ความคิดเห็นที่ 46
ได้ยินว่าตอนที่ทหารญี่ปุ่นเข้ามาในเมืองไทย ก็ทำเรื่องเลวทรามไว้มากเหมือนกัน ถ้าใครมีปู่ย่าตายายที่มีชีวิตอยู่ทันช่วงนั้น ลองถามดูสิคะ เพื่อนดิฉันที่มาจากภาคใต้บอกว่าคนรุ่นปู่ย่าของเขาเคยเล่าให้ฟังว่า ทหารญี่ปุ่นที่เข้ามาในเมืองไทย เห็นเด็กทารกอยู่กับพ่อในตลาด ก็เลยจับเด็กทารกโยนขึ้นไปในอากาศแล้วก็เอาดาบปลายปืนเสียบเล่นด้วย
ถ้าใครสนใจหนังเกี่ยวกับความโหดเหี้ยมของทหารญี่ปุ่น ขอแนะนำให้ดูเรื่อง DON'T CRY NANKING (A+++++) ค่ะ ส่วนถ้าใครสนใจหนังเกี่ยวกับความโหดเหี้ยมของนาซี ขอแนะนำให้ดูหนังรัสเซียเรื่อง COME AND SEE (A+++++) ที่กำกับโดย Elem Klimov ค่ะ
พอดีมีข้อมูลเก่าๆเกี่ยวกับหนังสารคดีเรื่อง JAPANESE DEVILS เลยเอามาฝากค่ะ
โตเกียว--26 ธ.ค. 2001--รอยเตอร์
ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Japanese Devils ซึ่งออกฉายตามเทศกาลภาพยนตร์ต่างๆมาแล้วทั่วโลกได้เริ่มเปิดฉายในประเทศญี่ปุ่นแล้ว โดยภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอบทสัมภาษณ์ทหารญี่ปุ่นที่ร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อให้ทหารเหล่านี้ได้เปิดเผยความเลวร้ายที่ตนเองได้กระทำให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ความจริงที่เกิดขึ้น
ทหารญี่ปุ่นรายหนึ่งสารภาพว่าเขาได้ฆ่าคน 328 คน ในขณะที่อดีตสิบเอกคนหนึ่งเล่าว่าเขาชอบโยนเด็กทารกเข้ากองไฟเพื่อสร้างเสียงหัวเราะในหมู่ทหาร ส่วนทหารอีกรายเล่าว่าเขาข่มขืนและฆ่าผู้หญิงคนหนึ่งก่อนจะแล่เนื้อของเธอเพื่อเอามาเลี้ยงทหารในกองร้อยเดียวกับเขา
Japanese Devils มีความยาว 3 ชั่วโมงและนำเสนอบทสัมภาษณ์ทหาร 14 คนในกองทัพของพระจักรพรรดิ โดยทหารเหล่านี้เล่าถึงความโหดร้ายที่ตนเองได้กระทำในสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นในปี 1931-1945
"เมื่อคุณฆ่าคนไปแล้ว 2 หรือ 3 คน คุณก็จะไม่รู้สึกผิดอีก" ยาสุจิ คาเนโกะ อดีตสิบโทกล่าว โดยเขาเล่าว่าเขารู้สึกชินชากับการฆ่าคนหลังจากเขาฝึกใช้ดาบปลายปืนโดยใช้เป้าเป็นนักโทษชาวจีนที่ถูกผูกติดกับเสาขณะยังมีชีวิตอยู่
"การฆ่าคนเป็นเรื่องของการแข่งขัน จำนวนคนที่คุณฆ่าเป็นมาตรฐานของความสำเร็จ" ทหารผ่านศึกอีกคนกล่าว โดยทหารผู้นี้เล่าว่ามีการจับเด็กทารกชาวจีนจำนวนมากโยนเข้ากองไฟเพื่อความสนุกสนาน
ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้คือมิโนรุ มัตสึอิ และภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลในเทศกาลภาพยนตร์ที่เยอรมนีและโปรตุเกสด้วย
คาดกันว่าการนำภาพยนตร์เรื่องนี้มาเปิดฉายในประเทศญี่ปุ่นอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาเนื่องจากประเด็นเรื่องความโหดร้ายของทหารญี่ปุ่นยังคงถือเป็นประเด็นต้องห้ามที่ไม่ควรนำมาพูดถึง และยังมีความกังวลกันว่าผู้นิยมฝ่ายขวาอาจพยายามขัดขวางการฉายภาพยนตร์เรื่องนี้
โรงภาพยนตร์ในย่านชิบูยะของกรุงโตเกียวที่เปิดฉาย Japanese Devils เปิดเผยว่าได้รับโทรศัพท์ข่มขู่ก่อนนำภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย
อดีตทหารทั้ง 14 คนเล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวของตัวเองในการสังหาร, เผา, ข่มขืน, ทรมาน และผ่าชำแหละคนเป็นๆ โดยการกระทำส่วนใหญ่เกิดขึ้นหลังจากญี่ปุ่นประกาศสงครามกับประเทศจีนอย่างเต็มตัวในปี 1937
ทหารเหล่านี้กล่าวว่าประเพณีอันโหดร้ายของทหาร, แรงกดดันจากเพื่อนทหารด้วยกัน, ความโหดร้ายที่ทำกันเป็นกิจวัตร และความเชื่อที่ว่าชาวญี่ปุ่นเป็นเชื้อชาติที่ดีที่สุดคือปัจจัยที่ทำให้ทหารธรรมดากลายเป็นนักฆ่าที่ไร้ความปรานี
