ความคิดเห็นที่ 1 คุณหมอได้สอนวิธีการดัดเท้า โดยดัดเท้าหันออกด้านข้าง นอกจากการเดินเท้าแบบนี้ / \ ต้นกล้ายังชอบเดินเขย่ง คุณหมอเลยสอนวิธีดัดเท้า โดยมือนึงจับที่น่อง อีกมือดึงที่ส้นเท้า แต่สรุปคือ คุณหมอบอกว่าคุณแม่อย่าวิตกกังวลมาก นวดก็ได้ไม่นวดก็ได้ ลูกไม่ได้เป็นอะไร จะค่อย ๆ หายไปเองเมื่อโตขึ้น จากคุณ : ระแนงไม้ - [ 17 มิ.ย. 52 00:21:09 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ระหว่างที่รอพบคุณหมอนั้น ได้อ่านแผ่นพับเกี่ยวกับโรคเท้าในเด็ก เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับแม่ ๆ ได้บ้าง เลยพิมพ์แล้วมาฝากกันค่ะ ข้อมูลจาก แผ่นพับของ รพ.พญาไท จากคุณ : ระแนงไม้ - [ 17 มิ.ย. 52 00:24:24 ]

ความคิดเห็นที่ 3 โรคเท้าในเด็ก ผู้หญิงทุกคนที่มีโอกาสเป็น “คุณแม่” มักจะพูดถึงวินาทีแรกที่ได้เห็นหน้าลูกว่า “เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของชีวิต” ก็เจ้าตัวน้อยอีกนั่นแหละที่เป็นสิ่งเติมเต็ม ให้ครอบครัวสมบูรณ์ขึ้น เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่คุณแม่ปรารถนาที่จะเห็นลูกน้อยมีอาการครบสามสิบสองและร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ คุณแม่ก็มีความสุขแล้ว แต่ถ้าอวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดของลูกผิดปกติ คนที่เดือดร้อนและกังวลในเป็นที่สุดก็คือคุณแม่นั่นเอง มีคุณแม่ท่านหนึ่งวิตกเกี่ยวกับเท้าของลูก ที่ผิดปกติว่า “เท้าของลูกดิฉันไม่เหมือนของลูกเพื่อน” “เท้าของลูกดิฉัน แบนผิดปกติ” คุณแม่บางรายบอกว่า “เท้าของลูกดินฉันมีนิ้วเกิน นิ้วติดกัน นิ้วไม่ครบ ขาดหายไปก็มี” เป็นคำกล่าวของคุณแม่ที่ลูกมีเท้าผิดปกติเพราะเกรงว่า ถ้ารักษาไม่หาย เมื่อลูกโตขึ้นเป็นหนุ่มเป็นสาวจะทำให้เกิดปมด้อยได้ ความจริงความผิดปกติของเท้าเด็กนั้น อาจเป็นสภาวะทางสรีระของเท้าเด็กเองและธรรมชาติแก้ไขได้เมื่อเติบโตขึ้น แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 52 08:57:28 จากคุณ : ระแนงไม้ - [ 17 มิ.ย. 52 00:24:56 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ความผิดปกติในเท้าเด็ก ความผิดปกติในเท้าเด็กนั้นมีมากมาย ที่พบได้เช่น เท้าแบน เป็นความผิดปกติที่พบได้บ่อยมากในเด็กทารกทั่วไป เรียกตามประสาชาวบ้านว่า ตีนเป็ด สภาวะเช่นนี้ ถ้าพ่อแม่ไม่ให้ความสนใจนัก อาจจะไม่รู้เรื่องเสียด้วยซ้ำว่า ลูกมีฝ่าเท้าแบนทั้ง ๆ ที่บางครั้งเป็นมากด้วย บางท่านให้ความสนใจมากเกินไป ถึงกับพาลูก ๆ ไปหาหมอหลายแห่ง เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าลูกมีเท้าไม่ผิดปกติทั้ง ๆ ที่แพทย์ได้อธิบายแล้วว่า ในระหว่างที่ทารกอยู่ในครรภ์มารดานั้น