CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ดูแล้วมาคุยกัน.... Mr. and Mrs. Smith , เรื่องราวชีวิตคู่ที่สวมเสื้อคลุมหนังแอคชั่น

      ชอบมากห้ามพลาด (33 คน)
      ชอบแต่ยังไม่ที่สุด (36 คน)
      เฉยๆ (7 คน)
      ไม่ค่อยชอบ รอแผ่นก็ได้ไม่ต้องไปโรง (4 คน)
      ไม่ชอบ (4 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 84 คน

     39.29%
     42.86%
     8.33%
     4.76%
     4.76%


    ….บางคนเลือกที่จะดูเรื่องนี้เพราะ Brad Pitt บางคนเป็นแฟนของAngelina Jolie และบางคนก็คงเป็นผู้ที่ชื่นชอบในตัวDoug Liman ที่สร้างผลงานสุดเปรี้ยวอย่างGoและแอคชั่นมีระดับอย่างThe Bourne Identity ผมเองเลือกเข้าไปในโรงสกาล่ารอบ16.40น.วันศุกร์ที่ผ่านมาเพราะเป็นคนในกลุ่มหลังสุด

    ......ในสายตาของคนดูผู้กลายเป็นบุคคลที่3เฝ้ามองเรื่องราวผัวเมียคู่หนึ่งที่มีปัญหาหมักหมมรอวันสะสาง เราจะได้เฝ้ามองตั้งแต่แรกว่านายและนางสมิธต่างก็มาพบกัน รักกัน และกลายเป็นคู่ผัวเมียสมิธ ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มเหินห่าง ทะเลาะกัน ก่อนที่จะหันกลับมาเข้าใจกันอีกครั้งและรักกันในท้ายที่สุด เพียงย่อหน้านี้ก็พอสรุปได้ว่านี่น่าจะเป็นหนังดราม่าชีวิตคู่เรื่องหนึ่ง แต่ Mr. & Mrs. Smithไม่วางตัวเองในตำแหน่งนั้นทั้งคู่ฉีกตัวเองออกจากโลกแห่งความจริงเพื่อที่จะเล่นสนุกกันได้เต็มที่โดยการวางตัวเองเป็นหนังแอคชั่น และ ให้ตัวละครเป็นสายลับ(เป็นเรื่องฉลาดที่ให้ตัวเอกมามีอาชีพนี้ เนื่องจากอาชีพสายลับนักฆ่าสามารถเปรียบได้เป็น สัญลักษณ์ของความรุนแรงและการปกปิด อันเป็นต้นตอของปัญหาคู่สมรสที่พบบ่อยในสังคมปัจจุบัน)

    .....ในสายตาของผมMr. & Mrs. Smith มีธีมที่ให้ความรู้สึกของหนังปัญหาชีวิตสมรสอย่าง The story of us/The War of the Roses มากกว่าจะเป็นหนังแอคชั่นเต็มตัวปกปิดฐานะสายลับอย่าง True Lies เพราะในเนื้อหาแท้ๆของมันเป็นเรื่องของ คู่สามีภรรยาที่มีปัญหาชีวิตคู่(Marital problem) ปัญหาที่รอคอยการสะสางอันเกิดจากเส้นแบ่งระยะห่างของความรักมันถ่างออกไกลขึ้นทุกทีๆ ต่างฝ่ายต่างใช้ชีวิตอยู่ในโลกของตัวเองโลกที่ไม่มีอีกคนอยู่ด้วย จนนำไปสู่การนิ่งเงียบแต่สะสมคุกรุ่นความรุนแรง ความไม่พอใจไว้อยู่ภายใน เป็นปัญหาสังคมที่พบได้มากในหลายๆคู่หรือในหลายๆครอบครัว

