหนดี) จากคุณ : Yo_JungZ - [ 13 ม.ค. 50 08:33:17 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เหมือนปัญหาที่มีอยู่  เพราะหมอน้อยกว่าความต้องการรึเปล่าคะ  เลยทำให้ต้องทำงานหนัก คนปกติถ้าไม่ป่วยก็น้อยคนแหละค่ะ  ที่อยากจะไปรพ.  ไม่มีใครอยากป่วยหรอก  อาจมีพวกไม่ป่วยแต่อยากป่วย  เพื่อจะหาเรื่องขอลาหยุดงานบ้าง  เอาผลการตรวจไปทำอย่างอื่นที่ไม่ดีบ้าง  แต่น่าจะน้อยนะ แล้วเคยมีวิจัยกันบ้างไหมเจ้า  ว่าหมอจบมาเท่าไหร่  แล้วได้เป็นหมอกันจริง ๆ เท่าไหร่  ส่วนต่างที่หายไปเนียเยอะไหมคะ  ถ้าดึงส่วนต่างนี้กลับมาได้หมอที่ทำงานอยู่น่าจะเหนื่อยน้อยลงเน้อ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 13 ม.ค. 50 09:40:39 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เป็นอาชีพที่ใฝ่ฝันเลยค่ะ เมื่อคืนดูกบเสร็จ ต่อด้วย ดิ ไอคอน โรงพยาบาลศิริราช ดูพอผ่านๆ ไม่ได้ใจความมากมาย แต่ต้องยกมือท่วมหัวพระชนกนารถ บิดาแห่งการแพทย์ไทยค่ะ นอกจากพระองค์จะให้พระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถแล้ว ยังส่งเสริมวางรากฐานการแพทย์ให้ประชาชนชาวไทยอีก อิจฉานักศึกษาแพทย์เหมือนกันนะเนี่ย ขอให้นักศึกษาแพทย์ทุกคนตั้งใจที่จะประพฤติ "คุณธรรมนำความเก่ง" เราเองก็มีประสบการณ์ที่ทั้งดีและไม่ดีกับแพทย์ และหวังว่าแพทย์จะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้คนไข้นะคะ จากคุณ : autano - [ 13 ม.ค. 50 09:57:52 ]

ความคิดเห็นที่ 38 หลานชายคนโตเป็นหมอ  เพราะอุดมการณ์ อยากช่วยเพื่อนมนุษย์ให้หายป่วยหายเจ็บ แต่เธอบอกน้องสาวอีกสองคนที่หัวดีพอจะเรียนหมอได้ว่า " ไม่ต้องเรียน  ....เหนื่อย " จากคุณ : ลูกชิ้นปลากราย - [ 13 ม.ค. 50 10:40:27 ]

ความคิดเห็นที่ 39 จริงๆ แล้วพอจบไปเนี่ย เหนื่อยกว่าตอนเรียนอีก เพราะต้องรับผิดชอบเยอะขึ้น แต่พอกลับมาเรียนต่อเฉพาะทาง เหนื่อยกายและใจสุดๆ อีกตะหาก ก็อย่าเพิ่งยอมแพ้กันนะครับ เป็นกำลังใจให้ว่าที่หมอใหม่นะ อ้อ สามารถดูกบนอกกะลาย้อนหลังได้ ในหัวข้อ video clip ของ  http://modernine.mcot.net มีรายการดีๆ ที่ดูย้อนหลังได้อีกเยอะครับ จากคุณ : Lazydent (JFent) - [ 13 ม.ค. 50 10:40:38 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เคยแอบชอบหมอ ตอนนี้เค้าต่อศัลย์เด็กอยู่ เลยรู้ว่าเป็นอาชีพที่ต้องเสียสละมาก ๆ ค่าตอบแทนนี่ สำหรับผมคิดว่ามันน้อยมากเลยนะครับ กับความรับผิดชอบและความเหนื่อยล้าขนาดนั้น ตอนนี้ก็อยากเรียนแพทย์ต่อยอด (ที่เอาป.ตรีเข้าไปเรียนต่ออีก 5 ปีน่ะ) ไม่รู้จะมีปัญญาหรือเปล่า ไม่ได้อยากรวยหรอกครับ เพราะเห็นแล้วว่ามันไม่ได้รวยกว่าอาชีพอื่น ๆเลย แต่เกิดมาชาตินึงเนี่ย ได้ช่วยชีวิตคนอื่นมันคงดีที่สุดแล้ว จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 13 ม.ค. 50 11:24:17 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เคยมีแฟนเป็นหมอ  แต่เลิกไปแล้วค่ะ ชีวิตนี้ไม่มีเวลาให้เราเลย เป็นเพื่อนกันนานๆ เจอทีดีกว่า จากคุณ : 30ยังแจ๋ว - [ 13 ม.ค. 50 11:50:54 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เคยถามอาจารย์เหมือนกันค่ะ ว่าทำไมหมอไม่มีการจำกัดชั่วโมงการทำงานเหมือนอาชีพอื่นๆ อาจารย์ตอบว่า " เพราะอาชีพหมอไม่ได้ถือเป็นผู้ใช้แรงงาน" (ก็เลยไม่มีการจำกัดชั่วโมงการทำงาน) ฟังแล้วอึ้ง แล้วก็สลดใจไปนิดๆ เรามักจะบอกให้คนไข้พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายมากๆ แต่พอหันมาดูตัวเอง....อืม.... ไม่เห็นได้ทำอย่างที่บอกคนไข้ไว้ซักอย่างเลย ถ้าหมอมีการทำงานเป็นกะ อยากจะรู้ว่าจะมีหมออยู่ในระบบเยอะขึ้นไหม ทำงานแบบได้มีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง น่าจะดีขึ้น(รึเปล่า) น้องคนไหนที่อยากเป็นหมอด้วยใจ ก็ไม่ขัดศรัทธานะคะ แต่ถ้าคิดว่า เรียนเพื่อรายได้ ความสบาย อย่าดีกว่าค่ะ มันทรมาน จากคุณ : Mriya - [ 13 ม.ค. 50 11:58:25 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ทำงานใกล้หมอค่ะ รู้ซึ้งว่าหมอต้องเจอแต่อะไรที่ไม่น่าดู แหวะๆทั้งนั้นเลย หมอฝากให้ทำงานให้หมอเรื่องการผ่าตัด ทำไม่ได้เลยจิงๆ รูปแต่ละรูปละเอียดยิบๆ เลยต้องวานให้พี่สาวทำให้ (ความแตกก็คราวนี้) หุหุ สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คุณหมอทุกคนค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 50 12:05:33 จากคุณ : iiou104 (1104) - [ 13 ม.ค. 50 11:59:09 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เรากะลังแอบชอบนิสิตแพทย์ปี2อยู่ อิอิ แต่ว่าเค้าออกแนวหมอเจ็บน่ะ โดดเรียนประจำ   เล่นดนตรี  ไม่เห็นเครียดเหมือนคนอื่นๆ ในชั้นปีเดียวกันเลยอ่ะ เหอๆๆ จากคุณ : pukkajr. - [ 13 ม.ค. 50 12:06:25 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ที่เราไปชอบ คงเป็นส่วนน้อยน่ะ เพราะเพื่อนเราอยู่คณะเดียวกันมันบอก ปี2มันต้องเรียนหนักมาก ไมได้มาเจอเพื่อนๆชัวร์ เปงกำลังใจให้คุณหมอและว่าที่คุณหมอทุกคนนะ พักผ่อนเยอะๆค่ะ จากคุณ : pukkajr. - [ 13 ม.ค. 50 12:09:30 ]

ความคิดเห็นที่ 46 มีเพื่อนเป็นหมอ นั่งท่องตำราเป็นเล่มๆๆๆๆๆ ท่องทุกอย่างในเล่ม ตั้งแต่ตารางหรือสารบัญ ยังเคยแซวมันว่า อาจารย์เค้าจะออกข้อสอบแบบนี้เหรอฟ่ะ ? ปรากฎว่า เค้าออกข้อสอบแบบนั้นจริงๆ เพื่อนมันบอก! เลยรู้สึกว่า ถ้าใครขยันท่อง ความจำดี ก็เป็นหมอได้ จากคุณ : Pride - [ 13 ม.ค. 50 13:20:20 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ทำไมรายการไม่ทำ"หมอฟัน" บ้างอ่ะ เค้าก็เป็นหมอเหมือนกันน้า จากคุณ : juppchou - [ 13 ม.ค. 50 13:25:43 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เรามีน้องเป็นหมอ กำลังใช้ทุนอยู่ค่ะ หลายคนถามว่าทำไมหมอถึงนอนน้อยมาก แปลว่ามีหมอไม่เพียงพอใช่ไหม ถ้างั้นทำไมไม่ผลิตบุคลากรออกมาเยอะ ๆ ล่ะ เราก็เลยจะตอบแทนน้องให้ค่ะ ซึ่งคำตอบนี้จะอธิบายคำพูดของคุณ คห. ที่ 5 ที่บอกว่า "ถ้าให้ผมเรียนหมอ ผมก็เรียนได้อะ" ด้วยค่ะว่า จริง ๆ แล้ว อาจจะมีอะไรมากกว่าที่คนทั่วไปนึกถึงก็เป็นได้ คำตอบที่ว่า ทำไมคนเป็นหมอถึงต้องเรียนเก่ง ทำไมหมอมีน้อย อธิบายได้ว่า 1. ที่หมอต้องเรียนเก่ง ๆ ต้องคะแนนสูง ๆ เนื่องจากหมอต้องจำจดทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสรีระร่างกายมนุษย์ อวัยวะภายใน อวัยวะภายนอก (ถ้าใครเคยอ่านตำราแพทย์จะรู้ค่ะว่า ร่างกายคนเราซับซ้อนขนาดไหน ตั้งแต่เส้นเลือดไปยันเส้นประสาท เยอะขนาดไหนแล้ว นอกจากนี้ยังต้องรู้จักโรคและกลุ่มโรคพร้อมทั้งอาการของโรคต่างๆ อีก ยังค่ะ เมื่อรู้จักโรคแล้ว ยังต้องจำให้ได้ด้วย โรคนั้นรักษายังไง ใช้วิธีใด รู้ว่ารักษายังไงแล้วยังไม่พอค่ะต้องจำชื่อยาให้ได้ด้วย กลุ่มยาใดใช้รักษาโรคไหน ถ้าคนไข้แพ้ยานี้ต้องใช้ยากลุ่มใดแทน... ฟังแค่นี้ก็เหนื่อยแล้วใช่ไหมคะ นอกเหนือจากการรักษาแล้ว ไหนยังจะต้องผ่าตัดอีกล่ะวิธีการเย็บแผล การผ่าตัด การฟังหัวใจ การใช้เครื่องมือบางอย่างในการตรวจอีก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมคนเรียนหมอ จึงต้องเลือกคนเก่ง ๆ ทั้งที่คนบางคนอาจเรียนไม่เก่งมาก แต่มีจิตใจมุ่งมั่น อยากเป็นหมอ อยากรักษาคน แต่ก็เรียนไม่ได้ เพราะต้องคนเก่งและความจำดีเท่านั้นค่ะ ถึงจะเป็นได้ ไม่งั้นเกิดลืมชื่อโรค ลืมตัวยารักษา หรือผ่าตัดผิดขั้นตอนขึ้นมา เรื่องใหญ่เลยค่ะ (แม้หมอบางคนรักษาด้วยความ "ผิดพลาด" ยังเป็นเรื่องเป็นราวเลย จริงไหมคะ) 2. นอกจากเรียนเก่งความจำดีแล้ว ยังต้องอดทนด้วยค่ะ อย่างที่หลายคนบอกค่ะ นศ. แพทย์เนี่ยะ ฝึกมาแล้วทั้งนั้น ทั้งอดหลับอดนอน อยู่เวร แถมยังเรียนตั้ง 6 ปีแน่ะ (ก็เรียนเยอะขนาดนั้นจะจบภายใน 4 ปีได้ไง) น้องเราเคยต้องอยู่เวรดึก 2 คืนติดกัน คืนสุดท้ายตรวจคนไข้เสร็จประมาณตี 2 เค้าบอกว่าเค้าจำไม่ได้ว่าเค้าเดินกลับมาห้องพักแพทย์ได้ไง (หนักกว่า รปภ. กลางคืนอีกนะคะ เพราะนั่นเค้าทำงานเป็นกะ ก็ยังได้นอนกลางวัน แต่หมอนี่ น้อยมากที่จะได้นอนพักผ่อนกลางวันแล้วอยู่เวรกลางคืน แทบไม่มีเลยมั้ง) 3. นอกจากเก่งแล้ว อดทนแล้ว ภาวะทางอารมณ์ + อัธยาศัย ยังต้องดีด้วยนะคะ เพราะไปเจอคนไข้ ก็ต้องตรวจต้องคุย สอบถามอาการของโรค ต้องอธิบายอีก คนไข้ก็มีตั้งหลายแบบ ทั้งดีและไม่ดี ปนกันไป ถ้าหมอมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ไม่ดีแล้วล่ะก็ เราว่ามีคดีฟ้องร้องกันอีกเยอะค่ะ แล้วคนเก่ง + คนอดทน + วุฒิภาวะทางอารมณ์สูงแบบนี้ ก็ใช่ว่าจะหากันได้ง่าย ๆ (เรียกว่ามีพร้อม) หรือถ้ามีจริงก็ใช่ว่าทุกคนเค้าจะเลือกเป็นหมอ ไปเป็นอย่างอื่นก็รวยได้ สบายกว่าอีก จริงไหมคะ นี่คือคำตอบที่ว่าทำไมหมอถึงมีน้อย มีไม่พอและทำไมต้องคนเก่งเท่านั้นที่เป็นหมอ เขียนมาซะยืดยาว ..ก็เพียงแค่อยากให้หลาย ๆ คนได้รับรู้ถึงอีกแง่มุมของอาชีพนี้ เพราะเราก็ไม่สบายใจทุกครั้งที่มีข่าวเกี่ยวกับแพทย์รักษาผิดพลาด เพราะสงสารน้องค่ะ บางครั้งเค้าทำงานเหนื่อยมาก โทร.มาเล่าให้ทางบ้านฟังว่าเค้าไม่ได้นอนหลายคืนเพราะอยู่เวร แถมเจอคนไข้ที่ไม่สุภาพหรือพูดไม่รู้เรื่องอีก เค้าก็ท้อ (เราทำงานที่ต้องให้บริการลูกค้าเหมือนกันยังรู้เลยว่าเวลาเจอลูกค้าบางคนที่พูดไม่รู้เรื่องเนียะ มันเป็นยังไง) สุดท้ายก็ขอให้กำลังใจหมอทุก ๆ ท่านนะคะ ให้มีกำลังใจรักษาคนไข้ต่อไป และรักษาสุขภาพตนเองด้วยนะคะ จากคุณ : หมูหัน (น่ากิน) - [ 13 ม.ค. 50 13:49:50 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอให้กำลังใจคุณหมอและว่าที่คุณหมอทุกคน  อิๆ เราคิดถูกแล้วจริงๆ ที่ชิ่งไปเรียนวิศวะแทน 555 จากคุณ : เจ้าตัวกลมกะปุ๊กลุ๊ก - [ 13 ม.ค. 50 15:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เวลาคนไข้มาหาหมอ หมออาจจะเป็นหมอคนแรกที่เขาเจอในการป่วยครั้งนี้ แต่เขาอาจไม่รู้ว่าเขาเป็นคนไข้ในชั่วโมงที่ 30 ที่หมอไม่ได้นอน ซึ่งนับไม่ถูกว่าเป็นคนไข้คนที่เท่าไหร่แล้ว เราก็เคยสั่งการรักษาไม่ครบเพราะง่วงจัด แต่ไม่ต้องตกใจ เพราะมีพี่คอยดูและแก้ให้อยู่ ถ้านักบินนอนไม่เพียงพอ flight จะต้อง delay เพื่อ crew rest (แม่เราทำงานสายการบินบอกมา) แต่หมอทำงานทั้งวัน อยู่เวรทั้งคืน และทำงานวันรุ่งขึ้นต่ออีกทั้งวัน หมายความว่า ถ้าโชคดีก็ได้นอน น้อยบ้าง ... ไม่ได้นอนเลยบ้าง อาจารย์บอกว่า ต้องคิดว่า "จะไม่ได้นอน" ถ้าได้นอนสัก"1 ชั่วโมง" จะได้ดีใจ หมอให้คนไข้พักผ่อนมากๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ แต่ตัวเองดีใจแทบแย่ที่มีเวลา "ยัด" hamburger ลงท้องไปได้ ส่วนสาเหตุการตายอันดับต้นๆของหมอก็คือ อุบัติเหตุ และ โรคหัวใจ กับ การฆ่าตัวตายเนื่องจากความเครียด นักเรียนแพทย์ไม่มีค่าเวรเพราะยังเรียนไม่จบ แต่พี่หมอที่กลับมาเรียนเฉพาะทางได้ค่าเวรน้อยกว่าไปทอดไก่ที่ McDonald ที่ได้ชั่วโมงละ 20 กว่าบาท ส่วนเงินเดือนประมาณ 1 หมื่น ที่ไม่มีบวกค่านู่นค่านี่เหมือนตอนเป็นแพทย์ใช้ทุน... แค่ค่าน้ำมันก็หมดแล้ว สุดท้ายยังต้องแบมือขอพ่อแม่อีก ถ้าไม่รักจริง อย่าเรียน จากคุณ : ว่าที่หมอใหม่ - [ 13 ม.ค. 50 23:16:34 A:161.200.255.162 X: TicketID:053299 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อยากดูเหมือนกันครับ แต่ลืมดูตอนแรกไปเลย ขอบใจที่ตั้งกระทู้นะคุณหมอ จะได้ไปดูรายการย้อนหลังในเว็บ อสมท.อ่ะ จากคุณ : กลับมาแล้วคนดี - [ 14 ม.ค. 50 01:34:23 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เราก็เพิ่งจบหมอมาได้ ปีนึงแล้วล่ะ (หมอความ) อิอิ จากคุณ : ออกญาสน - [ 15 ม.ค. 50 13:51:26 ]

ความคิดเห็นที่ 53 หมอหมาด้วยได้ป่ะ น่ารักดีนะเราว่า อิอิ จากคุณ : The smiling moon - [ 15 ม.ค. 50 15:10:11 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เท่าที่รู้จักกับหมอมาบอกได้คำเดียวว่า  มีแต่คนงกๆ กันทั้งนั้น  (แต่เรื่องอื่นนี้แล้วแต่ละคนครับ เหมือนกันอย่างเดียวงก!) จากคุณ : No.06 - [ 16 ม.ค. 50 19:24:07 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ตอนนี้อยู่ปี 2 ก็รู้สึกว่ามันเหนื่อยนะ... แต่มันก็ทำให้เราพอใจกับอะไรเล็กๆน้อยๆรอบตัว..ที่พอจะหาได้... จากที่เคยต้องกินอาหารดีๆ เริ่ดๆ ถึงจะมีความสุข เป็นแค่ได้มีเวลาไปกินอะไรนอกคณะบ้างก็ดีใจจะแย่แล้ว และ..ที่ดี(หรือแย่)ที่สุดที่เคยเจอมา คือ อาหารใต้ตึกยังไม่หมดก็ดีแล้ว ก็รู้สึกว่ามันก็ขึ้นๆลงๆนะ สอบทีก็ down ที สอบเสร็จก็เหมือนดอกไม้บาน แล้วก็เตรียมเฉาใหม่ 555 ก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะคะ แล้วก็เป็นกำลังใจให้พี่ๆทุกคนด้วยค่ะ อ้อ! ถ้าเรามีน้องและน้องเราอยากเป็นหมอ..เราก็ยังจะสนับสนุนนะคะ เราว่าอาชีพนี้ดีจะตาย จากคุณ : คุณหนู - [ 16 ม.ค. 50 19:27:06 A:203.118.98.184 X: TicketID:117614 ]

ความคิดเห็นที่ 56 มีเพื่อน(เป็นหมอ)อยู่สองคน... เพิ่งจบได้ไม่นาน...คุยกันทีไรมีแต่เรื่องมาระบาย... เฮ้อ...ฟังแล้วเครียด+เซ็งแทนค่ะ จากคุณ : ทอฝัน...ในวันเหงา - [ 16 ม.ค. 50 19:27:33 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เรียนหมอไม่ได้สบายอย่างที่เขาบอกจริงๆแหละครับ.. แต่อย่างน้อยผมก็เลือกทางเดินนี้มาแล้ว และก็รู้สึกว่าเป็นอาชีพที่น่าภาคภูมิใจมากๆ กับการที่ได้ให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ตอนนี้แม้ว่าผมจะอยู่แค่ปีสอง แต่ก็รู้สึกว่าวิชาชีพนี้ดีจริงๆ นะครับ ขอบคุณรายการกบนอกกะลา ที่นำเรื่องราวอีกมุมนึงของหมอให้คนทั่วไปได้รู้นะครับ ว่าจริงๆแล้ว หมอก็เป็นคนธรรมดาคนนึง ที่มีชีวิต มีความฝัน และก็มีความรู้สึกนึกคิดไม่ต่างจากคนทั่วไปเลย อยากให้คนไข้เข้าใจหมอด้วยนะครับ เห็นปัญหาฟ้องร้องเพิ่มขึ้นทุกวันอย่างนี้ หมอที่เขาดีๆแล้วหมดกำลังใจลาออกไปทำอย่างอื่นมีเยอะเลยครับ ปล.สุดท้ายอยากบอกว่าภูมิใจมากๆ ที่ได้มาเรียน SI นะคับ ^_^ จากคุณ : 1 ใน SI (por13_2mpn) - [ 16 ม.ค. 50 19:36:29 ]

