Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ไอ้หมื่นรีวิวชนโรง (ยาวอีกแล้วครับท่าน) The Day the Earth Stood Still (2008) กับ "อาวุธกู้โลก" ที่ทรงอานุภาพที่สุด...

    ก่อนอื่น สำหรับท่านใดที่ยังไม่ได้อ่านรีวิว Twiilght ฉบับยาวของผม ก็ขอเชิญตามไปอ่านได้ครับ

    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=10000tip&month=03-12-2008&group=16&gblog=392

    ทีนี้เข้าเรื่องหนังที่เราต้องการจะพูดถึงกันล่ะนะครับ

    The Day the Earth Stood Still (2008) วันพิฆาตสะกดโลก

    แนวหนัง ไซไฟครับ ไม่ใช่แอ็กชันนะครับผม

    หลังจากผมได้ชม The Day The Earth Stood Still จบ รู้ไหมครับว่าผมนึกถึงอะไร...

    ผมนึกถึงแม่ต้อย... คนที่อยู่ในโฆษณาไทยประกันชีวิตที่เรียกน้ำตาคนไปหลายนั่นแหละครับ ผมนึกถึงความเมตตา ความกรุณา ความรักที่เธอมีให้ผู้อื่น และเธอยังทำให้คนมากมายมีรอยยิ้มกับความสุข..

    จากนั้นผมก็นึกถึงข่าวเมื่อวันก่อนไม่รู้คุณๆ ได้ดูกันไหมนะครับ ที่มีสุนัขตัวหนึ่งบาดเจ็บนอนพะงาบอยู่กลางถนนในประเทศชิลี มันนอนรอความตายอยู่กลางถนนนั่น ไม่มีใครคิดช่วยเหลือเพราะคิดว่ามันเป็นเพียงหมาน้อยตัวหนึ่ง... จากนั้นก็มีสุนัขอีกตัววิ่งฝ่ารถราที่แล่นกันอยู่เต็มถนน ตรงไปหาเจ้าสุนัขที่บาดเจ็บนั้น... มันตรงไปช่วยลากเพื่อนออกจากถนนนั่น... ตอนได้ยินข่าวเล่นเอาผมจ้องมองทีวีไม่กระพริบ เพราะมันเป็นอะไรมากกว่าความประทับใจ ดูๆ ไปยังแอบสอนคนอีกต่างหากว่า "แล้วมนุษย์เรานั้นเล่า ทำดีได้เท่าหมาน้อยตัวนั้นหรือไม่?".... "เจอเพื่อนมนุษย์ลำบากแล้วเราทำอย่างไร?" น่าคิดอะไรจะปานนั้น

    สิ่งเหล่านี้แหละคืออาวุธชั้นยอด เครื่องช่วยชั้นเยี่ยมที่จะช่วยโลกใบนี้ให้อยู่รอดได้ต่อไป...

    เหมือนไม่เกี่ยวกับหนัง... แต่เชื่อเถอะครับ มันเกี่ยวแน่นอน  และเป็นอีกครั้งที่ผมเล่ายาวแน่นอน  ใครไม่ปลื้มของยาวๆ จะข้ามไปอ่านดาวตอนท้ายก็ไม่ผิดกติกา หรือจะอ่านย่อหน้าแรกๆ สักหน่อยก็ได้เหมือนกัน แล้วแต่รสนิยมเลยครับ

    แต่ถ้าถามผมโดยส่วนตัวแล้ว... หนังบางเรื่องรู้น้อยยิ่งดี แต่หนังบางเรื่องรู้เยอะก่อนดูก็จะช่วยให้ซึมซับหนังได้เต็มเม็ด สังเกตความเด็ดของหนังได้เต็มหน่วยยิ่งขึ้น... ลางเนื้อชอบลางยาครับ แล้วแต่แล้วกันนะครับ

    ก่อนอื่นที่ต้องชี้แจงแถลงไขให้เข้าใจตรงกันคือ นี่ไม่ใช่หนังแอ็กชันครับ ถ้าคุณคิดว่านี่จะเป็นหนังแนวเอเลี่ยนบุกรุก แล้วคนบนโลกก็หาศาสตราวุธไปถล่ม[/b][/i] ล่ะก็ คิดผิดไปหลายวาเลยครับ รีบจูนด่วนครับพี่น้องที่เคารพรัก อย่าให้โฆษณาหลอกท่านได้ เพราะดูในจอทีวีแล้วส่ายห้วเลยครับ เล่นประกาศก้องว่าหนังแอ็กชันไซไฟฟอร์มยักษ์สุดมันส์แห่งปี โธ่ พี่คร้าบ จะหาเรื่องให้หนังโดนด่าว่าไม่มันส์แล้วไหมล่ะนั่น อีกอย่างตอนที่ผมไปดูก็มีคนบ่นเหมือนกันครับว่าไม่เห็นจะมันส์เลย ผมเลยขอประชาสัมพันธ์ไว้ตรงนี้ล่ะนะครับ

