ความคิดเห็นที่ 1 16-อย่างไรก็ตามผู้ที่พยายามผลักดันเฉินหลงมากที่สุดเห็นจะเป็น หลอเหว่ย ที่สร้างหนังให้เขาเป็นดารานำ หลายต่อหลายเรื่อง อาทิ เช่น To Kill With Intrigue (1976), The Killer Meteors (1976), Shaolin Wooden Men (1976), New Fist Of Fury (1976), Dragon Fist (1978) เฉินหลงบอกว่าหนังเหล่านี้ไม่เป็นที่น่าประทับใจเพราะพยาม โปรโมทว่าเขาจะเป็น บรูซ ลี คนใหม่มากเกินไป จนคนไปคาดหวังอะไรผิดๆ บนโปสเตอร์ คำว่า Bruce Lee ตัวใหญ่กว่าคำว่า Jackie Chan ซะอีก 17-ถึงแม้ เฉินหลง และหลอเหว่ย จะร่วมสร้างหนังด้วยกันหลายเรื่องแต่ ที่ดับมีมากกว่าดัง ที่ประสบความเสร็จ และน่าจดจำ กลับเป็นหนัง ไอ้หนุ่มหมัดฮา หรือ The Fearless Hyena (1979) ที่เฉินหลงแสดงนำ และกำกับเองโดยเป็นงานกำกับเรื่องแรกของเขา ส่วนหลอเหว่ย ถอยไปอำนวยการสร้างอย่างเดียว 18-วี่แววความรุ่งเรืองของเฉินหลงมาถึงจนได้ในปี 1978 กับหนังเรื่อง Snake in the Eagle's Shadow หรือ ไอ้หนุ่มพันมือ อู๋ซีหยวน เป็นผู้เห็นแววและสร้างหนังเรื่องนี้ โดยให้ หยวนวูปิง กำกับ จากดารากังฟูที่มีหนังเจ๊งเป็นส่วนใหญ่ เฉินหลงก้าวพ้นเงาของบรูซ ลี ด้วยการผสมความตลกโปกฮา ลงไปในฉากบู๊ จนโด่งดังไปทั่วเอเซีย 19-แต่ก่อนที่เฉินหลงจะได้แสดงใน ไอ้หนุ่มพันมือ อู๋ซีหยวนเคยอยากได้ ฟู่เซิง มากกว่า แต่อย่างที่ทราบ ช่วงนั้นตารางงานของฟู่เซิง กับชอว์บราเดอร์เน้นเอี๊ยด จนเป็นไปไม่ได้ ที่จะมารับงานนอกให้กับ อู๋ซีหยวน ตัวเลือกที่สองอย่างเฉินหลงเลยถูกพิจารณาแทน 20-หลังจากไอ้หนุ่มพันมือ ทั้งสามประสาน เฉินหลง หยวนวูปิง และอู๋ซีหยวน กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง ในงานที่ มันกว่าเดิมฮากว่าเดิม และดังกว่าเดิม ใน ไอ้หนุ่มหมัดเมา หรือ Drunken Master (1979) 21-มีหนังดังติดกันถึง 3 เรื่อง (The Fearless Hyena, Snake in the Eagle's Shadow, Drunken Master) เฉินหลงกลายเป็นดารา ที่มาแรงที่สุดในฮ่องกง เขาออกจากบริษัท ของอู๋ซีหยวน สู่ Golden Harvest ที่นี่เฉินหลง ร่วมกับผู้อำนวยการสร้าง Lenard Ho สร้างผลงานฮิตๆ มากมาย 22-ผลงานเรื่องแรกของเฉินหลงกับ Golden Harvest ก็คือ The Young Master (1979) หนังทำลายกำแพง 10 ล้านเหรียญฮ่องกง ได้สำเร็จ และกลายเป็นจุดเริ่มต้น แห่งประเพณี "หนังตรุสจีน" ของเฉินหลง ที่มักจะออกฉายในช่วงตรุษจีนของทุกปี 23-The Young Masterเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ และการร่วมมือกันยาวนานของเฉินหลง กับ Golden Harvest  กว่ายี่สิบปีที่สร้างให้เฉินหลงดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็น ตำนานอย่างทุกวันนี่ แต่ย้อนกลับไปในวันนั้นอีกครั้ง จุดเริ่มต้นนี้เกือบเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะว่าระหว่างการถ่ายทำ เฉินหลงต้องประสบกับวิกฤติในเรื่องเกี่ยวกับสัญญา เพราะก่อน หน้านั้นไม่นานมีข่าวว่า เฉินหลงได้เซ็นสัญญา เข้าสังกัดของผู้กำกับหลอเหว่ยไปแล้ว ที่จะเป็นปัญหาเรื่องกฏหมายทันทีเมื่อ The Young Master ถ่ายทำเสร็จ และออกฉาย ปัญหาคาราคาซังอยู่นาน 24-จนกระทั่ง หวังหยู่ ดารากังฟูผู้ยิ่งใหญ่ เป็นคนเข้ามายุติข้อขัดแย้งระหว่าง หลอเหล่ย และเรย์มอน เชา แห่งบริษัท Golden Harvest ที่หวังอยู่มีความสัมพันธ์ที่ดีด้วยต่อทั้งสอง สุดท้ายปัญหาก็ยุติลง หลอเหว่ย ตกลงที่จะให้เฉินหลงไปอยู่กับบริษัท Golden Harvest ด้วยดี หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่ทุกคนได้รับรู้ หลอเหว่ยแทบจะไม่พบกับความสำเร็จ ในอาชีพผู้กำกับ หรืออำนวยการสร้างอีกเลย ส่วนเฉินหลงก็๋กลายเป็นเฉินหลงอย่างที่เรารู้จักกัน โดยเขาก็ยังรู้สึก เป็นหนี้บุญคุณ หวังหยู่ เสมอมา เมื่อหวังหยู่จะสร้างหนังเฉินหลง ก็ยินดีที่จะมารับบทในหนัเรื่องFantansy Mission Force (1981), Island On Fire (1989) ถึงแม้มันจะไม่ได้เป็นหนังที่มีฟอร์ม หรือช่วยเพิ่มชื่อเสียงของเฉินหลงดีขึ้นมาแต่อย่างไร 25-เฉินหลงเริ่มโกอินเตอร์มาตั้งแต่ยุค 80 แล้ว โดยมีหนังเรื่อง The Big Brawl (1980)เป็นหนังอเมริกันเรื่องแรก ของเขาด้วย แต่ The Big Brawl ไม่ประสบความสำเร็จนัก 26-เฉินหลงถือว่าดังเทียบรุ่นบรูซ ลี ได้แล้ว ทั้งสองจึงถูกเปรียบเทียบกันตลอดเวลา ใครเจ๋งกว่ากัน?สู้กันจริงๆ ใครจะชนะ? หรือ คำถามประเภทเดียวกันนี้ คนใกล้ชิดเฉินหลงเคย บอกไว้ว่า ถ้าได้คุยกับเฉินหลงจริงๆ ก็อย่าถามถึงบรูซ ลี เลย ไม่ใช่เพราะเฉินหลงจะโกรธ หรืออารมณ์เสียอะไรทำนองนั้นหรอก แต่ตอบมา 30 ปีจนเฉินหลงเบื่อที่จะตอบแล้ว 27-นอกจากบรูซ ลี แล้วเฉินหลงยังถูกเปรียบเทียบกับ ฟู่เซิง ในฐานนะเจ้าพ่อหนังกังฟูตลกเหมือนกัน  (ซึ่งในความเห็นผม เฉินหลงเหนือกว่าในเรื่องคิวบู๊ แต่เรื่องลูกฮา ฟู่เซิง นั้น ฮากว่า และเป็นแบบฉบับคลาสสิคของตัวเองมากกว่า ที่แม้แต่เฉินหลงยังแอบเลียนแบบ) หลี่เหลียงเจี๋ย (Jet Li) ดารากังฟูจากแผ่นดินใหญ่ หนังเรื่องหวงเฟยหงของหลี่เหลียงเจี๋ย ถูกเฉินหลงวิจารณ์ว่า คงเอาดีได้เฉพาะในฮ่องกง แต่ต่างประเทศไม่น่าจะไปรอด เพราะฝรั่งคงจะไม่รู้จักว่าหวงเฟยหงคือใคร  แต่จนแล้วจนรอด หวงเฟยหงก็ไปได้ดีในตลาดต่าง ประเทศ ส่วนอนาคตของหลี่เหลียงเจี๋ยในตลาดหนังฝรั่ง ดูจะไปได้ดีกว่า เฉินหลงซะอีก ล่าสุด ก็คือ จา พนม (Tony Jaa) ดาราแอ็คชั่นชาวไทย ที่ได้รับอิทธิพลมาจากเฉินหลงนั้นเอง ล่าสุด จา พนม ก็เพิ่งปฏิเสธ ในการร่วมงานกับเฉินหลงใน Rush Hours 3 ไป เพราะจาติดถ่าย องค์บาก 2 และจาก็เสียดายโอกาสนี้มาก ๆ 28-เห็นลุยๆ แบบนี้ แต่เฉินหลงก็เคยผ่านการทำศัยกรรมมาเหมือนกัน ในปี 1976 เฉินหลงได้เข้าผ่าตัดเพื่อทำ ตาสองชั้น เพื่อให้หน้าตาดู "อินเตอร์" มากขึ้น โดยหนังเรื่องสุดท้าย ที่เราจะเห็นเฉินหลงในแบบเดิมๆ ก็คือ Shaolin Wooden Men (1976) 29-เฉินหลงพยายามโกอินเตอร์หลายรอบมาก The Big Brawl (1980) The Protector (USA 1985) รวมถึง Cannon Ball Run ทั้งสองภาค ทั้งหมดล้มเหลว จนเฉินหลงแทบถอดใจ เขาตั้งปณิพานไว้ว่าต่อไปนี้จะไม่พยายามอีกต่อไป โดยพยายามทำให้ในฮ่องกงให้ดีที่สุด ถ้าฮอลลีวูดเห็นคุณค่าในตัวเขาโอกาสก็จะเป็นฝ่ายเดินมาหาเอง 30-ดาราที่เฉินหลงประทับใจ กลับไม่ใช่ดารากังฟู หรือดาราหนังจีนที่ไหน แต่เป็นดาราตลกขาวดำอย่าง Charlie Chaplin, Buster Keaton, และ Harold Lloyd ที่เป็นแรงบัลดาลใจ ของเฉินหลงบูชา และแสดงออกถึงความเคาพร ดาราเหล่านี้ ด้วยการหยิบฉากต่างๆ ในหนังของพวกเขา มาใส่ในหนังของตัวเอง จากคุณ : กลางแปลงแมน - [ 1 มิ.ย. 50 21:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 31-เฉินหลงมีฉากดังๆ มากมาย ที่คนจำได้มากที่สุดก็คือฉาก "หอนาฬิกา" ใน Project A ที่เฉินหลงต้องร่วงลงมาจากหอนาฬิกาสูกว่า 10 เมตร กระแทกกันสาดแล้วร่วงลงมา กระแทกพื้นซ้ำอีกที ผลคือเฉินหลงได้รับบาดเจ็บสาหัส และสลบไปพักใหญ่ ฉากนี้ได้รับแรงบัลดาลใจมาจาก ฉากในหนังเรื่อง Safety Last! (1923) ของดาราตลกหนังขาวดำ Harold Lloyd แสดงออกให้เห็นความชอบในหนังตลากขาวดำได้ เป็นอย่างดี 32-ในหนังอเมริกันของเฉินหลงเรื่อง Cannonball Run II (1984) เฉินหลงยอมรับว่ารับงานแสดงเรื่องนี้ ก็เพราะต้องการทำหนังให้ครบตามสัญญาที่เซ็นไว้กับ Warner Brothers จะได้จบๆ กันไปซะที 33-การแสดงหนังที่พูดภาษาอังกฤษในช่วงแรกของเฉินหลงนั้น เขายังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย บทพูดทั้งหมดในหนัง ใช้วิธีท่องจำเอาแบบนกแก้ว นกขุนทอง 34-เฉินหลงไม่เคยกลัวที่จะเสียงตาย แต่กลับกลัวเข็มฉีดยา นอกจากนั้นยังไม่ชอบหมดฟัน เพราะฝังใจตั้งแต่สมัยยังเด็กในตอนที่ไปทำฟัน 35-เฉินหลงยอมรับอย่างภาคภูมิใจว่า "ผมใช้สตั้นแมน" ฉากที่จะใช้สตั้นก็คือ ฉากที่เฉินหลงทำไม่ได้ เขายกตัวอย่างเช่น "ถ้าจะให้ตีลังการอบนึงผมทำได้ แต่ถ้าซักสามรอบก็ต้อง ใช้สตั้นแมน" หยวนเปียวเพื่อนซี้ของเฉินหลงที่โดดเด่น ในเรื่อง หกคะแมนตีลังกา ก็เคยแสดงฉากสตั้นให้เฉินหลงมาแล้วด้วย 36-ในการถ่ายทำหนังเฉินหลงผ่านการบาดเจ็บมามากมายนับครั้งไม่ถ้วน ถ้าลองประมวลดูก็ได้แก่ ศรีษะ - สมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างแรงจากหนังเรื่อง Armour of God, ได้รับความกระทบกระเทือนจน หมดสติใน Hand of Death หู - ในอุบัติเหตุครั้งเดิมใน Armour of God หูข้างซ้ายของเฉินหลง มีประสิทธิภาพทางการได้ยินน้อยลง ตา - หางคิ้วบาดเจ็บ และเกือบตาบอดใน Drunken Master (ไอ้หนุ่มหมัดเมา) จมูก - จมูกใหญ่ๆ ของเฉินหลงเคยหักมาสองครั้ง ใน Young Master, Project Aและเกือบๆ หักใน Mr. Nice Guy แก้ม - กระดูกแก้มเคลื่อนใน Police Story 3 ฟัน - ฟันหักไปหนึ่งซี่ โดยการแตะของ Hwang Jang Lee ใน Snake in the Eagle's Shadow คาง - ใน Dragon Lord ที่เฉินหลงกำกับเอง เขาบาดเจ็บคางจนเจ็บแม้กระทั่งเวลาพูด ซึ่งทำให้เกิดปัญหามากเวลาต้องกำกับหนัง ส่วนการแสดงไม่สามารถทำได้เลย ช่องคอ - จากการเกิดอุบัติเหตุในการถ่ายทำเรื่อง Young Master คอ - เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ครั้งที่หนังที่สุดก็คือฉาก "หอนาฬากา" ใน Project A และจากการถ่ายฉากตีลังกาใน Mr. Nice Guy ใหล - เจ็บไหลจาก City Hunter มือ - จาก The Protector ที่เฉินหลงเจ็บมือ และกระดูกนิ้วร้าว แขน - ในเรื่อง Snake in the Eagle's Shadow ฉากต่อสู้กับดาบ เกิดอุบัติเหตุ จนดาบไปเฉือนเนื้อของเขาเข้าจริงๆ จนเลือดพุ่งออกมา แต่กล้องก็ยังถ่ายต่อไปและมีอยู่ในหนังเลย หน้าอก - ฉากที่เฉินหลงต้องถูกห้อยด้วยโซ่ใน Armour of God II: Operation Condor ทำให้กระดูกหน้าออกเคลื่อน หลัง - เกิดขึ้นบ่อยๆ ในหนังของเฉินหลง โดยเฉพะใน Police Story ในฉากที่เฉินหลงสไลด์ตัวลงมา จากเสา เกือบทำให้เขาเป็นอัมพาตเลย เพราะกระดูกสักหลังเกือบหัก กระดูกเชิงกราน - ในฉากเดียวกับข้างบนกระดูกเชิงกรานของเฉินหลงเคลื่อน ขา - ขาหนังใน Crime Story จากอุบัติเหตุจากรถ เข่า - เข่าก็เป็นอีกส่วนที่หักเป็นประจำ ครั้งที่รุนแรงที่สุดก็คือ ฉากสเก็ตบอร์ดใน City Hunter เท้า - เฉินหลงเท้าหักในฉากที่ต้องกระโดดลงไปใน hovercraft ในหนังเรื่อง Rumble in the Bronx หนังจากไปเขาเฝือกมาเฉินหลงก็กลับไปแสดงทั้งๆ ขายังอยู่ในเฝือกอย่างงั้นเลย 37-รายชื่ออุบัติเหตุเป็นห่างว่าวทำให้ เฉินหลงไม่สามารถทำ ประกันตลอดชีวิตได้ 38-นอกจากจะทำหนังแล้วเฉินหลงยังชอบดูด้วย หนังที่เขาชอบก็เช่น Gone with the Wind(1939), Singing in the Rain (1951), and The Matrix (1999). 