ความคิดเห็นที่ 58 น่าเหนื่อยจริงๆครับ  เป็นกำลังใจให้หมอทุกคนครับ จากคุณ : tOYBox - [ 16 ม.ค. 50 19:56:30 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ชื่นชมคุณหมอทุกท่านที่เสียนสละ เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆ จากคุณ : kaokame - [ 16 ม.ค. 50 20:02:15 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ผมจบวิศวะ แต่อยากมีแฟนเป็นหมอ จากคุณ : psv (psv) - [ 16 ม.ค. 50 20:05:42 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ส่วนเราเรียนหมอ อยากได้แฟนวิศวะ^^ (ล้อเล่นๆ) รู้สึกหลังๆคห.แตกประเด็นมากมาย แต่กบนอกกะลาก็ทำดีนะคะ แม้บางเรื่องที่เค้าถ่ายจะไม่ค่อยเกี่ยวกับที่เรียนก็เหอะ^^ แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 50 20:18:17 จากคุณ : Reaper's raspberry - [ 16 ม.ค. 50 20:15:50 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ผมไม่ได้ชื่นชมหมออะไรมากหรอกครับ อาจเป็นเพราะเพื่อนรุ่นผมเป็นหมอกันหลายคนก็ได้ ผมชอบคนมีอุดมการณ์มากกว่า จากคุณ : พิชรา - [ 16 ม.ค. 50 21:31:27 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ผมว่าเมืองไทยหมอเยอะนะครับ ออกแนวเยอะเกินไปด้วย แต่เราก็เป็นประเทศกำลังพัฒนาเหมือนเดิม หลายคนเรียนหมอเพราะเป็นค่านิยม จากคุณ : Ragazzinox - [ 16 ม.ค. 50 21:33:05 A:87.15.160.215 X: TicketID:135504 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ตอนเป็นนศพ. หรือใช้ทุนอยู่ก็ Ideal กันล่ะครับ แต่พอเริ่มอิสระก็มีบางส่วนที่เริ่มมุ่งแต่หารายได้และเกียรติยศกันจนลืมเรื่องที่พูดๆกันมา ตอนนั้นก็พูดกันแต่ว่า อยู่ร.พ.เอกชนไหนให้การันตีเท่าไหร่, ค่าdfเท่าไหร่ รายได้เดือนนึงถึงแสนมั้ย?....ที่ไหนให้มากกว่าอีก? หมอดีๆมีเยอะครับ แต่หมอไม่ดีก็มีไม่น้อยเหมือนกัน คดีหมอฆ่าคนตายก็มีเพียบ นศพ.ฆ่าแฟนหั่นศพก็มี หมอโดนสอบจรรยาก็เยอะ..... อย่าปฎิเสธเลยครับว่าส่วนใหญ่ที่ดิ้นรนอยากเรียนหมอกัน ก็เพราะคิดว่ามันมีหน้ามีตา...มีรายได้มาก....โก้หรู..มีเกียรติ โลกมีหลายด้านครับ...พูดกันแต่ด้านเดียวมันก็โกหกตัวเองเกินไป ก็หวังแต่ว่าคุณหมอและว่าที่คุณหมอที่แสนจะ Ideal ในนี้ยังจะคงความ Ideal ตลอดไปนะครับ ถ้าการกระทำตรงข้ามกับที่ตัวเองพูด...ก็เท่ากับโกหก...บาปจะติดตัวนะครับ จากคุณ : โลกมีหลายด้านครับ - [ 16 ม.ค. 50 21:33:27 A:58.8.188.109 X: TicketID:119615 ]

ความคิดเห็นที่ 65 หมอตายได้ แต่ห้ามป่วยครับ !!!!! จากคุณ : naeo - [ 16 ม.ค. 50 21:33:54 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ชีวิตนี้เคยอยากเป็นหมออยู่ 2 ครั้ง ตอนอ่าน Dr.K กับ หัตถ์เทวดาเทรุ อิอิ จากคุณ : ตาลสามต้น - [ 16 ม.ค. 50 21:34:31 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เป็นอาชีพที่น่าชื่นชมจริงๆค่ะ มีทั้งความเก่ง ความเสียสละ กว่าจะมาเป็นได้นี่ ดูแล้วเหนื่อยแทนจริงๆ เป็นกำลังใจให้หมอและนักศึกษาแพทย์ทุกๆคน ด้วยนะคะ จากคุณ : แมวเขย่งยิ้ม - [ 16 ม.ค. 50 21:41:32 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เราก็กำลังเป็นนักเรียนแพทย์ที่ยังไม่แน่ใจกับทิศทางตัวเองอยู่ค่ะ แต่ก็ภูมิใจที่ได้อยู่ในโรงเรียนแพทย์ที่ดี ที่สอนให้เรารักษาคนไข้ทั้งร่างกายและจิตใจจริงๆ เราไม่รู้หรอกว่าจบไปแล้วมันจะเป็นยังไงต่อไป สิ่งที่เรามองเห็นในตอนนี้ ก็ยังเป็นสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนแพทย์ที่ยัง ideal อยู่จริงๆ ค่ะ แต่แอบกลัวเล็กๆ กับสังคมที่ต้องเผชิญ ต้องเหนื่อยและเครียดแน่ๆ เลย ยังจะต้องเสี่ยงต่อการขึ้นคาน หรือมีลูกตอนแก่ออกมาเป็นดาวน์อีก เพราะว่ากว่าจะเรียนจบ กว่าจะใช้ทุนนี่ อีกนานเลยนะคะ พี่ชายที่ชอบติดตามข่าวสารบ้านเมือง แต่ไม่ติดตามข่าวสารครอบครัว ก็ชอบกระแนะกระแหน ว่าหมอมีแพทยสภาปกป้อง เอะอะอะไร ก็คิดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ ทำผิดยังรอด หาผลประโยชน์ตลอด ยังงั้นไป ขอเถียงสุดใจค่ะ อาจจะมีหมอดีหมอไม่ดีปะปนกันไป เหมือนประชากรทั้งหลายนั่นแหละ แต่กว่าจะจบมา ไม่มีที่ไหนสอนให้เป็นหมอเพื่อตักตวงหรอกค่ะ ดังคำที่อาจารย์ที่เราเคารพมาก กล่าวให้ฟังไม่นานนี้เอง "หมอไม่ใช่อาชีพที่วิเศษ  เพียงแต่เราได้ทำในสิ่งที่วิเศษ" แหม..ถ้าพูดต่อไป เกรงว่าจะผิดห้อง หรือโดนลบความเห็นได้ ขอจบเพียงเท่านี้ค่ะ ^^ ปล.เจอเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หลายคนทีเดียว  มาแฝงในพันทิบเยอะนะเนี่ย จากคุณ : ใจเราลืมไม่ลง (kumikase) - [ 16 ม.ค. 50 21:53:27 ]

ความคิดเห็นที่ 69 อาจจะไม่เกี่ยวกับที่คุณเจ้าของกระทู้ตั้ง แต่ว่า มีภาพเราอยู่ในกบนอกกะลาตอนนั้นด้วยล่ะ ^_^ น่าเสียดาย วันที่ 31 เราลงจากห้องคลอดตอน 4 โมง ไม่งั้น .. มีภาพเราให้สัมภาษณ์ในห้องคลอดแน่ๆ 55 จากคุณ : Fluorine - [ 16 ม.ค. 50 21:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ว่าด้วยการฝึกวิชาอดหลับอดนอนของนักศึกษาแพทย์ ปี4 อยู่เวรถึงแค่เที่ยงคืน ยกเว้นมีเหตุฉุกเฉิน ปี5 อยู่ทั้งคืน วันไหนโชคดีไม่มีคนไข้เป็นอะไรกลางดึกก็ได้นอน วันไหนโชคดีกว่านั้นวัดความดันทุกชั่วโมงหรือไม่ก็ช่วยพี่ปั๊มอยู่ชั่วโมงนึง เช้าตื่นมาเจาะน้ำตาล วัดความดัน จับO2sat วัดขา ตามผลlab แล้วก็กลับหอไปอาบน้ำ กลับwardมาราวด์เช้าต่อไป ปี6 โต้รุ่ง อาจได้นอนซักสองสามชั่วโมงถ้าไม่มีอะไร เช้าตื่นมา ยัดแซนด์วิช1อัน นม1กล่องภายใน5นาที แล้วชีวิตก็ดำเนินต่อไป สรุปคือนอน4ชั่วโมงเนี่ย เรื่องปกติแต่ถ้านอนมากกว่านี้เมื่อไหร่จะเริ่มง่วงเพราะนอนมากเกิน==zzz คุณภาพชีวิตแย่จริงๆแฮะ-_-"" จากคุณ : Grand Round (ข้าวฟ่าง&ม่านแพร) - [ 16 ม.ค. 50 22:38:02 ]

ความคิดเห็นที่ 71 อาจารย์หมอพรทิพย์ ท่านเคยบอกว่าท่านได้แต่ตัวอย่างนี้คือการคลายเครียด ท่านเลือกเรียนทางผ่าศพเพราะจะได้ไม่ต้องถูกตาม หรืออยู่เวร เพราะท่านคงเครียดอะนะเลยหาทางใช้วิชาความรู้ที่มีในด้านที่ลงตัวที่สุด รวมทั้งเบนไปสอนนักเรียนพยาบาลด้วย. จากคุณ : กลมๆเล็กๆ - [ 16 ม.ค. 50 23:29:04 A:125.25.156.137 X: TicketID:116861 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เคยไปบริจาคเลือดที่รามาฯ  เจอคุณหมอ(สาว) มาบริจาคเลือด  เราเคยบริจาคเลือดหลายครั้งแล้วเลยชินขั้นตอน  คุณหมอเค้ากำลังตรวจความเข้มของเลือดอยู่  แต่ปรากฎว่าเลือดจาง  บริจาคไม่ได้  เห็นเธออึ้งๆ ไปเลยนะ  ขนาดเราขึ้นเตียงแล้วเธอยังนั่งอยู่เลย  เหมือนตั้งใจมาบริจาคมาก  เจ้าหน้าที่ก็ให้เหล็กไปกิน  เรานะอยากบอกมากเลยว่า  คุณหมอพักผ่อนน้อย  อดนอน  เลือดเลยจาง  แต่คิดว่าคุณหมอเค้าคงรู้อยู่แล้ว  หรือเราอาจคิดผิดไปก็ได้  เลยไม่ได้พูดอะไร  เห็นแล้วเห็นใจเลยอ่ะ  น่ารักด้วย จากคุณ : %pOp~ - [ 16 ม.ค. 50 23:57:36 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เป็นกำลังใจให้หมอทุกคนคับ แต่ถึงรู้ว่าเป็นหมอแล้วจะเหนื่อยยังไง ถ้าหากย้อนเวลาได้ ตอนเด็กผมคงจะตั้งใจเรียนเพื่อเป็นหมอนะ จากคุณ : Del Bon - [ 17 ม.ค. 50 00:22:26 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เห็นใจหมอมากๆค่ะ....มีพี่เขยเป็นหมอ รับราชการ เงินเดือนก็ตามราชการอะนะ เคยไปหาแกที่โรงพยาบาลของรัฐแห่งนึง คนมารอคิดตรวจเหมือนมาดู concert เลยค่ะ เยอะมากจริงๆ เค้าบ่นว่าเหนื่อย เราก็บอกว่าก็ทำให้มันน้อยๆซิ แต่เค้าบอกว่า แหย่ขาเข้ามาแล้ว มันออกไม่ได้ เพราะหมอไม่พอกับจำนวนคนไข้ จากคุณ : เห็นใจหมอค่ะ - [ 17 ม.ค. 50 00:30:15 A:65.122.101.178 X: TicketID:072769 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เหนื่อยสุดๆ เบื่อชีวิตที่มีแต่การสอบ ปีหน้าอาจจะสนุก  เพราะได้ขึ้นwardแล้ว จากคุณ : Kho-D - [ 17 ม.ค. 50 00:37:30 ]

ความคิดเห็นที่ 76 รู้สึกว่าภาพลักษณ์ของหมอกำลังย่ำแย่ลงในสายตาคนทั่วไป ดีใจที่มีรายการนี้ช่วยตีแผ่ให้หลาย ๆ คนเข้าใจหมอมากขึ้น หลังจาก ละคร นาทีชีวิต ปี 3 ทางช่อง 3 เพิ่งลาจอไป หมอบ้านเราโดยเฉลี่ยแล้วขาดแคลน ไม่อยากให้มีใครท้อหรือถอดใจไป หรือโดนฟ้องร้องเพราะความไม่เข้าใจจนมีปัญหากัน เพราะหลายคนคาดหวังกับหมอไว้สูงเกินไป ส่วนใครที่ว่าเป็นหมอเพราะอยากรวย สมัยนี้ไม่ใช่แล้วนะครับ ถ้าอยากรวย อยากมีเกียรติ ต้องเป็นนักธุรกิจ ถ้าสายสุขภาพก็พวกนายทุนถือหุ้นโรงพยาบาลทั้งหลาย เป็นต้น หมอต้องเป็นอาชีพที่เสียสละอย่างมากนะผมว่า ขอบคุณช่อง 3 ขอบคุณรายการ กบนอกกะลา และรายการ ดิ ไอค่อน จากคุณ : RealWorld - [ 17 ม.ค. 50 00:38:14 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เห็นใจเน๊อะ เป็นหมอคอยรักษาคนไข้ได้ แต่กลับรักษาตัวเองไม่ได้ >///< เห็นเวลาเรานอนโรงบาล หมอก็เข้ามาบอกว่าให้ ออกกำลังกายบ่อยๆ นอนให้เพียงพอ - -* แต่ที่เห็นๆมาหมอ แทบไม่ได้นอน ออกกำลังกายก็ไม่รู้ได้ทำบ้างรึเปล่า - - จากคุณ : ^^ สู้ๆนะคะหมอ - [ 17 ม.ค. 50 00:38:58 A:58.8.122.224 X: TicketID:102417 ]

ความคิดเห็นที่ 78 หมอเป็นอาชีพที่ดีนะ อาจจะเหนือ่ยช่วงเรียน แต่พอได้เป็นไปนานๆแล้วมีแต่จะดีๆๆๆๆ ไม่สังเกตเหรอ พี่บอกน้องว่า อย่ามาเรียน แต่พ่อที่เป็นหมอ หลายๆคน อยากให้ลูกตัวเองเป็นหมอ อะค่ะ ต้องอดทน จนกว่าจะได้ดี คงว่างั้น จากคุณ : คน (PuY~isme) - [ 17 ม.ค. 50 00:39:17 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ความคิดเห็นที่ 32 ความคิดที่จะดึงตัวแพทย์ต่างประเทศมาช่วย มันก็มีข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่ายอีกล่ะครับ ขนาด 30 บาทรักษาทุกโรค ยังต้องโอนกองทุนต่างๆ ไปโปะเลย แล้วอย่างนี้จะมีเงินที่ไหนเจียดไปจ่ายแพทย์นำเข้าเหล่านั้นล่ะครับ ตอนนี้มีนโยบายการเพิ่มแพทย์แล้วครับ แต่ทว่าคุณภาพของแพทย์รุ่นใหม่ๆ ยิ่งจะด้อยลงเรื่อยๆ เพราะการเรียนแพทย์ต้องเรียนกับอาจารย์โดยตรง กับรุ่นพี่โดยตรง กับคนไข้โดยตรง ถ้าหากนักศึกษามากขึ้น สัดส่วนความใกล้ชิดกับอาจารย์ กับคนไข้ยิ่งน้อยลง ประสบการณ์ก็น้อยลงตามไปด้วย ออกไปทำงานรักษาคนไข้ ไม่อยากนึกสภาพเล้ยยย จากคุณ : อังเงียวอนชิ - [ 17 ม.ค. 50 00:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 80 พิมพ์ค้างไว้ คห.79 พอพิมพ์เสร็จว่าจะโพสต์ โดนตามไปใส่ ICD (ท่อระบายลมในปอดซะแล้ว) ทำเสร็จก็โดนตามไปทำแผลหน้าท้องหลังผ่าตัดไส้ติ่งแตกอีก.. ทำยังไม่เสร็จโดนตามไป 3 สาย (3 Misscalls) ตามไปดูคนไข้บ่นปวดหัวมาก นอนไม่หลับ ฉี่ไม่ออก ฯลฯ คืนนี้จะได้นอนไหมเนี่ย เดินไปเดินมาระหว่างหอผู้ป่วยตั้งแต่บ่าย 4 เพิ่งได้นั่งตอนนี้แหละครับ จากคุณ : อังเงียวอนชิ - [ 17 ม.ค. 50 00:55:55 ]

ความคิดเห็นที่ 81 แนะนำเว็บดีๆ http://consumer.pantown.com (โปรดใช้วิจารณญานในการรับชม) จากคุณ : อังเงียวอนชิ - [ 17 ม.ค. 50 00:58:08 ]

ความคิดเห็นที่ 82 จะสอบวันมะรืนนี้ อ่านจนไส้จะทะลักแล้ว TT จากคุณ : p.ivy - [ 17 ม.ค. 50 01:10:14 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เสียดายอาทิตย์ที่ผ่านมาผมไม่ได้ดู อยากได้เทปแฮะ แต่อาทิตย์แรกดูไปแล้ว วันศุกร์หน้าผมต้องดูให้ได้ ปล.ผมจะเอนท์ปีนี้แหละครับ แล้วจะเป็นหมอด้วย     ผมเตรียมใจไว้แล้วแหละครับว่าจะต้องลำบาก     ถ้าได้เป็นหมอผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดแน่นอน     แต่ตอนนี้ต้องทำหน้าที่นร.ให้ดีที่สุดก่อนแฮะ     สู้ตายเพื่อแพทย์!!!! จากคุณ : Terminal Love - [ 17 ม.ค. 50 01:26:25 ]

ความคิดเห็นที่ 84 กระทู้นี้น่ารักนะครับ ทำให้ผมมองแพทย์ในแง่ดีขึ้นเยอะ จากคุณ : รถเล็ก (รถเล็ก) - [ 17 ม.ค. 50 01:48:00 ]

ความคิดเห็นที่ 85 เคยเป็นแฟนกับว่าที่หมอ แต่พอเค้ายิ่งเรียนปีสูงขึ้น เวลาที่ให้เรามีน้อยลง จนหลังๆเหมือนกับว่า เราแบกความรักนั้นไว้คนเดียว ในที่สุดก็ตัดสินใจเลิกกันครับ อย่าไปคิดเลยว่าจบหมอมาแล้วมีเงินเยอะ เพราะว่าเงินที่คุณอยากได้ กับเวลาที่เสียไป มันไม่คุ้มกัน ถ้าคุณไม่รักอาชีพนี้จริงๆคงจบออกมาไม่ได้หรอกครับ ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอทั้งหลายนะครับ เป็นอาชีพที่เสียสละจริงๆ จากคุณ : Remember16 On The Seventh Moon - [ 17 ม.ค. 50 02:02:47 ]

ความคิดเห็นที่ 86 หมอดีๆก็มีเยอะ  หมอเลวๆชั่วๆก็มีเหมือนกัน การเรียนหมอเป็นค่านิยมของคนรวยและคนเรียนเก่ง เพราะอะไร ก็เพราะ เป็นหมอแล้วมีเกียรติ มีเงิน มีสังคมสูงๆ แต่จะมีสักกี่คนที่พอได้เรียน ได้ช่วยเหลือผู้คน แล้วจะเกิดอุดมการณ์ที่น่ายกย่อง เท่าที่เคยเห็นมา หมอที่หงุดหงิดใส่คนไข้ไม่ค่อยจะได้เจอ ส่วนใหญ่จะเจอพยาบาลที่ปฏิบัติต่อคนไข้ไม่ดีเลย โดยเฉพาะโรงพยาบาลของรัฐ สุดท้ายก็อยากให้กำลังใจกับหมอที่มีอุดมการณ์ที่ดี และตั้งใจ ตั้งมั่นที่จะช่วยเหลือประชาชนคนไทยด้วยกัน จากคุณ : ชิววี่ - [ 17 ม.ค. 50 02:45:12 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ทำใช้หนี้สักพักก็ลาออกไปอยู่เอกชน รายได้ดีกว่าเยอะ หาหมอที่มีอุดมการณ์น้อยมาก และขอยกย่องหมอที่มีอุดมการณ์ (หายากมาก) จากคุณ : ZQ - [ 17 ม.ค. 50 09:18:50 ]