ฝ่าเท้าอาจบิดไปบิดมาตามท่าทางของทารกที่ประคับประคองบีบรัดโดยมดลูกทำให้ฝ่าเท้าเฉออกนอกลำตัว หรือบิดเข้าหาตัวมากเกินไป พอคลอดออกมาลักษณะของเท้าจะกลับคืนสู่ปกติ เหมือนเด็กทั่ว ๆ ไป ภายในช่วง 5 อาทิตย์หลังคลอด ก่อนเด็กเดินได้ฝ่าเท้าจะมีลักษณะแบนราบ ไม่มีอุ้งเท้าอย่างที่เห็นในเด็กโต ในช่วงที่เด็กเริ่มหัดเดินเตาะแตะ จะเห็นว่าขาทั้งสองข้างและฝ่าเท้าทั้งสองถ่างออกกว้าง น้ำหนักตัวอาจตกลงมาทางด้านในของฝ่าเท้าแบน เมื่อเด็กอายุมากขึ้น เด็กเดินได้เก่งขึ้น การยืนการเดินทำได้ตรงและถนัดมากขึ้น เท้าทั้งสองข้างจะเข้ามาชิดกัน แนวน้ำหนักตัวจะตกลงไปตามแกนของกระดูกขาและลงไปทางด้านนอกของฝ่าเท้า ช่วงนี้จะเห็นว่าเด็กมีความเจริญเติมโตที่เป็นปกติและเริ่มมีอุ้งเท้าเกิดขึ้น จากการสังเกตพบว่า เท้าแบนนั้นบางครั้งเป็นพันธุกรรม การที่ฝ่ายเท้าแบนในช่วงอายุ 7 ขวบแรก ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสรีระร่างการ ถ้าหากอายุเกิน 7 ขวบ แล้วฝ่าเท้ายังแบนอยู่ร่วมกับมีข้อเท้าเอียงล้มเข้าด้านในมาก ถือว่าเป็นความผิดปกติ และควรรีบไปรักษา ส่วนใหญ่เด็กที่ฝ่าเท้าแบน ไม่ชอบวิ่งเล่น หรือออกกำลังกายกลางแจ้งอย่างเด็กปกติทั่วไป เพราะจะรู้สึกปวดเมื่อยน่องเร็วกว่าปกติ แม้แต่การเล่นกีฬาบ่างอย่างก็ไม่สามารถเล่นสู้เพื่อนได้ จะเห็นว่าเด็กที่มีฝ่าเท้าแบนที่เราพบนั้นมีลักษณะของมืออ่อนเท้าอ่อน จนสามารถดันให้เท้าหรือมือแอ่นได้มาก ๆ เด็กที่มีฝ่าเท้าแบนมาก ๆ และถ้าใส่รองเท้าแข็ง ๆ เป็นประจำจะเห็นว่า เท้ามีขอบด้านในหนาขรุขระเกิดจากผิวหนังด้านนี้มีการเสียดสีกับหนังร้องเท้าที่สัมผัสกันตลอดเวลา แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 52 00:41:43 จากคุณ : ระแนงไม้ - [ 17 มิ.ย. 52 00:25:22 ]

ความคิดเห็นที่ 5 การรักษา การรักษาเด็กที่มีฝ่าเท้าแบนนั้น ถ้าเด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบ ยังไม่มีความจำเป็นต้องเดือดร้อนในการรักษา แต่คอยดูว่าเป็นมากขึ้นหรือไม่ พอเด็กโตขึ้นเรื่อย ๆ แต่เท้ายังแบนมากร่วมกับข้อเท้าเอียงล้มมากขึ้น ควรพาไปรักษา ซึ่งอาจจะเริ่มจากการที่ คุณแม่พาลูกหัดเดินหรือวิ่งบนปลายเท้าและกระตุ้นให้เด็กออกกำลังกายบริหารร่างกายหรือเล่นกีฬา แพทย์บางท่านจะแนะนำให้ใส่รองเท้าพิเศษด้วย โดยเฉพาะส่วนเสริมอุ้งเท้า เพราะจะช่วยให้เด็กไม่รู้สึกเกร็งเท้าเวลาเดิน ในกรณีที่มีฝ่าเท้าแบนในเด็กที่มีอายุมากขึ้น ตั้งแต่  10-15 ปี อาจจะมีสาเหตุมาจากอย่างอื่น เช่น เอ็ดร้อยหวายตึง โรคข้ออักเสบ อาจเกิดจากการติดเชื้อโรคข้ออักเสบพวกรูมาตอยด์ หรือในบางรายอาจจะเกิดจากกระดูกผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด คือ กระดูกของเท้าติดกันจะทำให้เท้าแบนเกิดขึ้น ความผิดปกติเหล่านี้ สมควรได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เริ่มตั้งแต่การให้สวมใส่รองเท้าพิเศษ ถ้ามีอาการผิดปกติมาก จำเป็นต้องผ่าตัดรักษา เท้าปุก หรือเท้าบิดเป็นความผิดปกติของเท้าที่เป็นตั้งแต่กำเนิด โดยมีลักษณะข้อเท้าผิดรูปแบบไป เช่น ข้อเท้าจิกลงล่างบิดเข้าใน และฝ่าเท้าหงายขึ้นทำให้มีรูปร่างเหมือนไม้กอล์ฟ อาจจะเป็นข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ ซึ่งสาเหตุของโรคเท้าปุกยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่ามีองค์ประกอบของสาเหตุหลาย ๆ อย่างรวมกัน เช่น สิ่งแวดล้อมในครรภ์มารดา ซึ่งมีผลต่อท่าของเท้าในขณะที่อยู่ในมดลูก, กรรมพันธุ์, กระดูกเท้าถูกสร้างมาผิดรูป, กล้ามเนื้อควบคุมการเคลื่อนไหวของข้อเท้า และเท้าไม่สมดุลกัน แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 52 00:46:49 จากคุณ : ระแนงไม้ - [ 17 มิ.ย. 52 00:25:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จะรู้ได้อย่างไรว่า.... เท้าลูกผิดปกติ โดยปกติแล้วอาการเท้าบิดหรือเท้าผิดรูปของลูกน้อยจะสังเกตเห็นได้ชัดเพราะเท้าของลูกน้อยจะแสดงอาการให้เห็นชัดเจน ซึ่งลักษณะเท้าที่ผิดปกติมีลักษณะดังนี้คือ - เท้าบิดออกนอก ปลายเท้าจะชี้ออกด้านนอก - เท้าบิดเข้าใน นิ้วเท้าชี้เข้าด้านใน - เท้าแฟบ คือไม่มีเนื้อตรงส้นเท้า ฝ่าเท้า หรือปลายเท้า เวลาเดินจะตะแคงเท้าเดิน - ข้อเข่าห่าง มีลักษณะเหมือนเด็กขาโก่ง บางรายจะหายไปเองเมื่อโตขึ้น แต่บางรายต้องผ่าตัดแก้ไข - ข้อเข่าชิด หรือเข่าจูบกัน จะมีลักษณะเดินเข่าชิดขาท่อนล่างแยกออก จากคุณ : ระแนงไม้ - [ 17 มิ.ย. 52 00:26:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 การรักษา โรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ ยิ่งรักษาเร็วเท่าไรยิ่งได้ผลดี การรักษาในเด็กแรกคลอด คือ การดัดเท้าให้กลับคืนสู่รูปร่างที่ปกติและควบคุมด้วยเฝือก ซึ่งหมอจะทำการดัดและเปลี่ยนเฝือกทุก ๆ สัปดาห์ จนได้รูปร่างที่ปกติแล้ว จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นการใส่รองเท้าสำหรับดัดเท้าหรือรองเท้าพิเศษให้เด็กตลอดเวลา เป็นเวลา 2 เดือน จากนั้นก็จะเปลี่ยนให้ใส่เฉพาะเวลากลางคืนจนอายุ 4-5 ขวบ ซึ่งวิธีการนี้อาจต้องมีการดัดเอ็นร้อยหวายร่วมด้วยเพื่อให้เท้ามีรูปร่างที่ปกติ การรักษาด้วยการดัดเท้าร่วมกับการเข้าเฝือกนี้ถ้าทำตั้งแต่คลอดใหม่ จะได้ผลดีถึง 90% ส่วนอีก 10% ที่มีรูปร่างเท้ายังไม่ปกติแต่ดีขึ้นกว่าตอนแรกคลอดมาก ก็จะต้องรับการผ่าตัดรักษาตามด้วยการเข้าเฝือกและการใส่รองเท้าพิเศษ นอกจากกรณีที่ต้องได้รับการผ่าตัดที่ต้องให้แพทย์ที่เชี่ยวชาญดูแลแล้ว อาการอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการผิดปกติของเท้าลูกน้อยที่คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลและป้องกันได้มีดังนี้ 