    ..... สมิธชาย รับบทโดย Brad Pittทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของเขากับการเป็นดาราที่ดูดีมีเสน่ห์มีพลังดาราและมีฝีมือ ผมรู้สึกว่าฝีมือการแสดงที่มีของเขานั้นมันคงที่มาตลอดในช่วงปีหลังๆ ไม่ว่าจะกี่เรื่องต่อกี่เรื่องผมก็ยังเห็นBrad Pittที่เล่นหนังได้ดีเท่าเดิมมาโดยตลอด ตรงข้ามกับ สมิธหญิง โดยAngelina Jolieที่ยิ่งเล่นหนังยิ่งเปล่งประกายพลังดาราออกมาเรื่อยๆในช่วงหลังตั้งแต่Sky Captain and the World of Tomorrow มาจนถึงAlexanderพร้อมกับแสดงทักษะทางการแสดงว่ามีอะไรมากกว่าการเป็นแค่ลาร่าคลอฟต์ถือปืนตะลุยล่าสมบัติ ฉากที่เธอรู้สึกว่าทำพลาดไปในการสังหารสามีจนนึกว่าสูญเสียเขาไปแล้วเป็นดราม่าเล็กๆที่อยู่ในแอคชั่นชิ้นโต แต่ในเศษเสี้ยวเล็กๆนั้นเธอถ่ายทอดออกมาได้ให้คนดูรู้สึกถึงว่าเธอเองก็ห่วงหาอนาทรสามีของเธออยู่ทุกลมหายใจ การเข้าคู่ของทั้งสองคนดูเหมือนว่าจะยากเพราะต่างฝ่ายต่างมีความแรงในตัวเหมือนกับจับขั้วบวกหรือขั้วลบเหมือนๆกันมาเข้าคู่ แรกๆดูแล้วก็ยังไม่รู้สึกถึงความเข้ากันจนหนังเดินหน้าไปเรื่อยๆ เคมีที่ต่างฝ่ายต่าง(เสน่ห์)แรงก็เริ่มปรับเข้าหากันจนจูนกันติดดี และฉากเลิฟซีนที่ร่ำลือก่อนหนังฉายว่าร้อนแรงเหลือเกินจนเป็นสาเหตุของปัญหาสมรสจริงของตัวสมิธชายกลับกลายเป็นความธรรมดาๆที่ไม่มีอะไรน่าจดจำ

    ....นอกจากนี้ผู้ที่มีบทบาทในการบำบัดให้คู่ผัวเมียสมิธมารักกัน ตบตีกันอย่างDoug Liman ก็ยังคงมาตรฐานความเนี้ยบในงานแอคชั่นของตัวเองได้เป็นอย่างดี ฉากแอคชั่นและไล่ล่าทำได้อย่างมีระดับเป็นการผสมผสานความเปรี้ยวจัดจ้านจากGoและความหนักแน่นในจังหวะภาพยนตร์อย่างThe Bourne Identityมาผสมกัน ทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นหนังแอคชั่นที่โชว์ลีลา ชั้นเชิง ชนิดตั้งใจจงใจขายสินค้าคือความเท่ห์และสไตล์กันเต็มที่(แค่ฉากสมิธหญิงโดดลงจากตึกชั้นบนท่ามกลางชุดหนังและเสื้อโค้ตสุดฮิป ก็กินขาดแล้ว) น่าเสียดายที่ผู้บำบัดชีวิตคู่สมิธอย่าง Doug Liman ไม่ได้มีบทที่มีรายละเอียดแง่มุมอื่นที่มากไปกว่าคู่นี้แถมยังให้ความสำคัญกับการขายทั้งคู่มากเสียจนองค์ประกอบอื่นๆกลายเป็นตัวประกอบที่ใช้ประโยชน์ได้อย่างไม่คุ้มค่า เมื่อไม่มีตัวผู้ร้าย ไม่มีภารกิจใหญ่ๆให้ต้องฝ่าฟันวางแผน หนังชีวิตคู่ที่เดินเรื่องด้วยฉากแอคชั่นก็เริ่มเฝืออยู่เรื่อยๆเพราะตัวเนื้อหนังเองมันแทบจะไม่มีแก่นเนื้ออะไรให้เล่นเพียงพอกับความยาวหนัง ยังดีที่สิ่งที่หนังต้องการขายนั้นหนังทำได้ถึงในระดับคุณภาพไม่ว่าจะเป็นการแสดง ตัวดารา สไตล์ของหนังและฉากแอคชั่นทั้งหลายแหล่ จึงทำให้คนดูที่คาดหวังว่าเป็นจะเป็นหนังแอคชั่นสุดมันส์สามารถประคับประคองและยกระดับหนังให้เพลิดเพลินดูสนุกได้จนจบ