ความคิดเห็นที่ 88 คหที่ 17 ผมชอบจังที่คุณ ขอโทษคนไข้ ทั้งทีจริง ๆ แล้วอาจไม่ใช่ความผิดของคุณก็ได้ แต่หมอบางคน ego สูงปี๊ด ผิดยังไม่ยอมรับผิด คนไข้ก็น่ารัก เข้าใจหมอ (แต่บางคนที่ก็ เอือมครับ) ผมไม่ได้เป็นหมอ แต่ครอบครัวของผม ก็อยู่ในสายนี้ มาแต่รุ่น ยาย จนรุ่นผม เข้าใจการเป็นหมอและพยาบาลดี กว่าจะเป็นหมอ โอย แสนลำบากจริง หน้าที่รับผิดชอบมาก่อนสิ่งอื่น ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ตัวเอง แต่ถึงยังไง หมอก็คือคนครับ ไม่ได้วิเศษไปกว่าใคร ผิดพลาดกันได้ ยิ่งเป็นหมอผิดไม่ได้ด้วย เหนื่อยนะเนี้ย จากคุณ : 007 (panaratb) - [ 17 ม.ค. 50 09:36:09 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เห็นด้วยกะคุณ คห.87มาก จากคุณ : varu - [ 17 ม.ค. 50 09:48:50 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ได้ดูแค่ตอนอยู่ปีสองตอนเดียวค่ะ แต่ก็พอจะทราบเพราะพี่สาวเราก็เพิ่งจบได้ปีนึง ตอนเด็กๆเราก็มีความคิดเหมือนกันคนทั่วๆไปว่าคนเป็นหมอต้องฉลาดและรวย..แต่ ณ ปัจจุบัน เราพอจะเข้าใจว่าความจริงแล้วหมอที่จบมาก็มีเงินเดือนที่เหมาะสมกับความเหนื่อยความลำบากที่เค้าต้องแลกซึ่งจริงๆก็ไม่ได้มากมายเลย เงินเดือนข้าราชการแพทย์ระดับ4ประมาณ 9,000บาท มีค่าอยู่เวรที่ต้องอดหลับอดนอน ยิ่งป็นร.พ.ตามอำเภอ หมอมีน้อยค่ะก็มาราธอนหลายวันเลย และก็มีค่าไม่ทำคลินิก เท่านี้ ถ้าเทียบก็ถือว่าเงินก็ตามงาน แต่พี่สาวเราดีนะ ไม่ค่อยเห็นเค้าเครียดเลยตั้งแต่เรียนแล้ว เวลากลับบ้านก็ดูหนัง ฟังเพลง เล่นNet แล้วก็เรื่องศิลปินดารานักร้องเนี่ยรู้มากกว่าเราที่ทำอาชีพสายนี้อีก ตอนเจอรี่ F4มาก็ยังไปตามดูถึงกองถ่ายโฆษณา แบบว่าไม่เครียดเลย มีความสุขกับชีวิต อาจมีบ้างช่วงที่เจอเคสเครียดๆ แต่ก็เห็นบ่นไม่ถึงวัน ก็หันมาพูดเรื่องดารา นักร้อง .. ขำดีค่ะ.. คิดว่าถ้ารายการกบทำออกมาเป็น VCD ก็จะไปซื้อไว้ เผื่อมีลูกมีหลานให้เค้าได้ดูว่าแม่เค้าป้าเค้าเหนื่อยมายังไง.. จากคุณ : ดีเจเรดิโอ (Aynak) - [ 17 ม.ค. 50 11:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 91 คณะแพทย์ศาสตร์ที่ไหนมีหลักสูตรประกาศนียบัตรสำหรับปริญญาตรีมั่งไหม จากคุณ : อยากรู้ครับผม (ไม่ทราบ) - [ 17 ม.ค. 50 11:53:35 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ขอให้คุณหมอและว่าที่คุณหมอทุกๆคนสู้ๆนะครับ ผมก็เชื่อว่านี่คืออีกอาชีพนึงที่ถ้าทำแล้วอยู่ในจรรยาบรรณที่ดี จะเป็นอาชีพที่น่าสรรเสิรญที่มากๆ ได้บุญเยอะมากๆ (ซึ่งคุณหมอส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้) จากคุณ : หน่วยต่อสู้อากาศยาน - [ 17 ม.ค. 50 11:57:38 ]

ความคิดเห็นที่ 93 http://hiptv.mcot.net/hipPlay.php?id=8949&SelectSpeed=128k กบนอกกะลา ตอน 1 จากคุณ : นายโอ้นโต้น - [ 17 ม.ค. 50 12:21:31 ]

ความคิดเห็นที่ 94 มีเพื่อนเป็นหมอหลายคน เจอกันคราวล่าสุด (นานและ) เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน เพื่อนมันจบพร้อมๆพวกผมเพราะมันสอบเทียบได้ มันเป็นหมอเด็ก ไปใช้ทุนที่ พวกก๊อดอาร์มี่ เคยไปยึดไว้น่ะครับ ได้ยินเสียงประทัดทีไรก็วิ่งกันทุกที บอกรวมๆแล้วได้เดือนละประมาณ 50K แต่กว่าจะได้จริงก็ใช้เวลา 2-3 เดือน แถมแถวนั้นไม่ค่อยมีที่ให้ใช้เงินก็เลยเหลือเงินเยอะ แต่ตอนนี้ มันกลับมากรุงเทพฯแล้ว รับอยู่เดือนละเกือบแสน เห็นบอกกลางวันเข้าเวรโรงพยาบาลรัฐ กลางคืนเข้าเวรโรงพยาบาลเอกชน เลยถามมันว่าแล้วเอาเวลาที่ไหนนอนล่ะ มันบอกก็ตอนกลางวันสิ นอนน้อยๆ แต่ถี่ๆ ไม่มีคนไข้ก็นอนพักได้บ้าง เพราะมันเป็นหมอเด็ก จากคุณ : khanchang - [ 17 ม.ค. 50 13:20:27 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ขอแสดงความเห็นนะครับ เพื่อนผมก็เป็นหมอ... เรียนจบมาหลายปี ทำงานมีรายได้ประมาณนึง พอได้เจอกันเมื่อไม่นานมานี้ พบว่าเขาเปลี่ยนไปมาก มี ego สูงขึ้น เชื่อมั่นในตัวเอง คุยอะไรกับใครทุกคนต้องเชื่อ ห้ามโต้แย้ง แถมยังมาบ่นว่าคนไข้ (โรงพยาบาลเอกชน) สมัยนี้เอาเงินฟาดหัวหมอ ถือว่าตัวเองจ่ายเงิน จะสั่งหมอยังไงก็ได้ ไม่เชื่อฟังหมอ อยากให้หมอส่งวินิจฉัยโน่นนี่ทั้งที่ไม่จำเป็น เช่น x-ray หรือ ultrasound เขาบอกว่าผิดกับโรงพยาบาลรัฐบาลที่คนไข้ให้เกียรติหมอมากกว่า ผมฟังแล้วก็ไม่ได้เถียง แต่ถามเขาว่า ที่มันต่างกันก็เพราะว่าในโรงพยาบาลเอกชนเขาเน้นขายบริการ ขายด้วยราคาแพง คนไข้ที่มาเขาก็คิดว่าเขาจ่ายเงินแพง เขาก็ต้องได้รับอะไร ๆ ที่คุ้ม จริงหรือไม่ แล้วที่เขาขอให้ส่ง ultrasound หรืออะไรต่าง ๆ แม้ว่าหมอจะเห็นว่าไม่เกี่ยวและไม่จำเป็นนั้น อันที่จริงคนไข้ก็ต้องการซื้อความสบายใจใช่หรือไม่ แล้วคนไข้ก็ยินดีจ่ายเงินกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นไม่ใช่หรือ ทำไมหมอต้องเดือดร้อนด้วย ส่วนที่โรงพยาบาลรัฐบาลนั้น คนไข้ส่วนใหญ่ฐานะไม่ได้ดีอะไรมากมายนัก แถมบางแห่งก็อยู่ชนบททุรกันดาร คนไข้ย่อมมองหมอเหมือนเทวดา มารักษาให้ก็เป็นพระคุณแล้ว เงินทองก็จ่ายแต่น้อย จึงไม่ได้คิดเรียกร้องเอาอะไรมากมาย ผมถามเพื่อนผมว่ามันต่างกันใช่มั้ย? ผมถามเพื่อนผมว่าแล้วเขาก็เลือกเองที่จะไปทำงานที่เอกชน เพื่อได้รายได้ที่มากกว่าใช่หรือไม่? มันก็เป็นหลักการตลาดหรืออุปสงค์อุปทาน ใช่หรือไม่? คนไข้ยอมจ่ายเงินซื้อบริการ หมอไปรักษาก็เพื่อเงิน ก็ต้องบริการคนไข้ให้ดีที่สุด ให้คุ้มกับเงินที่ได้รับจากเขา ผมไม่เห็นว่ามันจะแตกต่างกับงานบริการอื่น ๆ เช่นขายของตามห้างหรือโรงแรม ผลปรากฎว่าเพื่อนผมโกรธ ซึ่งผมพยายามทำความเข้าใจว่า เขาคงมีความหยิ่งในเกียรติและศักดิ์ศรีในอาชีพหมอ ซึ่งก็ไม่ผิด เพียงแต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือ ถ้าต้องการเกียรติยศ แล้วทำไมไม่ทำงานเฉพาะที่โรงพยาบาลรัฐบาลอย่างเดียวไปเลย จะได้ได้เป็น "เทวดา" สมใจ ถ้าเราอยากได้เงิน (โดยการทำที่เอกชน) ก็ต้องยอมแลกกับอะไรบางอย่าง ซึ่งในที่นี้ก็คือศักดิ์ศรี หรือความคิดว่าฉันเหนือกว่าคนไข้ ฉันเก่งกว่า เป็นผู้มีพระคุณ และใคร ๆ ต้องยกย่องและสำนึกในบุญคุณ ออกไปเสีย ผมคิดว่าคนไข้ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นที่รัฐหรือเอกชน ต่างก็สำนึกในบุญคุณของหมออยู่แล้วล่ะครับ แต่ต่างกันตรงที่เขาจ่ายเงินต่างกันเท่านั้นเอง ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เห็นหัวคุณหมอหรอก ผมว่ากรณีเพื่อนผมก็คงคล้าย ๆ กับกรณีครู ที่ทุกวันนี้เพื่อเงิน บางทีก็ต้องแลกศักดิ์ศรีความเป็นครู กลายเป็น เด็กจ่ายเงินมาเรียน (โดยเฉพาะพวกกวดวิชา) แต่ไม่จำเป็นต้องเคารพนับถือครูสักเท่าไหร่ก็ได้ ผมคิดว่า หมอเป็นอาชีพที่มีเกียรติ เรียนหนัก งานหนัก ทำเพื่อคนอื่น ฯลฯ แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อคนเป็นหมอเรียกร้องให้คนอื่น หรือคนไข้ เข้าใจหัวอกหมอบ้าง ว่าหมอเหนื่อย หมอทำงานหนัก หมอเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัวซะทีเดียว ที่ความเห็นหนึ่งบอกว่า หมอเคยเป็นคนไข้ แต่คนไข้ไม่เคยเป็นหมอ คนไข้ก็เลยไม่รู้ว่าเป็นหมอมันเเหนื่อยมันเครียดยังไง อันนี้ผมก็เห็นด้วย แต่ก็อยากบอกว่า ทุกอาชีพมันก็เหมือนกันแหละครับ สามารถจะใช้ข้ออ้างนี้ได้หมด ...ทุกคนเคยเป็นลูกศิษย์ เคยมีคุณครู แต่ทุกคนก็ไม่ได้เคยเป็นครู ไม่รู้ว่าเป็นครูมันเหนื่อยยากแค่ไหนยังไง... ...ทุกคนเคยซื้อของ แต่ทุกคนก็ไม่ได้เคยขายของ ไม่รู้หรอกว่าเป็นแม่ค้าพ่อค้าประกอบธุรกิจเองมันเหนื่อยยากลำบากยังไง... ...ทุกคนเคยนั่งรถนั่งเรือนั่งเครื่องบิน แต่ทุกคนก็ไม่ได้เคยเป็นคนขับรถขับเรือขับเครื่องบิน ไม่รู้หรอกว่าคนขับยานพาหนะเหล่านั้นมันเหนื่อยยากแค่ไหนยังไง... ...ทุกคนเคยดูข่าวทหารออกรบ แต่ไม่ใช่ทุกคนเคยเป็นทหาร ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นทหารมันลำบากแค่ไหนยังไง... แม้คุณจะเป็นหมอ และเคยเป็นคนไข้ แต่ก็มีอาชีพอื่นอีกมากมายที่คุณหมอไม่เคยเป็นไม่เคยทำ ดังนั้นจะบอกว่าอาชีพหมอยากลำบากกว่าอาชีพอื่น จึงควรได้รับความเข้าใจและเห็นใจ และยกย่องมากกว่าอาชีพอื่น ก็เห็นจะไม่ถูกต้องทีเดียวนัก อย่างไรก็ตาม ผมเห็นด้วยกับรายการที่นำอาชีพที่น่าสนใจอาชีพหนึ่งมาออกอากาศ ทำให้คนทั่วไปได้เห็นภาพชีวิตของคนที่ต้องผ่านขั้นตอนต่าง ๆ กว่าจะได้เป็นหมอ ทำหน้าที่รักษาดูแลคนไข้ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และขอยกย่องคุณหมอที่ดีทั้งหลายจากใจครับ จากคุณ : เพื่อนหมอ - [ 17 ม.ค. 50 13:35:38 A:12.2.142.7 X: TicketID:003332 ]

ความคิดเห็นที่ 96 หมอก็คน ถึงจะมีอุดมการณ์แค่ไหน แต่วันหนึ่งก็ต้องมีครอบครัวมีเมียมีลูก ต้องรับผิดชอบครอบครัว จะให้ละทิ้งความเป็นพ่อเป็นผู้นำครอบครัวก็คงยาก บางคนอยู่บ้านนอกไม่ได้เพราะลูกต้องเข้าโรงเรียนในเมือง เพื่ออนาคตของลูก น้องเป็นหมอจะจบแล้วจะไปอยู่สามจังหวัดใต้ ที่บ้านวีนแตกห้ามจนหน้าเขียว มันบอกว่าที่คณะมีแต่คนว่าตูเป็นคนดีแสนประเสริฐ ทำเพื่อสังคม แต่พอกลับบ้านโดนด่าซะงั้น ไรฟระ... จากคุณ : Any_AnTiquE - [ 17 ม.ค. 50 14:04:03 ]

ความคิดเห็นที่ 97 จริงค่ะ  คุณเพื่อนหมอ ไม่ใช่อาชีพหมอเท่านั้นที่เหนื่อยจนต้องเรียกร้องให้ใครมาเห็นใจ เคยเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกเต็มเวลาไหมคะ  เข้าใจคนทำอาชีพนี้ไหมคะ  ไม่มีเงินเดือนค่ะ ตั้งแต่ลูกคลอดมาจนขวบแล้ว ไม่มีคืนไหนได้นอนเต็มอิ่มเลยค่ะ  ไม่ได้บ่นนะคะ  เล่าให้ฟัง จากคุณ : ขอแค่เธอมีความสุขก็โอเคแล้ว - [ 17 ม.ค. 50 14:13:10 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เราเห็นด้วยกับคุณเพื่อนหมอค่ะ ในความคิดเรา ทุกอาชีพ ทุกวิชาชีพ มีเกียรติ์และศักศรีเท่ากันหมดค่ะ แต่ว่า... ตัวผู้ประกอบวิชาชีพต่างหาก ที่จะเป็นคนดำรงซึ่งศักศรีดิ์อันนั้นไว้หรือไม่ ทำงานอะไรก็มีอุปสรรคมากมายเหมือนกันหมดค่ะ เกียรติของคนอยู่ที่การกระทำ ตราบใดที่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่คอรัปชั่น ไม่เห็นแก่เงิน ไม่มี ego สูง นั่นแหละค่ะ คือผู้มีเกียรติแท้จริง จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 17 ม.ค. 50 14:25:25 ]

ความคิดเห็นที่ 99 โทษทีนะคะ ก้อ แม่บ้านเลี้ยงลูก คนขายของ ทหาร คนขับเครื่องบิน คุณครู ก้อไม่ได้เป็นเป้านิ่ง ถูกฟ้องร้องอย่างหมอนี่คะนี่หละคือความต่าง จากคุณ : มะกรูดหวาน (มะกรูดหวาน) - [ 17 ม.ค. 50 14:56:05 ]

ความคิดเห็นที่ 100 มีประสบการ์ไม่ดี กะ ว่าที่หมอ จาก รพ. นึงอ่ะคะ เลย แบบว่า แอบ อคติ รู้แหละว่า ตัวเองอคติ  แต่ คง แก้ได้ ซักวัน แหละ ^^ จากคุณ : mkjaa - [ 17 ม.ค. 50 15:38:56 ]

ความคิดเห็นที่ 101 เราเป็นหมอคนนึงนะ เรียนจบมาได้สองปีแล้ว ตอนนี้กำลังทำงานในโรงพยาบาลชุมชนเล็กๆแห่งนึงในจังหวัดภาคกลางนี่แหละ ทั้งรพ.มีหมอ3 คนนั่นหมายความว่าทั้งสามคนนี้ต้องรับผิดชอบรพ 24ชมต่อวัน 7วันต่อสัปดาห์ 52สัปดาห์ต่อปี เพราะรพ ไม่เคยหยุดให้การบริการแก่คนไข้ และนั่นก็หมายถึงการทำงานในเวลาราชการและนอกเวลาราชการ วันปีใหม่ สงกรานต์ หรือเทศกาลต่างๆม่ต้องพูดถึง อยากจะบอกน้องๆทุกคนที่เรียนหมอว่าถ้าน้องคิดว่าตอนเรียนเหนื่อยแล้ว ยังมีเหนื่อยกว่านี้ รับผิดชอบกว่านี้ เครียดกว่านี้รออยู่ข้างหน้า จริงอยู่ว่าการทำงานมากไป อดหลับอดนอนบ่อยๆจะมีผลลดประสิทธิภาพการทำงาน แตจะให้ทำงัยล่ะคะ คนจะตายแล้วขอหมอพักผ่อนก่อนเหรอ ก็คงไม่ได้ ยังงัยจำนวนหมอก็ไม่พอกับคนไข้หรอก อยากจะบอกคนที่คิดว่าเรื่องเงินเป็นปัจจัยหลักในการรักษาเหมือนกันว่าเราไม่เคยเอาสิทธิการรักษาของคนไข้มาเป็นตัวตัดสิน คนที่ต้องรักษาก่อนคือคนที่ฉุกเฉินกว่าเท่านั้นค่ะ อยากให้ทุๆคนดูรายการนี้เยอะๆนะคะ อย่างน้อยก็อยากให้หลายๆคนได้เข้าใจอีกด้านของชีวิตหมอที่ไม่เคยมีใครมองบ้าง ว่ามันเหนื่อยและเครียดแค่ไหน คนๆนึงต้องแบกอะไรอยู่บนบ่าบ้าง สิ่งที่เราต้องการคือรอยยิ้มของคนไข้และญาติเท่านั้นแต่มันรู้สึกแย่มากที่ทุกวันคนส่วนใหญ่มาพบหมอพร้อมกับการตั้งแง่ ไม่มีหมอคนไหนอยากทำผิดพลาดหรอกค่ะ อาชีพหมอทำถูกก็ได้บุญ แต่ถ้าทำพลาดเพียงนิดเดียวเป็นบาปจนตายนะคะ จากคุณ : narawen (narawen) - [ 17 ม.ค. 50 15:55:26 ]

ความคิดเห็นที่ 102 เห็นด้วยกับ คุณเพื่อนหมอนะ   หมอเคยเป็นคนไข้ แต่คนไข้ไม่เคยเป็นหมอ หรือ คนซื้อไม่เคยเป็นคนขายของ ดังนั้น  เราควรเอาใจเขา มาใส่ใจเรา ทำความเข้าใจในอาชีพที่แต่ต่างกัน   ที่บอกว่า"อาชีพหมอยากลำบากกว่าอาชีพอื่น จึงควรได้รับความเข้าใจและเห็นใจ และยกย่องมากกว่าอาชีพอื่น ก็เห็นจะไม่ถูกต้องทีเดียวนัก "  อันนี้ก็จริง  แต่ต้องยอมรับด้วยว่า ภาระหน้าที่ของหมอ นั้น มากกว่าอาชีพอยู่ตรงที่ว่า ชีวิตของคนอื่น อยู่ในมือหมอ   จะบอกว่าชีวิตผู้โดยสารอยู่ในมือคนขับ ก็ถูกครับ  แต่ความหมายมันต่างกันมากนะครับ     หมอก็คือคน แต่ต้องมารักษาคนด้วยกัน ความเครียดมันต่างกัน ความกดดันรอบตัว   คนขับรถบ้านเรา เขาคำนึงถึงผู้โดยสาร อย่างที่หมอต้องคำนึงถึงคนไข้หรือ เปล่าครับ   ไม่ต้องยกย่องหมอ ว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติกว่าอาชีพอื่นหรอกครับ   แค่เข้าใจว่า มนุษย์ทุกคนยอมมีความผิดพลาดกันได้   การที่จะคาดหวังให้มนุษย์ทำงานอย่างไม่มีข้อผิดพลาด เป็นความคิดที่โง่เขลา (อันนี้ฟังมาจาก นักบิน)  ครับ แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 50 16:06:44 จากคุณ : 007 (panaratb) - [ 17 ม.ค. 50 16:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 103 อิอิ อ่านตอนต้น ๆ แล้วทำให้ต้องไปหาคลิปรายการเก่า ๆ มาดู อิอิ จากคุณ : กวง อิอิ - [ 17 ม.ค. 50 16:11:36 ]

ความคิดเห็นที่ 104 เพื่อนเราออกทีวีตรึมเลย 55 เพื่อนๆปี5 สู้ๆนะ จากคุณ : on_the_box - [ 17 ม.ค. 50 16:27:49 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ID เจ้าของกระทู้นี่  Extern จุฬาฯใช่ไหมเอ่ย Enjoy life , enjoy your day.... จากคุณ : keano (jonykeano) - [ 17 ม.ค. 50 17:00:01 ]

ความคิดเห็นที่ 106 จขกท. ต้องเป็นเพื่อนเราแหงมๆเลย Extern สู้ๆ นะทุกคน แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 50 17:08:55 จากคุณ : noonoo - [ 17 ม.ค. 50 17:06:44 ]

ความคิดเห็นที่ 107 มีว่าที่คุณหมอมาตอบกระทู้เพียบเลยแฮะ เราก็ได้ดูกบทั้ง2ตอน  รอดูตอนหน้าตอนสุดท้ายอีกตอน เราว่ากบทำออกมาได้ดีนะ  มีคำคมเพียบเลย   ชอบคำนี้อะ Lady's Hand Eagle's Eyes Lion's Heart ส่วนเรากลัวเลือดกลัวผีอะ  เป็นหมอไม่ไหวใจไม่กล้าพอ ^_^   ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอที่ดีค่ะ จากคุณ : ว่าที่หมอยา (g.t.) - [ 17 ม.ค. 50 18:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 108 สู้ๆต่อไปนะคะ ตอนเรียนที่ว่าหนักแล้ว แต่จบมาเครียดกว่าค่ะ ความรับผิดชอบ โดยเฉพาะเรื่องระวังการถูกฟ้องร้อง ถ้าใครต้องโชคร้ายเจอกับสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และคนไข้หรือญาติที่ไม่เข้าใจหรือเจตนาก็ตาม ขอบอกว่าต้องสู้ค่ะ อย่าท้อ การที่มีรายการที่ถ่ายทอดถึงความลำบากของหมอนับว่าดีมาก และคนจะได้เข้าใจว่าหมอก็เป็นคนๆหนึ่งไม่ใช่เทวดา ไม่ใช่มหาเศรษฐี ( บางคนคิดว่าใช่ เอะอะ ก็จะฟ้องร้องเรียกเอาเงินมากๆ ) จากคุณ : ทำงานมาจะ3ปีแล้ว (pokemoro) - [ 17 ม.ค. 50 18:37:12 ]