1. เมื่อลูกมีอาการผิดปกติตรงข้อเข่า ขาโก่ง อาการนี้คุณพ่อ คุณแม่ ไม่ต้องตกใจ พอลูกอายุได้ 3 ขวบขึ้นไปจะหายไปเอง แต่ถ้าลูกน้อยมีอาการอักเสบตรงกระดูกข้อเข่าร่วมด้วย มักจะมีอาการรุนแรง คุณพ่อคุณแม่ต้องรีบพาลูกน้อยมาพบแพทย์ เพื่อแก้ไขโดยการผ่าตัด 2. กรณีลูกน้อยมีอาการเข่าชิด คุณพ่อคุณแม่บางคนมักจะดัดขาให้ลูกน้อย ซึ่งการดัดหรือไม่ดัดนี้ไม่เป็นผลอย่างใด เพราะเมื่อลูกโตขึ้นร่างกายจะแก้ไขเองโดยธรรมชาติ แต่ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องระวัง คือ อย่าให้ลูกน้อยนั่งท่ากบ เพราะจะเป็นการส่งเสริมให้ขาลูกผิดท่าทางมากขึ้น และร่างกายจะแก้ไขได้ยาก แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 52 00:59:15 จากคุณ : ระแนงไม้ - [ 17 มิ.ย. 52 00:26:25 ]

ความคิดเห็นที่ 8 นิ้วเท้าเกิน, ติดกัน, นิ้วขาดหาย การที่มีนิ้วเท้าเกินหรือติดกัน ในช่วงแรกเกิดยังไม่ต้องการการผ่าตัดใด ๆ เพราะถือว่าเป็นความผิดปกติมาแต่กำเนิด รอจนเท้าใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อยประมาณ 1-2 ขวบ ขึ้นไปอาจจะเริ่มรักษาได้ ในรายที่นิ้วเกินก็ผ่าตัดออก ในรายที่นิ้วติดกันก็ผ่าตัดแยกออก ส่วนรายที่นิ้วหายไปเหลือข้างละ 3-4 นิ้ว พบในเด็กน้อยมากควรจะให้การรักษาทางด้านจิตใจจะดีกว่า ยังมีความผิดปกติของเท้าอีกมาก ซึ่งพบได้ไม่บ่อยนัก แต่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านที่ลูกมีความผิดปกติเล็กน้อย ขออย่าให้วิตกกังวลมาก เพราะความผิดปกติบางชนิดสามารถหายได้เอง ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาพิเศษใด ๆ เพิ่มเติมเพียงแต่ดูแลให้ถูกวิธีเท่านั้น แต่สำหรับในรายที่เป็นมากควรนำไปรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่เนิ่น ๆ และแนะนำให้รักษาตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ เพราะผลของการรักษาบางโรคจะดีกว่าการรักษาในอายุมาก จากคุณ : ระแนงไม้ - [ 17 มิ.ย. 52 00:26:49 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณแม่ ๆ ในทู้ "ตามหาหมอกระดูกเด็กที่ศิริราช" ด้วยนะคะ ^ ^ สบายใจเรื่องเท้าแล้ว ตามมาเที่ยวกันต่อ กระเตงลูกเที่ยวหัวหิน-ปราณ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E7980768/E7980768.html DIY แต่งเสื้อลูกด้วยผ้าสักหลาด http://www.pantip.com/cafe/jatujak/topic/J7981563/J7981563.html จากคุณ : ระแนงไม้ - [ 17 มิ.ย. 52 00:30:47 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตามมาเก็บข้อมูล บันบันก็เป็นเรื่องเดินๆแล้วขาชนๆเซๆ อาม่าก็บอกว่าขาดแคลเซียมทำให้กระดูก ไม่แข็งแรง เอ้า ว่าหลานไปนั่น เหอ เหอ ได้ยินมาว่าโตขึ้นจะหายได้เองตอนนี้เลยยังไม่ได้พบหมอ ก็คอยดูอาการกันไปหละค่ะ จากคุณ : IcyRose - [ 17 มิ.