    แล้วเช่นนั้นหนังเกี่ยวกับอะไรล่ะ?... เรื่องย่อคร่าวๆ คือมีมนุษย์ต่างดาวนามว่า กลาตู (Keanu Reeves) เดินทางมายังโลกเพื่อประกาศกับมนุษย์ทุกคนว่าเขามาเพื่อปกป้องโลกใบนี้... ปกป้องให้รอดพ้นจากเผ่าพันธุ์ที่ชอบทำลายล้างอย่าง มนุษย์... คุณคงเดาออกนะครับว่ากลาตูจะทำอะไรกับมนุษย์บ้าง แล้วมนุษย์จะรอดพ้นจากภัยนี้ไปได้อย่างไรก็ต้องลองลิ้มชิมชมดูนะครับ

    ผมบอกว่าหนังไม่ใช่แอ็กชัน... แต่เรื่องก็เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวบุกโลกไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่แอ็กชันแล้วจะสู้รบปราบพวกต่างดาวได้อย่างไร... เป็นคำถามที่ดีมากครับ... ก็จริงน่ะเน้อะ ถ้าไม่สู้รบออกหมัดแล้วจะซัดพวกต่างดาวให้ออกไปจากโลกได้อย่างไร... แต่เมื่อคุณได้ชมหนังเรื่องนี้แล้วจะเข้าใจครับว่า การกู้โลกหรือแก้ปัญหาต่างๆ ใช่ว่าจะต้องใช้ความรุนแรงล้างผลาญเป็นทางออกเพียงอย่างเดียวเสียเมื่อไร!

    และที่ออกจะสนุกสนานสำหรับผมคือ หนังแอบวิจารณ์การโต้ตอบหรือการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงไว้อย่างน่าคิดตาม... ถ้าจะบอกว่าหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วย "สาร" ที่น่าขบคิดก็คงไม่ผิดจากความจริงครับ หนังมีเมล็ดพันธุ์ที่น่าเอาไปแตกยอดทางความคิดมากมายหลายอย่าง และก็เป็นเมล็ดพันธุ์ที่เต็มไปด้วยความหวังดีทั้งนั้น

    จึงสรุปได้เบื้องต้นว่าคนที่ชอบหนังสไตล์นิยายวิทยาศาสตร์แบบเน้นค้นหาความหมาย หรือแบบแทรกกำไรคิด แฝงปรัชญาสไตล์ Contact, 2001: A Space Odyssey หรือ he Day the Earth Stood Still เวอร์ชันต้นฉบับเมื่อปี 1951 ก็น่าจะโอเคเบตงกับหนังเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย

    แต่ถ้าหวังบู๊กันแบบ ID4 หรือ War of the Worlds ก็คงไม่สมหวังหรอกครับ อยากดูคนถวายหมัดหักงวงไอยรา ล้างแค้นด้วยเลือด ก็แนะนำให้ตีตั๋วชมองค์บาก 2 ทันทีครับ

    The Day the Earth Stood Still เรื่องนี้ก็เป็นฉบับรีเมกนะครับ อย่างที่บอกว่าหนังเคยสร้างมาแล้วเมื่อปี 1951 สมัยที่หนังไซไฟ (เป็นคำเรียกหมายถึง หนังแนวนิยายวิทยาศาสตร์) กำลังเริ่มบูม เพราะระยะนั้นอเมริกากับโซเวียตกำลังก่อสงครามเย็นแข่งขันกันเรื่องเทคโนโลยีและการพิชิตอวกาศ ทำให้เรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วไป อีกทั้งช่วงปี 1949 ยังเกิดเหตุที่ว่ากันว่ามีจานบินจากต่างดาวตกที่เมืองรอสเวลล์ นิวเม็กซิโกด้วย เรื่องเกี่ยวกับต่างดาวเลยเป็นที่นิยมขึ้นมาทันที

