PANTIP.COM : A10244114 ใครได้ดู รายการ วีไอพี เมื่อคืนไม๊คะ เกี่ยวกับ สลับลูกกัน นาน 10 กว่าปีอ่ะค่ะ [บันเทิงวิทยุ-โทรทัศน์]

ความคิดเห็นที่ 11

เคยมีกรณีนี้มาแล้วค่ะ

แต่ทั้งสองครอบครัวนี้ ต่างรักและผูกพัน กับลูกที่เลี้ยงมา
เลยเป็นพ่อแม่รวมกัน สนิทกันทั้งสองครอบครัวค่ะ

'หัวเฉียว' ยอมรับ มีโอกาส พลาด-สลับแฝด
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ รพ.หัวเฉียวที่ปฏิบัติหน้าที่ประมาทเลินเล่อ อุ้มเด็กฝาแฝดแรกเกิดสลับตัว โดยอุ้มแฝดคนพี่กับเด็กอื่นที่คิดว่าเป็นคู่แฝดกันเอามาให้พ่อแม่ของเด็กนำ กลับบ้าน ส่วนแฝดคนน้องถูกอุ้มไปให้แม่อีกคนที่มาคลอดในวันเดียวกัน ทำให้แฝดคนน้องต้องถูกพรากจากแม่บังเกิดเกล้าไป กระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึง 16 ปี ถึงมีคนไปพบแฝดคนน้องโดยบังเอิญ จึงได้ประสานงานให้ 2 ครอบครัว และเด็ก 3 คน มาพบหน้าค่าตากัน และมีการพิสูจน์จนทราบแน่ชัดว่า แฝดที่ถูกแยกไปอยู่อีกครอบครัวเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ทำให้กลายเป็นเรื่องสะเทือนใจทั้ง 2 ฝ่ายนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ว่า สำหรับ "น้องซัน" แฝดคนน้องที่ไปอยู่กับอีกครอบครัวและเรียนอยู่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ มีชื่อจริงว่า น.ส.วิชญาพร วโรจนานุรักษ์ อายุ 16 ปี ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบที่บ้านไม่เจอน้องซัน ทราบจากหญิงสูงวัยคนหนึ่งที่ออกมาพบว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านของน้องซันจริง แต่วันนี้หยุดเรียนและไม่อยู่บ้าน พร้อมขอร้องผู้สื่อข่าวให้ยุติการเสนอข่าว เพราะก่อนหน้านี้เด็กทั้งหมดได้พบหน้ากันเรียบร้อยแล้วทั้ง 2 ฝ่ายมีความเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี ขอให้เป็นเรื่องระหว่าง 2 ครอบครัวเท่านั้น ไม่อยากให้เรื่องแพร่กระจายไปมากกว่านี้ แค่นี้เด็ก 2 ฝ่ายก็บอบช้ำมากพอแล้ว รพ.หัวเฉียวจะต้องแสดงความรับผิดชอบ โดยทางญาติพี่น้องจะดำเนินการกันเอง

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยทางโทรศัพท์จาก น.ส.อลิสา น้ำทรัพย์อนันต์ แฝดคนพี่ว่าตนและ น.ส.ลลิตา น้องสาว ซึ่งเรียนอยู่โรงเรียนมาแตร์เดอี ไม่ได้ไปโรงเรียนเช่นเดียวกับน้องซัน เพราะสะเทือนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และเกรงว่าจะมีสื่อมวลชนมาติดตามทำข่าว สภาพจิตใจตอนนี้แย่มาก ตนกับ น.ส.ลลิตาได้ โทรศัพท์ไปพูดคุยกับน้องซัน แต่ละฝ่ายมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจกันมาก แต่เรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นผลดี ทำให้เรา 2 ฝ่ายได้มีครอบครัวใหม่เพิ่มขึ้น

บ่ายวันเดียวกัน นพ.วิโรจน์ เศรษฐิน ผอ.รพ.หัวเฉียว เปิดแถลงข่าวถึงเรื่องการสลับตัวฝาแฝด โดยกล่าวว่าข่าวค่อนข้างเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง จึงชี้แจงเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น แม้ว่าข้อมูลต่างๆยังไม่ครบถ้วนเพราะเหตุการณ์นานพอสมควร รพ.ใคร่ขอความเป็นธรรม และเห็นใจแก่ทุกฝ่าย รพ.หัวเฉียวรับใช้ประชาชน มากว่า 60 ปี มีมาตรฐานรัดกุมมาก โดยเฉพาะเรื่องทารกแรกเกิด ไม่เคยมีเหตุการณ์สลับตัวกัน มาก่อน โอกาสที่จะเกิดขึ้นก็มีน้อยมาก หากมีหลักฐานชัดว่ามีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น รพ.ยินดีจะรับผิดชอบทุกเรื่องจากนั้นนางพรศรี ลิ้มสีมารัตน์ พยาบาลผู้จัดการชี้แจงกระบวนการหลังคลอดบุตรว่า หลังมารดาคลอดบุตรแล้วจะแยกเด็กเข้าห้องทารกแรกเกิด เขียนป้ายข้อเท้าที่ระบุเวลาคลอด ชื่อมารดา ส่วนเพศก็เขียนชัดเจนว่าเป็น "ชาย" หรือ "หญิง" อย่างชัดเจน หมอทำคลอดจะชูเด็กให้แม่ดู เพื่อให้เห็นหน้ากันแล้วติดป้ายข้อเท้าทันทีและนำไปเช็ดตัวก่อนนำไปดูแลที่ห้องทารกแรกเกิด โดยอยู่ในความดูแลของพยาบาลตลอด

ต่อข้อถามว่า หากเกิดความผิดพลาดตามข่าว น่าจะเกิดจากจุดไหนระหว่างแพทย์หรือพยาบาล นพ.วิโรจน์ ตอบว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะข้อมูลที่ได้มายังไม่ครบ มีเพียงแค่ว่าเด็กเกิดที่ รพ.นี้จริงทั้ง 3 คน การเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ อย่างป้ายข้อเท้าที่ติดอยู่ที่เด็กเป็นไปได้ไหมที่จะหลุด ตอบว่า หลุดได้ แต่หลุดก็ใส่ให้ใหม่ ไม่น่าจะสลับกัน ขนาดนั้น ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถเปิดเผยแพทย์และพยาบาลที่ทำคลอดในวันนั้นได้หรือไม่ นพ.วิโรจน์กล่าวว่า เรามีรายชื่ออยู่ แต่ในฐานะที่เป็น ผอ.จะขอรับผิดไว้คนเดียว ถ้าจะมีการสอบสวนเชื่อว่า คงไม่มีใครจำได้ เพราะเวลาผ่านมา 16 ปี แต่ถ้าเรื่องชัดเจนและมีความจำเป็นต้องเปิดเผยก็พร้อมเช่นกัน ส่วนการตรวจดีเอ็นเอจำเป็นต้องมีห้องแล็บที่มีมาตรฐาน เพราะการแปรผลสำคัญมาก รพ.ยังไม่มีเครื่องมือระดับนั้น หากเหตุการณ์ผิดพลาดจริง ก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์นี้มากๆ โดยส่วนตัวก็กระเทือนใจอยู่เหมือนกัน ถ้าย้อนเวลาไปได้ ก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องนี้ พ่อแม่เลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อยก็มีความผูกพันเหมือนกัน

จากคุณ : panmile_pink

เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 18:25:17