ย. 52 01:53:59 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ให้กิฟท์ไว้ก่อนสำหรับข้อมุลที่เป็นประโยชน์ เดี๋ยวตามไปดูกระทู้เที่ยวและกระทู้  DIY ของน้องนัทค่ะ จากคุณ : หมูเหมียว - [ 17 มิ.ย. 52 07:00:50 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณนะค่ะสำหรับข้อมูล ลูกเราก็ชอบเดินเขย่งเท้าต้องสังเกตุมั่งแล้วละ จากคุณ : แม่นกลูกคนแรก - [ 17 มิ.ย. 52 08:33:46 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณน้องนัทมากๆ สำหรับข้อมูลดีๆ ว่าแล้วตามน้องหนึ่งไปเที่ยวดีกว่า จากคุณ : ลูกไหม - [ 17 มิ.ย. 52 08:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากค่ะกำลังสงสัยอยู่เหมือนกัน จากคุณ : แม่น้องชากิส - [ 17 มิ.ย. 52 08:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 โล่งอกไปที่หลานป้าไม่เป็นไร โตขึ้นหนูก็เป็นนายแบบได้แระเนอะ อิอิ จากคุณ : คุณป้า (ท่องไปบนฟ้ากว้าง) - [ 17 มิ.ย. 52 08:42:41 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ดีใจด้วยที่ต้นกล้าไม่เป็นไร นัทจะได้หายกังวล เด่วตามเที่ยวไปจ้า จากคุณ : jany_j - [ 17 มิ.ย. 52 08:52:03 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ลูกพี่ก็ขาเบียด ๆ กันหน่อย ๆ ถามหมอเด็ก (ตอนเขายังเบบี๋นะคะ) หมอบอกว่า เขาอยู่ในท้องนาน มันเบียดได้ แต่เดี๋ยวพอเดิน พอได้ใช้ก็จะหายไปเอง เหมือนมันค่อย ๆ คลายออกเอง ไรงี้ค่ะ แต่พี่ก็จับเขานวด จับดัดทุกคืน กลัวหนะ --' จากคุณ : แม่น้องเอเอ - [ 17 มิ.ย. 52 09:28:07 ]

ความคิดเห็นที่ 18 หงะ ต้นกล้า ดีจังที่ไปหาหมอ จะได้รู้ว่าเป็นอะไร ข้อมูลน่าสนใจดีแท้ เพราะบางที เราไม่รู้จริงๆ ว่าแค่ไหนถึงควรพาไปหาหมอ ไปคุยกะหมอแล้วมันสบายใจอย่างนี้นี่เอง ขอบคุณนะก๊ะ ที่มาเล่ากัน ปล. ถ้าต้นกล้าเป็นเด็กแถวบ้านป้าเอื้องเมื่อตอนสักสามสิบปีที่แล้ว จะถูกปู่ย่าตายายบังคับให้ฝึกมโนราห์ ไม่รู้หายเพราะถูกฝึกหนักหรือหายเอง 55555555 แต่เด็กๆ แถวบ้านตอนนั้น ใครมีปัญหาที่ขาหน่อยโดนจับรำหมด พอเดินขาตรงหน่อยก็เลิกรำ จากคุณ : rainfull - [ 17 มิ.ย. 52 09:39:24 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีค่ะ จากคุณ : ไชโยโอเค - [ 17 มิ.ย. 52 10:11:30 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผู้ใหญ่ที่บ้านแฟนก็ให้ดัดค่ะ แต่พี่ชายอยู่ในวงแพทย์บอกว่าไม่ต้องเพราะโตเขาจะหายไปเองแล้วอีกอย่างถ้าไม่รูวิธีดัดเดี๋ยวไปกันใหญ่ค่ะก็เลยไม่ได้ดัดให้ปลาวาฬแต่ก็กลัวอยู่เหมือนกันค่ะ ของคุณสำหรับข้อมูลนะคะ ปล. มองไปมองมาต้นกล้ากับปลาวาฬโตขึ้นหน้าก็ยังคล้ายกันอยู่เลย อิอิแอบเหมือนคนหล่อ จากคุณ : Bowhead Whale - [ 17 มิ.