| ชอบมาก ห้ามพลาด (53 คน) |
| ชอบ แต่ยังไม่ที่สุด (13 คน) |
| เฉยๆ (1 คน) |
| ไม่ค่อยชอบ รอแผ่นก็ได้ไม่ต้องไปโรง (1 คน) |
| ไม่ชอบ เสียดายตังค์ (1 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 69 คน |
.... เลือกอ่านเรื่องนี้พร้อมรูป และ รบกวนแสดงความเห็นเพิ่มเติมที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=12-2005&date=01&group=1&blog=1
"Friendship marks a life even more deeply than love. Love risks degenerating into obsession, friendship is never anything but sharing."
-Elie Wiesel-
โลกของโคมัตซึ นานะ คือ โลกสีชมพูที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและมองทุกอย่างในแง่ดี เธอเติบโตมากับครอบครัวที่อบอุ่น เธอมีชีวิตที่อยู่กับความสดใส เธอวาดอนาคตไว้กับความรักที่สวยสดงดงาม เมื่อเธอเก็บเงินได้ครบตามที่ตั้งใจเพื่อจะเดินทางไปโตเกียวตามหา โชจิ ชายคนรัก แต่เมื่อไปถึง โชจิกลับบอกให้เธอต้องหางาน หาที่อยู่เป็นของตัวเอง นานะ ทำทุกอย่างตามที่เขาบอก แต่โลกของความเป็นจริงนี้ไม่ง่ายเลย เมื่อเธอพบว่าการหาที่อยู่ การหางาน มันไม่ได้ง่ายดังใจ และ โลกแห่งความจริงก็ทำให้เธอต้องเจ็บปวดมากขึ้นไปอีกเมื่อเธอพบว่า โชจิเองก็มีโลกของเขาที่ไม่ได้หมุนไปพร้อมกับเธอ โลกของโชจิก็ไปซ้อนทับกับซาจิโกะ หญิงสาวที่เรียนและทำงานที่เดียวกัน โลกของโชจิก็มีความรัก แต่ความรักของโชจิไม่ได้อยู่บนโลกใบเดียวกับนานะ เธอคือคนที่ให้ความรักเป็นเสมือนไฟส่องทางดวงเดียวในชีวิตของเธอ เมื่อความรักสิ้นสูญโลกของเธอก็พลันมืดมน ในวันที่อากาศหนาวเธอต้องรอคอยอย่างหนาวเหน็บและเดินทางกลับบ้านอย่างเดียวดาย
โลกของโอซากิ นานะ คือ โลกสีอึมครึม เธอเดินทางมาจากชีวิตที่มืดมนกับชุดหนังสีดำ เธอใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งเพื่อลบเลือนความปวดร้าวในใจ ในวันที่หมองหม่นเธอได้พบกับเรน และ เรนเปรียบเสมือนแสงสว่างในชีวิตของเธอ หากที่ผ่านมาเธอเองเป็นเหมือนตัวตนที่มืดมนไม่ชัดเจน ดนตรีก็มาทำให้ตัวตนและชีวิตเธอชัดเจนเป็นตัวเป็นตน เธอมีความสุขกับการร้องเพลงและอยากจะพาวง black stones ไปให้ไกลกว่านี้ แต่โลกของเรนนอกจากมีนานะแล้ว เขาก็มีความฝัน แล้ววันหนึ่งเรนก็เดินทางออกจากโลกของนานะ เพิ่อไปตามความฝันของตัวเอง เขาตัดสินใจไปโตเกียวเข้าร่วมวง Trapnest การจากไปของเขาคือการจากไปของคนรัก ของเสียงดนตรี และ แสงสว่างในตัวนานะ เธอไม่อยากตามคนรักไปเป็นแม่บ้านที่ต้องทิ้งดนตรีไว้ข้างหลัง เธอเลือกที่จะปฏิเสธการเดินตามความรัก หลายคนอาจคิดว่าเธอหยิ่งในศักดิ์ศรีและอยากประสบความสำเร็จ แต่หากสำรวจโลกของเธอเราจะพบว่า หากดนตรีทำให้เธอรู้สึกถึงการมีตัวตนและการมีคุณค่า การเลือกทิ้งดนตรีไม่ใช่แค่การทิ้งงานแต่นั่นคือการทิ้งตัวตนที่เคยมีของเธอไป เป็นคุณจะทำอย่างไร ในวันที่ความฝันกับความรักไม่เดินไปด้วยกันอีกต่อไป ?