    ....ในโลกปัจจุบันที่เวลาแต่ละวันต้องจัดสรรปันส่วนไปกับสภาพสังคมที่ยุ่งเหยิงสับสนและเวลาในแต่ละวันล้วนหมุนเร็ว เวลาของชีวิตต้องแบ่งไปกับภาวะรถติด ภาวะหงุดหงิดจากที่ทำงาน การต้อนรับเจ้านายรุ่นพี่รุ่นน้อง การสังสรรค์กับเพื่อนพ้องหลังเลิกงาน การจัดการงานประจำวัน ฯลฯ มันนำไปสู่ปัญหาชีวิตคู่ที่ทวีปัญหามากขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็น ชีวิตคู่จริงๆไม่ใช่นิยายไม่ใช่ภาพยนตร์ที่จะมาพบว่าคนรักของเราเป็นสายลับแล้วจำเป็นต้องปิดบังเราอยู่ ไม่ใช่ว่าจะมาตบตียิงกันระบายในหนังแล้วจะรอดตายกลับมาจูบปากกอดคอได้ หลายคู่ที่ต้องลงเองที่เลิกรา จบลงที่ทำร้ายร่างกาย และไม่ได้มีโอกาสมาhappy ending ชีวิตคู่เป็นอะไรที่ทั้งง่ายและยาก เส้นแบ่งของคนสองคนจะห่างออกไปเรื่อยๆเมื่อต่างฝ่ายต่างอยู่ในโลกของตัวเอง และเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่เปิดใจพูดคุย หลายครั้งเมื่อรู้ตัวหรือมาคุยกันก็เมื่อเส้นของทั้งคู่นั้นออกห่างจนกลายเป็นเส้นขนานไปแล้วไม่ต่างจากความเหินห่างของอารมณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัวสมิธ อาหารที่กินตามเวลา นัดหมายที่ไปเพราะข้อตกลง คำพูดซ้ำๆชีวิตซ้ำๆ แม้แต่ความไม่พอใจ(ตอนที่สมิธชายไม่ชอบม่านของสมิธหญิง)หรือความชื่นชม(ตอนที่สมิธชายชมเสื้อสมิธหญิง)ยังไม่สามารถแสดงออกมาตรงๆแต่กลับสื่อผ่านออกมากับความเฉยชายิ่งทำให้ระยะห่างของทั้งคู่กว้างมากขึ้นทุกที ด้วยการใส่เสื้อคลุมของหนังแอคชั่นทำให้การคลี่คลายความขัดแย้งในชีวิตคู่ในจอแสดงออกมาในเชิงล้อเลียนสุดโต่ง

    การเปิดเผยความจริงว่าตัวเองเป็นสายลับและบอกสิ่งที่ปิดบัง ก็เปรียบได้กับ การเปิดตัวเองเข้าหากัน การเปิดเผยตัวตน

    การยิงกัน ขับรถชนกัน เข่นฆ่าชกต่อยกัน ก็เปรียบได้กับ  การระบายความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของแต่ละฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา

    การออกจากองค์กรและมาปฏิบัติภารกิจสายลับร่วมกัน ก็เปรียบได้กับ  การก้าวออกจากโลกส่วนตัวของแต่ละคนเข้ามาอยู่ในโลกใบเดียวกัน

    การร่วมมือกันต่อต้านองค์กร ก็เปรียบได้กับ  การประสานรอยร้าวและร่วมมือจัดการกับปัญหานอกครอบครัว

    ในชีวิตคู่จริงๆทั้งของเราและคนรอบตัวนอกจอภาพยนตร์ ขอเพียงแต่แต่ละฝ่ายตระหนักถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นและพร้อมที่จะยอมรับมันว่ามีปัญหาเกิดขึ้นแล้วก้าวออกมาช่วยกันประคับประคองซ่อมแซม ชีวิตคู่ที่มีปัญหาคงไม่ยากต่อการย่นระยะห่างของความรักของกันและกัน และไม่ยากต่อการคลี่คลายแบบสุดโต่งถึงขั้นต้องฆ่าฟันเหมือนกับครอบครัวสมิธ

