PANTIP.COM : A3620806 Mr.bob...REVIEWS:The Island,สวรรค์ไม่มีจริงบนโลกนี้[Spoilนิดๆ] [ภาพยนตร์]

Mr.bob...REVIEWS:The Island,สวรรค์ไม่มีจริงบนโลกนี้[Spoilนิดๆ]

ชอบมากๆ สุดยอดหนังปีนี้ รักเลยละ (11 คน)
ชอบ หนังดี เนอะ (14 คน)
สนุกดี สะใจ (6 คน)
เฉยๆ ไม่ค่อยชอบผลงานชองBAY (3 คน)
ห่วย ไม่ค่อยอินกับตัวหนัง (0 คน)

จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 34 คน

32.35%
41.18%
17.65%
8.82%
0.00%

วันนี้ก็เป็นวันหยุดอีกวันนึง นั่นก็คือวันอาสาฬหบูชานี่เอง วันนี้ก็กะว่าจะอยู่บ้านหน่อยแต่เผอิญว่า
วันนี้เพื่อนผมคนนึง เขาจัดงานเลี้ยงส่งเพื่อนคนนึงที่เป็นเด็กแลกเปลี่ยนจากU.S. ผมก็เลยต้อง
ไปเพราะเนื่องจากเราก็สนิทเขาด้วย อืม!!! ผมก็อยากพักนักแต่อย่างก็ว่าไปเขาเป็นเพื่อนเรา หลังจาก
สนุกกับงานเลี้ยงแล้ว เวลาบ่าย3โมงครึ่งผมก็ชวนเพื่อนไปดูหนังเรื่องนึงนั่นก็คือThe Island
เพื่อนผมก็ตกลงOKไปดูกัน เมื่อถึงSF Mbkก็ไปดูตรงBox Officeปรากฎว่าเหลือแค่5แถวหน้า
ผมกับเพื่อนเลยต้องตัดใจดูกันเพราะไม่ค่อยอยากกลับดึกมาก

ผมก็ดูที่SF Mbkรอบ16.20โรง3แถวN3-5(โชคดีนี่โรงใหญ่ ถ้าโรงธรรมดาไม่ได้เห็นแน่)

ก่อนหนังเริ่มก็มีตย.หนังเรื่องDukes Of Hazzardซึ่งเป็นตย.ฉบับinterนะครับสร้างความฮาให้คนดูทั้งโรงเยอะ
ถ้าคุณอยากรู้เป็นไงClickตรงนี้เลยครับ
http://pdl.warnerbros.com/wbol/uk/movies/dukes_of_hazzard/dukes_of_hazzard_tlrf1cut_qt_500.mov

ก่อนREVIEWขอคุยถึงผู้ชายที่ชื่อว่าMicheal Bayหน่อยครับ:
ผู้ชายคนนี้เริ่มแรกเขาเป็นผผก.โฆษณาและMVหลายตัว ในช่วงปลาย80's เขาเป็นผกก.ที่มีความคิดโทนแปลกๆ
จนปี1995Jerry Bruckheimerปั้นเขาให้เป็นผผก.หนังActionคนใหม่ในBad Boysและก็รายได้เกินกว่าคาดไว้
จึงทำให้ปี1996เขาได้จับมือกับJBอีกครั้งในสุดยอดภาพยนตร์Actionที่ทำให้โลกรู้จักเขา...The Rock
ต่อมาปี1998เขาก็ได้จับมือกับJBเป็นครั้งที่3แล้วก็เป็นภาพยนตร์ที่Blockbusterที่สุดในปีนั้น...Armageddon
3ปีผ่านไปในปี2001 เขาก็ร่วมงานกับJBอีกครั้ง กับสุดยอดภาพยนตร์สมคราม-รักน้ำเน่าที่สุด...Pearl Harbor
และปี2003เขาก็สามารถตั้งบริษัทของเขาได้ และบริษัทนี้มีชื่อว่าRahdar Entertainmentหนังของค่ายเขาตอนนี้มี
The Texas Chainsaw MessecreและThe Amityville Horror ในปีเดียวกันเขากับJBได้กลับมาสานต่อ
เรื่องราวของMikeกะMarcusคู่หูตำรวจขวางนรกอีกครั้งใน...Bad Boys2
ปี2005เขากลับมากก.ภาพยนตร์แต่คราวนี้ไม่มีJB แต่คราวนี้เขาพยายามจะใช้บารมีของเขากับภาพยนตร์ของเขา
โดยที่เขาบอกว่าเรื่องนี้มีสาระมากที่สุดของเขา...........The Island