ย. 52 10:46:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณสำหรับความรู้ที่เป็นประโยชน์ค่ะ ดีนะคะ ที่ต้นกล้าไม่ได้เป็นอะไรมาก ยังไงก็ขอให้เดินปกติโดยเร็วนะคะ ป.ล. คิดถึงทั้งแม่ลูกเลยค่ะ   กังหันไปโรงเรียนแล้วน๊า จากคุณ : กังหันลู่ลม - [ 17 มิ.ย. 52 10:50:32 ]

ความคิดเห็นที่ 22 พี่เก่ง - คนทักต้นกล้าเยอะมากค่ะ เล่นเอาจิตตกเลยค่ะ พี่หมอหนึ่ง - ขอบคุณค่ะ ^ ^ แวะไปอ่านเรื่องไข้หวัดใหญ่ 2009 เหมือนกันค่ะ อยู่ กทม.คนเป็นเยอะเชียว คุณ แม่นกลูกคนแรก - ลองสังเกตุดูค่ะ ถ้าไม่สบายใจ ไปหาหมอก็สบายใจดีค่ะ คุณลูกไหม - ขอบคุณค่ะ ^ ^ คุณ แม่น้องชากิส - ยินดีค่ะ ^ ^ ป้าหนึ่ง - พูดเหมือนคุณหมอเลย คุณหมอบอกว่าโตขึ้นเป็นนายแบบได้สบาย 555 แม่เจน - ตามไปเที่ยวเลยจ้า พี่จอย - ตั้งแต่เล็กไม่ได้ดัดขาให้ต้นกล้าเลยค่ะ กลัว ดัดไม่เป็น -*- พี่เอื้อง - ใช่เลยค่ะ ไม่รู้ว่าแค่ไหนที่ต้องพาไปหาหมอ ไปหาแล้วสบายใจ ซื้อความสบายใจค่ะ คุณหมอบอกว่าคุณแม่ไม่สบายใจเมื่อไหร่ก็มาหาหมอได้ ...สรุปว่าแม่เป็นนะไม่ใช่ลูกเป็น 555 ซี - ไม่เจอกันเลยอะค่ะ แหะ ๆ หรือเราเที่ยวบ่อยไป คุณ Bowhead Whale - ไม่เห็นรูปปลาวาฬนานแล้ว คิดถึง ๆ จุ๊บ ๆ ^ ^ คุณ กังหันลู่ลม - กังหันไป รร.แล้วหรอ ไวจังเลย ต้นกล้าเริ่มมีอาการ Terrible 2 แล้วค่ะ T.T จากคุณ : ระแนงไม้ - [ 17 มิ.ย. 52 12:44:27 ]

ความคิดเห็นที่ 23 หายเป็นปกติเร็วๆนะครับ จากคุณ : อาเดียร์ - [ 17 มิ.ย. 52 13:13:47 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขออนุญาตลงลงรูปนะคะว่ายังจำกันได้มั๊ย ตอนนี้ปลาวาฬผอมลงไม่ค่อยทานข้าว งัดสารพัดเมนูแล้วก็ได้แค่นี้ค่ะ แต่ความซนไม่มีขีดจำกัดเลย จากคุณ : Bowhead Whale - [ 17 มิ.ย. 52 13:22:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แถมอีกรูปนะคะ ถ่ายแต่ละมุมไม่เหมือนกันเลยอะ รูปนี้ดูตัวใหญ่เชียวค่ะ จากคุณ : Bowhead Whale - [ 17 มิ.ย. 52 13:23:56 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณอาเดียร์ - ขอบคุณนะคะ คุณ Bowhead Whale - หน้าไม่เหมือนต้นกล้าค่ะ น่ารักกว่ามากกกกกกก ขาว ปากแดง ผมดำ น่ารักหงะ ^ ^ จากคุณ : ระแนงไม้ - [ 17 มิ.ย. 52 14:57:14 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เข้ามาดูอีกที เจอนายปลาวาฬ หล่อซะ จากคุณ : rainfull - [ 17 มิ.ย. 52 15:43:44 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โห...น้องปลาวาฬหล่อมากๆ เลย ตะวันก็ไปหาคุณหมอที่พญาไทมาค่ะ (คุณหมอกมลพร) ว่าจะเอาข้อมูลในแผ่นพับมาลงพอดี แต่ไม่ทันคุณระแนงไม้ซะแล้ว ตะวันเป็นเท้าปุกจริงค่ะ ดัดเองไม่ได้ ต้องให้คุณหมอดัดๆ ให้ แล้วใส่เฝือก อย่างที่เห็นนิแหละอับ จากคุณ : บ้านเราอยู่ติดทะเล - [ 18 มิ.