    สิ่งที่ชอบsmile

    1.ฉากแอคชั่น .....ไม่พร่องลงเลยนับตั้งแต่The Bourne Identityกับการกำกับจังหวะฉากแอคชั่นที่หนังแอคชั่นขายสไตล์หลายเรื่องพยายามลอกเลียนลีลาMatrixไม่ว่าจะเป็นจังหวะสโลโมชั่นหรือมุมกล้องแปลกๆยากๆ แต่The Bourne Identityและเรื่องนี้ยังคงอาศัยลีลาแบบเก่าๆชกกันจะๆ ยิงกันดื้อๆ แต่สะใจและลุ้นแบบไม่ต้องโชว์อะไรให้มากมาย

    2.ฉากยิงซีนสุดท้ายในห้าง..หนังทั้งเรื่องว่าขายสไตล์และเท่มากแล้ว มาเจอฉากนี้เข้าไปยิ่งเท่บาดจิตเข้าไปอีก เมื่อดนตรีขึ้นแล้วพาดไหล่กันยิง เป็นฉากที่โรแมนติก อาร์ตกิน ขอย้ำว่าเท่หลายๆ(หวนคิดถึงตัวอย่างจากเรื่องเดอะเมียที่ได้ดู คล้ายๆกันแต่ผมชอบเรื่องนี้มากกว่ากับการที่มันมีที่มาที่ไปก่อนจะมาถึงฉากนี้และจังหวะการเคลื่อนไหว+ความสามารถของดารา ทำให้ฉากนี้เป็นมากกว่าความเท่ แต่มันสะท้อนถึงการประสานความสัมพันธ์และเต้นรำต่อสู้ปัญหาร่วมกันของคู่รักในจังหวะชีวิตเดียวกัน)

    3.การขายสไตล์และเสน่ห์....ทั้งจากดารา ไดอะล็อก ฉากแอคชั่น ฉากโชว์ลีลาทั้งหลายแหล่(หนีข้ามตึก/โดดลงจากตึกแล้วขึ้นแท็กซี่ฯลฯ) ทำให้ผมต้องคิดถึงหนังขายสไตล์อย่างOcean’s11/12 ที่จงใจขายเต็มที่ เรื่องนี้ก็เช่นกันกับการจงใจขายสิ่งต่างๆเหล่านี้เต็มที่และก็ทำออกมาได้ถึงดีมีคุณภาพโดนใจคนดู

    4.การใส่เสื้อคลุมหนังแอคชั่นบนตัวตนของเรื่องชีวิตคู่....เป็นไอเดียที่เข้าท่าในการนำเสนอ เป็นอีกรูปแบบของหนังแอคชั่นและเป็นอีกรูปแบบของหนังชีวิตคู่ ทำให้ผมนึกถึงหนังของเอม ไนท์ ชมาลาน ที่ชอบเหลือเกินกับการนำเสื้อคลุมหนังสยองขวัญมาใส่บนตัวตนของเรื่องราวปรัชญาและชีวิต

    5. Angelina Jolie….จริงๆแล้วก็อยู่ในข้อ3 แต่ส่วนตัวแล้วเริ่มชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เดิมที่คิดว่าเธอคงมีดีแค่ความเป็นSex appealจากรูปร่างหน้าตา (จริงๆแล้วก็ฉายแววความสามารถตั้งแต่Giaแล้วก็เงียบไปในเรื่องฝีมือ) เดี๋ยวนี้ยิ่งได้ดูหนังที่เธอเล่นและเห็นพัฒนาการทั้งจากบทนำหรือบทประกอบยิ่งทำให้อยากดูหนังเรื่องถัดไปของเธอ จนเป็นดาราอีกคนที่ผมเริ่มอยากจะดูหนังเรื่องหนึ่งเพราะชื่อนักแสดง