มาเริ่มพูดถึงสิ่งตัวหนังกัน:
Merrick Biotechคืออะไร
คือบริษัทที่ทำอวัยยวะชิ้นใหม่ให้กับคนที่ร่ำรวยมหาศาลบนโลกนี้ สำหรับคนที่กำลังจะมีชีวิตอีกไม่นาน หรือสูญ
เสียอวัยยวะส่วนนึงของร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีพวกนักกีฬาหรือพวกที่ดังๆเนี๊ยแหละที่เป็นลูกค้ารายใหญ่
แต่หากรู้ไหมว่าอวัยยวะพวกนี้มาจากไหนล่ะ?
ความจริงแล้วอวัยยวะพวกนี้มาจากกลุ่มCloneที่ทางบริษัทได้ทำขึ้น เพาะพันธุ์ให้กับคนที่จ่ายตังให้แล้ว ก็กลาย
เป็นกลุ่มโคลนพวกนี้ ถ้าเมื่อไหร่คนที่จ่ายตังต้องการจะใช้ประโยชน์Cloneละก็ ทางบริษัทก็จะเอาไอ้พวกClone
ผ่าส่วนนั้นออกแล้วก็ยินดีฆ่าพวกCloneเพื่อที่จะได้เป็นการยอมรับจากลูกค้าแล้วว่ายุติการผลิตสินค้าแต่เพียงเท่านี้

อ่าวพวกCloneเก็บไว้ไหนล่ะ?????
ก็ทางบริษัทได้สร้างโลกจำลองให้กับพวกClone แล้วเสแสร้งว่าตอนนี้ทั้งโลกมีแต่มลภาวะเต็มไปหมด
สร้างชุมชนน้อยให้กับพวกClone มีสังคมที่ดี มีกฎเร่งรัด มีระเบียบที่ดี ถ้าขัดขืนจะถูกลงทัณฑ์อย่างสูง
เมื่อลูกค้าต้องการจะใช้ประโยชน์จากพวกCloneแล้ว ทางนี้จะอุบายว่าCloneตัวนั้นๆจะได้ไปที่เกาะ (The Island)
แล้วยังอ้างกับพวกCloneอีกว่าเกาะคือสถานที่ๆดีสุดๆ บนโลกแถมยังไร้มลภาวะอีกด้วย

แล้วทำไมThe Islandถึงมีความหมายต่อพวกClone???
สำหรับพวกClone The Islandคือสถานที่ๆพวกนี้อยากไปมากที่สุด เพราะว่าพวกเขาคิดว่ามันเป็นสวรรค์ที่สุดยอด
และน่าอยู่ที่สึดของโลก พวกCloneทุกคนต่างใผ่ผันว่าซักวัน1ในพวกเขาจะได้ไปถึงที่นั่นในที่สุด และมีชีวิตที่ดี
ที่สุด แต่ความจริงคือ The Islandมันคืออุบาย,การหลอกลวงและนรกของจริงสำหรับพวกClone
โดยที่พวกCloneไม่รู้ตัว เพื่อต้องการจะได้กำไรทางบริษัท ต้องการผู้ชนะLoterry(นั่นก็คือCloneคนนึง)โดนยาสลบ
และก็ฆ่าพวกเขาอย่างไม่รู้ตัว นี่คือความจริงมันไม่มีสวรรค์สำหรับพวกCloneเลย
(มีต่อครับ)

แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 02:00:12

แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 01:59:35

แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 01:56:25

ไฟล์รูปภาพ

จากคุณ : billy bob - [ วันเข้าพรรษา 01:55:04 ]