39-ใน Cannon Ball Run เฉินหลงได้บทเล็กๆ ที่เขารับเล่นไปโดยไม่รู้เลยว่าตัวเองได้แสดงเป็นคนญี่ปุ่น สร้างความหัวเสียให้กับเฉินหลงพอสมควร 40-ถึงแม้ผลตอบรับของ Cannon Ball Run จะออกมาไม่ดีนัก แต่เฉินหลงก็หยิบยืมเอาเทคนิค การใช้ภาพหลุด ที่มีในหนัง Cannon Ball Run มาใช้บ้างในหนังฮ่องกงของตัวเอง ที่มีทั้งฉากฮาๆ และอุบัติเหตุในการถ่ายทำ จนคนดูชอบกันมาก และกลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเฉินหลงไปเลย 41-เป็นเรื่องปกติที่หนังของเฉินหลงเมื่อถูกซื้อไปขายยังตลาดตะวันตก จะถูกเปลี่ยนชื่อใหม่แทบไม่เกี่ยวกับเนื้อหาของหนัง 42-ใน ช่วงแรกๆ ของการทำงาน เฉินหลงถูกครหาว่าพยายามจะเป็นบรูซ ลี จริงๆ ก็ไม่ถือว่าแปลกเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะแสดงหนังโดยผู้กำกับที่กำกับหนังให้บรูซ ลี อย่างหลอเหว่ย แล้ว เขายังเล่นหนังคู่กับนางเอก คู่ขวัญของ บรูซ ลี เหมียวเค่อซิ่ว ถึง 3 เรื่อง 43-ความรู้สึกเกี่ยวกับงานของตัวเอง Miracles เป็นงานที่เฉินหลงภูมิใจมากที่สุด, ส่วน Police Story เป็นงานที่เขาชอบที่สุด คิวบู๊ที่ดีที่สุดในความคิดของเฉินหลงก็คือ ฉากจบของ Drunken Master 2 และฉากในสวนสาถารณะของ Police Story ส่วนงานที่ห่วยที่สุดก็คือ Killer Meteors และ 'To Kill with Intrigue 44-ในงานตุ๊กตาทองฮ่องกง เฉินหลงเคยได้รับรางวัล Professional Achievement Award ส่วนรางวัลปกติได้ชิงทั้งหมด 15 หนจากทั้งการกำกับ แสดง และกำกับคิวบู๊ ชนะทั้งหมด ได้รางวัล 3 ครั้ง จากการกำกับคิวบู๊ใน Who Am I? กับ Rumble in the Bronx และรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมสำหรับหนังเรื่อง Rouge ที่เขาอำนวยการสร้าง 45-นอกจากนั้นเฉินหลงยังได้รับเงินอีกมากมาย ทั้ง Kids' Choice Awards, MTV Movie Awards, Teen Choice Awards, World Stunt Awards จากคุณ : กลางแปลงแมน - [ 1 มิ.ย. 50 21:20:27 ]

ความคิดเห็นที่ 3 46-หนังเรื่อง Wheels on Meals เปลี่ยนไปใช้ชื่อนี้แทนที่จะเป็น Meals on Wheels ก็เพราะว่า หนังที่ขึ้นต้นด้วย "M" ของ Golden Harvest นั้นเจ๊งอย่างต่อเนื่อง 47-ลำดับภาคของ Armour of God 1กับ Armour of God 2 : Operation Condor จะซับสนเล็กน้อย เพราะเมื่อไป-ขายเป็น VDO ที่อเมริกา ภาคสองได้วางขายก่อน และถูกเรียกว่า Operation Condor หนังขายดี ทางอเมริกาจึงซื้อภาคแรกไปขายด้วย แต่เมื่อวางทีหลังเลยต้องตั้งชื่อว่า Operation Condor 2: The Armour of Gods 48-หนังเรื่อง วิ่งสู้ฟัด หรือ Police Story ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญอีกครั้งของเฉินหลงเพราะเป็นหนังที่ทำให้เขา หลุดจากภาพ ของดารากังฟูแบบเชยๆ มาเป็นดาราแอ็กชั่น แบบเต็มตัว บางคนจะเรียกยุครุ่งเรื่องของเฉินหลงในยุค 80 ว่า Post Police Story 49-ฉากที่เด่นที่สุดฉากหนึ่งใน วิ่งสู้ฟัด ก็คือ ฉากรถลงเนินบดขยี่สลัมที่ตั้งอยู่ ตามทางลาดเขา ฉากนี้ถูก นำมาทำใหม่ ในเชิงบูชาในหนังเรื่อง เกิดมาลุย (2002, พันนา ฤทธิไกร), และ Bad Boy 2 (2003, Micheal Bay) 50-วิ่งสู้ฟัด หรือ Police Story ประสบความสำเร็จอย่างสูง เลยมีภาคต่อออกมาหลายภานอกจากนั้นหนังที่เกี่ยวกับตำรวจ ของเฉินหลงก็ดูจะต้องใช้คำว่า วิงสู้ฟัด และ Police Story ไปซะหมด รวมภาคต่อของหนังชุดนี้ ทั้งที่ต่อกันด้วยเนื้อเรื่อง และต่อกันด้วยชื่อก็น่าจะมี Police Story, Police Story 2, Police Story 3: Super Cop, Crime Story (ในบางประเทศ จะใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า New Police Story, ส่วนชื่อไทยของเรื่องนี้คือ วิ่งสู้ฟัด ภาคพิเศษ), First Strike (ภาคต่อจริงๆ ของวิ่งสู้ฟัด ในไทยใช้ชื่อว่า ใหญ่ฟัดโลก 2 ตามหนังเรื่อง ใหญ่ฟัดโลก Rumble In The Bronx ที่กำลังดังในขณะนั้น นอกจากนั้นในตลาดตะวันตกเรื่องนี้ก็ทำการเปลี่ยนชื่อพระเอก และทำเหมือนว่าเป็นหนังเรื่องใหม่เลย ไม่ใช่ภาคต่อ) 51-เฉินหลงเคยบาดเจ็บมาแล้วหลายครั้งในหนัง แต่ใน First Strike(ใกญ่ฟัดโลก 2) สตั้นแมนในเรื่องถึงขั้นเสียชีวิตเลย ในฉากไล่ล่าด้วยสกี ทำให้เฉินหลงรู้สึกแย่เป็นอย่างมาก 52-ชื่อของสามหนุ่มเพื่อนซี้ เฉินหลง หงจินเป่า หยวนเปียว กลายเป็นเครื่องหมายการค้า ทั้งสามร่วมงานกัน 6 เรื่อง ได้แก่ Winners and Sinners, Project A, Wheel On Meals, The lucky Stars, Twinkle Twinkle Lucky Stars, และ Dragon Forever เป็นเรื่องสุดท้าย 53-ถึงแม้ชื่อของ เฉินหลง หงจินเป่า หยวนเปียว จะหยุดอยู่ที่ Dragon Forever เท่านั้น แต่ทั้ง 3 ก็ยังได้ร่วมงานกันอีกเป็นประจำ หงจินเป่า มาช่วยกำกับคิวบู๊ใน Mr. Nice Guy, Madellion ส่วนหยวนเปียวก็โผล่มาในบทรับเชิญ ใน Miracles และ Shang Hai Noon 54-เฉินหลง หงจินเป่า หยวนเปียว คุยกันเป็นภาษาแมนดาริน เพราะเป็นภาษาที่ใช้กันมาตั้งแต่เป็นเด็กในโรงเรียนอุปรากรณ์ของจีน 55-เฉินหลงร่วมงานกับ นางเอกมาแล้วเกือบทั้งฮ่องกง ตั้งแต่ จางม่านอวี้ หลินชิงเสีย หวังจู่เสียน ซิวซู่เจิน กวนจื่อหลิน เรียกว่าใช้นางเอกเปลืองมาก แต่คนที่เข้าขากับเฉินหลง