ก่อนอ่านขอแจ้งอีกครั้งเช่นเคยครับ นี่เป็น Spoil เฉพาะกิจที่ทำเพราะอยากทำตอนนี้จริงๆ เท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำตลอดไปแต่อย่างใด (แต่กลัวเหมือนกัน ว่าไอ้ "เฉพาะกิจ" ที่ว่า ช่วงนี้มันจะมาบ่อยแค่ไหน...ถ้ามีตอนหวานๆ ของฮินาตะกับนารุโตะ หรือตอนซึ้งๆ ระหว่างพ่อลูกหรือแม่ลูก...งานนี้ไอ้ที่เฉพาะกิจคงไม่แคล้วมาเป็นพรวนแหงๆ)
จริงๆ ส่วนหนึ่งที่แบ่งเวลามาทำไอ้นี่ได้ เพราะ Bleach ช่วงนี้เดินเรื่องทีละกระจึ๋ง ทำให้ทำ Spoil ได้เร็วขึ้นนั่นแหละครับ ถ้าตอนต่อๆ ไป Bleach เกิดเร็วขึ้นมา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำเฉพาะกิจไหวหรือเปล่า
ว่าแล้วก็ไปชม Spoil เฉพาะกิจของผมได้เลยครับ :)
เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่นางาโตะบังคับเพนร่างวิถีสวรรค์ให้ถอยฉากออกมาหลบอยู่ในป่าใหญ่แห่งหนึ่ง ก่อนจะเริ่มผนึกอินใช้ไม้ตายก้นหีบ "จิบาคุเท็นเซย์" ออกมา ท่ามกลางเสียงห้ามปรามของโคนันที่เกรงว่าหากใช้วิชาระดับนี้ ชีวิตของนางาโตะจะเป็นอันตรายได้ แต่นางาโตะก็ตัดบทให้โคนันเงียบเสีย แล้วจึงเริ่มบริกรรมคาถาต่อไป
เมื่อบริกรรมมือจบ เพนก็คลายมือที่พนมอยู่ตรงหน้าออก ภายในฝ่ามือที่คลายออกมีก้อนพลังกลมๆ สีเข้มอยู่ภายในนั้น เพนสะบัดมือซ้าย ส่งก้อนพลังให้ลอยออกจากมือขึ้นไปเหนือท้องฟ้า ก่อนที่ตัวเองจะหันหลังกลับแล้วออกวิ่งต่อไป
ทันใดนั้นก็บังเกิดเหตุน่าตื่นตะลึงขึ้น เมื่อทุกอย่าง ทั้งหิน ทั้งดิน กระทั่งต้นไม้ใบหญ้าพลันถูกดูดเข้าไปหาก้อนพลังสีเข้มที่เพนสร้างขึ้นที่กลางอากาศจนหมด พริบตาเดียว ก้อนพลังทั้งก้อนก็ถูกทุกสิ่งที่ตัวเองดูดขึ้นมาปกคลุมจนมิด มองดูคล้ายลูกบอลทรงกลมที่ประกอบขึ้นจากหินดินทรายและต้นไม้
กระนั้นก้อนพลังก็ไม่ได้ลดราแรงดูดของมันเลย แรงดูดนั้นมหาศาลนัก ขนาดที่ผืนดินข้างล่างยังทนไม่ไหวต้องแตกสลายออกเป็นก้อนหินก้อนดินขนาดใหญ่โดนดูดขึ้นไปหมดสิ้น พาให้นารุโตะร่างจิ้งจอก 6 หางที่ยืนอยู่บนผืนดินเหล่านั้นต้องพลอยฟ้าพลอยฝนโดนดูดตามไปด้วย
แต่นารุโตะก็ไม่ยอมแพ้ พยายามตอบโต้ด้วยการยิงกระสุนจักระความเข้มสูงเข้าใส่หมายจะเล่นให้มันบึ้มกลางอากาศไปเลย กระสุนจักระปะทะหินดินที่เกาะผิวนอกของก้อนพลังเสียงดังตูมใหญ่
หากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงภูเขาหรือกองหินกองดินธรรมดา เจอไม้นี้เข้ามีหวังถูกเป่ากระจุยกระจาย แต่นี่เป็นสิ่งที่ถูกดึงดูดให้ติดเข้าด้วยกันจากพลังจักระมหาศาลของเพน ดังนั้น จึงเพียงกะเทาะเล็กน้อยพร้อมกับชะงักแรงดูดไปชั่วขณะเท่านั้น
...ก่อนจะเริ่มปล่อยแรงดึงดูดอีกครั้งด้วยความแรงที่มากกว่าเก่า
แรงดูดมหาศาลสุดที่นารุโตะในร่างจิ้งจอก 6 หางจะทานไหว ถูกดูดขึ้นไปติดกับผิวรอบนอกของก้อนพลังนั้น จะดึงจะดันอย่างไรก็ไม่อาจหลุดออกมาได้ และก่อนที่นารุโตะจะมีโอกาสคิดหาทางรอดอื่นใด เศษหินเศษดินที่ถูกดูดตามขึ้นมาทีหลังก็พุ่งเข้ามาถึงตัวแล้ว
ร่างของนารุโตะถูกเศษวัตถุทั้งหลายที่ถูกดูดตามขึ้นมาปกคลุมจนมิดในพริบตาเดียว...
