| ชอบมากห้ามพลาด (18 คน) |
| ชอบแต่ยังไม่ที่สุด (42 คน) |
| เฉยๆ (12 คน) |
| ไม่ค่อยชอบ รอแผ่นก็ได้ไม่ต้องไปโรง (6 คน) |
| ไม่ชอบ (8 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 86 คน |
...เลือกอ่านเรื่องนี้พร้อมรูปและความเห็นอื่นได้อีกที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=05-2005&date=06&group=1&blog=1
หากต้องทำสิ่งชั่วร้ายเพียงน้อยนิดเพื่อความดีงามในอนาคต คุณจะยอมหรือไม่?
...หนังเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่การพาคนดูไปพบกับBalian ช่างตีเหล็กบุตรของGodfrey ก่อนที่ชายคนนี้จะลุกขึ้นมาปกป้องเมืองเยรูซาเล็มท่ามกลางการสู้รบของทั้งฝ่ายคริสเตียนและมุสลิมที่มีชื่อเรียกสงครามอันยาวนานนี้ว่า สงครามครูเสด
.... หนังเริ่มต้นได้ดีในช่วงเปิดเรื่องที่วางเรื่องราวการสูญเสียและการต้องการไถ่บาปจนพระเอกตัดสินใจทิ้งบ้านตัวเองไปร่วมกับบิดาตัวเอง หลังจากนั้นในครึ่งแรกหนังก็เดินเรื่องได้เนือย ระโหยโรยแรงจนแทบจะกลายเป็นหนังสารคดีชีวประวัติBalianและเต็มไปด้วยความบังเอิญที่ดูไร้ชั้นเชิงในการเล่าเรื่อง (ความเก่งอย่างไร้ที่มา/เรือล่มแต่คนรอดคือพระเอก1กับม้า1พอดี/คนที่เจอกลายเป็นคนสำคัญฯลฯ) ก่อนที่หนังจะเดินหน้าต่อไปอย่างตรงไปตรงมาและเริ่มเข้มข้นขึ้นในครึ่งเรื่องหลัง
เนื้อหา.....ดูได้ไม่ยากต่อการเข้าใจ หนังมองเนื้อหาที่ภาพกว้าง(การเมือง,สงคราม)มากกว่าจะมองลงลึกในเชิงบุคคล หนังใส่ปมความขัดแย้ง(Conflict)ระหว่างตัวบุคคลและในตัวบุคคลน้อยมากจนแทบจะไม่มีเลย นั่นทำให้ผมไม่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับตัวละครและการดำเนินเรื่องจึงไปข้างหน้าเหมือนลูกศรชี้ทางเดียวจนจบเส้นทาง ข้อดีคือทำให้คนดูไม่ต้องว่อกแว่กกับประเด็นอื่นแต่ข้อเสียคือทำให้หนังขาดความลึกอย่างมากยิ่งหากนำไปเปรียบเทียบกับ Gladiator ของผู้กำกับคนเดียวกันที่ผมเองก็ไม่ได้ชอบเลยแต่เรื่องนั้นใส่ความขัดแย้งลงไปในความสัมพันธ์และตัวบุคคลมาก แม้แต่ตัวผู้ร้ายในเรื่องGladiator เราก็เข้าใจว่าเพราะความอยากครอบครองคนที่เขารัก ความลำเอียงและรู้สึกไม่เป็นที่รักของพ่อ มันจุดชนวนก่อขึ้นเป็นแรงจูงใจต่อการกระทำและทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมในเชิงขัดแย้งคือทั้งเห็นใจและไม่ชอบตัวละครนี้ไปพร้อมๆกัน แต่ในเรื่องนี้ตัวผู้ร้าย(กี)มีเพียงด้านเดียวเป็นเพียงอาชญากรโลกบ้าสงครามอยากรบเท่านั้นเอง