มากที่สุดเห็นจะเป็น เหมยเยี่ยฟาง ที่เล่นเป็นทั้งแฟนใน Miracles(ฉีจี้)  และเป็นแม่ใน Drunnken Master 2 (ไอ้หนุ่มหมัดเมา 2)มาแล้ว 56-นอกจาก หงจินเป่า และหยวนเปียวแล้ว พี่ๆ น้องๆ ที่ได้มาร่วมงานกับเฉินหลงอีกก็มีหยวนหัวในบทเสือดำ ใน Police Story 3 และ Corey Yuen ที่มากำกับคิวบู๊ในหนังของ เฉินหลงในบางเรื่อง 57-ร่วมงานกับสาวๆ มากมายแต่นางเอกคนเดียวที่ดูจะบู๊ได้สูสีกับเฉินหลงก็คือ หยังจื่อฉุน (Michelle Yeoh) ใน Police Story 3 อันที่จริง เป็นเฉินหลงเนี่ยแหละที่ชักนำให้ หยังจื่อฉุน เข้าสู่วงการ ปี 1984 เมื่อเธอมีโอกาสได้ถ่ายโฆษณาร่วมกับเฉินหลง งานโฆษณาครั้งนั้นถือว่าสร้างชื่อเสียงให้กับ Michelle Yeoh ได้อย่างมากมาย จนกระทั่งบริษัทผลิตภาพยนตร์ จากฮ่องกง D&B Films มาติดต่อให้เธอลองรับงานแสดงดูบ้าง หลังจากแต่งงานกับเจ้าของบริษัท D&B Films ที่ชื่อว่า Dickson Poon หยังจื่อฉุนก็ออกจากวงการไป จนกระทั่งทั้งคู่ หย่าขาดกัน ก็เป็นเฉินหลงอีกนั้นแหละที่ชวน หยังจื่อฉุน ให้มาร่วมงานกันจนโด่งดังถึงทุกวันนี้ 58-ในระยะหลังเฉินหลงเลือกใช้นางเอกนานาชาติ ทั้งเกาหลี (Hee-seon Kim, Min Kim),ญี่ปุ่น (Mirai Yamamoto), อินเดียว (Mallika Sherawat), อเมริกา (Jennifer Love Hewitt, Clair Claire Forlani), เบลเยี่ยม (Cecile De France) และนางเอกอินเดีย ใน The Myth คือ มัลลิกา เชราวัต 59-ในหนังกังฟูตัวร้ายก็ถือว่าสำคัญมากๆ คู่ปรับคนสำคัญของเฉินหลงในช่วงรุ่งขึ้นมาใหม่ๆ มีอยู่สองคน คือ หวังแจงลี ใน Snake in the Eagle's Shadow และ Drunken Master กับหวังอินชิก ใน The Young Master และ Dragon Lord ทั้งคู่เป็นชาวเกาหลี และเป็นนักศิลปะป้องกันทั่วแท้ๆ ที่ท่วงท่าดูสมจริง หนักแน่นรุนแรง ช่วงให้คิวบู๊ในหนังของเ ฉินหลง ผสมกันทั้งความสมจริง และความผาดโผนแบบงิ้ว 60-ช่วงหลังๆ เฉินหลงหันมาเลือกคู่ปรับในภาพยนตร์ที่เป็นชาวต่างชาติ เพื่อให้หนักดู อินเตอร์มากขึ้น คนที่เด่นที่สุดเห็นจะเป็น Richard Norton ชาวออสเตรเลีย (ใหญ่เต็มฟัด)และ Benny Urquidez นักคิกบ๊อกซิ่งชาวอเมริกา จากคุณ : กลางแปลงแมน - [ 1 มิ.ย. 50 21:20:54 ]

ความคิดเห็นที่ 4 61-ในกองถ่ายเป็นที่รู้กันดีว่า เฉินหลงใหญ่ที่สุด น่าจะใหญ่แม้กระทั่งกว่าผู้กำกับด้วย ในช่วงต้นยุค 90 เฉินหลงลองมาร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังดูบ้าง ผลก็คือ หลิวเจียเหลียง ใน Drunken Master 2 และ Kirk Wong ใน Crime Story ขอลาออกจากกองก่อนหนังจะถ่ายทำเสร็จเพราะทะเลาะกับเฉินหลง 62-ช่วงหลังๆ เฉินหลงจะร่วมงานกับผู้กำกับไม่กี่คน เช่น Benny Chan, Stanley Tung, และ Gordon Chan เพราะคุยกันรู้เรื่องดี 63-เฉินหลงมีทีมงานสตั้นแมนของตัวเอง ที่โด่งดั่งมากที่ชื่อว่า Sing Ga Ban (หรือจะเรียกว่า Jackie Chan Stunt Team, Jc Stunt, Jackie Chan Stun Assosication) เป็นการยกระดับมาตรโดยเฉพาะเรื่องค่าแรง และความสำคัญให้กับอาชีพสตั้นแมน คนดังๆ ที่เคยอยู่ใน Sing Ga Ban ก็เช่น Mars, Fung Sing On และ Bradley James Allen 64-Sing Ga Ban จะฝึกด้วยกันกับเฉินหลงอย่างใกล้ชิด ทำให้เข้าขากัน มากๆ จน เป็นปัญหาให้กับ ดาราคนอื่นๆ ที่มาร่วมแสดงในหนังของเฉินหลง เพราะตามจังหวะของ Sing Ga Ban และเฉินหลงไม่ทัน 65-หนังจากพยายามอยู่หลายปีจนเกือบจะเลิกหวังไปแล้วกับการโกอเมริกา ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จจนได้ กับหนังเรื่อง Rumble in the Bronx (1995) ที่ขึ้นอันดับหนึ่งหนังทำเงินในตาราง Box Office ได้สำเร็จ 66-เคยมีคนสงสัยว่าเฉินหลงจะมาทำหนังในอเมริกาทำไมเพราะสู้หนังในฮ่องกงของเขาไม่ได้เลย สาเหตุก็คงมีหลายๆ อย่าง แต่เงินน่าจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย ใน Rush Hour 2 (2001) เฉินหลงรับไปเหนาะ 15 ล้านเหรียญบวกส่วนแบ่งจากรายได้ ส่วน Shanghai Noon (2000) น้อยกว่ามากแต่ก็ได้ยังไปถึง 5 ล้านเหรียญ 67-Rumble in The Bronx เป็นหนังที่ถ่ายทำด้วยระบบ Sound on Film เรื่องแรกของฮ่องกง 68-เฉินหลง มีเว็บไซท์ส่วนตัวคือ http://www.jackiechan.com นอกจากนั้นยังมีเว็บย่อยสำหรับเด็กอีกด้วยที่ http://www.jackiechankids.com 69-Chris tucker คู่หูใน Rush Hour ของเฉินหลงบอกว่าทั้งคู่สนิทกันมาก เป็นเหมือนพี่น้องต่างชาติกัน (โอเวอร์ซะไม่มี) แต่เฉินหลงบอกว่าที่หนัง Rush Hour 3 เปิดกล้องไม่ได้ซักทีก็เพราะว่า Chris Tucker นี้แหละที่โก่งค่าตัว 70-เฉินหลงมีแฟนคลับกว่า 200,000 คน ในปี 1980 มีสาวชาวญี่ปุ่นที่คิดฆ่าตัวตาย เพียงเพราะทราบว่าเขาแต่งงาน 71-เฉินหลงมีโปรเจ็คหนังมากมายทั้งในฮ่องกง และอเมริกา แต่ก็มีอีกหลายๆ เรื่องที่ไม่ได้สร้าง ในปี 2001 เขามีแผนจะสร้างหนังเรื่อง Nosebleed โดยจะเล่น เป็นคนเช็ดกระจกของตึง World Trade Center แต่อย่างที่ทราบกัน เกิดเหตุการณ์ 11.9.01 ขึ้นเมื่อผู้ก่อการสร้างจี้เครื่องบินเข้าชนตึก World Trade Center หนังเรื่อง Nosebleed จึงล่มไปโดยปริยาย 72-เฉินหลงยังปฏิเสธ บททหารที่กลายมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กในหนังเรื่อง The Pacifier เพราะเหตุผลว่าไม่มีเวลา