ยังจำครั้งแรกที่เราพบกันได้มั้ย นานะ
...จนวันหนึ่ง วันที่นานะต่างก็เดินทางมาโตเกียว คนหนึ่งมาตามหาความรัก คนหนึ่งมาตามหาความฝัน แล้ว โลกของทั้งสองคนก็มาบรรจบซ้อนทับกัน โลกของนานะ จากโลกที่มีแต่ความรักและความฝัน สิ่งหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาคือ โลกของมิตรภาพ
...นานะต่างก็มีคำถามที่ถามอีกฝ่ายว่า เพราะอะไร นานะอีกคนจึงไม่ตามคนรักตัวเองไปตั้งแต่แรก เพราะทั้งโชจิ และ เรน ต่างก็เดินออกมาจากนานะ และ นานะทั้งสองคนก็ไม่ตามคนรักตัวเองไปตั้งแต่แรก ความแตกต่างอยู่ตรงที่ นานะไม่ตามโชจิเพราะโชจิบอกให้รอ แต่ นานะไม่ตามเรนเพราะเธอเองไม่อยากไป นานะคนหนึ่งถูกความรักชักนำและขีดทางเดินของชีวิต นานะอีกคนหนึ่งเดินทางชีวิตตามความฝันและเหตุผลของตัวเอง
หนังไม่ได้บอกว่าทางเลือกของใครเป็นทางที่ถูก เพราะ โลกทั้งสองใบล้วนพบเจอกับความเจ็บปวด แม้หนังไม่ได้บอกว่าโลกของใครถูกแต่หนังแสดงออกชัดเจนว่า การมาโตเกียวทำให้โลกของทั้งคู่ได้เปิดรับโลกแห่งความจริงมากขึ้น โลกสีลูกกวาดของนานะก็เปิดรับทั้งสีดำ สีเทาของชีวิตที่โหดร้ายทั้งเรื่องงาน เรื่องการใช้ชีวิต และเรื่องความรัก โลกอันมืดมนของนานะก็เปิดรับสีชมพู สีขาว สีอันสดใสของความรัก ความอ่อนไหว ความรักของนานะคนหนึ่งเปิดประตูความรักให้กับนานะอีกคนที่ล็อกหัวใจตัวเองไว้มานาน และ ความฝันของนานะคนหนึ่งก็เปิดประตูความฝันของนานะอีกคนที่ยังอ่อนต่อโลกใบนี้เฝ้ามองด้วยความชื่นชม
....ฉากหนึ่งในหนังที่บอกนานะกับคนดูว่า ความแตกต่างนั้นสามารถทำให้เราสามารถอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างมีความสุขมากขึ้นหากเราจะรู้จักแลกเปลี่ยนและเรียนรู้มัน นั่นคือ ฉากที่ทั้งคู่มอบความอบอุ่นให้กันด้วยผ้าพันคอสีขาวกับเสื้อหนังสีดำ ข้าวของที่เสมือนกับสัญลักษณ์ของแต่ละฝ่าย การซ้อนทับของโลกทั้ง 2 ใบ เป็นการที่ทำให้ทั้งคู่ได้เรียนรู้ความแตกต่างของกันและกัน สิ่งที่ต่างฝ่ายต่างยึดถือถูกปล่อยวางและรับฟังอีกฝ่าย และ สิ่งที่ทั้งคู่ได้รับมีความสำคัญไม่แพ้ความรัก นั่นคือ มิตรภาพ