ความคิดเห็นที่ 109 พอเรียนจบแต่ละคนก็เลือกทางเดินได้ แม้ว่าจะใช้ทุนจนครบแล้วรอกลับมาเรียนต่อ แต่เกิดสมัครเรียนไม่ได้ เกรดไม่ดี ไม่มีเส้น ก็อย่าท้อละ จะลาออก ทำเอกชน ไปเรียนต่อต่างประเทศก็ยังได้นะ จากคุณ : pokemoro - [ 17 ม.ค. 50 18:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 110 หมอที่บ้านไม่ยอมให้ลูกเรียนหมอ  อีกทั้งเจ้าตัวก็เห็นด้วยตัวเองมาตลอดชีวิตว่าชีวิตของพ่อเป็นอย่างไร ยิ่งมาตอนนี้อาชีพแพทย์หมิ่นเหม่ต่อการตกเป็นจำเลยทั้งต่อสังคมและอาญาบ้านเมืองค่อนข้างรุนแรง ลูกหมอที่บ้านเรียนนิติศาสตร์ค่ะ จากคุณ : Daytime Lantern - [ 17 ม.ค. 50 19:16:33 ]

ความคิดเห็นที่ 111 เห็นด้วยกับคุณเพื่อนหมอค่ะ จากคุณ : ขนมแป้งจี่ - [ 17 ม.ค. 50 20:02:49 ]

ความคิดเห็นที่ 112 อือ.. สู้ๆ จากคุณ : สามัญชนผู้น่ารัก - [ 17 ม.ค. 50 20:34:07 ]

ความคิดเห็นที่ 113 คห.95 ไม่ได้ขอความเห็นใจ ให้ยกย่อง ให้เกียรติมากกว่าวิชาชีพอื่นหรอกครับ แต่มองหมอเป็นคนบ้าง ไม่ใช่เป็นหุ่นยนต์จ่ายยา หรือข้ารับใช้ หรือ ATM ที่จะฟ้องเรียกเงิน ที่ห้องตรวจ... วันละ 300 คน ภายในเวลา 4 ชั่วโมง คนที่ตรวจเสร็จ บอกรอตั้งนานได้เจอหมอแป๊บเดียว มันก็จริง แต่ถ้าได้เจอนาน คนหลังๆ คุณเค้าจะได้ตรวจหรือครับ หรือว่าหมดเวลาแล้ว ไล่ที่เหลือกลับบ้าน มาวันใหม่ ??? จากคุณ : อังเงียวอนชิ - [ 17 ม.ค. 50 20:40:44 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ถึงคุณเพื่อนหมอ ผมไม่เคยเป็นครู แต่ก็พอเข้าใจว่าครูเหนื่อยยากยังไง ผมไม่เคยเป็นทหาร แต่ก็พอเข้าใจว่า เป็นแล้วมันเหนื่อย ผมไม่เคยเป็นคนขับรถ ขับเครื่องบิน แต่ก็พอเข้าใจว่าถ้าทำนานๆแล้วไม่ได้พักผ่อนก็คงลำบาก ผมไม่เคยเป็นแม่คน แต่ก็พอเข้าใจว่า การเป็นแม่ลำบากขนาดไหน ไม่จำเป็นนักหรอก ที่เราต้องเคยเป็นทุกอย่าง แล้วจึงจะเข้าใจ และรู้จัก"เห็นใจ"คนอื่นบ้าง แต่ในบางอาชีพ เช่นหมอ เราไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็นและยากที่จะเข้าใจ เปิดหูเปิดตารับฟังกันบ้างก็ดีไม่ใช่หรือ ผมว่าเพื่อนของคุณความเห็นที่95 เป็นหมอที่มีจรรยาบรรณไม่น้อยทีเดียว ที่ไม่อยากให้คนไข้เสียเงิน โดยไม่จำเป็น แต่กลับถูกหาว่า ego สูง ??? ทำตัวเดือดร้อนแทนคนอื่นมันผิดนักใช่ไหม?? ถ้าวันหนึ่ง หมอทำตามหลักการตลาด รักษาเพื่อเงิน เก็บค่ารักษาแพงๆ ส่งตรวจทุกอย่างที่มี ฟันกำไรทุกเม็ด ตามหลักการตลาด แล้วก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว?? เหมือนห้าง เหมือนโรงแรม ก็ดีใช่ไหม การตลาดไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตครับ จากคุณ : xxx (TaizoXXX) - [ 17 ม.ค. 50 21:51:39 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ผมเป็นนักเรียนศิลปะ งานหนักจนจับไข้ ก็ได้หมอนี่แหละ :) แต่โดนนักเรียนแพทย์ด่าว่าสถุล ซกมก ประจำเลย หุๆๆ จากคุณ : บัตรผ่านปากเสียครับ - [ 17 ม.ค. 50 22:26:29 A:125.24.147.161 X: TicketID:120431 ]

ความคิดเห็นที่ 116 หมอไม่ได้บอกว่าหมอบางรพ.อยู่เวร 24 ชม.จริงแต่นอนอยู่กับบ้าน รับสองพันเจ็ด พยาบาลตรวจคนไข้ให้ ถ้ามีคนไข้หนักเกินกำลังพยาบาลถึงจะโทรปรึกษาหรือให้หมอลงมาดู ซึ่งยากมากกว่าจะเสด็จมาได้ พยาบาลทำงานเต็มเวลา ได้เงินน้อยกว่าหมอ 4 เท่า เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องเหมือนกัน หมอไม่ทำพิเศษได้เงินชดเชยหลักหมื่น บางคนต้องการเงินมากก็ไปรับพิเศษมาก ก็ต้องนอนน้อย แล้วมานอนตอนอยู่เวรที่รัฐบาลแทน หงุดหงิดอาละวาดเมื่อรบกวน ยกหูโทรศัพท์ออกเพราะไม่อยากถูกตาม นอนรับเงินอย่างเดียวดีกว่า หมอช่างลำบากจริงๆ เวลาราชการถ้าไม่ใช่เวรตัวเอง ตรวจถึงเที่ยงหลังจากนั้นก็ ไปธุระของตัว นอนมั่ง ไปรับจ๊อบมั่ง ไปสอนนักศึกษาแพทย์ พยาบาลบ้าง(เงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ไม่เสียค่าไม่ทำพิเศษ รับเงินสองทางเพราะไม่ใช่การทำคลีนิค หรือเอกชน) หมอที่เราพบเจออยู่ทุกวัน ต้องประพฤติตัวแบบนี้ เค้าช่างลำบากจริงๆ...คนไข้อาการแย่รายงานแล้วไม่ใส่ใจ แต่พอบอกว่าญาติมีปัญหาแล้วนะ (ส่อแววร้องเรียน) เท่านั้นแหละ ลงมาพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกับคนไข้และญาติทันที พร้อมกับคำลงท้ายที่ว่า พยาบาลไม่เห็นบอกผม,หมอเลย สุดท้ายถ้ามีการฟ้องร้องจริงพยาบาลต่างหากที่โดนประจำ ทำงานกับหมอมา 20 ปี เจอหมอมาเกือบร้อยคน มีหมอที่เป็นหมอจริงๆไม่ถึง 10 คนและเป็น ภายใน 2 ปีแรกของชีวิตการเป็นหมอ หลังจากนั้นก็...............เหมือนรุ่นพี่จริงๆ จากคุณ : เหนี่อย - [ 17 ม.ค. 50 22:54:03 A:125.24.247.53 X: ]

ความคิดเห็นที่ 117 คห.116 เวลามีปัญหาขึ้นมา 99.99% ก็มีแต่หมอเจ้าของไข้นี่แหละครับที่รับกรรม เท่าที่ติดตามข่าวมา มีไหมที่เค้าฟ้องพยาบาล ผมติดตามมา 10 กว่าปี ไม่เห็นมีข่าวอย่างที่่ว่าเลยครับ แล้วเวรที่ไหนเหรอ ที่ได้ 2700 บาทน่ะ จะได้ไปทำมั่ง ผมเห็นแต่เวร ER ได้ 900 บาท/เวร ( 8 ชั่วโมง) พยาบาลทำงานเต็มเวลา คือ 8 ชั่วโมง (1 กะ) นะครับ ไม่ใช่ 24 ชม. ปกติก็นับถือวิชาชีพพยาบาลนะครับ แต่เจอความเห็นของคุณแล้วสลดในทัศนคติจริงๆ ครับ จากคุณ : อังเงียวอนชิ - [ 17 ม.ค. 50 23:07:59 ]

ความคิดเห็นที่ 118 เนื้อหาสาระ น่าสนใจมาก ทีมงานยอดเยี่ยมมาก แฟ้มบุคคลขอปรบมือให้หมอ และอาจารย์หมอแพทย์ทุกท่านค่ะ ขอภาวนาให้ผู้ปฏิบัติราชการทางภาคใต้ปลอดภัย ทุกท่าน ทั้งหมอ พยาบาล และคนไข้ค่ะ ------------------------------------------------------- แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 50 23:39:30 จากคุณ : ติดจอ - [ 17 ม.ค. 50 23:37:34 ]

ความคิดเห็นที่ 119 เรากับเพื่อนนั่งอ่านหนังสือกันอยู่ พอดีเปิดทีวีดูข่าวในเก็บตก ตอนวันเด็กเค้าถามเด็กว่าอยากเป็นอะไรเด็กตอบ "อยากเป็นหมอค่ะ/ครับ" ก็ดีน่ะค่ะ เด็กไทยอยากเป็นหมอกันเยอะเลย ตอนเด็กเราเหมือนเด็กพวกนี้แหละค่ะ ใครถามอยากเรียนอยากเป็นอะไรก็ตอบว่าหมอ แต่พอเข้ามาเรียนจริงๆ ก็อย่างที่พี่ข้างบนบอกไปแล้ว มันเหนื่อยมากเลย คนที่เข้ามาเรียนก็คงเก่งๆทั้งนั้น  วิชาที่เรียนต้องใช้ความจำอันมหาศาล แต่นั่นเราว่าไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่ความอึดนี่สิค่ะ ต้องเรียนเยอะ อ่านมาก ต้องจำซะ  ถึงขั้นเห็นหนังสือแล้วเหนื่อย ใครจะไปจำได้หมดเนี่ย แรกๆท้อมากเลย ถ้าใครจะมาเรียนแล้วใจไม่รัก ไม่อดทน  คงลำบากน่าดู ก็ยอมรับว่าเข้ามาเรียนส่วนหนึ่งเพราะค่านิยม แต่ไม่ว่าเราจะเข้ามาเรียนเพราะอะไร แต่เรามาเรียนแล้วเราก็ชอบ และก็อยากจะเป็นหมอที่ดีคนหนึ่งค่ะ ปล อ่านบางความคิดเห็นแล้วก็เสียใจเล็กๆ แต่ไม่เป็นไรค่ะเราเข้าใจ จากคุณ : whyter - [ 18 ม.ค. 50 00:26:16 ]

ความคิดเห็นที่ 120 อาชีพหมอ น่าจะเป็น 1 ในอาชีพ ที่เครียดที่สุด คนไข้ทุกคนฝากชีวิตไว้กับหมอ ทั้งคาดหวังสูง และ ทั้งกดดัน บางคนพูดจาข่มขู่หมอ ( ถ้าญาติตาย หมอก็ซวย ) พอเครียดมาก หมอก็กลายเป็นคนไข้ เป็นโรคมะเร็ง...เป็นหลายโรค เข้าตำรา ผงเข้าตาตัวเอง เขี่ยไม่ออก ต่อให้มีค่าตอบแทนสูง  แต่ซื้อชีวิตตนเองไม่ได้ น่าเห็นใจอย่างมาก เรียนก็หนัก  ภาระก็แยะ หลายคนทึกทักว่า ถึงมือหมอแล้วจะต้องรอด นึกว่าหมอเป็นดั่งเทวดา โรงพยาบาล ตจว. เครื่องไม้เครื่องมือล้าสมัย ไอ้ที่ไม่ควรตายก็ดันตาย ต่อให้เราไม่ใช่หมอก็คงรู้ๆ กันอยู่ หมอกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาก็ยังงี้ล่ะ เหนื่อยไปจนกว่าจะเกษียณน่ะแหละ ....แค่ดูจากรายการนี้ก็รู้แล้วว่า เหนื่อยหนัก .... ทุกอาชีพต้องเหนื่อยทั้งนั้น แต่อาชีพนี้ ผู้คนคาดหวังจากพวกเขาสูงจริงๆ พลาดนิดเดียวคนไข้ก็แย่แล้ว แถมหมอ  และ ร.พ. ยังอาจโดนฟ้องอีกด้วย ลำบากไปหมด เมื่อไหร่พวกผู้ใหญ่บางคนจะเลิกปลูกฝังค่านิยม ที่อยากให้ลูก-หลานเป็นหมอ เพราะเป็นหมอแล้ว " รวย "  สักที มันเป็นค่านิยมที่ผิดจริงๆ ผิดมานานแล้วในสังคมไทย แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 50 01:16:41 จากคุณ : ติดจอ - [ 18 ม.ค. 50 01:06:41 ]

ความคิดเห็นที่ 121 เออ  ตอนแรกก็ดีเจ้า  ทำไมหลัง ๆ เหมือนกัดกันแล้วเจ้า คุณอังเงียวอนชิ  ใจเย็น ๆ ก็ได้คะ  บางคนเค้าเจอประสบการณ์ไม่ดีเค้าก็มาเล่า  ประสบการณ์ดีเค้าก็มาบอกต่อ  อย่าคิดมากเจ้า  เดี๋ยวฉี่เหลือง จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 18 ม.ค. 50 02:47:12 ]

ความคิดเห็นที่ 122 พูดก้อพูดเถอะครับ ผมไม่เข้าใจว่าแพทยสภาตั้งขึ้นมาเพื่ออะไรหน่ะครับ ไม่เคยเห็นคุ้มครองผู้เสียหายเลยซักกะเคส โอเค บางกรณีอาจจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ผมว่ามันก็น่าจะมีกรณีที่ผิดพลาดแบบที่ว่าน่าจะหลีกเลี่ยงได้อยู่เหมือนกัน อ้อ แล้วก้อเห็นด้วยกับคุณเพื่อนหมอครับ ปล.มีพี่สาวเป็นหมอครับ จากคุณ : jabbbman - [ 18 ม.ค. 50 03:28:53 ]

ความคิดเห็นที่ 123 กระทู้ดีมีสาระจริงๆ จากคุณ : nickyblood - [ 18 ม.ค. 50 04:10:36 ]

ความคิดเห็นที่ 124 เราเคยเป็นคนไข้อยู่ที่ศิริราชเกือบ6เดือน อยู่ห้องเตียงเดี่ยวเกือบ3เดือน(ปี47) อยู่wardรวมเกือบๆ3เดือน(ปี48)ได้เห็นการทำงานของอ.แพทย์,นศ.แพทย์และพยาบาลเยอะมากๆๆ ทั้งดีและอาจจะไม่ดีบ้าง อยู่ห้องเดี่ยวดีที่มีญาติมีเพื่อนคุยไม่เหงาไม่เครียด จะได้เห็นการทำงานของหมอที่มาเช้ามาก แรกๆไม่รู้บางทีเมาขี้ตาอยู่หมอมาคุยอายมากพออยู่ไปเรื่อยๆก็รู้ต้องรีบตื่นล้างหน้ารอหมอ หมอมาเช้ามากๆ6โมงกว่าๆก็มาแล้ว บางทีก็มากับอาจารย์หมอแล้วเราก็เป็นcase studyด้วยก็เลยเห็นอ.หมอสอนนศ.แพทย์บ่อยอ.ก็ใจดีกับน.ศ. บางทีน.ศ.ก็โดนอ.ติเตียน ส่วนใหญ่แล้วหมอที่มาดูคนไข้ทุกๆวันนั้นคือน.ศ.แพทย์แต่อ.แพทย์นานๆจะมาครั้งเพราะติดงานติดผ่าตัดคนไข้เยอะแต่น.ศ.หมอก็รายงานอาการคนไข้แต่ละคนให้อ.หมอเจ้าของไข้ทราบอยู่ดีแหละ หมอแต่ละท่านต้องมาเช้าๆเพราะต้องดูคนไข้อีกหลายห้องหลายwardไหนจะต้องไปรีบเข้าเรียน บางทีเราตื่นมารอหมอแต่เช้า รอ....เกือบ7-8โมงมานั่นคือสายแล้วหละได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาแต่ไกลเข้าห้องมาหมอก็ถามๆคุยๆแล้วก็รีบวิ่งออกไปดูห้องอื่นๆก็ตลกดี ตอนอยู่ห้องเดี่ยวหนะแต่ละเดือนจะมีหมอนั่นคือน.ศ.หมอนั่นแหละดูเราอยู่สองคน แต่หมอจะเป็นน.ศ.คนละชั้นปีกัน(เรารู้เพราะอยู่ร.พ.นาน)บางทีรุ่นพี่มาเช้ารุ่นน้องมาเย็น บางทีมาพร้อมกันเลยเข้าห้องมาถามไถ่อาการเราหมอรุ่นพี่สอนรุ่นน้อง หมอรุ่นน้องถามรุ่นพี่ถ่อยทีถ่อยอาศัยกันน่ารักดี บางทีขอบอกแอบปิ๊งหมอเหมือนกันนะ- -" ถ้าใครเคยอยู่ร.พ.ที่เป็นร.ร.แพทย์นานๆจะรู้สึกผูกพันกับคนที่เราเจอทุกเช้า-เย็น พอเดือนถัดมาก็จะเปลี่ยนน.ศ.แพทย์ที่มาดูแลเราใหม่(แต่อ.แพทย์ซึ่งเป็นเจ้าของไข้คือท่านเดิมนะ)เราก็จะคิดถึงน.ศ.แพทย์คนก่อน อีกอย่างเราก็จะได้ความทรงจำดีๆเพิ่มขึ้นอีกเดือน แล้วเราและญาติที่เฝ้าเราก็จะสนิทกับพยาบาลประจำwardขึ้นเรื่อยๆพี่ๆพยาบาลก็จะนำเรื่องดีๆข้อคิดดีๆมาเล่าให้ฟัง เมื่อเข้าเดือนที่สามเราก็จะยิ่งสนิทกับพยาบาล15คน คุ้นเคยกับน.ศ.แพทย์เพิ่มขึ้นอีก2คนเป็น6คนเพราะแต่ละเดือนจะมีน.ศ.แพทย์ดูแลเรา2คนไง ช่วงเข้าเดือนที่3ยิ่งมีประสบการณ์และข้อคิดดีๆเพิ่มขึ้นจนลืมไปเลยว่าเราเป็นคนไข้อยู่ร.พ.เจ็บปวดอีกทั้งเจ็บป่วยอยู่นะเนี่ย เดือนที่สามนี้เราเจอน.ศ.แพทย์คนนึงซึ่งfriendlyมากๆเป็นกันเองมากๆมาดูแลเราอยากให้มีหมอแบบนี้เยอะจังคนไข้จะได้สุขภาพกายสุขภาพใจดีหายป่วยเร็วด้วย อยากจะบอกคุณหมอที่อยู่บอร์ดนี้ในฐานะที่เราเคยเป็นคนไข้นะว่าที่คุณๆเรียนอย่างหนัก อดตาหลับขับตานอน เหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่คุณรู้ไหมในขณะที่เราเจ็บป่วยเจ็บปวดพอคุณหมอมารักษาเราให้หายเราอวยพรคุณอยู่ในใจมากมายนัก เราคิดว่าคนไข้อีกหลายคนคงเป็นเช่นนี้คุณหมอได้บุญเยอะนะคะ ไม่ต้องท้อนะคะคุณหมอเป็นผู้เสียสละ ไว้คราวหน้าจะมาเล่าเรื่องคุณหมอและพยาบาลให้ฟังอีก เราจะมาเล่าเรื่องตอนที่อยู่wardรวม มีเรื่องสุขเศร้าเคล้าน้ำตามากมาย คุณหมอจะได้มีกำลังใจในการเรียนและทำงานขี้นเยอะนะจะบอกให้ คนที่จะเข้าร.พ.หรือกำลังadmitไม่ต้องกลัวหันมองรอบตัวคุณจะได้พบรอยยิ้ม ข้อคิดมากมายคราวหน้ามาเล่าให้ฟังนะคะ จากคุณ : เดฟฟาดิว (เดฟฟาดิว) - [ 18 ม.ค. 50 04:51:26 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ขอโทษทีนะคะที่พิมพ์ซะยาวเชียว ><"พิมพ์วนไปวนมาพอตัวเองอ่านเองยังงงงวยเอง ไว้คราวหน้าจะเรียบเรียงให้ดีนะคะ จากคุณ : เดฟฟาดิว - [ 18 ม.ค. 50 05:04:18 ]