สุดท้าย Vin Diese ได้บทนี้ไป 73-นอกจากนั้นเฉินหลงยังได้รับทาบทามให้แสดงในบท Wah Sing Ku ตัวร้ายใน Lethal Weapon 4 เพราะไม่อยากแสดงเป็นคนเลว สุดท้าย Jet Li ก็ได้บทนี้ไป 74-ถึงแม้จะบอกว่าไม่ชอบเล่นเป็นตัวร้ายแต่เมื่อปี 1976 เฉินหลงก็เคยเล่นเป็นตัวโกงมาแล้วใน The Killer Meteors ที่มีหวังหยู่เป็นพระเอก 75-Ken Lo หนุ่มไทยจากอุดรธานี ที่มีพื้นฐานมวยไทย กลายเป็นหนึ่งในทืมงานของเฉินหลง เมื่อพบกับเฉินหลง ในไนท์คลับแห่งหนึ่งที่ตอนนั้น Ken Lo ทำงานอยู่ที่นั้น เขากลายเป็นเป็นทั้งบอร์ดี้การ์ด และดาราในหนังของเฉินหลงหลายๆ เรื่อง รวมทั้งทำงานเบื้องหลังประสานงานสตั้นในกับ Sing Ga Ban ผลงานเด่นที่สุดของ Ken Lo ก็คือ บทตัวร้ายใน Drunken Master 2 ด้วยหน้าตากวนโอ๊ย กับลีลาเตะที่เหลือเชื่อ Ken Lo เลยขโมยซีนเฉินหลงในหนังเรื่องนั้นไปพอสมควรเลย จากคุณ : กลางแปลงแมน - [ 1 มิ.ย. 50 21:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 76-นอกจาก Ken Lo แล้วบอร์ดี้การ์ดอีกคนของเฉินหลง William Tuan Wai Lun ก็แสดงหนังกับเขาด้วย บทเด่นก็คือ ลูกน้องพระเอกใน Thunderbolt 77-ถึงแม้จะทำหนังแอ็กชั่นแต่เฉินหลงก็พยายามหลีกเลี่ยง ฉากรุนแรง และเซ็ก แต่ใน Crime Story มีทั้งสองอย่างแบบไม่กระมิดกระเมี้ยนเลย 78-เมื่อมีโอกาสเฉินหลงก็โผล่ในบทรับเชิญในหนังของคนอื่น เป็นครั้งคราว เช่น Project S หนังของหยังจื่อฉุน ที่เป็นภาคต่อแบบ ไม่เป็นทางการของ Police Story 3, Enter The Phonix, Gen X Cop เพราะหนังที่เขาสร้างเอง, The Twin Effect 2 เพราะลูกชายแสดงด้วย และ King of Comedy ของโจวซิงฉือ โดยแลกเปลี่ยนให้ โจวซิงฉือ มารับเชิญในหนังของเฉินหลงเรื่อง Gorgeous 79-เฉินหลงเคยได้รับฉายาว่า ดาราที่ดังที่สุดในโลก ที่ไม่ได้อยู่ในฮอลลีวูด 80-เฉินหลงสร้างหนังออกมามากมายหลายเรื่อง ทั้งที่เขาแสดงเอง และไม่ได้แสดง ในช่วงแรกๆ เฉินหลง มักจะสร้างหนังตลาดธรรมดา ส่วนใหญ่เป็นหนังประเภท Girl With Gun (หนังแอ็กชั่นผู้หญิง) อย่าง The Inspector Wears Skirts, The Inspector Wears Skirts 2, Naughty Boys (1986) 81-ผู้กำกับที่ถือว่า เฉินหลงเป็นผู้ผลักดันขึ้นมาก็คือ Stanley Kwan ที่เคยเป็นผู้ช่วยผู้กำกับของเขาใน Operation Condor 2: The Armour of Gods เฉินหลงสร้างหนังให้ Stanley Kwan กำกับและกลายเป็นที่โด่งดังในเวลาต่อมาโดยเฉพาะเรื่อง Rouge (ล่ารัก 59 ปี) และ Center Stage (ผู้หญิงที่โลกแกล้ง ให้แพงน้ำตา) 82-แต่ที่สร้างชื่อให้กับเฉินหลงก็คือ การสร้างหนังประเภท "ขายยาก" แต่มีคุณค่าทางศิลปะสูงเช่น Tempting Heart, Painted Faces, Rice Rhapsody 83-หนังน่าสนใจอีกเรื่องที่เฉินหลงสร้างก็คือ Traces of a Dragon: Jackie Chan & His Lost Family กำกับโดย Marble Cheung สารคดีที่ว่าด้วย พ่อของเฉินหลง และชีวิตในช่วงวัยหนุ่มของเขา หนังเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ และความลับของครอบครัวชาวจีน เมื่อในปี 1999 เฉินหลงพบความลับจากพ่อของตัวเองว่า เขายังมีพี่ชาย อยู่อีกคนที่ไม่เคยพบหน้ามากก่อน สารคดีพาย้อนกลับเพื่อค้นหารากเง่าของครอบครัวของเฉินหลง ไปในช่วงสงครามจีนญี่ปุ่น และเมื่อพรรคคอมมิวนิสท์ครองประเทศ Traces of the Dragon มีตัวเอกก็คือ เฉินจื่อหลง พ่อของเฉินหลงนั้นเอง หนังแสดงออกถึงชีวิตหลายด้านของเขา ทั้งการติดฝิ่น การพนัน ชีวิตที่เกือบก้าวย่างไปสู่ความตาย หลายต่อหลายครั้ง 84-เราไม่ค่อยได้ทราบเรื่องชีวิตรักของเฉินหลงนัก แต่เขาแต่งงานอย่างเปิดเผยมาหลายปี แล้วเมื่อต้นยุค 80 เฉินหลงพบรักกับดาราสาวชาวไต้หวัน หลินเฟิงเจียว ทั้งคู่แต่งงาน กันในปี 1982 มีลูกชายหนึ่งคน ตัวของหลินเฟิงเจียวเอง ออกจากวงการบังเทิงใช้ชีวิต เป็นแม่บ้านอย่างเต็มตัว และไม่ค่อยปรากฏตัวในสื่อเท่าไหร่นัก นอกจากงานสำคัญจริงๆ 85-เฉินหลงมีลูกชายหนึ่งคนคือ Jaycee Chan (หรือ Jaycee Fong Cho-Ming) ที่เกิดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 1982 Jaycee เดินตามรอยพ่อด้วยการเดินเข้าสู่วงการหนัง มีผลงานแล้วสองเรื่อง Twin Effect 2 และ 2 Youngs 86-เฉินหลงยังมีลูกสาวด้วย แต่เป็นลูกที่ไม่ได้เกิดกับหลินเฟิงเจียว!!! เมื่อหลายปีก่อนมีข่าวครึกโครม และทำลายภาพยนตร์หนุ่มแสนดีของเฉินหลงไปไม่น้อย เมื่อมีข่าวว่า เฉินหลงได้มีสัมพันธ์ลับๆ กับ Elaine Ng อดีต Miss Asia ผลจากความสัมพันธ์ดังกล่าวก็คือ เฉินหลงได้ลูกสาวมาคนหนึ่ง ชื่อว่า Etta Ng Chok Lam ที่เกิดเมื่อวันที่ 19 กันยายน 1999 87-ในเรื่องรสนิยมส่วนตัวเฉินหลงชอบอาหารอย่าง กุ้งลอปสเตอร์ เค็กชอกโกเล็ต ซุปถั่วเขียว laksa (บะหมี่แกงของสิงคโปร์) ข้าวต้ม ส่วนใหญ่เฉินหลงจะนิยมอาหารจีน และเอเซียมากกว่า เฉินหลงยังชอบสีขาว เหลือง น้ำเงิน และน้ำตาล ส่วนหนังสือ ถ้าว่างเขาก็จะอ่าน นิยายวิทยาศาสตร์ และนิตยสาร National Geograpic 88-เฉินหลงยังมีธุรกิจอื่นๆ อีกมากมายทั้ง ร้านขายอุปกรณ์แข่งรถ ขายเสื้อผ้า หมวกและเครื่องประดับ อีกธุรกิจที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงก็คือ ร้านอาหาร เฉินหลงเปิดร้านอาหาร หลายร้าน หนึ่งในนั้นก็คือ Jackie