ย. 52 19:42:40 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ลูกผมเป็นเท้าปุก 2 ข้าง รักษากับคุณหมอกมลพรเหมือนกันครับ ไม่ทราบว่าของน้องตะวันเป็นชนิดแข็งหรือนิ่มครับ? มีแผนการรักษาอย่างไรบ้าง? จากคุณ : prawit_wit - [ 18 มิ.ย. 52 20:36:58 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ prawit_wit ค่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแข็งหรือนิ่ม แต่คุณหมอบอกว่าเป็นเท้าปุกแท้ค่ะ เป็นระดับปานกลาง ไม่ขนาดว่าแข็งมั้งคะ เพราะใช้มือดัดได้ คุณหมอบอกว่าจะต้องไปดัดเท้า ใส่เฝือก ประมาณ 2-3 เดือน เพื่อให้ตำแหน่งของเท้าเบนออกข้างนอก (ต้องนี้บิดเข้าในค่ะ) ประมาณ 70 องศาของตำแหน่งเดิมซะก่อน หลังจากนั้นก็ผ่าตัดเจาะเส้นยึดเส้นเอ็น (คิดว่าเรียกประมาณนี้นะคะ) แล้วก็ใส่เฝือกต่ออีก 2-3 เดือนเพื่อรักษาตำแหน่งไว้ เพราะเส้นเอ็นอาจจะตึงอีก คุณหมอบอกยังนั้น แล้วตามที่เข้าไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับ clubfoot เห็นว่า หลังจากนั้นต้องใส่รองเท้าพิเศษอีกจนอายุถึง 2-4 ขวบเลยค่ะ แต่ยังไม่เห็นคุณหมอบอกเรื่องรองเท้านะคะ ที่สำคัญคือเมื่อรักษาเสร็จแล้วจะเป็นปกติได้ประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ค่ะ ไม่ถึง 100 แล้ว เท้าที่ปุกก็จะเล็กกว่าข้างที่ไม่ปุกอยู่นิดนึงด้วย แรกๆ ก็สงสารลูกมากเลย แต่ตอนนี้ทำใจได้แล้วค่ะ คิดซะว่า ดีเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่เป็นโรคอะไรร้ายแรงกว่านี้ แถมยังรู้แต่แรกรักษาได้แค่นี้ก็ดีแล้วค่ะ คุณหมอบอกว่าอีกหน่อยพอเห็นเค้าวิ่งได้ เดินได้ ก็จะชื่นใจ ลูกคุณ prawit_wit รักษามานานหรือยังคะ แล้วคุณหมอว่ายังไงบ้าง จากคุณ : บ้านเราอยู่ติดทะเล - [ 19 มิ.ย. 52 16:46:06 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คุณแม่น้องตะวันครับ...ผมได้ตอบโดยละเอียดไปทางหลังไมค์แล้วครับผม ยินดีที่จะแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องโรคเท้าปุกกันนะครับ จากคุณ : prawit_wit (prawit_wit) - [ 20 มิ.ย. 52 00:22:14 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เพิ่งเข้ามาดูค่ะ คุณ prawit_wit น่าจะลงแผนการรักษาไว้ด้วยนะคะ จะได้เป็นข้อมูลไว้เผื่อมีคนมา search หาหนะค่ะ ^ ^ เข้าไปอ่านกระทู้นี้แล้ว เจอ คคห.ของคุณแม่น้องเหมย &น้องหมิง ก็น่าจะสบายในขึ้นระดับนึงว่ารักษาได้นะคะ ^ ^ http://www.pantip.com/cafe/family/topic/N7962958/N7962958.html ขอให้น้องหายเป็นปกตินะคะ ^ ^ ( ทั้งคุณบ้านเราอยู่ติดทะเล และคุณ prawit_wit ) จากคุณ : ระแนงไม้ - [ 21 มิ.ย. 52 01:48:17 ]