ความคิดเห็นที่ 126 คห.124-125 อ่านแล้วแอบอมยิ้มครับ  แล้วก็ยอมรับว่ามีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป ไม่ร้องขอให้สังคมต้องให้เกียรติหมอเป็นพิเศษหรอกครับ  แต่ขอให้มองเราทุกคนอย่างเท่าเทียม   และหมอเองก็เช่นกัน  อย่าใช้ความเก่ง-ความเป็นผู้เสียสละเป็นอาภรณ์เชิดชูตัวเองเพื่อหาประโยชน์จากคนไข้ จากคุณ : rafaelo - [ 18 ม.ค. 50 06:50:14 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ขอบคุณหลาย ๆ ความเห็นที่บอกว่าเห็นด้วยกับผมนะครับ ส่วนความคิดเห็นที่อาจจะเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อผิดไป ก็ต้องขออภัยด้วยครับ ผมคิดว่าเราคนคิดต่าง มองเห็นต่างกันได้ ไม่เป็นปัญหา สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อก็คือแค่ว่า หมอก็เป็นคนธรรมดาเหมือนเรา ๆ ท่าน ๆ มีรักโลภโกรธหลง ตกอยู่ในวังวนและการเกิดแก่เจ็บตายเหมือนกันกับคนอื่น ๆ อยากให้ทุกคนเข้าใจ และเอาใจเขามาใส่ใจเรา ทุก ๆ อาชีพแหละครับ ชีวิตผมเจอหมอมาก็เยอะ ทั้งหมอรุ่นเก่ารุ่นใหม่ อายุมากอายุน้อย อาจารย์หมอหลายท่านผมก็เคยเจอเคยรู้จัก และต้องบอกว่าเป็นโชคดีของผมที่ได้เจอแต่หมอที่ดีดี อยากจะบอกว่าทุกอาชีพมันก็มีทั้งคนดีไม่ดีปะปนกันไป ที่ผมเล่าเรื่องของเพื่อนผมให้ฟัง ก็แค่ยกเป็นตัวอย่าง ไม่ได้หมายความว่าหมอจะต้องเป็นแบบนี้หรือมีความคิดแบบนี้กันหมด (แต่เพื่อนผมก็เป็นหมอที่ดีนะ 555) ผมเองก็พยายามทำความเข้าใจความคิดเห็นและมุมมองของเพื่อนผม และของทุกท่านที่มาตอบในที่นี้นะครับ ผมเคยอ่านเจอที่ไหนไม่ทราบ คิดว่าเป็นพระดำรัสของพระบิดา (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) ท่านบอกว่า "อาชีพหมอนั้นไม่รวยหรอก ถ้าอยากรวย ก็อย่ามาเป็นหมอ" ผมรู้สึกซาบซึ้งมากครับ เพราะทำให้เห็นว่า อาชีพนี้เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละหลายอย่าง ทำเพื่อคนอื่น ความรับผิดชอบก็มาก แต่ก็ไม่รวย แม้ว่าปัจจุบันเราจะเห็นหมอหลายท่านก็ค่อนข้างมีฐานะ แต่โดยส่วนตัวผมก็คิดว่า มันก็เป็นค่าตอบแทนที่คุ้มค่ากับความยากลำบากและความรับผิดชอบในวิชาชีพครับ ผมเองยังเคยคุยกับเพื่อนผมว่าค่าตอบแทนที่คนที่ประกอบวิชาชีพหมอและพยาบาลในสถานบริการของรัฐนี่มันน้อยเหลือเกินนะ ไม่น่าแปลกใจที่จะเกิดการสมองไหลไปอยู่เอกชนกันหมด เพราะอย่าลืมว่าหมอและพยาบาลก็เป็นคน ต้องกินต้องใช้ อยากมีอยากได้อยากเป็น แล้วก็ต้องหาเลี้ยงครอบครัวเหมือนคนอื่น อาชีพอื่นเหมือนกัน ทางรัฐบาลน่าจะให้ค่าตอบแทนที่สูงมาก ๆ เพราะมีหมอพยาบาลมากมายที่อยากจะทำงานตามอุดมการณ์ อยู่โรงพยาบาลของรัฐบาล ช่วยเหลือคนยากไร้ด้อยโอกาส แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องรายได้ ก็ทำให้จำเป็นต้องละทิ้งอุดมการณ์ไปบ้าง ซึ่งนับเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เราไม่สามารถรักษาคนดีดีเก่ง ๆ เอาไว้ได้ ขอบอกตรงนี้ว่าผมไม่เคยรู้สึกไม่ดีเลยถ้าคนเป็นหมอและพยาบาลและวิชาชีพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจะได้ค่าตอบแทนสูงและร่ำรวย ขอเพียงเป็นหมอที่ดีมีความรับผิดชอบ ให้สมกับที่คนไข้ฝากชีวิตไว้ให้เท่านั้นเองครับ สุดท้ายก็ยังขอยกย่องคุณหมอและว่าที่คุณหมอที่ดีทั้งหลายจากใจครับ จากคุณ : เพื่อนหมอ - [ 18 ม.ค. 50 11:00:57 A:12.2.142.7 X: TicketID:003332 ]

ความคิดเห็นที่ 128 พอดีได้เจอมาแล้วครับ จากโฮมเพจโรงพยาบาลศิริราช “อาชีพแพทย์นั้นมีเกียรติ แพทย์ที่ดีจะไม่ร่ำรวย แต่ก็ไม่อดตาย ถ้าใครอยากร่ำรวย ก็ควรเป็นอย่างอื่นไม่ใช่แพทย์ อาชีพแพทย์นั้นจำต้องยึดมั่นในอุดมคติ เมตตากรุณาคุณ” พระอนุศาส์นของสมเด็จพระบรมราชชนก “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตน เป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมมะแห่งอาชีพ ไว้ให้บริสุทธิ์” I do not want you to be only a Doctor, but l also want you to be a Man “True success is not in the learning, but in its application to the benefit of mankind” (ความสำเร็จมิใช่อยู่ที่การเรียนรู้เท่านั้น หากแต่เป็นการนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์) เพียงแพทย์ทุกคนทำได้ตามนี้ ก็นับว่าเป็นแพทย์ที่ดีแล้วครับ จากคุณ : เพื่อนหมอ - [ 18 ม.ค. 50 11:13:48 A:12.2.142.7 X: TicketID:003332 ]

ความคิดเห็นที่ 129 พ่อผมไม่สบายปวดหัวพาไปหาหมอ หมอตรวจเสร็จให้ยา บอกไม่เป็นไร 2 อาทิตย์มาตรวจใหม่ วันรุ่งขึ้นพ่อล้มทั้งยืน หลังจากนั้นนอนเป็นอัมพาต 10 กว่าปี ตอนนี้พ่อผมเสียมา 5 ปีแล้ว แค่อยากบอกว่า น้องๆที่กำลังจะเป็นหมอต้องรอบคอบกับคนไข้มากๆนะครับ จากคุณ : Last Rites - [ 18 ม.ค. 50 11:44:03 ]

ความคิดเห็นที่ 130 เราคิดเหมือนคห 54 เพราะหมอที่เราเจอแต่ละคน หน้าเงินสุดๆ อะไรก็จะเอาแต่ตังค์ บางคนพูดเร็วๆ ให้เราฟังไม่เข้าใจ แล้วพอถามไรก็บอกว่า "ก็หมอบอกไปแล้วไง" แต่เจอคุณหมอคนนึงน่ารักดี ตอนเราเป็นหลอดเลือดอักเสบ ไปรักษาที่ศิริราช หมอให้กำลังใจดีมาก เป็นหมอคลินิคพิเศษวันศุกร์ค่ะ จากคุณ : นางสาวเดือนสิบ - [ 18 ม.ค. 50 14:24:20 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ทุกอาชีพมีทั้งคนดี และ คนไม่ดี คนรอบคอบ และ คนทำชุ่ย ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าจะเป็นหมอ  จะทำงานชุ่ยไม่ได้ ยังไงก็ยังเชื่อว่า ไม่มีหมอคนไหนหรอก อยากทำให้คนไข้พิการ หรือตาย ตั้งแต่เคยเป็นคนไข้มา  เจอหมอแย่ๆ แค่ไม่กี่คน เช่น จ่ายยาแยะเกินจำเป็น  อะไรนักหนา หรืออยากให้เรานอนค้างที่ ร.พ. ซะจริง ( เรื่องอะไรล่ะ ค่าห้องแพงจะตาย ) ร.พ. แถวชานเมือง อย่านึกว่าถูกนะ พอเจอใบเสร็จ ทำเอาตกตะลึง แต่...จากที่เจอมา ส่วนมากก็ดีๆ ทั้งนั้น ถ้าผิดพลาดโดยไม่เจตนา หรือรักษาชุ่ยๆ เราพอจะให้อภัยได้ งานแยะล้นมือ มันก็มีผิดพลาดกันได้ ทุกวงการแหละ จากคุณ : ติดจอ - [ 18 ม.ค. 50 14:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 132 เพิ่งสังเกต IP จขกท. นี่ เนตจุฬานี่นาเหอเหอ จำได้สมัยเรียน 161.200 หุหุ ไปละ แว๊ปๆๆ แอบแวะมาแซว จากคุณ : สิงโตน้อยปล่อยพลัง - [ 18 ม.ค. 50 14:59:08 ]

ความคิดเห็นที่ 133 การเรียนหมอนั้นทุกคนก็รู้ว่าอยากเย็นแสนเข็ญยิ่งนัก กว่าจะเรียนจบแต่ก็ได้เรียนรู้จากการรักษาผู้ป่วยที่ได้อุทิศร่างกายให้จนทำให้เราได้จบการศึกษาและมีการอาชีพ แต่ว่าหลังจบเป็นหมอนี่สิ มันยากยิ่งกว่าการเรียนอีก เพราะทำอย่างไรจึงจะเป็นหมอที่ดีได้ มีการปรับตัวเข้าสิ่งแวดล้อมภายหลังจากที่เรียนจนจบมา บางคนปรับตัวไม่ได้(หลายคนมากมาก)ก็จะลาออกจากการเป็นหมอเพราะทนความลำบากไม่ไหว (แต่คนที่อยู่ในโรงพยาบาลนั้นๆก็ทนได้) สิ่งที่อยากจะบอกกับหมอก็คือ 1.ขอให้การปฏิบัติงานอะไรก็ตามถ้าทำได้ให้พยายามทำเหมือนเป็นนักศึกษา(นิสัย)ก็จะเป็นหมอที่ดีได้ไม่ยากเพราะส่วนใหญ่นักศึกษาแพทย์จะมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่มีอัตตา เรียนรู้ได้ค่อนข้างดี 2.ความมีนำใจกับเพื่อนร่วมงาน แพทย์บางคนชอบบ่นว่าแพทย์ค่าตอบแทนน้อยขอบอกว่ามากกว่าวิชาชีพอื่นๆในสหวิชาชีพแล้ว เงินเดือนประมาณ 8,000 กว่าบาท ค่าตอบแทนไม่เปิดคลินิค 10,000 บาท ค่าพตส.10,000 บาท ค่าเงินเวร อย่างน้อยประมาณ 20,000-30,000 บาท(ส่วนใหญ่) อย่างน้อยก็ 50,000 บาทคะ (แพทย์บรรจุใหม่ ราชการนะคะ)แต่ว่าในการทำงานนั้นก็อาจจะหนักเพราะขึ้นเวรมากก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา (ค่าตอบแทนก็มาก) แต่อารมณ์จะค่อนข้างหงุดหงิดง่ายและจะลงที่ผู้ป่วย เช่น ทำไมเป็นแค่นี้ก็ต้องมาดึกดื่น  หรือถ้าหนักก็จะบอกว่าทำไมปล่อยให้มีอาการมากถึงมา ผู้ป่วยก็จะทำอะไรไม่ถูกแล้ว ผู้ป่วยคงต้องการการพูดจาที่ดีจากแพทย์อาการก็จะดีแล้วไม่อาจจะยังไม่ต้องรักษาก็ได้ 3.บางครั้งแพทย์จะบอกว่าต้องอยู่เวรตลอดเวลา แต่มันก็จำเป็นคะแต่ส่วนใหญ่ในโรงพยาบาลชุมชน พยาบาลจะตรวจแทนแพทย์ในเวรกลางคืนถ้ามีปัญหาก็จะปรึกษาเป็นรายๆแพทย์ส่วนใหญ่จะนอนอยู่ที่บ้าน (อาจจะไปไหนไม่ได้) แต่สามารถมีกิจกรรมส่วนตัวสบาย ๆได้แต่บุคลากรอื่นจะต้องมาอยู่บนโรงพยาบาล ค่าตอบแทนก็ได้แตกต่างกันแพทย์นอนที่บ้านทั้งคืนอาจจะได้ต้องทำอะไรก็คิด 8 ชม./900 บาท (ทั้งคืนก็ 1,800 บาท) รายได้ดีนะคะมากกว่าครูที่ต้องไปเฝ้าโรงเรียนอีก(เพราะไม่ได้ค่าจ้างเลย) 3.โรงพยาบาลมีกิจกรรมอะไร เช่น การพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล ส่วนใหญ่จะไม่เข้าร่วมเพราะถือว่าตนเองรู้แล้วและไม่จำเป็นต้องทำ กิจกรรมหลายๆอย่างในโรงพยาบาลจะไม่สนใจและให้ความสำคัญใดๆ แต่วิชาชีพอื่นๆจะทำทุกอย่างเนื่องจากแพทย์ไม่ทำจะทำแต่การรักษาอย่างเดียว (เป็นการเอาเปรียบวิชาชีพอื่นๆมาก) มีอื่นๆอีกแต่บรรยายไม่หมด....แต่ขอบอกว่าแพทย์ในปัจจุบันจริยธรรมจะน้อยกว่า แพทย์สมัยก่อนแยะเลยม่งที่วัตถุนิยมมากกว่าโรงพยาบาลไหนค่าตอบแทนได้น้อยจะไม่อยากไปอยู่ (งานหนัก เงินน้อย) ถ้าลำบาก จริงๆแล้วส่วนใหญ่แพทย์ก็จะอยู่แค่อำเภอไม่ได้ไปอยู่ที่ตำบลเหมือนอาชีพอื่นๆอยู่แล้ว น้ำไฟฟ้า บ้านพักแพทย์ มีรถโรงพยาบาลอำนวยความสะดวกเวลาจะไปทำกิจกรรมของโรงพยาบาล สะดวกไปหมด เห็นอาชีพอื่นน่าสงสารกว่าเยอะเลย บ้านพักก็สภาพดูไม่ได้ น้ำไฟก็ไม่สะดวก อยู่หมู่บ้าน การคมนาคมก็ไม่สะดวก อาจจะเห็นว่าบ่นเยอะจังแต่ก็เป็นความจริง...จากผู้อยู่เคียงข้างแพทย์ตลอดเวลา(ปิดทองหลังพระ) จากคุณ : ทะเลหนาว - [ 18 ม.ค. 50 15:13:21 ]

ความคิดเห็นที่ 134 เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 116 ครับ เพราะทำงานอยู่โรงพยาบาลของรัฐมาก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าเป็นอย่างนั้นเสียส่วนใหญ่(มีหมอดีๆอยู่บ้าง) โดยเฉพาะโรงพยาบาลรัฐที่อยู่รอบๆนอก ส่วนคุณความคิดเห็นที่ 117 ใจเย็นๆครับ ถ้าคุณไม่ได้ทำอย่างนั้น คุณก็ไม่เห็นจะต้องเดือดร้อน เพราะทุกอาชีพมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ส่วนที่หมอบ้านเรามีน้อยสาเหตุหนึ่งก็เพราะการรับสมัคร เรียนหมอในแต่ละปีรับจำนวนน้อย(รวมทั้งมหาลัยที่เปิดสอนก็น้อย) โดยจะอ้างว่ารับเพิ่มจากนี้ไม่ได้เพราะจะทำให้ไม่มีคุณภาพ แต่คณะอื่นถ้าขาดแคลนยังไงก็ให้รับเพิ่มจนเกินมาตรฐานที่ควรจะเป็น คือจำนวนอาจารย์ต่อนักศึกษา นี้ละครับนโยบาย ถ้าไม่เชื่อลองไปดูสถิติย้อนหลังของแต่ละมหาลัยได้เลยครับ ที่รู้เพราะจบมาทางสายการแพทย์เหมือนกัน แต่ไม่ใช่หมอ แต่ออกมาทำงานส่วนตัว เพราะเบื่อระบบโีรงพยาบาลมากๆๆๆ และคิดว่าถ้าโรงพยาบาลไหนที่ไม่มีหมอเป็นผู้อำนวยการถึงจะกลับไปทำ คนที่ำทำงานหนักกว่าหมอน่าจะเป็นพยาบาลมากกว่า เพราะต้องเป็นคนลงมือเสียส่วนใหญ่ ซึ่งหมอส่วนใหญ่จะเป็นคนสั่ง ยกเว้นกรณีที่หนักจริงๆหมอถึงจะทำเอง ถ้าคุณเรียนมาทางสายการแพทย์ คุณจะรู้ว่าจะเรียนหนักเหมือนกัน แต่หมอจะใช้เวลาเรียนเยอะกว่า แล้วที่บอกว่าเงินเดือนน้อยนะ ต้องบอกให้หมดด้วยครับ ว่ามีเงินพิเศษอื่นอีกเท่าไร รับรองว่าได้เยอะกว่าอาชีพ อื่นที่ทำอยู่ในโรงพยาบาลหลายเท่า รวมทั้งสวัสดิการด้วย หมอที่ดีก็มีครับ แต่ที่เจอคือจะท้อ เพราะทนกับระบบที่ห่วยๆ ของบ้างโรงพยาบาลไม่ไหว ก็จะออก ยังไงก็ขอสนับสนุนหมอที่มีอุดมการณ์และเป็นคนดีครับ เพราะคุณคือความหวังของคนป่วยทั้งหลาย จากคุณ : Cek - [ 18 ม.ค. 50 15:30:02 ]

ความคิดเห็นที่ 135 คห 91 มอขอก็รับผู้จบปริญญาตรีนะครับ แต่รับสมัคร-สอบ-ประกาศผล ไปเรียบร้อยแล้วอ่ะครับ เหอๆ ว่างๆคุณหมอทั้งหลายก็มาเล่นเนตบ่อยๆนะครับ จะได้ไม่เครียดมาก อิอิ ผมจะเป็นกำลังใจให้นะครับ เห็นอกเห็นใจและเข้าอกเข้าใจนะครับ เมื่อวานก็เพิง่admit นอนโรงพยาบาล แต่มึนมากครับ  ไม่ค่อยรู้เรืองรู้ราว แต่ตื่นเช้าขึ้นมา ก็เจอคุณหมอน่ารักๆ มาถามอาการ อิอิ สงสัยจะเป็นคุณหมอใช้ทุนอ่ะครับ เพราะยังสาวๆอยู่เลย และคงมากจากจุฬา เพราะใส่เสื้อจุฬา (เดา) แล้วก็โรงพยาบาลจังหวัดผมก็มีหมอจุฬามาอยู่หลายคนอ่ะ สู้ๆๆนะครับ คุณหมอ จากคุณ : ธัมมนันทิ - [ 18 ม.ค. 50 16:32:07 ]

ความคิดเห็นที่ 136 หุหุ ... กระทู้อย่างงี้ นานๆจะได้รับความสนใจนะเนี่ย หุหุ .. จากคุณ : Nanoดะ - [ 18 ม.ค. 50 17:19:28 ]

ความคิดเห็นที่ 137 เราเคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับหมอตาชาวอินเดียคนนึงที่ผ่าตัดลอกกระจกตาของคนจนหลายแสนคนมาแล้วในชีวิตของเค้า  มีหน่วยงานที่ให้รางวัลอะไรซํกอย่างกับเค้าด้วย เราเองอิจฉาหมอตรงที่มีความรู้ความสามารถที่จะได้ช่วยคนที่เค้าไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองเองได้ ไม่มีคนที่สามารถทำอย่างหมอเก่งๆได้เพราะเค้าไม่มีโอกาสได้เรียนหรือเห็นเคสต่างๆมาก่อน นับเป็นโอกาสอันดีที่จะได้สะสมบุญในชาตินี้ (เราเชื่อเรื่องบุญกรรมน่ะคะ) เรื่อเงินเรื่องรองค่ะ ยังไงก็พักผ่อนเยอะๆนะ อย่าหักโหมทำงานมากไป จากคุณ : เกือกซ่าสีชมพู - [ 18 ม.ค. 50 19:05:03 ]