ที่กลางอากาศ ณ ตำแหน่งที่เคยมีก้อนพลังสีเข้มลอยอยู่ บัดนี้กลับมีวัตถุทรงกลมขนาดมหึมาเกิดจากเศษวัตถุจากพื้นเบื้องล่างอัดรวมกันจนแน่นลอยอยู่แทน ใต้พื้นบริเวณที่วัตถุนั้นลอยอยู่กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่คล้ายกับผิวดินยามอุกกาบาตชนโลก
-----------------------------------------------------------------
ณ ตำแหน่งไกลออกไปจากตำแหน่งของวัตถุทรงกลม เสียงนางาโตะหายใจหอบถี่ๆ ไม่เป็นจังหวะ เลือดสดๆ ทะลักออกจากทั้งปากและจมูกราวกับคนป่วยอาการสาหัส
"ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย..." โคนันถามด้วยน้ำเสียงกังวล
"...อีกฝ่ายคือเก้าหางนะ..." นางาโตะอธิบายเหตุผล "ชั้นออมมือไม่ได้...ที่สำคัญ..." เจ้าหนุ่มผู้มุ่งจะเป็นเทพเจ้าว่าต่อ "...เทียบกับดวงจันทร์ที่ว่ากันว่า 6 เซียนเต๋าเป็นผู้สร้างขึ้นแล้ว แค่นี้นับว่ากระจอกมาก"
ดวงตาลายวงน้ำของนางาโตะสะท้อนแววเหนื่อยอ่อนอย่างรุนแรง แต่ปากกับพึมพำราวกับโล่งอก
"...แต่เท่านี้...ก็จับเก้าหางได้สำเร็จซะที"
---------------------------------------------------
ชั่วขณะที่นางาโตะกำลังยินดีอยู่เงียบๆ กับความสำเร็จของตัวเอง และโคนันกำลังรู้สึกกังวลต่อการฝืนใช้พลังเกินขีดจำกัดตัวเองของนางาโตะนั้น ดวงจิตของนารุโตะที่อยู่ในตัวของจิ้งจอกเก้าหางก็กำลังสับสนอย่างหนัก
"ทำไมกัน!?" เขาร่ำร้อง "ทำไมถึงเป็นแบบนี้!?"
ภาพยามเมื่อตัวเองไม่อาจหาเหตุผลใดๆ มาคัดง้างกับเหตุผลของเพนได้ฉายวาบขึ้นในหัวของนารุโตะแวบหนึ่ง พร้อมกับคำถามที่แสนจะทรมานจิตใจ "เพื่อสร้างสันติภาพ ถ้าเป็นนายจะเผชิญกับความทุกข์เช่นนี้อย่างไร? ตอบมาซะ"
"จะไปรู้ได้ไงเล่า...เรื่องแบบนั้น...! ทรมานเหลือเกิน...ไม่เอาแล้ว..."