มาซาโยะ อิโนโมโตะ อดีตจ่าสิบเอกกล่าวว่าเขารู้สึกชินชากับการฆ่าคนและเชื่ออย่างเต็มที่ว่าชาวจีนเป็นเชื้อชาติที่ต่ำต้อย ความคิดดังกล่าวกระตุ้นให้เขาสับร่างเหยื่อที่ถูกข่มขืนออกเป็นชิ้นๆและนำเนื้อของหญิงคนนั้นไปปรุงเป็นอาหารเลี้ยงกองทหารของเขา
"การฆ่าคนจำนวนมากแสดงให้เห็นว่าคุณจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิ" โยชิโอะ สึชิยะ อดีตร้อยตรีกล่าว
โยชิโอะ ชิโนสุกะ อดีตสิบโทในกองร้อย 732 กล่าวว่า "เรามองว่าคนเหล่านี้เป็นเพียงแค่ท่อนซุง" โดยกองร้อย 732 นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมากเนื่องจากเป็นกองร้อยที่จับคนเป็นๆมาทำการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ที่โหดร้ายทารุณ
Japanese Devils เป็นชื่อที่ชาวจีนใช้เรียกผู้รุกรานชาวญี่ปุ่นในช่วงนั้น ทั้งนี้ ถึงแม้ผู้ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่จะให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่พวกเขาก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและรู้สึกว่าตนเองมีหน้าที่ต้องถ่ายทอดเรื่องราวดังกล่าว
"ผมจะเปิดเผยรายละเอียดให้มากที่สุดให้คนรุ่นหลังได้รับรู้" อดีตทหารคนหนึ่งกล่าว
ผู้ชมชาวญี่ปุ่นที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้มีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันไป โดยอดีตทหารผ่านศึกวัย 77 ปีรายหนึ่งร้องไห้ขณะเดินออกจากโรงภาพยนตร์และกล่าวว่า "ผมก็เคยมีประสบการณ์อย่างนี้เหมือนกัน ผมอยู่ที่ประเทศจีนในตอนนั้น ผมอยู่ที่นานกิง และผมทำผิด ผมยอมรับว่าญี่ปุ่นทำเรื่องที่เลวร้ายจริงๆในตอนนั้น"
แต่ทากาฮิโระ ซูซูกิซึ่งมีอายุ 23 ปีกล่าวว่า "ประเทศอื่นๆก็ทำสิ่งที่เลวร้ายกว่าญี่ปุ่นตั้งเยอะ ทำไมญี่ปุ่นจึงมักถูกประณามว่าเป็นคนเลวด้วย" ซึ่งผู้ชมบางคนก็แสดงความเห็นในทำนองเดียวกัน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ทุนสร้าง 10 ล้านเยน (80,300 ดอลลาร์) โดยมัตสุอิกล่าวว่าเหตุผลที่เขาสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เพื่อต่อต้านแนวโน้มของชาวญี่ปุ่นที่ชอบกลบเกลื่อนความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ และกล่าวว่า "ญี่ปุ่นยังไม่ได้วิเคราะห์และยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในสงคราม"
ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับจีนและเกาหลีใต้ประสบภาวะตึงเครียดในช่วงต้นปี2001เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติตำราเรียนที่ปกปิดความเลวร้ายของญี่ปุ่นในสงคราม
นายกรัฐมนตรีจูนิชิโร โคอิซูมิของญี่ปุ่นสร้างกระแสความไม่พอใจให้กับต่างชาติเมื่อเขาเดินทางไปเยี่ยมอนุสรณ์สำหรับอาชญากรสงครามในเดือนส.ค.ปี 2001
"ชาวญี่ปุ่นรุ่นใหม่ไม่รู้ประวัติศาสตร์ทั้งหมด พวกเขาไม่รู้ว่าญี่ปุ่นรุกรานจีนและสู้กับกองทัพจีน พวกเขาไม่รู้ว่าญี่ปุ่นยึดเกาหลีเป็นอาณานิคมและทำให้ชาวเกาหลีต้องทุกข์ทรมานเป็นเวลานาน พวกเขาไม่รู้เรื่องราวในอดีต และนั่นทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ" โนบุโกะ โคสุเกะ นักประวัติศาสตร์กล่าว
"เหตุผลที่สำคัญที่สุดในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้คือเพื่อบันทึกเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยคนรุ่นหนุ่มสาวบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าญี่ปุ่นเคยรบกับประเทศจีน" เคนิชิ โอกุริ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์กล่าว
โอกุริกล่าวว่าเขาพยายามชักชวนให้สถานีโทรทัศน์นำภาพยนตร์เรื่องนี้ออกอากาศ แต่ยังไม่สถานีใดยอมรับข้อเสนอของเขา
จากคุณ :
Madeleine de Scudery
- [
29 ก.ย. 47 01:38:19
A:202.176.184.248 X: TicketID:002703
]
|
|
|