**บทวิจารณ์ "คืนไร้เงา" (One Night Husband) **

    "คืนไร้เงา" (One Night Husband) รักอับเฉาของสาวสองคน
    จาก มติชน วันที่ 4 สค. 46

    มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของคนเราที่เป็นเรื่องธรรมดา แต่กลายเป็นสิ่งที่ลึกลับซับซ้อนจนไม่น่าเชื่อ ประเด็นเล็กๆ ในชีวิตธรรมดาของคนเราในระดับปัจเจกชนนั้น หนังไทยส่วนใหญ่มักไม่ค่อยสนใจจะขยายหรือแตกเรื่องราวออกมาทำให้ดูกันสักเท่าไหร่

    หนังเรื่องแรกของผู้กำกับหญิง พิมพกา โตวิระ ที่เติบโตและรู้จักชื่อกันทั้งในและต่างประเทศในการทำหนังสั้น

    "คืนไร้เงา" (One Night Husband) หรือแปลแบบตรงๆ ว่า "สามีคืนเดียว" จึงเป็นความท้าทายและคาดหวังจากคอหนังประเภทหนังอาร์ตหรืออินดี้อย่างสูง

    การเป็นคนเขียนบทภาพยนตร์เองด้วย ทำให้พิมพกากุมสภาพหนังเรื่องนี้ของเธอไว้อย่างน่าชม

    ถือว่าเป็นความสำเร็จในแง่ของหนังเรื่องแรกที่ผ่านได้สวย

    การหยิบเอาช่วงที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิตคน คืนแรกของการแต่งงานมาผูกเป็นปม การหายตัวไปของสามีจนนำไปสู่การคลี่คลายเรื่องราวของผู้หญิงสองคนที่ถูกชะตากรรมเดียวกันเล่นงาน แต่เป็นคนละขั้ว

    ผู้ชายคนหนึ่งสามารถทำให้ชีวิตของผู้หญิงสองคนต้องถึงจุดอับตันและร้าวรานอย่างพิสดาร เป็นโศกนาฏกรรมที่ธรรมดาแบบลึกลับ และอาจเกิดขึ้นได้จริง

    "สิปาง" (นิโคล เทริโอ) ตามหาสามี "นภัทร" (วรวุฒิ แก้วเพชร) ที่สูญหายไปอย่างไม่มีร่องรอย หลังจากรับโทรศัพท์ แล้วผลุนผลันออกจากบ้านไป

    ครอบครัวของสามีที่ประกอบด้วย "ชาติ" (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) กับภรรยา "บุษบา" (สิริยากร พุกกะเวส) ซึ่งสิปางเทียวมาเทียวไปเพื่อหาเค้าลางการหายตัว ยิ่งค้นก็ยิ่งคลำเจอแต่ปม ปม ปม ไม่มีที่สิ้นสุด

    ยิ่งวิ่งหายิ่งไม่เจออะไรเลย

    โดยเฉพาะชีวิตลำเค็ญของ บุษบา ผู้เงียบงันและน่าสงสาร ได้แปลงความสงสารกลายเป็นสัมพันธภาพของผู้หญิงสองคน "บุษบา" กับ "สิปาง"

    ถือว่า "คืนไร้เงา" ได้เล่นเอาเถิดกับคนดูแบบกดดันและเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด การเดินเรื่องที่คืบคลานไปอย่างช้าๆ ดูเหมือนยิ่งคลำหายิ่งโหวงว่างเปล่า ช่างโยกโย้ซ่อนเงื่อนเคลื่อนปมไปเรื่อยๆ

    หนังเรื่องนี้เหมือนกับการได้นั่งอ่านหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนที่มาหักมุมในตอนจบอย่างหลอกล่อคนดูแบบคาดไม่ถึง เทคนิคทางด้านภาพและการวางจังหวะเรื่อง สัญลักษณ์ต่างๆ ได้ผสานเอาไว้เป็นอย่างดี แต่บางทีก็มากจนเกินเหตุ บางช่วงของเรื่องจึงดูแล้วเหนื่อย ขณะที่ช่วงต้นๆ ทำให้หน่าย