.......เนื้อหาของหนังในการเล่าเรื่องสงคราม เป็นส่วนที่หนังทำได้ดีหนังไม่ชี้ดีชั่วของทั้งสองฝั่งไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือคริสเตียนทั้งสองฝ่ายไม่มีฝ่ายไหนที่ชั่วร้ายแต่เป็นคนในแต่ละฝ่ายต่างหากที่มีความชั่วร้ายยึดครองอยู่ไม่ว่าจะยืนอยู่ฝั่งไหนก็ตาม หนังสื่อถึงการต่อต้านสงครามอยู่ในตัวเห็นได้ชัดจากในตอนท้ายที่บทสรุปออกจะต่างจากหนังสงครามทั่วไปที่เชิดชูชัยชนะในการรบของพระเอก ชัยชนะไม่ได้หมายถึงการยึดครองเมืองแต่หมายถึงคุณธรรมที่ยึดมั่นและเชื่อมั่นและการปกป้องคนของตัวเองไว้ได้
ตัวละคร.... หนังเต็มไปด้วยตัวละครที่ราบเรียบและเข้ามาเพียงเพื่อเสริมเรื่องราวเป็นช่วงๆ โดยตัวละครที่เด่นและหนังให้ความสำคัญที่สุดก็ยังเต็มไปด้วยรูโหว่ นั่นคือตัวBalian จากชายหนุ่มที่ต้องระทมทุกข์เพราะการจากไปของภรรยาและโกรธแค้นจนฆ่าคนตายพร้อมกับเป้าหมายการไถ่บาป เมื่อเรื่องดำเนินไปจนถึงจบชายหนุ่มคนนี้กลับกลายเป็นว่าเศร้าเพราะเมียเก่าตายแต่พอได้เมียใหม่มาก็ลืมเรื่องเก่าเสียสิ้น นอกจากนี้ชายหนุ่มคนเดียวกันนี้ที่เป็นช่างตีเหล็กหนังไม่ได้ให้ฉากหลังเรื่องราวอะไรของเขาเลยว่าเขามีดีอะไรในตัว(ขนาดตีเหล็กเก่งหรือเปล่าก็ไม่รู้?)แต่สุดท้ายชายคนนี้กลับได้มาเป็นผู้นำ, วางแผนยุทธศาสตร์, ออกรบแล้วชนะ เขาทำได้อย่างไร ? เมื่อOrlando Bloomมารับบทที่ไร้ตัวตนที่ชัดเจนแบบนี้ยิ่งทำให้เป็นตัวพระเอกที่ยากต่อการผูกพันของคนดูตรงข้ามกับกษัตริย์ที่รับบทโดย Edward Norton ไม่ต้องเห็นหน้าไม่ต้องจ้องตา แต่ทุกครั้งที่ออกมาบุคลิกท่าทางการแสดงของเขาทำให้คนดูต้องติดตาและดูน่าค้นหาความคิดและจิตใจมากกว่าหน้าตาที่ถูกปิดบัง
Kingdom of Heaven ............ไม่ได้หมายถึงสถานที่เป็นแผ่นดินเท่านั้นแต่ยังหมายถึงดินแดนที่อยู่ในใจของคนนั่นเอง แผ่นดินที่เราอยู่สามารถเป็นได้ทั้งสวรรค์และนรกไม่ได้ขึ้นกับตัวพื้นแผ่นดินแต่ขึ้นกับใจคนที่อยู่บนแผ่นดินนั้น หากดินแดนในใจของเจ้าของอาณาจักรที่ไม่ได้หมายความแค่กษัตริย์แต่รวมไปถึงคนทั่วๆไปเปี่ยมไปด้วยความโลภ ความรุนแรง ความทะเยอทะยานอย่างไร้ขอบเขต ความไร้ศีลธรรมฯลฯมันก็คงลุกไหม้ไปด้วยไฟแห่งกิเลสและกลายเป็นนรกอย่างเยรูซาเล็มในช่วงท้าย แต่หากดินแดนในใจของเจ้าของอาณาจักรมีคุณธรรมยึดมั่นในคุณงามความดีและสันติภาพ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำขอเพียงมีใครสักคนหนึ่งดังเช่นBalianถึงแม้จะต้องสูญเสียไปมากมายจากความชั่วร้ายในใจของผู้นำแต่ก็ยังคงที่จะมีผู้สร้างดินแดนสวรรค์กลับมาได้อยู่เสมอ ดังเช่นสังคมทุกวันนี้ที่แวดล้อมไปด้วยความชั่วร้ายหรือกิเลสมากมาย คนมักจะคิดกันเหมือนที่บาทหลวงในเรื่องคิดว่า เราจะเปลี่ยนแปลงสังคมอะไรได้ยอมทำผิดนิดๆหน่อยๆคงไม่เป็นไร และถ้าเราคิดเช่นนั้นแล้วปล่อยให้กิเลสเข้ามาในอาณาจักรแห่งจิตใจไม่นานคุณธรรมที่เรายึดมั่นก็จะค่อยๆอ่อนแรงลง และ สวรรค์ในใจก็คงกลายเป็นนรกที่ร้อนรุ่มโดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่ชอบ