Kitchen ที่สาขาทั้งใน ญี่ปุ่น เกาหลี และฮาวาย ในร้านมีเมนูอาหารที่โปรดปรานของเฉินหลงด้วย นอกจากนั้นเฉินหลงยัง ร่วมลงทุนใน The Star East ร้านอาหาร ที่มีคอนเส็ปใกล้เคียงกับ Planet Hollywood ของอเมริกา 89-เฉินหลงเคยมาอยู่เมืองไทยช่วงสั้นๆ และพูดไทยได้นิดหน่อย ถ้าเราเรียกเขาว่า "ไอ้หนุ่มหมัดเมา" เฉินหลงจะหันมาอย่างแน่นอน 90-เฉินหลงเคยถ่ายโฆษณามามากมาย แต่สปอนเซอร์ที่อยู่คู่กับเขามานานที่สุดก็คือ Misubishi นอกจากถ่ายโฆษณาให้แล้ว เฉินหลงยังได้รับการสนับสนุนด้วยรถมิตซิบิชิ ในหนังทุกเรื่อง เรียกว่า ถ้าเฉินหลงต้องขับรถในหนังเรื่องไหนแล้ว รถคันนั้นต้องยี่ห้อ Misubishi นอกจากนั้นการทำงานใน ต่างประเทศ ถ้าเฉินหลงต้องการใช้รถ ก็สามารถติด ต่อไปยัง ผู้แทนจำหน่าย ประจำท้องถิ่นนั้นได้เลย ผลจากความสัมพันธ์อันยาวนาน และเหนียวแน่น ระหว่าง เฉินหลง กับยี่ห้อรถชื่อดัง ยังออกมาในรูปของ หนังที่ว่าด้วยการ แข่งรถที่ชื่อว่า Thunderbolt ที่มีเฉินหลง เป็นพระเอกคู่กับ รถแข่งของ Misubishi (ซึ่งในขณะเดียวกันตอนนี้จา พนม ก็เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับมิตซูบิชิ ไทรตันในเมืองไทย) 91-เฉินหลงได้ประทับฝ่ามือไว้เป็นเกียรติที่ Star on the Walk of Fame ในฮออลลีวู๊ด เช่นเดียวกับ ใน the Avenue of Stars ที่ฮ่องกง 92-เป็นปรกติสำหรับดาราฮ่องกงที่จะออกอัลบั้มเพลง เฉินหลงก็เช่นกัน เขาออกอัลบั้มทั้งภาษาจีนกลาง และกวางตุ้งมาแล้วหลายสิบอัลบั้ม ส่วมถึงร้องเพลงประกอบ ภาพยนตร์ที่ตัวเองแสดงด้วย 93-ในการ์ตูนเรื่องโปเกมอน ตัวละครที่ชื่อว่า Hitmonchan ถูกตั้งชื่อตามเฉินหลง เช่นเดียวกับตัวละคร "Jackie Shun" ในการ์ตูนเรื่อง Dragon Ball 94-แต่การ์ตูนของเฉินหลงเองจริงๆ ก็มีเหมือนกัน ชื่อว่า Jackie Chan Adventures ออกอากาศนาน 5 ปี โดยเล่าเรื่องของ เฉินหลง กับลุง และหลานสาว องค์การร้ายใต้ดิน หนังมีหลายๆ อย่างที่อิงจากทั้งประวัติของเฉินหลงรวมถึง หนังเก่าๆ ของเขา ไม่ว่า ตัวละครลุงที่เอาบุคลิคมาจากพ่อของเฉินหลงเอง หรือ เครื่องแต่งกายของเฉินหลง ในเรื่อง ดัดแปลงมาจากชุดในหนังเรื่อง Armour of God นอกจากนั้นยังมีการสร้างเกมส์ ของการ์ตูนชุดนี้ออกมาด้วย 95-นอกจากเกมส์จากการ์ตูน Jackie Chan Adventures แล้ว คาแร็คเตอร์ของ เฉินหลง ได้ถูกนำมาสร้างเป็นวิดิโอเกมส์ ชื่อว่า Jackie Chan Stuntmaster ออกในเครื่อง Play Station เป็นแนวแอ็กชั่นสามมิติแบบลุยด่าน ผลิตโดย Radical Entertainment Ltd. เมื่อปี 2000 96-แต่ก่อนที่ Jackie Chan Stuntmaster จะออกขาย ก็เคยมีเกมส์เฉินหลงออกมาก่อนหน้านี้แล้วหลายปี ในเครื่อง Famicom (NES) ชื่อเกมส์ว่า Jackie Chan's Action Kung Fu แนวลุยด่านสองมิติตามสมัยนิยม ภาพของเฉินหลงในเกมส์ เป็นลักษณ์ของเฉินหลงในหนังกังฟู Old School แบบไอ้หนุ่มพันมือ หรือ ไอ้หนุ่มมัดเมา ผลิตโดย Hudson Solf ในปี 1991 97-เฉินหลงเป็นเพื่อนสนิทกับดาราฮอลลีวูดอย่าง สตีเฟ่น ซีกัล, ชิวเวสเตอร์ สตาโลน,บรูซ วิลลิส และอาโนลด์ ชวาสชเนกเกอร์ 98-เฉินหลงถือเป็นคนบังเทิงที่พยายามทำประโยชน์แก่สังคม ในมุมที่ตัวเองทำได้ เช่นการทำการกุศลมากมาย เช่น เรี่ยรายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยซึนามิ และอุทกภัยในประเทศจีน นอกจากนั้นยังมีส่วนในการ รณรงต่อต้านการทารุณสัตว์ และรณรงให้เด็กระวังภัยจากไข้หวัดนก 99-เฉินหลงเคยประกาศว่า ถ้ามีใครถามตัวของเฉินหลงว่าอยากให้โลกจดจำเขาว่าอย่างไร เฉินหลงตอบว่า ถ้าอนาคตมีการเขียนประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ ข้อให้มีชื่อ ของเฉินหลง ด้วยก็พอแล้ว จากคุณ : กลางแปลงแมน - [ 1 มิ.ย. 50 21:22:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คงจะอ่านกันตาลายเลยนะคับเนี่ย แต่ขอให้อ่านไปเรื่อยๆ นะคับ แล้วจะสนุกไปเอง แต่อย่างไรก็ตามนี่ก็เป้นเรื่องราวของเฉินหลงที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ขอบคุณทุกท่านที่ขยันอ่านมากๆเลยคับ ขอมอบให้ทุกท่านเลยครับ จากคุณ : กลางแปลงแมน - [ 1 มิ.ย. 50 21:25:15 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ชอบครับผม จากคุณ : ... (shakariki) - [ 1 มิ.ย. 50 21:42:56 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คนนี้แหละคับ Ken Lo สตั้นท์แมนชาวไทยจากจ.อุดรธานี หรือชื่อไทยคือ คุณวิโรจน์ เป็นที่มีพื้นฐานมวยไทย กลายเป็นหนึ่งในทืมงานของเฉินหลง เริ่มโดนเด่นจากตัวร้ายที่เตะได้สุดยอดมากใน ไอ้หนุ่มหมัดเมา ภาค 2 แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 50 21:49:42 จากคุณ : กลางแปลงแมน - [ 1 มิ.ย. 50 21:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เฉินหลงกับ Ken lo จากคุณ : กลางแปลงแมน - [ 1 มิ.ย. 50 21:48:34 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สุดยอดครับ จากคุณ : Teppei - [ 1 มิ.ย. 50 21:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เฉินหลงตอนถ่ายทำเรื่อง "Rumble in The Bronx" (ใหญ่ฟัดโลก 1) เป็นเรื่องแรกที่ประสบความสำเร็จในอเมริกา ผมว่าตอนนี้แหละเป็นช่วง ที่เฉินหลงดูสมบูรณ์ที่สุด ในการแสดงเพราะอยู่ในช่วงระหว่าง หนุ่มปลายๆ +แก่ต้นๆ แต่ความมันส์+บ้าระห่ำในหนังยังเจ๋งเหมือนเดิม จากคุณ : กลางแปลงแมน - [ 1 มิ.ย. 50 21:54:43 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับ ขยันจริงๆ ขยันจริงๆเลยเราที่อ่านจนจบ เย้ย!!! จากคุณ : spontaneous - [ 1 มิ.ย. 50 21:55:07 ]