    หากเมื่อพ้นช่วงนั้นมาแล้ว "คืนไร้เงา" ก็เดินเรื่องแบบฉลาด เพราะให้คนดูสงสัย ตั้งคำถาม และขบคิด ในทุกช่วงที่เคลื่อนไปเรื่อยๆ และก็หลอกคนดูให้พุ่งเป้าเขวออกนอกทางไป จนตะล่อมปิดสู่จุดสุดท้าย ที่กระชากออกมาแล้วก็จบทันที

    เทคนิคการเฉลยในช่วงสุดท้ายถือว่า เยี่ยมยอดทีเดียว

    สิริยากร พุกกะเวส ได้แสดงศักยภาพที่เปล่งประกายของนักแสดงที่ทะลุขึ้นชั้นอย่างเห็นได้ชัด จากตัวละครในหนังเรื่องนี้ จากการที่เป็นตัวเดินเรื่องเคียงคู่ไปกับนิโคล เทริโอ ได้ช่วยผลักและส่งพลังให้นิโคล เล่นดูออกมาโดดเด่นเช่นกัน แม้เป็นการแสดงเรื่องแรกก็ตาม พงษ์พัฒน์ก็ได้มาตรฐานที่อยู่ตัว เยี่ยมในลักษณะของเขาอยู่แล้ว

    "คืนไร้เงา" ได้แสดงให้เห็นถึงวิธีคิด มุมมองของการทำหนังฝีมือของคนรุ่นใหม่อย่างชัดเจน ที่ไม่เน้นเปลือกนอก ความหรูหรายิ่งใหญ่ของโปรดักชั่น แต่เสนอความคิดแก่นสารที่ต้องการให้ออกมาปะทะโดยตรงกับผู้ชม การได้ ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล ซึ่งเป็นมือทำหนังรุ่นใหม่เช่นกันมานั่งเป็นโปรดิวเซอร์ ทำให้ทิศทางของหนังยิ่งหลุดออกมาในการเล่าเรื่องแบบใหม่ยิ่งขึ้น

    การกำกับภาพโดย ช่างกล้องชาวเยอรมัน คริสตอฟ ยาเนสต์โก ก็ให้อีกรูปแบบที่ดูเป็นความสมจริง แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากหนังไทยทั่วไป

    ถึงอย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นหนังที่ดีอยู่ในตัวโจทย์ของคนทำที่วางไว้ แต่สำหรับตลาดหนังไทยนั้น คอหนังที่จะติดตามงานในสไตล์นอกกระแส ดูแล้วต้องคิดเยอะ ตามอย่างมีสมาธิ เป็นความบันเทิงที่เป็นยาขมของคนดูหนังไทย ที่ต้องการแค่ความบันเทิงที่ฉาบฉวย ป้อนกันแบบตรงๆ ไม่ต้องการตีความ และลงสู่สารัตถะที่ยิ่งใหญ่ของชีวิตมนุษย์ โดยผ่านชะตากรรมของคนเพียงไม่กี่คน มีเพียงไม่มากนัก

    ดังนั้น หากหนัง "คืนไร้เงา" เป็นที่ถูกใจของคอหนังที่เป็นนักศึกษา และคอหนังอินดี้ หนังอาร์ต ที่เป็นกลุ่มเล็กๆ รวมถึงเทศกาลหนังในต่างประเทศ ให้คนเหล่านั้นรู้สึกเต็มอิ่มและได้กลับไปครุ่นคิดต่อยอดถึงความหมายของชีวิต รวมถึงความรัก ผู้ชาย ผู้หญิง และสังคมไทย

    ก็ถือว่าได้ทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

     
     

    จากคุณ : Et ceterA - [ 6 ส.ค. 46 08:18:39 ]