นารุโตะทรุดลงกับพื้น ยกมือขึ้นกุมขมับทั้งสองข้างแล้วร้องครางด้วยความเจ็บปวดและสับสน
"ไม่เข้าใจเลย!! ไม่เข้าใจเลยว่าชั้นควรจะทำยังไงดี!? ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง!" เขาร่ำร้องอีกครั้ง "ใครก็ได้ช่วยชั้นที! ช่วยตอบชั้นที!"
"ถ้าอย่างนั้นก็ทำลายทุกอย่างซะสิ"
เสียงแหบพร่าดุดันเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันที่มีเพียงเสียงคร่ำครวญของนารุโตะเท่านั้น เจ้าหนุ่มลูกกำพร้าของโฮคาเงะผู้ล่วงลับเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในโลกในจิตใจ ที่ซึ่งตนเองเคยมาถึงหลายต่อหลายครั้งยามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจิ้งจอกเก้าหาง
เบื้องหน้าของนารุโตะนั้น คือประตูลูกกรงขนาดใหญ่ซึ่งผนึกพลังจักระและดวงวิญญาณของจิ้งจอกเก้าหาง ปีศาจร้ายระดับสูงสุดไว้ในร่างของนารุโตะนั่นเอง
"ทำลายทุกอย่างที่ทำให้เจ้าทรมานให้สิ้นไป" เจ้าของเสียงผู้อยู่หลังซี่กรงเอ่ยปากอีกครั้ง "จงมอบทุกสิ่งของเจ้าให้กับข้า นารุโตะ แล้วข้าจะปลดปล่อยเจ้าจากความทรมานทั้งปวงเอง"
นารุโตะงงงันวูบไปกับคำพูดล่อลวงของจิ้งจอกเก้าหาง แต่ทันใดนั้น ร่างของนารุโตะก็กระตุกเฮือกขึ้นราวกับถูกจี้ด้วยไฟฟ้า ซิปเสื้อด้านหน้าเปิดออก เผยให้เห็นแผ่นอกและหน้าท้องเปลือยเปล่า
บนหน้าท้องค่อยๆ ปรากฏอักขระผนึก ซึ่งโฮคาเงะรุ่นที่ 4 เคยทำไว้สำหรับผนึกจิ้งจอกเก้าหางไว้ในร่างของนารุโตะ อักขระผนึกเหล่านั้นค่อยๆ ม้วนพันเข้าหากันจนกลายเป็นลายน้ำวนสีเลือดขนาดใหญ่ดูคล้ายเลือดที่คั่งอยู่ใต้ผิวหนัง เลือดสดๆ ทะลักออกจากใจกลางลายน้ำวนนั้น ไหลลงอาบพื้นน้ำเบื้องล่าง แล้วแผ่รัศมีกระจายออกไป ย้อมทุกตารางนิ้วของพื้นเบื้องล่างจนกลายเป็นสีแดงฉาน
เสียงแหบพร่าของจิ้งจอกเก้าหางพึมพำอย่างยินดี
"นั่น ต้องอย่างนั้นสิ"
---------------------------------------------------
ตัดฉากไปทางฝั่งทีมยามาโตะที่กำลังเร่งฝีเท้ากลับหมู่บ้านโดยเร็วที่สุด ยามาโตะตื่นตะลึงเมื่อพบว่าสัญลักษณ์ตัวเลขบอกจำนวนหางของนารุโตะร่างปีศาจนั้น บัดนี้เปลี่ยนจากเลข 6 ไปเป็นเลข "8" แล้ว
------------------------------------------------------
ขณะเดียวกัน ณ โลกภายนอกจิตใจของนารุโตะก็เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงขึ้น ก้อนดินที่อัดแน่นจนกลายเป็นทรงกลมลอยอยู่กลางอากาศพลันระเบิดตูมออกที่มุมด้านหนึ่งจนเป็นรู สร้างความประหลาดใจให้กับเพนร่างวิถีเทพอย่างมาก