...นานะคนหนึ่งได้เรียนรู้ความเข้มแข็งและการยืนหยัดบนโลกใบนี้ และเรียนรู้ว่าจะอยู่อย่างไรแม้ว่าจะยังปรับตัวกับโลกใบจริงนี้ไม่ได้ และ นานะอีกคนก็ได้เรียนรู้การประนีประนอมระหว่างความรักและความฝัน รู้จักที่จะลดศักดิ์ศรีหรือทิฐิลงมาและกล้าที่จะทำตามหัวใจของตัวเอง
..วันที่นานะต้องอยู่คนเดียว ในวันที่แสงสว่างของทั้งคู่ดับไป
คือ
...วันที่อากาศหนาวมาถึงแล้วมือที่เคยเกาะกุมนั้นหายไป เหลือเพียงความว่างเปล่า ทิ้งให้มือสองข้างของเราต้องหนาวเหน็บและต้องเดินอย่างสะเปะสะปะไร้ทิศทาง
...วันที่ทุกอย่างล้วนไม่เป็นดังใจ วันที่แม้แต่แสงสว่างจะส่องมาแต่เราก็รู้สึกว่ามันแสนจะมืดมน
...วันที่เราเคยคิดว่าความรักไม่มีทางจะหวนกลับคืนมา และ ทางออกก็ตีบตัน
จนเมื่อวันที่นานะมาพบกัน ทั้งคู่ต่างผ่านวันเหล่านั้นได้อย่างไม่ยากเย็น ต่างฝ่ายต่างพบหนทางที่จะไม่หนาว ไม่เดียวดาย และ ไม่หลงทาง โลกของนานะที่มาซ้อนทับกัน คือ โลกแห่งมิตรภาพที่จะไม่มีวันมืดมน เพราะมิตรภาพคือไฟอีกดวงที่จะส่องให้กับโลกของทั้งสองคนให้สว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง
โลกของคุณซ้อนทับกับโลกของนานะบ้างไหม ?
- โลกที่ให้ความรักนำทางทุกอย่างในชีวิต จนชีวิตต้องเจ็บปวดเมื่อความรักสูญสลาย
- โลกที่เคยวาดฝันถึงสิ่งที่สวยงาม มีงานทำ มีเพื่อนดีๆ แต่กลับพบว่าโลกของความจริงมันตรงข้ามกับโลกแห่งความฝันโดยสิ้นเชิง
- โลกที่ให้ความฝัน ศักดิ์ศรี และ เหตุผลอยู่เหนือความรัก จนชีวิตต้องเจ็บปวดเมื่อความรักเดินจากไป
....โลกของนานะคนหนึ่งที่เลือกให้ความรักกินเนื้อที่แทบทั้งหมดของตัวเอง เมื่อความรักสูญสิ้นโลกของเธอก็ล่มสลาย โลกของนานะอีกคนหนึ่ง ที่ให้ศักดิ์ศรีและทิฐิอยู่เหนือทุกสิ่งในชีวิตและก็ต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่ตัวเองเลือกไว้ เป็นตัวอย่างของการที่คนเราแทนที่โลกของเราทั้งใบด้วยตัวแปรเพียงตัวเดียว บางคนโลกของของเขา = ความรัก , บางคนโลกของเธอ = การทำงาน โดยลืมนึกไปว่าชีวิตคนเรามีองค์ประกอบอะไรมากไปกว่านั้น แต่ถ้าเราแทนโลกทั้งใบชีวิตทั้งชีวิตไว้กับตัวแปรตัวเดียว เมื่อตัวแปรนั้นสูญสิ้นโลกของเขาหรือเธอจึงสูญสลายตามไป
(มีต่อ)
แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 48 11:59:57
จากคุณ :
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- [
2 ธ.ค. 48 11:58:13
]