    แต่ The Day ต้นฉบับนั้นไม่ได้สักแต่ทำมาอิงกระแสเพียงอย่างเดียว หนังก็หยอดสอดแทรกแง่คิดชวนให้ชาวโลกได้ตระหนักว่าการพุ่งรบทำลายกัน (ด้วยอาวุธนิวเคลียร์) นั้นเป็นสิ่งไม่เหมาะควร โครงเรื่องของฉบับนี้กับฉบับนั้นคล้ายกันตรงที่มีมนุษย์ต่างดาวมาเตือนชาวโลกให้หยุดรุกรานโลก แต่ฉบับก่อนจะจับประเด็นระเบิดนิวเคลียร์ ส่วนฉบับใหม่นี้จับประเด็นสิ่งแวดล้อม ความรุนแรง และการทำลายโลกด้วยเทคโนโลยี ซึ่งถ้าว่ากันโดยหัวใจแล้วก็ยังคงเดิมครับ นั่นคือ หนังต่างบอกให้มนุษย์หยุดห้ำหั่น หยุดทำร้ายซึ่งกันและกัน แล้วหันมาทำสิ่งดีๆ เพื่อรักษาโลกใบนี้ให้อยู่ต่อไปเรื่อยๆ (เวอร์ชั่นเดิมนั้นได้รับการยกย่องว่าคลาสสิกด้วยครับ ผมก็ขอยืนยันอีกหนึ่งเสียงว่ายอดมาก ชนิดที่ต้องดูให้ได้)

    การที่หนังมีสาระว่าด้วยการรักษ์โลกแบบนี้ ก็ถือว่าเข้ากระแสอยู่เหมือนกัน แบบที่ An Inconvenient Truth, The Happening แล้วก็แอนิเมชั่นชั้นดีอย่าง Wall-E ก็เพิ่งบอกมนุษย์ไปหยกๆ ว่ารีบรักษาธรรมชาติกันเร็วๆ แล้วก็ผสมกับสาระที่สื่อให้มนุษย์กลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวกันแบบ The Dark Knight

    สำหรับความดีเด่นของหนังนั้น จะว่าไปก็เข้าแถวเรียงไปกับหนังเหล่านั้นได้เหมือนกันครับ แต่จะดีมากดีน้อย อันนี้ต้องมาว่ากันอีกที

    ถ้าว่ากันตามจริงผมชอบสาระในหนังมากครับ มันมีทั้งที่สื่อตรงๆ และการสื่อแบบแฝงๆ บอกได้เลยว่าทุกอย่าง ทุกตัวละคร และทุกคำพูดที่มาจากปากกลาตูนั้น เป็นของดีทั้งนั้นเลยครับ แต่ถ้าคุณไม่ใช่คนชอบดูหนังที่มีการพูดๆๆๆ เยอะๆ ก็คงไม่ถูกปากน่ะครับ เพราะมันเดินเรื่องด้วยการสนทนาจริงๆ

    ด้านเทคนิค Effect ก็ยอดเยี่ยมมากครับ โดยเฉพาะไอ้แมงตัวจิ๋วๆ (ตัวอะไรต้องไปดูเอง) นั่น ทำได้อย่างดีมากครับ หรือเจ้าทรงกลมปริศนาก็ดูทรงพลังเข้าท่าดี ดนตรีประกอบของ Tyler Bates ก็เข้ากับอารมณ์หนังครับ เน้นกดดันผสมเร้าใจนิดๆ และที่ขาดไม่ได้คือดาราครับ หนังเรื่องนี้พลังดาราก็แพรวพราวใช้ได้ เริ่มจากนาย Keanu Reeves ที่พี่แกเหมาะกับบทแบบนี้มากครับ บทประเภทมนุษย์ต่างดาวหรือคนที่ไม่ได้ปกติอย่างใครเขา แล้วก็แสดงอารมณ์น้อยๆ นี่เหมาะทีเดียวครับ ดูดี ดูมีพลังในตัว บางคนก็แอบกัดว่าพี่แกเล่นแข็งอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ (ว่าไปนั้น) ส่วน Jennifer Connelly นางเอกก็สวยน่ารักดี แสดงก็ดีไม่มีปัญหาหรอกครับ เข้ากับ Jaden Smith ลูกชายนาย Will Smith ที่มาเล่นเป็นลูกเลี้ยงของเธอ สองคนนี้ก็สื่อแสดงต่อกันได้ดีแต่เหมือนบทจะยังไม่เปิดโอกาสให้แสดงอะไรมากเท่าไหร่ ส่วนอีกสองคนที่ฝีมือเข้ม แต่บทบาทไม่เยอะเท่าไรก็คือ Kathy Bates ในบท เรจิน่า แจ็กสัน รัฐมนตรีหญิงกับ John Cleese ในบท ศาสตราจารย์เบิร์นฮาร์ท จริงๆ ผมว่าสองคนนี้เล่นดีครับและฝีมือเฉียบอยู่แล้ว แต่ก็ตกอยู่ในสถานการณ์คล้าย Connelly คือเล่นดีมีฝีมือ แต่ไม่ได้โชว์สักเท่าไร

    (ยังมีต่อนะขอรับ)

     
     

    จากคุณ : เทพบุตรตบะแตก!! - [ 11 ธ.ค. 51 13:39:32 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com