ความคิดเห็นที่ 138 คห.122 ขอให้คุณทำความเข้าใจใหม่นะครับ ไม่ใช่ว่าทุกๆ คดีที่แพทยสภาตัดสินลงโทษแพทย์จะต้องลงสื่อมวลชนให้รับทราบ ที่มีข่าวออกสื่อมวลชนนั้น เป็นสัดส่วนที่น้อยๆๆๆๆ มากๆๆๆ เมื่อเทียบกับการลงโทษจริงๆ ของแพทยสภา ลองอ่านข้อมูลข้างล่างดูครับ ------------------------------------------------------------------------------------------------ นพ.พินิจ กุลละวณิชย์ เลขาธิการแพทยสภา เปิดเผยถึงสถานการณ์ความผิดของแพทย์ที่เข้าสู่การพิจารณาของแพทยสภามากที่ สุดตั้งแต่ปี 2533-2549 ว่า เรื่องที่ถูกร้องเรียน 7 อันดับแรก มีทั้งหมด 2,802 เรื่อง แยกเป็น 1.แพทย์ไม่รักษามาตรฐาน 1,500 เรื่อง 2.โฆษณาการประกอบวิชาชีพของตน 350 เรื่อง 3.การปฏิบัติตนเกี่ยวกับสถานพยาบาล 260 เรื่อง 4.ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย สิ้นเปลือง 238 เรื่อง 5.ดำรงตนไม่เคารพกฎหมาย 191 เรื่อง 6.เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์วิชาชีพ 137 เรื่อง และ 7.ออกใบรับรองเท็จ 126 เรื่อง ในจำนวนนี้ แพทยสภาได้ลงโทษคดีมีมูล แยกตามกรณีเรื่องร้องเรียนทั้งสิ้น 736 เรื่อง และยกข้อกล่าวหา 534 เรื่อง เลขาธิการแพทยสภากล่าวถึงรายละเอียดการลงโทษคดีมีมูลตามเรื่องร้องเรียนจาก 5 กรณีสูงสุด คือ 1.ไม่รักษามาตรฐาน 2.โฆษณาการประกอบวิชาชีพของตน 3.ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย สิ้นเปลือง 4.การปฏิบัติตนเกี่ยวกับสถานพยาบาล 5.ดำรงตนไม่เคารพกฎหมายว่า แพทยสภาได้เพิกถอนใบอนุญาต เนื่องจากแพทย์ 1.ไม่รักษามาตรฐาน จำนวน 5 คดี 2.ดำรงตนไม่เคารพกฎหมาย 1 คดี 3.นอกเหนือจาก 5 กรณีดังกล่าวอีก 4 คดี รวมเป็น 10 คดี พักใช้ใบอนุญาตทั้งสิ้น 123 คดี โดย 1.เป็นคดีการไม่รักษามาตรฐานมากที่สุด 33 คดี 2.รองลงมาคือ ดำรงตนไม่เคารพกฎหมาย 18 คดี 3.ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย 16 คดี 4.โฆษณาการประกอบวิชาชีพของตน 8 คดี 5.การปฏิบัติตนเกี่ยวกับสถานพยาบาล 7 คดี 6.นอกนั้นเป็นคดี อื่นๆอีก 41 คดี ส่วน การลงโทษ ภาคทัณฑ์ ลงโทษทั้งสิ้น 183 คดี เป็นการไม่รักษามาตรฐานมากที่สุด และว่าส่วนใหญ่การร้องเรียนแพทย์ เมื่อพิจารณาแล้วพบว่าคดีมีมูลประมาณ 50% ของจำนวนเรื่องที่ร้องเรียนทั้งหมด นพ.พินิจกล่าวอีกว่า สำหรับในปี 2549 สาขาแพทย์ที่ถูกร้องเรียนมากที่สุด ได้แก่ 1.ศัลยแพทย์ 48 คดี 2.อายุรแพทย์ 40 คดี 3.สูติแพทย์ 35 คดี 4.กุมารเวชศาสตร์ 28 คดี 5.ออร์โธปิดิกส์ 18 คดี 6.จักษุแพทย์ 10 คดี 7. โสต นาสิก ลาริงซ์ 5 คดี 8.วิสัญญีแพทย์ 38 คดี สำหรับ กลุ่มอายุของแพทย์ที่ถูกร้องเรียนมากที่สุด อยู่ในกลุ่มอายุระหว่าง 31-40 ปี รองลงมาคือ 41-50 ปี และ 51-60 ปี ส่วนอายุน้อยกว่า 30 ปี มีสัดส่วนการถูกร้องเรียนเท่ากัน. จากคุณ : อังเงียวอนชิ - [ 18 ม.ค. 50 21:34:10 ]

ความคิดเห็นที่ 139 คห.127 ที่คุณเห็นว่าหมอค่อนข้างฐานะดี มีรถขับ ลองมองเข้าไปทำความเข้าใจหรือเปล่า 1. เขาอาจจะมีพ่อ-แม่รวยอยู่ก่อนก็ได้ (คนรวยอยู่แล้วหลายๆ คนก็อยากให้ลูกเรียนหมอ เพราะต้องการเกียรติและความเคารพนับถือด้วย) 2. ชั่วโมงการทำงานของหมอคนนั้นอาจจะมากกว่ามนุษย์เงินเดือนในวิชาชีพอื่นๆ หลายเท่า ถ้าหากเวลาทำงานเท่ากัน อาจจะเท่ากันหรือมากกว่า เช่น วิศวกร (อันนี้ขอยกตัวอย่างวิชาชีพนี้นะครับ เพราะเพื่อนผมเป็น) ทำงานบริษัทเงินเดือนสตาร์ที่ 16000 บาท ทำงานจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00 น.-16.00 น สมมติว่าเดือนหนึ่งมี 4 สัปดาห์ ก็แสดงว่าทำงาน 140 ชั่วโมง/เดือน ได้เงิน 16000 บาท หมอ ทำงานจันทร์-ศุกร์ เวลา 7.00-16.00 น อยู่เวรเวลา 16.00-6.00 น เดือนละ 10 เวร  อยู่เวรวันหยุด 24 ชม. 4 เวร คิดเป็นทำงาน 180+140+96 = 416 ชั่วโมง/เดือน ได้เงินเดือน 30000 บาท สรุปว่า วิศวกรเพื่อนผม ทำงาน 140 ชม/เดือน ได้เงิน 16000 บาท หมออย่างผม ทำงาน 416 ชม/เดือน ได้เงิน 30000 บาท ดูแล้วคิดเอาเองนะครับ ... ด้วยความเคารพ จากคุณ : อังเงียวอนชิ - [ 18 ม.ค. 50 21:45:44 ]

ความคิดเห็นที่ 140 คห.134 ก็เพราะการเรียนหมอมันไม่เหมือนการเรียนวิชาชีพอื่นน่ะครับ ก็เพราะการเรียนหมอมันต้องเรียนกับคนไข้จริงๆ เรียนจากประสบการณ์จริง ไม่สามารถเรียนที่บ้าน เรียนจากตำรา หรือเรียนทางไกลได้ คุณอ่านหนังสือ ดูวิดิโอการผ่าตัด ถ้าหากคุณไม่เคยผ่าตัด เจอคนไข้จริงๆ ก็ผ่าตัดไม่เป็นอยู่ดี นี่ไงครับ ความแตกต่าง และวิชาชีพหนึ่งในไม่กี่วิชาชีพที่ไม่รับนักศึกษา (จ่าย) พิเศษ เพราะต้องการหมอที่จบไปแล้วรักษาคนไข้ได้จริงๆ ไม่ใช่จบไปด้วยการซื้อใบปริญญา ฯลฯ ที่ออกมาชี้แจงไม่มีอะไรหรอกครับ เพราะว่าผมเห็นว่าหลายๆ คนยังมีความคิดว่าหมอเป็นเทวดา ถ้าเจอหมอแล้วต้องหาย ถ้าไม่หายหรือตายแสดงว่าหมอชั่ว หมอชุ่ย เคยเจอกรณีหนึ่ง เป็นรุ่นพี่ผมเอง เด็กวัยรุ่นนักศึกษาขี่มอเตอร์ไซต์ไม่ใส่หมวกแล้วล้มหัวกระแทกพื้นมา สลบประมาณ 1/2 นาที ไม่ปวดหัว มีแต่รอยนูน คลำดูไม่มีกระโหลกแตก ถ่ายทางฟิล์มแล้วไม่มีกระโหลกแตกจริงๆ  รุ่นพี่ให้คนไข้นอนดูอาการใน รพ. 48 ชั่วโมง แต่คนไข้ต้องการกลับหอพัก อธิบายยังไงก็ไม่ฟัง ก็เลยต้องยอมให้กลับหอพักได้ โดยแนะนำวิธีการดูอาการและให้รีบพามา รพ. ถ้ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ให้ทั้งคนไข้และเพื่อนคนไข้ฟัง  พอกลับถึงหอ เพื่อนคนไข้ไม่อยู่ห้องเดียวกับคนไข้ แล้วคนไข้ก็เกิดอาการโดยมีเลือดออกทางสมองอยู่ที่หอ ไม่มีใครดูแล กว่าเพื่อนห้องเดียวกันจะเจอก็เป็นอัมพาตไปแล้ว ต่อมา รุ่นพี่คนนั้นก็โดนฟ้องร้องจากพ่ิอแม่คนไข้ ต้องโดนประจานชื่อในสื่อมวลชนแทบทุกฉบับ โดนตีตราว่าเป็นหมอชั่ว หมอชุ่ย ต้องวิ่งขึ้นโรงขึ้นศาล กินข้าวไม่ลงนอนไม่หลับไปหลายเดือน จนกระทั่งตัดสินใจลาออกจากความเป็นหมอ ถามว่า... รุ่นพี่ผมผิดตรงไหนเหรอครับ ทำไมถึงต้องโดนลงโทษทางสังคมเช่นนั้น แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 50 22:12:21 จากคุณ : อังเงียวอนชิ - [ 18 ม.ค. 50 21:54:58 ]

ความคิดเห็นที่ 141 ไม่ได้ดูอ่ะ ไม่มีเวลาดู ราว์นเลิกดึกๆตลอดเลยยย ตอนนี้ยิ่งใกล้จบ คิดไปถึงอนาคต เฮ้อ... น่ากลัวจัง ยังไม่ค่อยมั่นใจเลย แต่จะพยายาม สู้ให้เต็มที่!!! จากคุณ : ไข่หวานรสchoco (ไข่หวานรสchoco) - [ 18 ม.ค. 50 23:10:19 ]

ความคิดเห็นที่ 142 เป็นกำลังใจให้รุ่นน้องๆ ทุกคนนะ โดยเฉพาะ จขกท ที่ทำให้พี่ๆ หลายคนที่เข้ามาอ่านมีกำลังใจและระลึกถึงความหวัง/ความใฝ่ฝันสมัยก่อน     "หนูอยากเป็นหมอ เพราะอยากรักษาคนไข้" คิดว่าหมอที่จบมาหลายคนคงเคยตอบอย่างนี้ตอนสอบสัมภาษณ์ ...      เดี๋ยวจะส่งต่อให้เพื่อน ๆ ที่กำลังจะลาออกลองอ่านบ้าง เผื่อจะเปลี่ยนใจ (เหมือนเรา) ...  ขอบคุณมากจริง ๆ หลายความเห็นอ่านแล้วน้ำตาซึมเลยนะ .. จากคุณ : StVirgin (StVirgin) - [ 18 ม.ค. 50 23:15:13 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 19 ม.ค. 50 00:45:37 ]

ความคิดเห็นที่ 144 หมอที่รู้จักมา ดีๆก็มีมากครับ แบบนั้นนับถือจากใจจริง แต่แย่ๆก็เยอะครับ... แต่เข้าใจ ไม่ว่าหมอหรืออาชีพไหน ก็ล้วนเป็นคน ที่ยังคงมีความต้องการไม่ต่างกัน ..................... ถ้าเอาเรื่องเงินมาพูดด้วยแล้ว หมอก็หมอเถอะ... หลายครั้งที่เห็นหมอเปลี่ยนไป๊ หมอไปมีเอี่ยวกับธุรกิจยา หมอก็สั่งใช้ยาตัวนั้นกระจุย ยาพื้นๆ หมอไม่แตะ เป็นหวัดมาหาหมอ ได้ยาชื่อแปลกๆ ราคา 1200 โอ้แม่เจ้า.. รีบบอกหมอไม่มีตังส์จ่าย หมอส่ายหัวแล้วเขียนใบสั่งยาให้ใหม่ หมอใจดีจัง..จาก 1200 เหลือ 120 เอง กินไปสองวัน... อืม 120 มันก็หายแฮะ เลยมองโลกในแง่ดี ถ้ากิน 1200 ยี่สิบนาทีคงหายหวัด (แต่ไม่เป็นไรครับหมอ ผมรอได้) .................. หมอบอกจบมาทำรัฐบาลแล้วจน แล้วแต่หมอ ผมไม่เถียง จบมาเข้าทำงาน เงินเดือน start 8000 (ป่าวหว่า) ค่าวิชาชีพ 10,000 นึง ได้แล้ว 18000 นี่แบบยังไม่ต้องดิ้นรน เข้าเวรอีกหน่อย คืนละ 1200 เดือนนึงกี่คืนล่ะหมอ ค่าอื่นๆที่ รพ. ให้อีกอ่ะหมอ (เชื่อว่ามีใช่ไหมหมอ) ถ้าหมอเปิดคลีนิคพิเศษอีก ก็ฟันเหนาะๆหัวละร้อย(หรือสองร้อยหว่า) ชั่วโมงเดียว 12 คน ก็ 1200 แล้ว ทำสักสามชั่วโมงไม่ทันเหนื่อย ก็ 3600 สัปดาห์ละ 2 วัน ไม่มากไม่น้อย เดือนนึงก็ 8 วัน โอ๊ย ทดเลขไม่ถูกบวกเอาเอง หันไปมองคนข้างๆ.. มันตะโกนดีใจ ได้งานแล้ว ดีใจกับมัน เรียนมาแทบตาย ถามว่าได้เงินเดือนเท่าไหร่ มันยืดอกภูมิใจ "ตูได้หมื่นสอง" ผมรีบปิดกระทู้นี้แทบไม่ทัน กลัวมันมาอ่าน แล้วจะพาลร้องไห้ขี้มูกโป่ง ดีไม่ดีพาลเป็นหวัด แล้วต้องเสียให้หมออีกพันสอง... อืม...อย่างนี้นี่เอง เอกชนคงใจดี หมอจะได้จนน้อยลง.. ........................... คืนนั้นปวดท้องตอนทุ่มครึ่ง รีบไปโรงบาล ต่อคิวที่ห้องฉุกฉิน เจ้าหน้าที่ใจดี๊ ใจดี มาบอกให้ฟัง หมออกตรวเป็นรอบๆนะคะ รอได้ไหม ไม่นานหรอก (เธอพูดพลางยื่นหมอและยากันยุงมาให้) ผมเอามือกุมท้องทำหน้าเบ้ เธอคงสงสาร... ถ้าไม่อยากรอ ไปตรวจคลีนิคพิเศษไหม ผมอยากรอ แต่ท้องผมมันไม่รอ ควักจ่ายให้หมอไปร้อยนึงค่าหัว หมอกใจดีให้พารา กะยาเคลือบกระเพาะ กินแล้วหายเลยดีจัง ค่าหมอร้อยนึง ค่ายา 25 บาท อืม จ่ายร้อยนึงแล้วหาย ยอมๆ ............................ อีกวันปวดท้องตอนทุ่ม สี่สิบห้า (ปวดบ่อยจังเมิง) รีบไปหาหมอ เตรียมตังส์ไป 125 รีบไปๆ ให้ทันคลีนิกพิเศษ แต่เสียดายจังไปไม่ทัน ห้องฉุกเฉินก็ได้วุ้ย..(อยากเปลี่ยนชื่อห้องมักๆ ฉุกเฉินจริงๆ) นั่งรอหมอน๊าน นาน หมอให้พารากะยาเคลือบกระเพาะ อย่างนี้ตังส์เหลือตั้งร้อยสิ ทำไงดี ยกมือไหว้หมอ หมอครับ ขอวิตามิน C ไปกินด้วยได้ไหมครับ หมอปิดแฟ้มไปแล้ว มองค้อน..(ดีที่ไม่มองตะปู) นี่มันฉุกเฉินนะคุณ วิตามิน C มันฉุกเฉินตรงไหน ผมไม่จ่าย...แป่ว... (คนไข้คิวต่อไปช่วยใส่เสียง effect... แป่ว.....) หมอเลยเรียงนายแป่ว..มาตรวจต่อ ผมรีบลุกไม่ทัน ผมมองหน้าหมอ.. โถ่หมอ งกว่ะ.. ผมพูดในใจ จ่ายค่ายา 25 บาทแล้วกลับบ้าน บอกแท็กซี่ให้ไปวนอนุสาวรีย์เล่นสองรอบ ยัดแบงค์ร้อยใส่มือแท็กซี่ร้อยนึงบอกไม่ต้องทอน แท็กซี่ใจดี ให้ลูกอมผสมวิตามินซีตอบแทน... .............................. วันอังคารก่อนนู๊น ไปหาหมอที่ รพ. กะจะไปขอวิตามิน C อยากรู้ว่าหมอจะพูดว่ายังไง ไปเอาบัตรคิวตั้งแต่ตี 5 หลับไปสามตื่น นี่มัน 10.00 แล้ว หมอยังไม่ลงตรวจ เอาวะ..รอได้ หยิบ nokia N 93 มา คอนเน็คติ้งพีเพิล เข้าเน็ตอ่านกระทู้ ผ่านสายตากระทู้นึง เว๊ปไหนไม่รู้ มีข่าวขอขึ้นค่าวิชาชีพ ดึงหมอคืนภาครัฐ ข่าวก็งั้นๆ แต่คนตอบนี่มันส์กว่า หมอจากไหนไม่รู้ เยอะแยะไปหมด เข้ามาโพสสนับสนุน เข้ามาพิมพ์โอดครวญกันใหญ่ ว่าจนแสนจน.. (โอดครวญดังพอๆกับคนไข้ข้างๆ) กด refresh สองสามที หมอยังเข้ามาตอบเรื่อยๆ เหลือบไปมองเวลา เฮ้ย นี่มันเวลาออกตรวจคนไข้นะเฟ้ย ยังมีเวลาเล่น เน็ตอีก (ผมไม่ได้ชี้นำใครให้ไปดูเวลาโพสของใครในกระทู้นี้นะ) อย่าถามเลยว่าผมได้ตรวจกี่โมง อย่าถามเลยว่าผมได้ วิตามิน C หรือไม่.. ................................................ ช่างมันแระ วิตามิน C วันนี้วันเสาร์ วันนี้เป็นวันว่าง (กรุณาอ่านบันทัดนี้แบบเพลงดาจิม) ไป รพ อีกรอบ ไปรับญาติกลับบ้าน ผ่าตัดไส้ติ่งเมื่อสาม สี่วันก่อน หมอบอกจะให้กลับบ้านวันนี้ ไปตั้งแต่เช้า.. (แต่ไม่ใช่ตี 5 หรอกนะ เข็ดแล้ว) กะว่าจะรับญาติไปวนรถเล่นที่อนุสาวรีย์ พยาบาลใจดีบอกว่า ยังกลับไม่ได้ ต้องรอหมอก่อน อ้าว เหรอครับ แล้วหมอไปไหน ไม่ทราบค่ะ พยาบาลยิ้มหวานๆ แล้วไปทำงานต่อ เฮ้อ รอก็รอ.. รอ รอ รอ แย่งข้าวเที่ยงคนเตียงข้างๆกินมื้อเที่ยง รอ รอ รอ ไปคุยกับพยาบาล ได้เบอร์มาสองคน หุหุ รอ รอ รอ เฮ้ย นี่มันเย็นแล้วนะเฟ้ยครับหมอ ยังไม่มาอีก และแล้ว หมอก็เดินเข้ามา เสื้อแเดง กางเกงกีฬา ไม่ต้องจับเนื้อผ้าก็รู้ว่าแพง เข้ามาเซ็น สองจึ๊กแล้วจากไป หางตาก็แทบไม่เหลียวแล ผมมองตามอย่างชื่นชมมากๆ... เห็นหมอหวดสะวิงลมอยู่ไกลๆ.. ..................................................... เพื่อนผมอีกคนเป็นเซลล์ขายยา... เฮ้อ... ไม่เล่าดีกว่า หดหู่จังเลย .... หมอครับหมอ หมอเป็นหมอนะครับ ถ้าหมอไม่ได้จบเอกชน หมอก็เอาภาษีของพ่อแม่ผมไปเรียน หมอออกมารับใช้ประชาชน ประชาชนก็พร้อมใจเทิดทูนหมอขึ้นหิ้ง ผมเองก็เช่นกัน.. อย่าใจร้ายเลยครับหมอ.. ขอย้ำอีกครั้ง หมอดีๆมีมากจริงๆ ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจ (แต่ไม่แน่ใจว่าหมอไม่ดีมีแค่ไหน) ผมและทุกๆคนรักคุณหมอนะครับ รักพวกเรามากๆนะครับ... จากคุณ : วิตามินซี - [ 19 ม.ค. 50 00:49:09 A:203.157.42.46 X: TicketID:136633 ]

ความคิดเห็นที่ 145 "ก็เพราะการเรียนหมอมันไม่เหมือนการเรียนวิชาชีพอื่นน่ะครับ ก็เพราะการเรียนหมอมันต้องเรียนกับคนไข้จริงๆ เรียนจากประสบการณ์จริง ไม่สามารถเรียนที่บ้าน เรียนจากตำรา หรือเรียนทางไกลได้ คุณอ่านหนังสือ ดูวิดิโอการผ่าตัด ถ้าหากคุณไม่เคยผ่าตัด เจอคนไข้จริงๆ ก็ผ่าตัดไม่เป็นอยู่ดี นี่ไงครับ ความแตกต่าง และวิชาชีพหนึ่งในไม่กี่วิชาชีพที่ไม่รับนักศึกษา (จ่าย) พิเศษ เพราะต้องการหมอที่จบไปแล้วรักษาคนไข้ได้จริงๆ ไม่ใช่จบไปด้วยการซื้อใบปริญญา ฯลฯ" ขอโทษนะครับคุณอังเงียวอนชิ ที่คุณเขียนมานะ รู้สึกว่าเขียนแรงไปหน่อยหรือเปล่าครับ ถ้าคุณเขียนแบบนี้ แสดงว่าวิชาชีพอื่นก็มีโอกาสที่ซื้อใบปริญญาได้สิครับ คุณดูถูกคนอื่นมากไปหรือเปล่าครับ และแปลว่าคุณยังไม่รู้ว่าวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์นะ เขาเรียนกับคนไข้จริงๆเหมือนกันครับ เรียนคล้ายๆกันในตอนต้น แต่มาแยกรายละเอียดในแต่ละสาขาวิชาในตอนหลัง โดยแต่ละวิชาชีพมีหน้าที่ในการรับผิดชอบต่างกันครับ แล้วหมอคือคนที่รวบรวมรายละเอียดต่างๆมาประกอบ ในการรักษาคนไข้ ดังนั้นความชำนาญในแต่ละสาขาวิชาจะต่างกัน (ลองดูอย่างว่าทำไมยาบ้างตัวยังต้องถามเภสัช การตรวจทางห้อง Lab ต้องถามนักเทคนิคการแพทย์ เป็นต้น) คุณไม่เชื่อก็ไปดูรายละเอียดในหลักสูตรที่เรียนดีกว่าครับ และทุกอาชีพก็ต้องหาประสบการณ์ด้วยกันทั้งนะ เพราะการเรียนกับการทำงานบางทีก็คนละอย่างกันเลย แล้วที่บอกว่า "วิชาชีพหนึ่งในไม่กี่วิชาชีพที่ไม่รับนักศึกษา (จ่าย) พิเศษ เพราะต้องการหมอที่จบไปแล้วรักษาคนไข้ได้จริงๆ ไม่ใช่จบไปด้วยการซื้อใบปริญญา" นะ ไปดูที่มหาลัยรังสิตดีกว่า ว่าทำไมเป็นมหาลัยเอกชนที่เปิดคณะแพทย์ได้ แต่ต้องไปสอบ ใบประกอบโรคศิลป์จึงจะประกอบวิชาแพทย์ได้ แล้วก็คงไม่ทุกคนที่คิดว่าหมอเป็นเทวดาหรอกครับ ทุกคนไม่มีใครที่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้วละครับ ถ้ามีบอกผมด้วย อยากเห็นเหมือนกัน ที่ผมเล่ามานะอยากพูดถึงระบบการศึกษาของบ้านเรามากกว่า ลองสังเกตุดูก็ได้ว่าคณะที่ใช้เวลาเรียนเยอะ พอจบออกมา จะได้ค่าตอบแทนในวิชาชีพที่สูงกว่าคณะอื่น (มีอยู่หลายคณะ ไม่ใช่หมออย่างเดียว) ดังนั้นถ้าอยากให้คณะที่จบออกมามีรายได้ที่สูงกว่าคณะอื่น ก็พยายามพลักดันให้มีการเรียนการสอนที่นานกว่าคณะอื่น นโยบายทางการศึกษาของบ้านเราเป็นอย่างนี้จริงๆ ลองเปรียบเทียบดูก็ได้ (ถ้ามันไม่จริงผมก็ขอโทษด้วยครับ) จากคุณ : Cek - [ 19 ม.ค. 50 01:46:46 ]