1.ฉากรบและฉากต่อสู้....เป็นส่วนที่ดีและพัฒนามาตลอดในหนังของRidley Scott ไม่ว่าจะเป็นGladiatorหรือBlack Hawk Down การกำกับภาพที่ทำได้สมจริงและภาพในมุมกว้างก็ทำให้ฉากเข้าตีเมืองเยรูซาเล็มดูน่าเชื่อถือ ฉากการต่อสู้ก็ทำได้เหมือนกับเราอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆการส่ายกล้องไปมาหรือการสลับมุมกล้องของหนังทำได้ตื่นเต้นไม่เวียนหัวเหมือนหนังหลายเรื่องที่พยายามส่ายจนคนดูมึน(ล่าสุดในAlexander)
2. Edward NortonในบทKing Baldwin...แม้จะอยู่ภายใต้หน้ากากแต่ด้วยบทที่หนังเขียนขึ้นบวกกับพลังของดาราและการแสดงที่เหมือนจะไม่มีอะไรยากเย็นแต่ผมกลับว่าไม่ง่ายเลยทั้งบุคลิกท่าทางน้ำเสียง ที่จะทำให้ตัวละครนี้เด่นออกมาทุกครั้งที่อยู่บนจอเหมือนในเรื่อง
3.Eva Green. ..งามเหลือเกิน เรื่องการแสดงไม่รู้ครับเพราะมัวแต่ชื่นชมความงามของเธอเพลิน55 (เพราะความงามของเธอและความใจกล้านี่ละก็คงทำให้คนดูหลายคนตกประเด็นที่หนังThe Dreamersต้องการสื่อออกมา เพราะมัวแต่ตะลึงกับเธอ)
4.มุมมองที่มีต่อทั้งสองฝ่ายและความหมายของ Kingdom of Heaven ...การตัดสินใจของพระเอกในการปฏิเสธกษัตริย์,คุณธรรมและความดีงามในใจของตัวละครต่างๆไม่ว่าจะเป็น Godfreyที่รักและยอมรับกษัตริย์ที่ป่วยตั้งแต่เด็ก,คุณธรรมที่ทั้งเขา/Tiberias และกษัตริย์ Baldwinยึดถือฯลฯทั้งหมดนี้ขยายความหมายของอาณาจักรของสวรรค์ได้มากขึ้นและช่วยให้คนดูเชื่อมั่นในการยึดมั่นคุณธรรมในใจมากขึ้นด้วย
สิ่งที่ไม่ชอบ
1.ตัวละครที่ไร้มิติ,มีช่องโหว่กับเรื่องราวที่แบนราบ....บทBalian ที่สำคัญที่สุดเพราะเป็นผู้นำเรื่องแต่หนังกำหนดตัวตนไม่ชัดเจนและแกว่งไปมาร่วมกับพัฒนาการที่ไร้ความน่าเชื่อถือดังที่กล่าวไปแล้วในตอนต้น หรือจะเป็นบทกีที่เป็นตัวละครบ้าสงครามด้านเดียว,บทTiberiasที่ไม่มีอะไรนอกจากอยู่ข้างพระเอก ความขัดแย้งของตัวละครแต่ละฝ่ายก็ตื้นเขินแค่ความคิดที่ไม่ตรงกันไม่ชอบขี้หน้ากัน มาเจอบทที่เล่าเรื่องอย่างเรื่อยๆตรงไปตรงมา ไม่ใช่สิ่งที่แย่แต่รวมๆกันแล้วมันทำให้หนังเรื่องนี้แค่ดูสนุกดูก็ได้ไม่ดูก็ไม่น่าเสียดายและไม่มีอะไรที่ทำให้กลายเป็นงานที่น่าจดจำ
2.การใช้ตัวละครที่ไม่คุ้มค่า ..ผมรู้สึกว่าJeremy IronsในบทTiberiasเป็นอีกตัวละครหนึ่งที่เขาเล่นได้เด่นเมื่อเปิดฉากเขาออกมาแต่เมื่อหนังค่อยๆเดินเรื่องต่อไปบทของเขากลับดูธรรมดาและหายไปอย่างห้วนๆอย่างน่าเสียดายรวมทั้งตัวประกอบอื่นๆด้วยที่หนังลดทอนบทบาทไปมากแค่เข้ามาเพื่อเสริมบทพระเอกและมุ่งเน้นไปที่ตัวBalianเสียเยอะ
3.Orlando Bloom.....ไม่รู้แฟนๆของเขาจะว่าผมหรือไม่ถ้าผมอยากจะบอกว่าเขาเป็นดาราที่หน้าตาดี เล่นหนังดี แต่ไม่มีพลังดาราไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำเดี่ยวในหนัง เขาเหมาะที่จะเป็นพระรองอย่างใน The Lord of the Rings,Troy หรือ Pirates of the Caribbean ยิ่งมาเจอกับบทในเรื่องนี้ที่กำหนดตัวตนไม่ชัดและภาพตัวละครแกว่งไปมายิ่งทำให้ผมรู้สึกไม่เอาใจช่วยไม่ผูกพันและรู้สึกเป็นตัวละครที่ดู(บุคลิกหน้าตาทรงผม)ดีอย่างแปลกตาหลุดออกมามากสุดบนจอ นอกจากนี้ผมยังรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่มีแววตาซุกซ่อนขี้เล่นอยู่ในตัวอยู่แล้วสีหน้าระทมทุกข์ที่เขาแสดงออกมามันจึงไม่ทำให้รู้สึกร่วมไปด้วยได้และไม่แปลกใจที่ตอนจบได้เมียใหม่ก็ลืมเรื่องเก่าไปได้อย่างง่ายดายเป็นเพราะบทหนังที่ทิ้งส่วนนี้ไปด้วยเช่นกัน
สรุป.... ดูแล้วก็รู้สึกว่ามันเรื่อยๆดี ไม่ได้แย่แต่ก็ไม่โดดเด่นให้น่าจดจำ จะดูในโรงก็ดีแต่ถ้าไม่ได้ดูก็ไม่น่าเสียดายแต่อย่างไร กับการดูที่โรงสยามรอบ19.15น.วันนี้ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายตังค์(เอ๊ะ ดูฟรีนี่ลืมไปเพราะครบ10ที่ใช้สิทธิดูฟรี1ใบ)จะมีหงุดหงิดก็ตรงพนักงานขายตั๋วคนสวยคนเดิมที่ผมเจอหลายครั้ง(รวมทั้งวันนี้ด้วย)แล้วว่าเวลาซักไซ้ถามรายละเอียดนิดหน่อยเธอจะชักสีหน้าและแววตาแบบรำคาญใส่ทุกที บางครั้งก็ทำเงียบไม่ตอบให้ถามซ้ำ กับภาพบนจอของโรงสยามที่ผมว่ามันมืดและมัวมากกว่าโรงที่เหลือในเครือAPEX(อันนี้ยอมรับได้เพราะเราเลือกเองแต่อันแรกนี่ชวนให้หงุดหงิดใจไม่น้อยในฐานะผู้ใช้บริการ)
ปล1.รักพลิกล็อก ของ อาดาจิ มิซึรุ ออกรวมเล่ม1ปกแข็งมาแล้วนะคร้าบ(เห็นแล้วก็ดีใจแต่ก็สังหรณ์ใจว่าTouchเล่ม2อาจจะค่อยๆหายไปตามสไตล์วิบูลย์กิจ เรียกว่าออกมาให้อยากแล้วจากไป) อยากให้ทำมิยูกิออกมาเหลือเกิน
ปล2......กี่ปีที่รอคอยแต่ครั้งนี้เข้ารอบชิงแล้ววววววววว(โอ้ คืนก่อนทำผมหัวใจจะวายยิ่ง6นาทีสุดท้ายนี่ผมลุ้นมากกว่าลุ้นสงครามในเรื่องนี้หลายร้อยเท่า) ร่วมด้วยช่วยเชียร์กันต่อไปนะครับแล้วเจอกันที่อิสตันบูล(ทางช่อง3)
ตามอ่านเรื่องอื่นๆและเรื่องเก่าๆเข้าไปคุยแสดงความเห็นกันบ้างเน้อที่
http://aorta.bloggang.com
Spanglish , เรื่องราวที่กระจัดกระจายแต่ให้แง่มุมหลากหลายในครอบครัว
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3456258/A3456258.html
Lost in translation , เวลาที่หยุดเดินในชีวิตที่ชะงักงัน
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=04-2005&date=26&group=2&blog=1
เขากลับมาแล้ว คุณคิดยังไง? (Superman &Batman)
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=04-2005&date=30&group=5&blog=1
จากคุณ :
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- [
6 พ.ค. 48 10:59:32
]