พลัน มือขนาดใหญ่คู่หนึ่งก็ทะลุออกมาจากรูนั้น มือคู่นั้นประกอบด้วยกรงเล็บคมกริบและเส้นลายของกล้ามเนื้อที่รัดรึงกระดูกไว้แน่น แต่กลับไร้หนังหรือขนปกคลุมกล้ามเนื้อ
บังเกิดเสียงระเบิดติดต่อกันอีกหลายสิบครั้ง เมื่อบางอย่างลักษณะคล้ายพู่หางอย่างหางสุนัขสีแดงเข้มหลายข้างพุ่งทะลุออกมาจากก้อนดินนั้น ณ ตำแหน่งใกล้เคียงกับจุดที่มือปีศาจทั้งคู่แทงพรวดออกมาอยู่ก่อน ยิ่งทำให้รอยร้าวนั้นเพิ่มปริมาณมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ชั่วพริบตานั้น มือปีศาจทั้งสองข้างก็กระชากออกในลักษณะคล้ายคนยกมือแหวกม่านหรือสิ่งบังตาให้พ้นใบหน้า ดันเอาเศษหินเศษดินที่อัดแน่นอยู่ให้แหวกออก เปิดช่องว่างให้ร่างมหึมาของจิ้งจอกปีศาจหลุดออกมาได้สำเร็จ
จิ้งจอกปีศาจขนาดยักษ์ที่มีหางงอกออกมาแล้วถึง 8 หาง โครงกระดูกจิ้งจอกที่ปรากฏออกมาปกคลุมรอบร่างสังเวยไว้ตรงกลางเมื่อครั้งหางงอกออกมา 6 หาง บัดนี้มีบางอย่างลักษณะคล้ายขดกล้ามเนื้อสีแดงเข้มจัดม้วนพันแน่นอยู่ ดูไปคล้ายกับจิ้งจอกยักษ์ที่ถูกถลกหนัง เหลือแต่กล้ามเนื้อสดๆ ให้เห็นจะๆ ก็ไม่ปาน
ทันทีที่หลุดออกมาได้ เจ้าจิ้งจอกปีศาจก็แผดเสียงหอนเย็นยะเยือกดังสนั่นไปทั่วบริเวณในทันที
"...ไม่นึกว่าจะขนาดนี้..." เพน จอมนินจาอดทึ่งไม่ได้กับความร้ายกาจของสัตว์หางระดับสูงสุดตนนี้ ที่สามารถทำลายได้แม้แต่คาถาผนึกระดับสุดยอดของตัวเอง
------------------------------------------------
ตัดฉากไปทางโลกในจิตใจของนารุโตะ นารุโตะในยามนี้สติสตังหลุดลอยไปโดยสิ้นเชิง เลือดแดงฉานที่ไหลอาบพื้นห้องในทีแรก บัดนี้สูงขึ้นมาจนถึงระดับหัวเข่าแล้ว
"เอ้า มาทางนี้สิ" เจ้าปีศาจจิ้งจอกส่งเสียงเรียก "แล้วดึงยันต์ผนึกนี่ออกซะ"
เจ้าปีศาจหมายถึงแผ่นกระดาษแผ่นใหญ่เขียนคำว่า "ผนึก" ไว้ตรงมุมบน ซึ่งแปะติดอยู่ระหว่างประตูกรงทั้งสองด้านนั่นเอง
ราวกับหุ่นกระบอกถูกชักใย นารุโตะค่อยๆ ก้าวเดินอย่างช้าๆ ฝ่ากองเลือดที่สูงจนแทบท่วมหัวเข่า ตรงไปยังแผ่นยันต์ผนึกนั้น...
------------------------------------------------------------
ตัดฉากกลับมาทางยามาโตะอีกครั้ง ยามาโตะยิ่งสติแตกกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าเลข 8 บนฝ่ามือนั้นกำลังค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเลข 9 แล้ว...