ความคิดเห็นที่ 146 อ่าน 114 แล้วเพลินดีจัง....เห็นภาพเลย จากคุณ : Petshop boy - [ 19 ม.ค. 50 02:09:19 ]

ความคิดเห็นที่ 147 หมอมีทั้งดีและไม่ดี อยู่ที่จิตสำนึกและความรับผิดชอบของแต่ละคน เราอยู่เมืองชลตอนเราเด็กๆปวดท้องมากๆๆตอนประมาณตี1-2แม่พาไปหาหมอร.พ.นึงรอหมอตั้งนานถ้าใครเคยเป็นโรคกระเพาะจะรู้ว่าทรมาน พอหมอมาก็หน้าบูดเชียวถามว่าเป็นอะไรเราก็บอกอาการเขาไป มีคำถามนึงที่หมอถามเด็กอย่างเราว่า "ทำไมมาป่วยตอนนี้"เราก็อ้าว!คิดในใจว่าถ้าคนเลือกเวลาป่วยได้คงเลือกป่วยในเวลาราชการหรือเลือกไม่ป่วยดีกว่ามั้ง แต่ก็ยังดีที่หมอฉีดยาให้น้ำเกลือเราแล้วกลับบ้าน เราอยากบอกหมอบางคนนะว่าคำพูดบางคำอาจพูดออกมาแบบไม่ตั้งใจ แต่มันบาดหัวใจคนไข้ได้เหมือนกันนะคะ ที่เราเคยเล่าเรื่องตอนที่เราอยู่ศิริราชไปส่วนนึงแล้วคราวๆถ้าให้เล่าละเอียดยิ่งตอนเราอยู่wardรวม คงต้องพิมพ์ยันเช้าแน่แต่มีเรื่องดีๆเยอะ เพราะได้ประสบการณ์จากเพื่อนผู้ป่วยข้างๆเตียง และคุณหมอตอนเตรียมตัวgrand roundทำให้เราได้เห็นว่าหมอเหนื่อยเอาการอยู่เหมือนกัน grand round (ไม่แน่ใจว่าเรียกถูกเปล่าหว่า)ขอให้ผู้ที่ทราบมาเล่าให้ฟังแล้วกันกลัวเล่าไม่ถูกแย่เลย จากคุณ : เดฟฟาดิว (เดฟฟาดิว) - [ 19 ม.ค. 50 02:25:09 ]

ความคิดเห็นที่ 148 อา....  รายการนี้มี  "กว่าจะเป็นนายร้อย" มั่งยังครับแหะๆ   "ห่วง เหนื่อย หิว ไม่ใช่ปัญหา"  ชีวิต ผมเข้าใกล้ความตายไปกี่ครั้งแล้วน๊า จากคุณ : benzino - [ 19 ม.ค. 50 10:16:31 ]

ความคิดเห็นที่ 149 ไปคุยกับพยาบาล ได้เบอร์มาสองคน หุหุ - ผลพลอยได้จากการรอหมอรึคะ  ฮุ ๆ ๆ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 19 ม.ค. 50 12:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 150 จากประสบการณ์ที่รู้จักหมดเยอะมากๆ ทั้งพ่อ เพื่อน พี่ น้อง ญาติ รวมๆก็เป็นสิบ ทั้งกำลังเรียน ขึ้นward จบใหม่ๆ ใช้ทุน ทั้งเป็น ผู้บริหารโรงพยาบาลทั้งรัฐ และเอกชน อยากจะบอกว่า หมอหลายคน ego สูงมาก โดยเฉพาะ นศ แพทย์ และคนที่จบใหม่ๆ ตอนแรก ขำมากๆ ที่รายการกบนอกะลา เอาเรื่องนี้มาออก เพราะว่า คนที่อยู่ในกะลากำลังมาออกรายการกบนอกกะลา ฟังดูอาจจะแรงต้องขออภัย แต่ส่วนใหญ่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หมอส่วนใหญ่รวมทั้ง นศ แพทย์ เป็นกบในกะลาทั้งนั้น อาจรวมทั้ง บางคนที่ในกระทู้ ชอบบอกว่าตัวเองนั้นเรียนหนัก กว่าจะมาเป็นหมอ ครับไม่ผิดหรอกเพราะคุณเรียนหนักจริงๆ ทุกคนก็รู้ว่าว่าเรียนหมอนั้นต้องเก่ง อึด แต่คุณๆหมอทั้งหลาย เค้าไม่รับรู้หรอกครับว่า เรียนอย่างอื่น มันก็ต้องเก่งเหมือนกัน พวกเรียน ป เอก ก็ต้องอึดและเก่ง เหมือนกัน พวกเรียน ป เอก วิศวะ วิทยาศาสตร์ นี่ ความเก่ง ไม่ต้องพูดถึง คนที่ผมรู้จักที่เป็นหมอ เค้าบอกเหมือนกันหมดว่า เรียนหมอ เก่งแค่ตอนสอบเข้าก็พอ นอกนั้นใช้ความอึดเท่านั้น คนเรียนหมอ ชอบบอกว่า ตัวเองนั้นเรียนหนักกว่าคนที่เรียนอย่างอื่น เรียนคณะที่ยากกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้นตัวเองก็ต้องเก่งกว่าคนอื่น เรียกว่า ที่ความมั่นใจในตนเองอย่างมาก บางครั้งมากจนเกินไป จนเริ่มดูถูกคนอื่น ไม่ฟังคนอื่น เริ่มยกตัวเองสูงกว่าคนอื่น นี่แหละครับ ที่ผมถึงบอกว่า กบอยู่ในกะลา มองตัวเองโดยไม่มองคนอื่น เดี๋ยวมาต่อครับ ขอไปทำธุระก่อน เรื่องหมอๆ ผมรู้เยอะ เหอๆ จากคุณ : เด็กน้อยกลิ่นวนิลา - [ 19 ม.ค. 50 13:01:42 ]

ความคิดเห็นที่ 151 ชอบใจความเห็นที่ 21 ค่ะ ดิฉันเป็นพยาบาลทำงานตั้งแต่ปี 41 เกือบ10ปีแล้วสินะคะ พบเจอคุณหมอมาก็หลายรูปแบบค่ะ ที่ดีๆ เห็นเราเป็นเพื่อนร่วมงานกันก็ขอขอบคุณมานะโอกาสนี้ แต่ที่เคยเจอคุณหมอประเภท แทบจะเขวี้ยงchartโดนหัวพยาบาลมาก็เยอะ คุณหมอประเภทนี้ สุดทนจริงๆ ขอให้คุณหมอใหม่ๆทุกคนอย่านำมาเป็นแบบอย่างเลยนะคะ สุดท้ายอยากฝากให้เห็นใจพยาบาลด้วย ตอนเรียน ดิฉันเรียนที่ มช. ก็หนักมากแทบไม่ได้นอนเหมือนกัน พอมาทำงานก็งานหนักอีก เงินเดือนข้าราชการค่ะ OT เวรละ 500 บาท ได้ค่ายามวิกาล 200 บาท แต่ค่าสะเทือนใจที่โดน คุณหมอบางคน ...บางคน...ดูถูกน้ำใจนั้นไม่ได้อะไรเลย เสียใจสุดๆ     ขอบคุณที่ให้ระบายค่ะ จากคุณ : klam - [ 19 ม.ค. 50 13:39:48 ]

ความคิดเห็นที่ 152 รู้จักหมอกระดูก  เขาบอกว่า คนไข้ 6 ใน 10 ราย รักษาเสร็จแล้วด่าหมอ   ทั้งที่ถ้าไม่รักษาจะแย่ลงเรื่อยๆ  แม้รักษาหายก็ทำได้แค่ให้อาการทรง  ไม่ให้ทรุด (กระดูกคนแก่มีแต่เสื่อม) สุดท้ายใช้งานไม่ดีเท่าเดิม หมอก็โดนด่าอีก จากคุณ : bubblebaba - [ 19 ม.ค. 50 15:57:40 ]

ความคิดเห็นที่ 153 คห.145 ไม่มีตรงไหนที่ผมบอกว่าวิชาชีพอื่นซื้อใบปริญญาได้ แต่เรื่องที่ผมพูด หมายถึงวิชาชีพอื่นๆ มีการรับนักศึกษาภาคพิเศษด้วย (หรือภาคเสริมตามแต่ทางมหาลัยนั้นๆ จะเรียก) ซึ่งตรงนี้คณะแพทยศาสตร์จะไม่มี เพราะอยากได้คนเก่ง คนขยันจริงๆ มาเรียน วิชาชีพที่ได้สัมผัสคนไข้จริงๆ 1. หมอ หมอฟัน 2. พยาบาล 3. นักกายภาพบำบัด 4. นักจิตวิทยา 5. เภสัช (บางครั้ง) น่าจะครอบคลุมแล้วนะครับ ก็ขนาด ม.รังสิตเวลาเรียนจบยังต้องไปสอบเอาใบประกอบโรคศิลป์เลย เพราะต้องการรักษาคุณภาพของวิชาการทางวิชาชีพไม่ให้ด้อยลงๆ ในบางสถานการณ์  มีหมอเก่ง 1 คน ดีกว่ามีหมอไม่เก่ง 100 คนนะครับ เรื่องเวลาการเรียนการสอน คิดว่าคุณดูเวลาเป็นปีๆ ใช่ไหมครับ แต่ลองมาดูการเรียนการสอนเป็นหน่วยชั่วโมงดูสิครับ การมาราวน์เช้า 6.00-8.00 ก็เป็นการเรียน การมาราวน์เย็น 16.00-18.00 ก็เป็นการเรียน การอยู่เวรนอกเวลาราชการ ก็เป็นการเรียน ถ้าหากคำนวณเทียบกับวิชาชีพอื่นๆ ที่ไม่ต้องอยู่เวร มีการเรียนเลคเชอร์หรือทำแลปในเวลาราชการอย่างเดียว คิดว่า คณะแพทย์น่าจะเรียน 9 ปี ในหลักสูตรเร่งรัด 6 ปีมากกว่าครับ จบออกไปเทียบเท่าปริญญาโท เงินเดือนมากกว่าวิชาชีพอื่นๆ เพราะทำงานมากกว่า มันผิดตรงไหน จากคุณ : อังเงียวอนชิ - [ 19 ม.ค. 50 17:24:34 ]

ความคิดเห็นที่ 154 คห.150 คนที่ผมรู้จักที่เป็นหมอ เค้าบอกเหมือนกันหมดว่า เรียนหมอ เก่งแค่ตอนสอบเข้าก็พอ นอกนั้นใช้ความอึดเท่านั้น ------------------------------------------------------------------------------------------------------- แล้วตอนสอบขึ้นชั้นล่ะครับ เวลาตอนสอบปฏิบัติ สอบรวบยอด สอบดูแลป ล่ะครับ สอบไม่ผ่านก็มีสิทธิตกหรือซ้ำชั้นได้นะครับ ไม่ใช่แค่อึดอย่างเดียวนะครับ อ้อ แล้วตอนปฏิบัติงานนั้น ก็มีการประเมินผลตลอดครับ จะมีการประเมินความรู้โดยการถาม-ตอบเกี่ยวกับคนไข้ ถ้าหากตอบไม่ได้ หรือไม่ได้อ่านมาอย่างดี ก็จะตกในภาคปฏิบัติ ขึ้นปฏิบัติงานใหม่ 6 สัปดาห์ 12 สัปดาห์ก็ว่ากันไป มีการเขียนรายงานคนไข้เพื่อให้อาจารย์หมอเช็คความรู้ตลอด ถ้าคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ก็ต้องเรียนกับรุ่นน้องไปอีก 1 ปี แล้วความมั่นใจนั้น   ถามคุณหน่อยสิ คุณจะเลือกรักษากับหมอคนไหน ระหว่างหมอที่ไม่มั่นใจในตัวเอง กับหมอที่มั่นใจในตัวเอง ??? แล้วคำว่ามั่นใจในตัวเอง มันต่างจาก Ego นะครับ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 50 17:33:56 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 50 17:33:08 จากคุณ : อังเงียวอนชิ - [ 19 ม.ค. 50 17:29:49 ]

ความคิดเห็นที่ 155 #154 ใจเย็นๆครับ สิ่งที่ผมเล่า เป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์ ถ้าคุณใจเย็นๆ อ่านดีๆ คิดว่ามันน่าจะเป็นสาระที่ดีนะครับ ความอึดที่ว่า คือความอึดในการอ่านหนังสือครับ และเข้า ward ครับ คืออย่างที่รู้ เรียนหมอต้องอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ (จริงๆผมว่า คนเรียนเอก ก็อ่านหนังสือเป็นเล่มๆ เหมือนกัน) ต้องอดหลับ อดนอนในการอ่านหนังสือๆ ท่องๆ ซะส่วนใหญ่ แต่การท่องอย่างเดียว มันอาศัยแค่การจำ การ memory ถ้าผมเปรียบสมองคนเราเป็น เครื่องคอมพิวเตอร์ เรียน หมอก็เหมือนการเรียนที่ใช้ ram กับ hd ที่เยอะหน่อย การใช้ cpu อาจไม่เยอะเท่าพวกการเรียนที่ต้องอาศัย การสร้างสรร creative research analysis and appications เยอะๆ นี่ล่ะ ที่ผมว่าเรียนหมอ ทำไมต้องอึด ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ คนที่เรียนหมอ ส่วนมากนะครับ ส่วนมาก มากแต่ไหนไม่รู้ แต่กับคนที่ผมรู้จีก ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ส่วนใหญ่ ใช้ชีวิตไม่เป็นครับ คุยกะคนในสังคมไม่ค่อยรู้เรื่อง ยอมรับความเป็นจริงบางอย่างไม่ได้ ตามกลโกงบางอย่างไม่ทัน เชื่อคนง่าย อย่างเพื่อนผม โดนหลอกประจำ เล่นกีฬาไม่เก่ง หรือไม่เป็น อย่างพ่อเพื่อนผมเป็นหมอ เกิดมาไม่เคยต่อราคาของ จะไม่แม่เพื่อนต่อให้ตลอด หมอบางคนที่ผมบอกว่าเหมือนกบในกะลา คือไม่สนใจโลกภายนอก อันนี้ฟังหมอที่เป็นญาติเล่ามาครับ เพราะตอนแรก ผมจะเอ็นหมอเหมือนกัน (จริงๆ ติดแล้วล่ะ แต่ตัดสินใจไม่เอา) เค้าเล่าว่า เรียนหมอมา 6 ปี วันๆก็เจอคนที่เรียนหมอด้วยกัน ไม่มีเวลาไปคบคนภายนอก จบมาก็อยู่โรงบาล ก็เจอแต่พวกหมอ ทำให้สังคมแคบ จะทำธุรกิจเองก็ลำบาก ทำไม่เป็น โลกหมุนไปเยอะแค่ไหน ไม่ทราบ อะไรใหม่มักตามไม่ทัน เพราะไม่มีเวลาไปตาม ทำให้เคยชิน จบออกมาจึงไม่เกิดความกระตือลือล้นที่ตามกระแสโลก วันๆ อยู่แต่โรงบาล ทำได้อย่างมากก็เปิดคลินิคตัวเอง แต่ก็นั้นอีกล่ะ คลินิคตัวเอง ก็ไม่ได้ออกไปเจอใคร ส่วนใหญ่จึงเสร็จพยาบาล ไม่ก็หมอด้วยกัน (อาจเป็นเพราะ จีบ ญ ไม่เป็น อันนี้ฟังเค้าเล่ามานะ) ลองไปคุยกับพวกหมอจบใหม่ๆ หรือกะลังจะจบ ลองชวนคุยเรื่องการเมือง เศรษฐกิจดูสิครับ 9 ใน 10 รับรองไม่รู้เรื่อง ที่ยิ่งไปกว่านั้น  หมอ หรือ นศแพทย์บางคน ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรอบตัวนี่ล่ะ ชอบมีความมั่นใจเกินเหตุ คือว่าตัวเองแน่ เรียนหนักกว่าคนอื่น เจ๋งกว่าอาชีพ ทั้งหมดทั้งปวง ทั้งๆที่ จริงๆแล้ว ก็เก่งแค่เรื่องของตัวเอง อันนี้ผมเจอบ่อยมาก ไม่รู้เป็นไร พวกที่เป็นหมอแล้วเบ่งเนี่ย อยากใช้ที่นี่บอกไว้นิดนึงว่า ทุกคนมีความเก่งของตัวเองทั้งนั้นแหละครับ อยู่ที่ว่าเค้าจะหาเจอ และจะเก่งด้านไหนเท่านั้น ความลำบากและความพยายาม มันอีกเรื่องนึง บางคนเก่งใช้สมองด้านซ้าย บางคนเก่งใช้สมองด้านขวา ใช่มั้ยครับ เพราะฉะนั้น มันไม่ได้มีอาชีพหมอเท่านั้นหรอก ครับที่จะเจอแต่ความลำบาก ลองไปดูคนเรียน ป เอก บางคนสิครับ หรือไปดูคนที่ทำงานหนักๆ บางคนสิครับ ดูชาวนาก็ได้ หมอที่ดี คือหมอที่เอาใจคนอื่น มาใส่ใจตัวเองนะครับ อย่าลืม แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 50 20:30:49 จากคุณ : เด็กน้อยกลิ่นวนิลา - [ 19 ม.ค. 50 18:06:54 ]

ความคิดเห็นที่ 156 มาบอกว่าตอนเรียนหมอเรียนหนักจริงๆนะคะ (อันนี้เรียนหนักขนาดน้ำหนักเราเหลืออยู่ 39-40 กิโลเอง )  แต่ก็อาจจะพอๆกับอีกหลายๆคณะหลายๆสาขาวิชาชีพ  แต่ภาระหนักของการเรียนหมออยู่ที่เราต้องเรียนกับชีวิตคนจริงๆ  ไม่ทำไม่ได้เพราะนั่นหมายถึงชีวิตคน    ก็ไม่รู้ว่าพอเป็นหมอแล้วทำงานจะเรียกว่าเหนื่อยแค่ไหน  แต่ก็คงพอๆกับอีกหลายๆสาขาอาชีพ  แต่ก็อย่างที่บอกภาระของหมอคือชีวิตคน   ตอนเราจบแล้วมาทำงาน  เราก็ยอมรับว่าเหนื่อยนะ  นอนน้อยด้วย  แต่ก็ยังสนุกกับการทำงานได้  และคิดว่าเราไหว   จนวันหนึ่งที่เราป่วย  จริงๆก็แค่เป็นไข้หวัดใหญ่   แต่มันเป็นไข้สูงมาก  และปวดร้าวทั่วตัว  จะลุกจากที่นอนเพื่อไปกินยาพาราสักเม็ดก็ทำไม่ได้  เพราะวูบเลย  สุดท้ายก็ได้แต่โทรบอกเพื่อนหมอให้เอา diclofenac มาให้ เพราะทานแล้วไข้ลงเร็วดี  จะได้ไปตรวจคนไข้ได้  แต่สุดท้ายก็ลุกไม่ไหว  จึงนอนต่อจนเที่ยง         แต่เราก็ต้องลุกเพราะหน้าที่เราตรวจคนไข้ที่วอร์ดไม่มีใครไปตรวจแทนได้  หมอทุกคนมีหน้าที่ของตัวเองเจียดเวลาเข้าห้องน้ำยังไม่มี   เพื่อนมารับเพราะเดินไม่ไหวจริงๆ  สุดท้ายไปตรวจคนไข้ที่วอร์ด  ตรวจ 1 -2 เตียงต้องลงมานอนพัก10-15 นาที เพราะมันวูบจะเป็นลมตลอด  แล้วก็ไปตรวจต่อ  ทำอย่างนี้จนครบ 42 เตียง  ตรวจเสร็จมันต้องมีหัตถการที่ต้องทำกับคนไข้อีก  เราไม่ไหวแล้วจริงๆ เพื่อนเลยมาช่วยทำต่อตอนเย็นงานเลิกแล้ว  สุดท้ายแทนที่เราจะได้นอนพัก  เรานอนร้องไห้แทน       ตอนเป็นเด็กเราป่วยเราได้หยุดพักรร. แม่เราคอยดูแล   แต่เวลานี้เราเป็นหมอและป่วยยังไม่สามารถละทิ้งหน้าที่หมอกับภาระชีวิตคนไข้ไปไม่ได้   เราเวทนาตัวเองค่ะ  เพราะสุดท้ายความรู้สึกของเราก็คือผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังป่วยอยากมีคนดูแล  อยากพักผ่อน  เท่านั้นเอง     เหตุการณ์นั้นผ่านไปเราเลยเข้าใจว่าจริงๆเราไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง  แต่เป็นหมอ  ที่ชีวิตนี้มาพร้อมกับความรับผิดชอบต่อชีวิตคนไข้  ที่ไม่มีแม้แต่สักวินาทีที่เราจะทอดทิ้งไปได้    เป็นกำลังใจให้หมอทุกคนนะคะ ที่ยังรักและให้เกียรติกับวิชาชีพของเรา  และยังคงปฏิบัติหน้าที่หมอที่ดีอย่างเต็มความสามารถ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 50 19:07:21 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 50 18:20:12 จากคุณ : Nu~pa-pEE - [ 19 ม.ค. 50 18:17:14 ]