ความคิดเห็นที่ 1

หลังจากได้ที่ได้ชมแล้ว ความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อหนังเรื่องนี้มันออกมาเป็นว่า......(Spoilนิดๆ)
มันคือ1ในสุดยอดหนังที่ผมชอบมากๆๆๆๆๆๆที่สุดปีนี้ครับ ผมพูดจริงๆว่าMichael Bayนายยอดมากๆ ทำได้เจ๋งดี
นอกจากตัวหนังจะมันส์สะใจได้ที่แล้ว หนังยังมีเนื้อหาที่ดีอย่างที่Bayบอกซะด้วย หนังได้เจาะลึกเล่าถึงชีวิตของ
พวกCloneได้ดี ซึ่งพวกCloneในที่นี้ก็ไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาที่อยู่รอดไปวันๆ แล้วผมก็รู้สึกว่าAlex Kurtzman
เขียนหนังเรื่องได้เยี่ยมมากๆ คือตอนแรกผมก็ไม่ค่อยคาดคิดว่าหนังจะมีความแข็งแกร่งของตัวมัน เพราะว่าก่อน
หน้านี้ Michael Bayเป็นผกก.ที่ทำหนังไม่ค่อยสนเนื้อเรื่องเท่าไหร่ได้แต่เอามันส์อย่างเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้เรื่องที่ผม
เห็นว่าเขาทำได้ดีก็คือArmageddon เพราะว่าเป็นหนังActionที่กระชากใจสุดๆและหลากอารมณ์มากๆ ส่วน
Pearl Harborกลายเป็นหนังที่ผมอยากจะ อ๊-ว-ก มาที่สุดเพราะแบบเป็นหนังน้ำเน่าที่ไม่ต่างจากละครน้ำเน่าที่ฉาย
บ้านเราเลย.... แต่กลับเรื่องนี้ทำให้ผมหลงรักBay-Helmสไตล์การทำหนังของMichael Bayเลย คือแบบถ้าไม่มี
ส่วนนี้ของหนังละก็หนังเรื่องจะดูไม่ค่อยละทึกและให้อารมณ์สุดๆ ผมรู้สึกว่าตัวBayนั้นใช้Bay-Helmกับหนัง
เรื่องนี้อย่างมีประโยชน์มากๆในหลายฉากด้วย ฉากที่ยังอยู่ในโลกของClone,ฉากที่อยู่ในReal World(ซึ่ง2ฉากนี้
ก็เปลี่ยนToneได้ดีอย่างเห็นได้ชัด),รวมถึงฉากเริ่มเรื่องกับฉากจบทำได้แบบดีกว่าที่คาดไว้ บอกได้ภาพที่ออก
พูดได้เลยว่าสวยงามมากๆ ดีกว่าที่คิดไว้ซะอีก มาพูดถึงนักแสดงกันบ้าง Ewan McGregorเรื่องนี้ นอกจากปีนี้
เขาจะเป็น1ในคนที่แย่งซีนแบบได้ใจในStar Wars Episode3แล้ว เรื่องนี้เขาสวมบทบาทได้เข้าถึงเลย และตัวละคร
เขาก็ทำให้ไม่อยากจะพลาดกับบทบาทของเขาซักนิดเลย เหมาะจริงๆครับกับบทบาทLincoln Six Echoของเขา
Scalett Johansonตั้งแต่เริ่มที่เราได้เห็นเธอปรากฎตัวในหนังเรื่องนี้ ทำเรายิ้มไม่หยุดเลย เพราะนอกจากเธอจะเป็น
คนสวยอ่อนหวานน่ารักแล้ว ยังมีความSmartที่ติดตัวเธอไว้อยู่ เรื่องนี้เธอแสดงได้ดีมีมิติกว่าหนังเรื่องก่อนๆของเธอ
ผมรู้สึกชอบฉากที่เธอมองดูโฆษณาของSarah Jordan(ซึ่งความจริงคือโฆษณาCavin Klienที่เธอเล่น)คือฉากนี้
มันEXPLAINได้หลายความรู้สึกของเธอ(ผมก็บอกไม่ถูกว่ามีความรู้สึกอะไรบ้างแต่มันบอกได้หลายอย่าง)
แต่บอกได้เลยเรื่องนี้คือ1ในหนังที่เธอแสดงได้ดีอีกเรื่องครับ Sean Beanตัวร้ายของเรื่อง ผมบอกได้เลยว่านับตั้งแต่