--------------------------------------------------------------------------
ตัดฉากกลับไปยังโลกในจิตใจของนารุโตะ นารุโตะเดินฝ่ากองเลือดไปจนถึงยันผนึกได้สำเร็จ เขายื่นมือขวาออกไปจับขอบยันต์ด้านบนเอาไว้ และทำท่าจะแกะยันต์ผนึกออก ท่ามกลางสีหน้าลิงโลดของจิ้งจอกเก้าหาง
ทว่าก่อนที่นารุโตะจะทันดึงยันต์ผนึกออกจากลูกกรงนั้นเอง มือแข็งแรงของใครคนหนึ่งก็ยื่นออกมาคว้าหมับไว้ที่ข้อมือข้างนั้นเสียก่อน
สัมผัสแปลกปลอมที่ไม่คุ้นเคย เรียกสติของนารุโตะให้กลับมาทันที ดวงตาที่เหลือกขาวจนไม่เห็นตาดำกลับมาแจ่มใสชัดเจนอีกครั้ง ก่อนจะเลื่อนไปมองผู้ที่เข้ามาเรียกสติตนในยามอับจนเข้าตาตาย
แม้อีกฝ่ายจะหันหลังให้ทำให้มองไม่เห็นใบหน้า แต่นารุโตะก็สังเกตเห็นได้ว่าเขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ ผมสีเหลืองอ่อนแบบเดียวกับตัวนารุโตะเองไม่ผิดเพี้ยน หากสิ่งที่สะดุดตาเจ้าหนุ่มพลังสถิตร่างที่สุด ก็คือตัวอักษรขนาดใหญ่ 5 ตัวที่เขียนไว้บนหลังเสื้อชายยาวที่คนผู้นั้นสวมอยู่
เพราะมันเขียนไว้ว่า "โฮคาเงะรุ่นที่ 4"!!
นารุโตะเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง พริบตานั้น โฮคาเงะรุ่นที่ 4 ก็ฉวยโอกาส ดึงตัวนารุโตะให้ถอยออกมาพ้นจากลูกกรงในระยะปลอดภัยทันที
"ฮื่ออออ!! นี่แก!!!!" เจ้าปีศาจจิ้งจอกเค้นเสียงคำราม ดวงตามีแววขัดใจเหมือนแมวที่ถูกแย่งเหยื่อไปต่อหน้าต่อตา
"โฮคาเงะ...รุ่นที่ 4..." นารุโตะตะกุกตะกัก ยังไม่หายตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"ผนึกนี่ชั้นตั้งระบบไว้ว่า ถ้าผนึกคลายตัวออกจนถึงหางที่ 8 เมื่อไหร่ ชั้นก็จะมาปรากฏตัวในจิตใต้สำนึกของแกได้" ยอดโฮคาเงะในหมู่โฮคาเงะด้วยกันประกาศ "แต่อย่างน้อยก็ไม่อยากให้กลายเป็นแบบนั้นหรอกนะ...ชั้นไม่อยากเจอหน้าแกอีกแล้วซะด้วยสิ...เก้าหาง แต่ว่านะ..."
เจ้าของฉายาประกายแสงสีเหลืองแห่งโคโนฮะเลื่อนสายตามามองหน้าลูกชายผู้กำลังยืนตะลึงอยู่ แล้วจึงพูดต่อ
"ทำให้ชั้นได้มีโอกาสเจอหน้าลูกชายที่โตแล้วทั้งที... ถือว่าเจ๊ากันไปละกัน"
อ่านตอนนี้แล้วบอกตรงๆ นึกไม่ถึงจริงๆ ครับว่าลงเอยคนที่เข้ามาคืนสติให้นารุโตะจะเป็นรุ่นที่ 4 ไปได้ แบบนี้แปลว่าตั้งแต่แรกตอนที่ผนึกจิ้งจอกเก้าหางไว้ในตัวนารุโตะ แกก็ตั้งใจผนึกวิญญาณตัวเองไว้ในนี้ไปพร้อมๆ กันแล้วงั้นรึ? (คงใช่มั้ง เห็นแกพูดถึงเรื่องระบบตั้งอัตโนมัติให้แกมาปรากฏตัวนี่ด้วย...) ฟังแล้วอยากให้อ.คิชิโมโตะเขียนตอนย้อนอดีตสมัยรุ่นที่ 4 เจอกับจิ้งจอกเก้าหางแบบละเอียดยิบจังแฮะ
ที่แน่ๆ อยากเห็นการพูดคุยระหว่างพ่อลูกที่ไม่เคยเจอหน้ากันคู่นี้ในตอนหน้าจัง งานขอให้ออกมาซึ้งกินใจด้วยเถอะ
แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 52 01:04:58