ความคิดเห็นที่ 13 (เอาใหม่) รูปเฉินหลงตอนถ่ายทำเรื่อง "Rumble in The Bronx" (ใหญ่ฟัดโลก 1) เป็นเรื่องแรกที่ประสบความสำเร็จในอเมริกา ผมว่าตอนนี้แหละเป็นช่วง ที่เฉินหลงดูสมบูรณ์ที่สุด ในการแสดงเพราะอยู่ในช่วงระหว่าง หนุ่มปลายๆ +แก่ต้นๆ แต่ความมันส์+บ้าระห่ำในหนังยังเจ๋งเหมือนเดิม จากคุณ : กลางแปลงแมน - [ 1 มิ.ย. 50 21:55:47 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : เก็จถวา - [ 1 มิ.ย. 50 21:58:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สุดยอด ขอคาราวะ จากคุณ : U P P - [ 1 มิ.ย. 50 21:59:19 A:222.123.156.50 X: TicketID:141363 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ken lo นี่แสดง วิ่งกระเตงฟัดด้วยป่ะ จากคุณ : U P P - [ 1 มิ.ย. 50 22:01:13 A:222.123.156.50 X: TicketID:141363 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โอ้ว จอร์จ ยอดมาก อ่ะ ยิ่ง ชอบเฉินหลง เข้าไป อีก จากคุณ : Space Sheriff - [ 1 มิ.ย. 50 22:05:04 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เคนโล ถ้าไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยว่าคนไทย หน้าตาดูแนวเหมาะกับหนังฮ่องกง แบบหักเหลี่ยมมาก... จากคุณ : ERWA - [ 1 มิ.ย. 50 22:11:34 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ใช่แล้วคับ ken lo นี่ก็เล่นหนังเรื่องวิ่งกระเตงฟัด คับผม ส่วนรูปข้างล่างนี้เป็นรูปตอน ken lo แต่งงานกับอดีตรองมิสฮ่องกง เมื่อหลายปีที่แล้ว และมีเฉินหลงเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเพราะทั้งสองคนสนิทกันมากๆ จากคุณ : กลางแปลงแมน - [ 1 มิ.ย. 50 22:15:03 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ทำไมใน wiki มันบอกว่า เคนโล เป้นคน เขมรอ่ะ จากคุณ : U P P - [ 1 มิ.ย. 50 22:15:29 A:222.123.156.50 X: TicketID:141363 ]

ความคิดเห็นที่ 21 --[ขอบคุณ คุณกลางแปลงแมนมาก ๆ เลยครับ สำหรับข้อมูลดาราคนโปรด!!!]-- จากคุณ : สมันน้อย เบอร์ 14 - [ 1 มิ.ย. 50 22:21:03 ]

ความคิดเห็นที่ 22 Ken Lo น่าจะเป็นคนไทยนะครับ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก เคยได้โอกาสสัมภาษณ์เค้าเมื่อตอนเดินทางเมืองไทยด้วย ก็อปมาให้อ่านกันครับ คุยกับ "หนุ่มไทย" มือขวา "เฉินหลง" กับงานระดับอินเตอร์ไลฟ์สไตล์ (คมชัดลึก 20 พ.ย.45) ถ้าเอ่ยชื่อ โล้ว ฮุย กัง ในเมืองไทย คงไม่มีใครคุ้นหูสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นในเกาะฮ่องกงชื่อนี้เป็นชื่อที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี สำหรับคนที่นั่น และน้อยคนนักจะรู้ว่า โล้ว ฮุย กัง หรือ วิโรจน์ แซ่โล้ว เด็กหนุ่มชาวจังหวัดอุดรธานี พระเอกหนังเรื่อง "ไอ้หนุ่มหมัดเมาภาค2" หนังจีน ชื่อดังในอดีต คนนี้คือคนไทย คม ชัด ลึก ได้มีโอกาสเจอะเจอ วิโรจน์ แซ่โล้ว ที่มาช่วยเป็นธุระประสานงานให้กับกองถ่ายละคร พยัคฆ์ร้าย 6 แผ่นดิน ที่ยกกองถ่ายไปถ่ายทำที่เกาะฮ่องกง วิโรจน์ แซ่โล้ว เริ่มเล่าถึงจุดเริ่มแรกที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนนาน 15 ปี ว่าประเทศที่เขาคิดจะไปอยู่นั้นตั้งแต่แรกนั้น ไม่ใช่เกาะฮ่องกง แต่เป็นประเทศฝรั่งเศส เนื่องจากมีพี่ชายทำมาหากินอยู่ที่นั่น "ผมมีพี่ชายคนโต อยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ผมอยากไปอยู่กับพี่ชาย แต่ตอนนั้นแม่ผมได้ห้ามเอาไว้ เพราะท่านเห็นว่าที่ฝรั่งเศสอากาศหนาว ท่านเป็นห่วงก็เลยไม่ให้ผมไป ผมก็เลยเปลี่ยนเข็มไปฮ่องกงแทน ช่วงแรกผมมาเป็นไกด์ พาคนไทยเที่ยวที่ฮ่องกง แล้วช่วงนั้นมีนักมวยไทยมาฮ่องกง แล้วผมก็มีโอกาสขึ้นไปต่อยบนเวทีด้วย ผู้กำกับที่โน่นเขาเห็นผมก็ถูกชะตา บอกว่าผมหุ่นดี ต่อยมวยได้ ก็เลยติดต่อให้ผมเล่นหนังเป็นตำรวจฮ่องกง" วิโรจน์ เล่าถึงจุดเปลี่ยนแปลง ของชีวิตอย่างอารมณ์ดี แล้วเริ่มเล่าต่อถึงการได้เข้ามาร่วมงานกับซูเปอร์สตาร์ชื่อดังของฮ่องกง เฉินหลง หรือชื่อที่ใช้ในฮอลลีวู้ดว่า แจ็คกี้ ชาน อย่างอารมณ์ดีว่า "นอกจากที่ผมทำงานในกองถ่ายแล้ว ช่วงนั้นผมก็ทำงานที่ดีสโก้เธคด้วย แล้วบังเอิญเฉินหลงมาเที่ยว ก็มีคนแนะนำให้รู้จัก เขาก็ชวนผมไปร่วมงานด้วย ทีแรกผมคิดว่าเขาพูดเล่น แต่หลังจากนั้นเขาก็ติดต่อมาอีก ผมก็ตัดสินใจออกจากที่ทำงานเดิมที่ทำมาได้ 2 ปี มาทำงานให้กับเฉินหลง จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ 15 ปีแล้ว" หนุ่มไทยวัย 40 ปีกล่าวถึงภาระหน้าที่เขาทำให้กับเฉินหลงว่านอกจากเป็นหัวหน้าสตั๊นต์แมนแล้ว เขายังมีโอกาสได้เล่นหนังหลายต่อหลายเรื่อง และที่เป็นจุดเปลี่ยนชีวิต ของเขาอีกครั้งคือการได้ลุกขึ้นมาเป็นพระเอกหนังระดับฮอลลีวู้ด "ผมก็เป็นหัวหน้าสตั๊นต์แมน อยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของหนังเฉินหลงทุกเรื่อง และก็ได้เล่นหนังของเฉินหลงทุกเรื่อง แต่ที่โด่งดังสุดขีด และทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงอย่างมากคือ ที่ได้มีโอกาส เล่นเป็นไอ้หนุ่มหมัดเมาภาค 2 ที่ผมได้เล่นเรื่องนี้ เพราะว่าตอนนั้นพระเอกเขาเตะต่อยไม่ได้ ผมก็เป็นสตั๊นต์แมนให้ เฉินหลงเขาเห็นเข้า เขาก็เลยบอกว่า แล้วทำไมไม่เล่นเองเลย ผมก็เลยได้เล่น แล้วหนังเรื่องนั้นก็ดังมาก จากหนังเรื่องนั้นทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนอย่างมาก" เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมือขวาของเฉินหลง เขาบอกว่ารู้สึกภูมิใจที่เขามีวันนี้ แต่เสียใจที่มารดาของเขาไม่ได้อยู่เห็นในความสำเร็จของเขา "มาถึงวันนี้ ผมดีใจที่มีวันนี้ แต่ก็รู้สึกเสียใจที่แม่ผมไม่อยู่ดูความสำเร็จของผม ทุกวันนี้ผมไปไหนมาไหนที่ฮ่องกงก็มีคนรู้จัก และจำได้ตลอด" วิโรจน์เล่าถึงงานแสดงต่อว่า เขาเพิ่งไปเซ็นสัญญากับอเมริกา เพื่อร่วมเล่นหนังเรื่องใหม่ของ สตีเว่น ซีกัล ซึ่งคาดว่าจะเดินทางมาถ่ายทำที่เมืองไทยด้วย "ช่วงนี้ผมไปอเมริกาบ่อย เพราะผมเพิ่งเซ็นสัญญากับอเมริกา ผมกำลังจะมีงานกับสตีเว่น ซีกัล เรื่องนี้อาจจะมาถ่ายทำเมืองไทยด้วย" ส่วนชีวิตส่วนตัวนั้น วิโวจน์หรือชื่อที่ใช้ในฮ่องกงว่า โล้ว ฮุย กัง เล่าว่าปัจจุบันเขาได้แต่งงานกับรองมิสฮ่องกง จนมีบุตรด้วยกัน 1 ปี "ลูกผมเป็นผู้ชาย อายุเกือบ 4 ขวบแล้ว ผมบอกเขาเสมอว่าครึ่งหนึ่งเขาเป็นคนไทย ผมก็สอนให้เขาพูดภาษาไทยด้วย แล้วก็เคยพามาเที่ยวเมืองไทย และเขาก็ชอบเมืองไทยมาก ทุกวันนี้ชีวิตส่วนใหญ่ผมอยู่ที่ฮ่องกง ไม่ค่อยได้กลับเมืองไทยเท่าไหร่" วิโรจน์ กล่าวปิดท้าย แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 50 23:48:31 แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 50 22:41:16 จากคุณ : หยวนเปียว - [ 1 มิ.ย. 50 22:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อ่านจนตาแฉะ ดีครับ ชอบ จากคุณ : น้ำค้างในยามเช้า - [ 1 มิ.ย. 50 22:38:49 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ดาราไทย โดโด้ ยุทธพิชัย ชาญเลขา ก็เคยร่วมแสดงหนังกับเฉินหลงใน WHO AM I (ใหญ่ต็มฟัด) จากคุณ : กลางแปลงแมน - [ 1 มิ.ย. 50 22:45:00 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ชอบเฉินหลงด้วย เข้ามาอ่านได้ความรู้เพียบ จากคุณ : โยฮัน~ครับ - [ 1 มิ.ย. 50 23:19:53 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มาลงชื่อชอบเฉินหลงด้วยคนค่ะ อ่านข้อ 36 แล้วสงสารแทน T_T เฮียแกไม่เป็นห่วงชีวิตตัวเองบ้างเลยเหรอเนี่ย ป.ล. เห็นด้วยว่าคุณวิโรจน์ Ken Lo หน้าไม่เหมือนคนไทยจริงๆ จากคุณ : บางสิ่งบนโลกที่เรียกว่าความรัก - [ 2 มิ.ย. 50 00:03:47 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณวิโรจน์ แสดงเป็นใคร ใน วิ่งกระเตงฟัด อะครับ ใช่ตำรวจ ที่เป็นเพื่อนกับ เฉินหลงรึเปล่า จากคุณ : Proximitron - [ 2 มิ.ย. 50 01:15:15 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่อยากจะบอกว่าเคยเชคแฮนด์กะเฉินหลงมาแล้ว อิอิ อ๊ะๆ อย่ามาอิจฉา จริงๆ อยากถ่ายรูปคู่อ่ะ แต่ไม่รู้ไอ้หนุ่มไหนดันไปขอเชคแฮนด์ เราก็บ้าจี้ไปทำตามแทนที่จะขอถ่ายรูปคู่ตามที่ตั้งใจไว้ เซ็งจัด จากคุณ : * เทมมี่จัง * - [ 2 มิ.ย. 50 01:24:16 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เป้นตำนาน แน่นอนเลยครับ จากคุณ : Jenjutakarn - [ 2 มิ.ย. 50 03:18:44 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : you do not know me - [ 2 มิ.ย. 50 06:47:21 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ยอดมากค่ะ ชอบเฉินหลงจริงๆ จากคุณ : envy_me - [ 2 มิ.ย. 50 08:35:28 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โดโด้เล่นฉากเดียวและแว้บเดียวจริงๆ ตัวประกอบสุดๆ จากคุณ : Desolation Angel - [ 2 มิ.ย. 50 11:10:43 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณครับ อ่านจนตาแฉะเลย จากคุณ : นาย 17 อดีตเด็กหลังห้อง - [ 2 มิ.ย. 50 11:50:15 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เฉินหลงไม่ชอบใส่เสื้อสีแดงครับ ซึ่งผิดปกติของคนจีนทั่วไปที่ชอบสีแดง (ผมสังเกตุเพิ่มเติมเองว่าแกชอบเสื้อสีขาวล่ะ) จากคุณ : Jk - [ 2 มิ.ย. 50 21:51:37 A:210.203.179.251 X: ]

ความคิดเห็นที่ 35 อ่านจนตาเบลอเลย ขอบคุณสำหรับข้อมูล จากคุณ : lungkhun - [ 2 มิ.ย. 50 23:39:54 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ตอนแรกพอพูดถึง Ken Lo หนุ่มไทยชาวอุดร หน้าของจาพนมลอยขึ้นมา จากคุณ : ขนมฮ่าๆ* - [ 3 มิ.ย. 50 11:17:31 ]

ความคิดเห็นที่ 37 โอ้ววว สุดยอดมากๆ อ่านแล้วปลื้ม ขอบคุณมากครับ จากคุณ : End of Love - [ 4 มิ.ย. 50 21:44:31 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ดีครับ ชอบเฉินหลง แต่ไม่น่าตั้งทู้ว่า 99ข้อน่าสนใจเลยนะ อ่านดูแล้วนี่มันน่าจะเป็นประวัติเฉินหลง ที่ถูกแบ่งเป็น 99 ข้อมากกว่าอะ ตอนแรกนึกว่าจะเป็นเกร็ดอะไรที่ไม่เคยรู้ หรือทริก เบื้องหลัง จากคุณ : Limelight - [ 8 มิ.ย. 50 19:54:02 ]