ความคิดเห็นที่ 157 หมอในกบนอกกะลาตอนนี้ แตกต่างจากหมอหลายๆ คนที่เป็นอยู่นะคะ...<b>เป็นหมอรักษาคนที่เป็นโรค </b>มิใช่หมอรักษาโรคที่คนเป็น ความหมายสองคำนี้มันแตกต่างกันนะพี่น้อง..เอาใจช่วยหมอใหม่ทุกๆ คนจ้า... จากคุณ : ฟ้าเดียวดาย - [ 19 ม.ค. 50 18:20:12 ]

ความคิดเห็นที่ 158 โห .. เข้ามาโพสตอนแรก หลังๆกระทู้กลายพันธุ์ซะงั้น ขอบคุณหลายๆมุมมองครับ ที่บอกว่าแพทย์ควรจะเป็นอย่างไร ผมจะนำไปปรับปรุงตัว เพื่อให้เป็นแพทย์ที่ดีต่อไป แต่สำหรับคุณเด็กน้อยกลิ่นวนิลา ผมว่าลองเข้ามาสัมผัสชีวิตนักศึกษาแพทย์ของพวกเราซักเดือนสองเดือนดีกว่าครับ เพราะเพื่อนๆของคุณอาจจะเป็นแค่เปอร์เซนต์เล็กๆของแพทย์ทั้งประเทศ กรุณาอย่าเหมารวมเลยครับ ความจริงรายการกบนอกกะลาตอนนี้ เขาต้องการให้คนภายนอกได้รู้จักชีวิตนักศึกษาแพทย์มากขึ้น ว่าเราเรียนกันอย่างไร มีกิจวัตรประจำวันอะไรบ้าง น่าเสียดายที่เวอร์ชั่นเต็มที่ฉายเฉพาะในคณะ มีภาพกิจกรรมต่างๆอาจจะมากกว่าที่คุณเด็กน้อยกลิ่นวนิลาคิดด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้เผยแพร่ - กรุณาอย่าใช้ความคิดและประสบการณ์ส่วนตัวตัดสินคนทั้งหมดครับ - จากคุณ : Fluorine - [ 19 ม.ค. 50 18:25:40 ]

ความคิดเห็นที่ 159  ...เข้ามาดู จากคุณ : yai-cho - [ 19 ม.ค. 50 18:34:02 ]

ความคิดเห็นที่ 160 เทปคืนนี้ยังเป็นตอนกว่าจะเป็นหมอรึเปล่าครับ เสียดายๆ พลาดไปซะแว้ว..ว.ว จากคุณ : ---> (มิสเตอร์สุดหล่อ) - [ 19 ม.ค. 50 19:00:07 ]

ความคิดเห็นที่ 161 คห.155 อืมมม สะุดุดใจตรงที่คุณบอกว่า หมอเป็นกบในกะลา อันนี้เห็นด้วยครับ หมอไม่รู้จักโลกภายนอกที่อยู่นอกโรงพยาบาลเลย รู้จักแต่เพื่อนร่วมวิชาชีพ หรือไม่ก็วิชาชีพใกล้เคียง ประสบการณ์ในโลกภายนอกน้อยกว่าวิชาชีพอื่นๆแต่เพราะด้วยข้อจำกัดของเวลา และภาระงาน ที่กระดิกกระเดี้ยวตัวไม่ได้เลย งานอื่นเริ่มงาน 8.00 น - 16.30 น แต่หมอ อยู่ตั้งแต่เช้าถึงเช้าของอีกวันหนึ่ง เรียกว่า ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันกันเลย กิจกรรมในมหาลัยก็ต้องงด (จนทำให้เพื่อนคณะอื่นๆ ค่อนขอดว่าไม่ยอมเข้าร่วมกิจกรรม) เพราะถ้าไม่งดก็คือตก ใครที่คิดว่าจะมาเรียนหมอ ก็คิดให้ดีๆ ละกันครับ ถ้าคิดว่าไหวที่จะ 1. ทำดีที่สุด ที่สุดในชีวิต แทบจะเอาชีวิตเข้าแลก ก็ยังโดนด่าว่า โดนฟ้องร้อง 2. สละเวลาส่วนตัวเพื่อประโยชน์สุขของคนอื่น 3. เอาอายุตนเอง ไปต่อให้กับคนอื่น เอาสุขภาพของตนเองไปแลกกับสุขภาพที่ดีของคนอื่น 4. ชอบท่อง ท่องเก่ง จำเก่ง ประยุกต์เก่ง ทำงานเก่ง 5. สามารถอดนอนหลายๆ วันได้ โดยไม่ให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง เพราะถ้าลดลง --> รักษาไม่ได้มาตรฐาน --> โดนฟ้องร้อง 6. มีเพื่อนหรือญาติสนิทเป็นทนายความ ที่สามารถมาว่าความให้คุณได้ ฯลฯ จากคุณ : อังเงียวอนชิ - [ 19 ม.ค. 50 20:18:46 ]

ความคิดเห็นที่ 162 คุณเด็กน้อยกลิ่นวนิลา อาจจะไม่ค่อยชอบเวลาที่เจอหมอบางคนที่ ego สูง ชอบวางตัวว่าตัวเองแน่ คิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น ผมเข้าใจครับ เพราะถ้าเป็นผมเองก็คงไม่ชอบคนประเภทนี้เช่นกัน คนประเภทที่ใช้ความคิดของตนเองมาเป็นบรรทัดฐาน ตัดสินและเหมารวมคนที่แตกต่างจากตัวเองว่าแย่หรือไม่ดี ทุกวันนี้ผมก็เจอบ่อยเหมือนครับ คนที่ชอบเบ่งว่าตัวเองแน่ แล้วก็ออกมาตำหนิวิพากษ์วิจารณ์ว่าคนนั้นแย่คนนี้แย่ ทั้งๆที่ตัวเองก็เก่งอยู่แค่เรื่องของตัวเอง ซึ่งคนเหล่านั้นเนี่ยก็ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะพวกที่เป็นหมออย่างเดียวหรอกครับ คนที่เคยเอ็นท์ติดหมอแต่ตัดสินใจไม่เอาบางคนก็เป็นครับ จริงมั้ยครับ...คุณเด็กน้อยกลิ่นวนิลา จากคุณ : chewzerng - [ 19 ม.ค. 50 20:19:46 ]

ความคิดเห็นที่ 163 ส่วนตัวเราเห็นว่าหมอที่เป็นหมอมานานๆ เกิน 10 ปี ขึ้นไปจะเลิกบ่น เลิกคร่ำครวญ เพราะเข้าใจโลกมากขึ้น และรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ รู้จุดยืน และรู้คุณค่าในตัวเอง อย่างสูง อาชีพอื่นก็หนัก ก็เสี่ยง ก็ยาก ไม่แพ้หมอ แต่อาชีพอื่นไม่มีโอกาสจะได้ทำงานที่ทรงคุณค่าต่อเพื่อนมนุษย์เท่าอาชีพหมอ ........... ถ้าน้องๆ ที่กำลังเรียนหมอ หรือใช้ทุนในแดนกันดาร พยายามคิดให้ได้อย่างนี้ ........ ก็หมดปัญหา ที่สำคัญ ....... อย่ากลัวว่าจะทำผิดพลาด หรือ โดนฟ้อง เพราะถ้าไม่เคยทำผิดพลาดคุณก็ไม่ใช่คนแล้ว !! แต่จะเป็นประโยชน์มากถ้าหากคุณเอาคดีที่โดนฟ้องมาเป็นอุทาหรณ์และระมัดระวัง รอบคอบให้มากขึ้น อาชีพหมอก็ต้องพัฒนาตัวเองตลอดชีวิตเช่นเดียวกับอาชีพอื่นๆ เช่นกัน ขอเป็นกำลังใจให้หมอดีทุกคน อยากบอกให้รู้ว่าเราซาบซึ้งมากเวลาเห็นหมอตั้งใจรักษา (แม้ว่าหมออาจจะกำลัง มึนๆ ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี ก็ตาม ) เราคนนึงแหล่ะที่จะไม่ฟ้องหมอ........แม้ว่าหมออาจจะผิดจริง.......หากว่าหมอทำสุดความสามารถและปฏิบัติต่อคนไข้ด้วยความเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นคนเสมอกัน จากคุณ : จิงๆ - [ 19 ม.ค. 50 20:38:49 A:203.209.121.143 X: TicketID:090687 ]

ความคิดเห็นที่ 164 อืม  กระทู้นี้เห็นหมอ  ว่าที่หมอ  พยาบาลน่ารักหลายคนคะ  รู้มากขึ้นว่าหมอเหนื่อยมากนะ  เป็นกำลังใจให้นะคะ และในกระทู้นี้ก็อีกนั่นแหละ  เห็นหมออีโก้สูงที่มีคนออกมาพูดความจริงแล้วรับความจริงไม่ได้ -_-'  ไล่กัดคนอื่นอีก  เฮ้อ... ไม่ว่าอาชีพไหน  บทจะมีอีโก้ก็มีทั้งนั้นแหละคะ  เฮ้อ... ๆ ๆ ๆ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 19 ม.ค. 50 20:42:30 ]

ความคิดเห็นที่ 165 หนึ่งในกิจกรรมที่ นศพ. เชียงใหม่ ทำกันนะคะ http://www.pantip.com/cafe/gallery/topic/G4940631/G4940631.html (จากงาน CMU Sport day 2549 คะ) จากคุณ : Lyonization - [ 19 ม.ค. 50 21:41:53 ]

ความคิดเห็นที่ 166 รายการนี้น่าจะทำตอน กว่าจะเป็นเภสัชกรบ้างนะ จากคุณ : ผู้ดีอังกฤษ - [ 19 ม.ค. 50 21:53:46 ]

ความคิดเห็นที่ 167 โห ยังมีคนเชื่อว่าเรียนหมอ จำอย่างเดียว อยู่อีกเหรอครับ ไม่ใช่ความจริงหรอกครับ นี่ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องจำนะ แต่หมายความว่า "จำได้ก็ไม่พอ จำไม่ได้ก็อย่าหวัง" คือต้องจำให้ได้ หลังจากนั้นก็ต้องคิดให้ได้อีก ส่วนเรื่องที่หมอไม่มีเวลามาสนใจโลกภายนอกนี่ สงสัยเล็กน้อยว่า เป็นความผิดของพวกเขาเหรอครับ จากคุณ : มูแอน - [ 19 ม.ค. 50 22:03:12 ]

ความคิดเห็นที่ 168 มาเก็บข้อมูลๆๆ..อีกไม่นานจะขึ้นปีสี่ละ..จะเป็นนศพ.ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ.. ตอนแรกไม่ปลื้ม รายการกบนอกกะลา ตอนนี้เท่าไหร่ค่ะ..เพราะรู้สึกว่ายังมีเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเหล่า นศพ. อีกเยอะที่ไม่นำมา..รู้สึกเหมือนปิดบังข้อมูล แต่ตอนนี้กลับรู้สึกดีขึ้นเมื่อหลายคนเข้าใจวิชาชีพนี้มากขึ้นค่ะ...ขอบคุณนะคะ จะเป็นหมอที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ.. จากคุณ : มิโนริ - [ 19 ม.ค. 50 22:24:50 ]

ความคิดเห็นที่ 169 รู้แต่ว่า ตอนนี้พ่อเรายังป่วยอยู่ รพ.จุฬาฯ หมอ+พยาบาลทุกคนทุ่มเทมาก เอาใจใส่ตลอดเวลา ซึ้งจนอยากกราบเท้าเลยค่ะ จากคุณ : Have a wonderful day ! - [ 19 ม.ค. 50 22:26:01 ]

ความคิดเห็นที่ 170 เป็นกำลังใจให้กับอาชีพหมอนะครับ คงมีแค่หมอกับทนายเท่านั้น ที่ต้องพบเจอแต่เรื่องแย่ๆ เรื่องทุกข์ร้อนของผู้อื่นที่เข้ามาทุกๆวัน ไม่เคยมีเรื่องที่ดีหรือสุขเข้ามาเลย สู้ต่อไปคับ จากคุณ : THe eFFeCT - [ 19 ม.ค. 50 23:01:43 ]

ความคิดเห็นที่ 171 สู้ต่อนะครับ คุณหมอทุกท่าน จะบอกว่า ผมไม่เคยคิดอยากจะเป็นหมอเลย เพราะผมไม่ชอบเห็นเวลาคนอื่นเป็นทุกข์ จากคุณ : ผู้หวังร้าย - [ 19 ม.ค. 50 23:12:24 ]

ความคิดเห็นที่ 172 มีหมอและก็ว่าที่คุณหมอมาตอบเยอะเชียว เฮ้อ อ่านกระทู้นี้แล้วก็รู้ตัวว่าเรานี่ไม่มีคุณสมบัติของการเป็นหมอแน่ ๆ แต่ อ๊ะ! มันหมดสิทธิ์ไปตั้งนานแล้วนี่นา ขอให้คุณหมอและว่าที่คุณหมอทุกคนสู้ต่อไปนะครับ ^ ^ จากคุณ : Mr.Learning - [ 19 ม.ค. 50 23:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 173 คุณ เด็กน้อยกลิ่นวนิลา นี่ อืมม ไม่รู้จะพูดยังไงดี เอาเป็นว่า คุณนั่นแหละครับที่เป็นตัวอย่างของคำว่า "ego จัด" ที่ชัดเจนที่สุดในกระทู้นี้เลย เหตุผลก็เพราะว่าคิดว่าตัวเองรู้ดีที่สุด ในขณะที่คนอื่นๆ ไม่รู้อะไรเลย ผมว่าคนเราถ้าจะว่าอะไรใครควรจะพิจารณาตัวเองให้รอบคอบก่อน ว่ามั้ยครับคุณเด็กน้อยฯ เสียดายกระทู้ดีๆ กระทู้นี้จังเลย จากคุณ : ruiN - [ 19 ม.ค. 50 23:43:10 ]

ความคิดเห็นที่ 174 #163 สะดุดกับประโยคนี้อย่างแรงครับ "อาชีพอื่นไม่มีโอกาสจะได้ทำงานที่ทรงคุณค่าต่อเพื่อนมนุษย์เท่าอาชีพหมอ" เพราะประโยคอย่างนี้แหละครับ ทำให้หมอถึงโดนยกไว้สูง ego ก็สูงตาม ผมว่าอาชีพไหนก็ทำประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ได้เหมือนกันแหละครับ ชาวนาปลูกข้าวให้เรากิน ถ้าไม่มีชาวนา เราก็อดกินข้าว วิศวะสร้างเขื่อนเก็บน้ำ เอาไว้ให้ชาวนาทำนา พี่ปอเก็บศพ ก็ทำประโยชน์เหมือนกัน แม้แต่น้กร้อง ดารา ก็สามารถทำประโยชน์ได้เหมือนกัน ถ้าคุณเป็นหมอ รักษาคนแล้วไม่เก็บตังสิ อย่างนั้นถึงจะทำประโยชน์ให้เพื่อนมนุษย์ คนที่บอกว่า เป็นหมอแล้วได้ตังเยอะ จริงครับ จบใหม่ เปรียบเทียบเงินเดือนที่ได้ มันต่างกันจริงๆ (ข้างบนที่บอกว่าน้อย ผมว่าจริงๆมันไม่น้อยนะ ถ้าเทียบกับคนที่จบใหม่ๆ เหมือนกัน) นศ แพทย์จบใหม่ มาใช้ทุน ใช้สักพัก พอหมด ก้ย้ายเข้าเอกชนเกือบหมดล่ะครับ ไม่ก็มาเปิดคลินิคไปด้วย ทำงาน รพ รัฐไปด้วย จะมีสักกี่คนครับ ที่ทำแต่ รพ รัฐ จะมีสักกี่คนครับ ที่ตั้งใจรักษาคนป่วยโดยสนใจ รายได้ที่น้อยนิด ไม่เชือไปดูอัตรา แพทย์ต่อ รพ รัฐ ในชนบทดูได้ครับ บางที่ มีแค่ 2 คน คือ ผอ กับ รอง ผอ พอโตขึ้นภาระมันก็เยอะ อันนี้เข้าใจครับ ที่บ่นๆ ว่าลำบากอย่างนู้น อย่างนี้ เดี๋ยวก็สบายครับ ถ้าเข้า รพ เอกชนได้ ความตั้งใจเอาใจใส่ ที่จะรักษาคนไข้ มันก็หมดไปตามภาระครอบครัวที่เพิ่มขึ้น  (this is fact, man. just accept it) เข้าใจว่าพวกหมอๆ ข้างบน คงเป็นพวกจบใหม่ ไม่ก็กำลังจบ คงกำลังไฟแรง อันนี้เข้าใจ ถ้ามาอ่าน ที่ผมเขียนแล้วไม่สบายใจ ก็ขออภัย แต่มันเป็นเรื่องจริง ที่เจอมากับตัวเอง ถ้าคุณจะไม่เป็น อย่างที่ผมว่า ผมขอสรรเสริญ และยกย่องครับ ผม ego ไม่สูงหรอกครับ อย่างที่บอก it is a fact เวทีเปิดกว้าง เชื่อไม่เชื่อ แล้วแต่ผู้อ่าน ผมอ้างว่า มันน่าจะเป็นส่วนมาก อย่างน้อยก็ส่วนมากที่ผมเจอ อย่างน้อยๆ ผมอยู่กับหมอมาจะ 30 ปี it must tell somethings. แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 50 00:35:36 จากคุณ : เด็กน้อยกลิ่นวนิลา - [ 20 ม.ค. 50 00:29:20 ]

ความคิดเห็นที่ 175 อย่าเป็นหมอเพราะเห็นเป็นอาชีพสูง อย่าเป็นหมอเพราะคนจูงให้เข้าหา อย่าเป็นหมอเพราะชื่อเสียงและเงินตรา อย่าเป็นหมอเพราะบุพการีให้เป็น จงเป็นหมอเพราะจิตวิญญาณมี จงเป็นหมอที่ดีไปทุกหน จงเป็นหมอที่พร้อมช่วยเหลือคน จงเป็นหมอที่พลีตนเพื่อประชา อย่าเป็นหมอเพราะมีคนกราบไหว้ อย่าเป็นหมอให้เขารู้ว่า ku เจ๋ง อย่าเป็นหมอเพราะไม่มีอะไรเป็น อย่าเป็นหมอเพราะดูเด่นกว่าใครๆ จงเป็นหมอเพราะเป็นด้วยใจรัก จงเป็นหมอเพราะอยากช่วยคนทุกข์เข็ญ จงเป็นหมอที่สมหมอควรจะเป็น จงเป็นหมอที่ดีเด่นจนวันตาย จากคุณ : asfd (Marty) - [ 20 ม.ค. 50 00:47:20 ]

ความคิดเห็นที่ 176 อีกนิดแล้วกันนะครับ ไหนจะโดนด่าล่ะ คนที่จบม6 จะเรียนต่อหมอ เรียนต่อด้วยเหตุผลใดครับ 1. เรียนเก่ง มีความสามารถพอจะเข้าได้ เพราะ คณะแพทย์ เป็นคณะยอดนิยม มีแต่เด็กเก่งๆทั้งนั้น เลยต้องตามกระแส (แน่ล่ะ เรียนเก่งซะขนาดนั้น จะไปเข้าคณะอื่นก็น่าเสียดาย) 2. เพราะรู้ว่า เป็นหมอ ไม่อดตายแน่นอน อย่างน้อยๆ ก็มีกิน มากกว่าครึ่งหนึ่ง ของคนที่เข้าคณะแพทย์ ต้องมีหนึ่งในสองข้อนี้แน่นอน อย่างว่าผมทำเป็นรู้ดีเลยนะครับ เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ อย่างที่บอก it is a fact man, just accept it จะมีสักกี่คน ที่มีอุดมการณ์แรงกล้า เข้าเรียนหมอ โดยหวังว่าจะได้ทำประโยชน์เพื่อเพื่อนมนุษย์ และไม่หวังสิ่งตอบแทน มันคงมีบ้างล่ะครับ แต่จะสักกี่เปอร์เซ็นต์ ขอบอกไว้อีกที ผมไม่มีความแค้นกับหมอนะครับ เพราะคนในบ้านก็เป็นหมอ จากคุณ : เด็กน้อยกลิ่นวนิลา - [ 20 ม.ค. 50 00:57:13 ]

ความคิดเห็นที่ 177 ชื่นชม ชื่นชม คนรอบข้างและคนในบ้านก็เป็นหมอเหมือนกัน (ถึงแม้จะไม่มีอุดมการณ์แรงกล้า แต่ก็ทำประโยชน์แก่สังคม  ไม่เอาความรู้ไปใช้อย่างผิด) ชื่นชม แต่น่าจะมี กว่าจะเป็นสถาปนิกบ้างเนอะ จากคุณ : สถาปนิก น้อยๆ (su-rreal) - [ 20 ม.ค. 50 01:11:16 ]

ความคิดเห็นที่ 178 รอดูว่าที่หมอ คห. 61 แต่ไม่เห็นซักที T__T สงสัยไม่มีบุญ - Yours are the sweetest eyes I've ever seen - จากคุณ : Seraphyros DeCameron - [ 20 ม.ค. 50 02:59:48 ]