Don't Say A Wordแล้ว ก็ไม่มีหนังเรื่องไหนที่ทำให้เขาร้ายได้ถึงขนาดนี้ คือไม่ได้ร้ายประมาณแบบแสบๆ แต่ร้าย
แบบเจ้าเล่ห์นัยๆ ไม่ค่อยจะแสดงความเลวของเขามากจนมาถึงตอนจบเลย ผมกลับเห็นว่าเขาเล่นได้แจ่มจริงๆ
Djimon Hounsou ขอบอกนะนี่คือหนังเรื่องที่3ที่ทำให้เขาดูเด่น ทั้งๆที่เขาเป็นตัวรองซึ่งต่อจากAmistad,In America
แล้วก็เรื่องนี้บทบาทเขาดูแล้วไม่ค่อยมีอะไรก็จริง แต่ผมว่าถ้าไม่มีตัวละครนี้ในหนัง เรื่องราวทั้งหมดคงไม่จบ
สมบูรณ์หรอก คนสุดท้ายSteve Bucemiตัวละครเขาค่อนข้างจะเป็นตัวสร้างสีสันและEntertainกับตัวหนัง ซึ่งมุข
ที่เขาเอามาใช้ก็ฮาได้ที่ครับ(ไปดูกันเอาเองนะครับบอกไม่ได้) และก็เป็นส่วนที่เฉลยความจริงในช่วงต้นให้กับ
ตัวเอกทั้ง2คนบอกได้เลยขาดไปหนังอาจไม่ขำ จะดูจืดทันที ผมชอบการออกแบบนครL.A.ในโลกอนาคต
ได้สมจริงครับ ดูแล้วมันเหมือนความฝันปนกับความจริงนะ แต่ดูแล้วสัมผัสได้ ฉากActionทำออกมาได้ในสไตล์
Bay-Helmจริงๆ ไม่ให้ต้องหายใจเลย ระทึกตลอดฉากที่มันส์ทั้งหลาย จะว่าไปฉากActionบนทางด่วน คล้ายๆกับ
ฉากในเรื่องBad Boys2 แต่ดูเท่ห์กว่าเยอะ ประเด็นของหนังคล้ายกับหนังเก่าของGeorge Lucasเรื่องTHX 1138
ตรงที่ว่านำเสนอเรื่องราวการหนีเพื่ออิสระภาพ หนังให้ความเป็นปรัชญาได้ดีนะครับตรงที่ว่า"ไม่มีสวรรค์บนโลกนี้
แต่เราสามาถสร้างสวรรค์ด้วยตัวเอง ถ้าเรามุ่งมั่นที่จะทำอะไรตามที่เราอยากหรือสิ่งที่เราต้องการจะไป ทำสำเร็จ
แล้วหลังจากนั้นมันก็คือสวรรค์ของคุณ"และก็อีกปรัชญานึงคือ"ทุกๆสิ่งบนโลก ล้วนแล้วมีชีวิตจิตรใจทั้งหมด
สิ่งไม่มีชีวิตก็คงเป็นความเลวจากสันดานมนุษย์ ไม่มีใครอยากตาย ทุกๆคนต้องการจะเอาชีวิตรอด" นี่แหละคือ
ประเด็น ส่วนสุดท้ายที่ผมรู้สึกชอบมากๆก็คือดนตรีของหนังเรื่องประพันธุ์โดยSteve Jablonskyซึ่งคนนี้นั้น
เป็นเพื่อนสนิทของHans Zimmer แล้วก็ส่วนใหญ่ทำงานแบบแนวBack-upแถมเรื่องนี้เป็นงานชิ้นใหญ่ของเขาด้วย
แต่งานเรื่องนี้มันอยู่ในระดับHans Zimmerเลยนะครับ คือมีส่วนเข้าใจในอารมณ์ตัวหนังด้วยและก็ทำให้ตัวหนังนั้น
ไม่น่าเบื่อเกินไปขนาดมีช่วงอืดๆนะแต่ก็เพลงก็กลบส่วนอืดๆของหนังได้ดีมากๆ ผมรู้สึกได้ดูเรื่องนี้รู้สึกคุ้มมากๆ
เพราะนอกจากจะเป็นหนังดูมันส์แล้วยังเป็นหนังที่มีสาระและปรัชญาแฝงในตัว

สรุปแล้ว:นี่เป็นหนังของBayที่ทำให้ผมเข้าถึงลึกที่สุดที่เคยดูผลงานของเขาเพราะเรื่องนี้ดูแล้วทำให้ผม
อินกับตัวหนังมากๆ ก็ต้องรอดูว่าTransformersหนังเรื่องต่อไปที่BayจะกำกับและมีSpielbergเป็นEx-Producerนั้น
จะทำได้ดีไหมต้องรอดู แต่กลับผมเรื่องนี้ผมให้10/10ครับ สอบผ่านสำหรับผมไปเลย

จากคุณ : billy bob - [ วันเข้าพรรษา 01:57:48 ]