    สิ่งที่ไม่ชอบmad

    1.ความรู้สึกเฝือ....เป็นทั้งจุดเด่นและจุดด้อยในตัวกับการควบสองบทบาททั้งหนังแอคชั่นและการเน้นเรื่องราวของชีวิตคู่ เพราะการเน้นในส่วนหลังทำให้หนังไม่มีภารกิจชัดๆ ไม่มีตัวผู้ร้ายใหญ่ๆให้สมศักดิ์ศรี ก็เลยลดหย่อนความสนุกของความเป็นหนังแอคชั่นที่ดีลงไป ในขณะเดียวกันการจับเรื่องราวที่น่าจะไปอยู่ในหนังดราม่ามาใส่หนังแอคชั่นก็จำต้องลดหย่อนเนื้อความของความเป็นดราม่าลงโดยอัตโนมัติ(ความหนักแน่น ความน่าเชื่อถือ ปมขัดแย้งในจิตใจ)เพื่อให้พื้นที่กับความเป็นแอคชั่น ผลรวมออกมาทำให้เนื้อเรื่องในครึ่งแรกหนังทำได้ดีสนุกแสบๆคันๆมันส์ๆไปได้เรื่อยๆแล้วพอพักหนึ่งหลังจากตามไล่ต้อนกันมันก็เริ่มเฝือเพราะเนื้อความในครึ่งแรกมีแค่การตามต้อนกันและกัน พอเข้าสู่ครึ่งหลังการที่ไม่มีตัวผู้ร้ายหลักมีแต่ลูกสมุนกระจอกๆมาให้ฆ่า แรกๆก็รู้สึกเข้าท่ากับการเห็นรูปแบบการบำบัดชีวิตคู่ด้วยการเปิดเผยตัวตนท่ามกลางกระสุนปืนพอดูๆไปซักพักกลับรู้สึกเฝือๆเหมือนครึ่งแรกคือหนังไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน เนื้อความของครึ่งหลังมีแค่การต่อสู้เพื่ออยู่รอด ดีที่รายละเอียดอื่นๆของหนังมันเด่นและทำได้ดีทำให้เพลิดเพลินไปได้จนจบ

    2.การใส่ใจตัวละครอื่นน้อยเกินไป....เข้าใจว่าทั้งสองดารานำเป็นจุดขายที่ใครๆก็อยากดู แต่อย่าลืมว่าการที่ตัวละครประกอบอื่นๆถูกกลบไปสิ่งที่เด่นจริงคือตัวเอกแต่กับตัวหนังแล้วมันจะไม่เป็นผลดีเพราะความเด่นของตัวละครเอกจะโดดออกมาจากเอกภาพของหนังทั้งเรื่อง หากแต่ถ้าตัวละครรองๆนั้นเด่นในความเป็นพระรองไม่เพียงแต่จะเสริมตัวละครเอกมันยังจะเป็นการเสริมเรื่องราวและภาพรวมของหนังได้มากขึ้น ในเรื่องนี้บทที่ตัวละครอื่นๆรับมันดูกระจอก ไร้บทบาท เป็นการนำดาราคนอื่นมาประกบโดยไร้ค่าแบนราบขาดมิติโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นตัวสมุนต่างๆนานาที่มาให้ถูกฆ่า ตัวละครเพื่อนนางเอก เพื่อนพระเอก แถมยังทิ้งตัวละครอื่นๆไปซะง่ายๆเช่นตัว Vince Vaughn ที่เล่นขโมยซีนได้ดีแต่การมีบทบาทของเขาทำหน้าที่แค่พูดๆและพูด แรกๆก็ขำหลังๆเริ่มน่าเบื่อ และคงเป็นเพราะสาเหตุนี้ที่ผู้สร้างไม่รู้ว่าจะเอาตัวละครตัวนี้มาทำอะไรต่อด้วยที่แรกเริ่มไม่ได้สร้างภาพที่ชัดเจนของตัวละครจึงตัดทิ้งไปดื้อๆ

    สรุป.....ไม่เสียดายตังค์ โดยส่วนตัวแล้วออกจะชอบและเพลิดเพลินอยู่ไม่น้อย เป็นหนังชีวิตคู่แท้ๆแต่ใส่เครื่องเคราหนังแอคชั่น แถมเป็นแอคชั่นโชว์สไตล์อีกต่างหาก มีผิดหวังอยู่บ้างตรงที่คาดไว้ว่าจะเป็นหนังแอคชั่นพันธุ์แท้มีภารกิจต้องคลี่คลายเลยไม่สนุกถึงใจในอารมณ์นั้น แต่เมื่อออกมารูปแบบนี้ก็เข้าท่าอยู่(คงตรงข้ามกับหลายคนในโรงที่ดูรอบเดียวกันเห็นทำหน้าเซ็งๆตอนออกจากโรง กับอีกคนที่หันไปบอกคนที่ดูด้วยกันว่าอะไรเนี่ย จบแล้วเหรอ)

    แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 19:50:12

    แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 14:47:45

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 12 มิ.ย. 48 14:43:22 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป