Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
....**โดนสามีลากไปกระแทกกับขอบเตียง ทั้งที่ผ่าคลอดได้แค่เดือนเดียว**....  

คือเมื่ออาทิตย์ก่อนทะเลาะกับสามี มีเรื่องอัดอั้นตั้นใจ ไม่รู้จะระบายกับใครก็เลยขอมาระบายกับห้องชานเรือนค่ะ เริ่มเลยแล้วกัน
       ดิฉันเพิ่งผ่าคลอดได้1เดือนกับอีก10วันเมื่อราวๆกลางสัปดาห์ก่อน สามีดิฉันเกิดอารมครึ้มๆก็เลยขอมีอะไรด้วย ดิฉันไม่ได้ขัดขืนอะไร พอกำลังเข้าได้เข้าเข็มด้วยความที่กลัวท้อง ก็เลยหาถุงยางเพื่อจะใส่ ลุกไปค้นในลิ้นชักปรากฎว่าไม่มี สามีก็เดินไปที่ปลายเตียง หยิบถุงยางออกมาจากกระเป๋าโน๊ตบุค(ขอบอกก่อนเลยว่ากระเป๋าโน๊ตบุคอันนี้เป็นของดิฉันเอง ดิฉันให้เขายืมใช้ตั้งแต่ก่อนตั้งท้อง (และเขาก็พกไอ้กระเป๋าอันนี้ออกไปทำงานนอกบ้านทุกกวัน)ด้วยความที่สงสัยว่าดิฉันเพิ่งจะคลอดลูก และก่อนหน้าที่จะท้องเราสองคนก็ไม่เคยใช้ถุงยางอยู่แล้ว(ถ้าหากใช้ดิฉันคงไม่ท้อง)แล้วไอ้ถุงยางมันไปอยู่ในกระเป๋านั้นได้อย่างไร ด้วยความสงสัยปนโมโห เลยถามเค้าว่าพกถุงยางทำไม เราเองก็ท้องตั้ง9เดือนตอนมีอะไรกันตอนท้องก็ไม่ต้องใช้ถุงยางอยู่แล้ว เขาบอกมันติดกระเป๋า เขาเพิ่งเปลี่ยนกระเป๋า ไม่ได้ตั้งใจพก แต่ตอนเดินไปหยิบถุงยาง เขาเดินไปที่กระเป๋าแล้วก็ล้วง เหมือนรู้ว่ามันอยู่ในกระเป๋า แล้วยังมาอ้างอีกว่ามันบังเอิญติดกระเป๋าไป ดิฉันโมโหในคำแก้ตังของเขามากๆเขาก็นอนนิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ดิฉันนอนหันหลังให้แล้วก็ร้องให้เพราะด้วยความน้อยใจโกรธและก็เสียใจอารมณ์ตอนนั้นมันรู้สึกแย่มากๆ เขาก็ไม่สนใจ ไม่แก้ตัวเดินไปเข้าห้องน้ำ พอออกมาก็ทำเป็นไม่สนใจในความรู้สึกของดิฉัน
ดิฉันโมโหมากๆเขาทำเป็นไม่ใส่ใจ ทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าทำให้ดิฉันเสียใจ ดิฉันลูกจากเตียงด้วยความเป็นคนขี้หงุดหงิดอยู่แล้ว จากหลายๆเรื่องที่มันเกิดขึ้น(ทั้งเรื่องของเขากัยดิฉันที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มอยู่ด้วยกัน)มันสะสมอยู่ในใจ
ดิฉันหยิบแก้วน้ำพลาสติกปาไส่เขาแต่มันไม่โดนมันแค่เฉียดๆดิฉันยังคงถามว่าทำแบบนี้ทำไม เขาบอกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ดิฉันยิ่งโมโห บอกเขาว่ามันผิดที่ทำให้ดิฉันเสียความรู้สึกแล้วยังทำเย็นชา เขาก็ทำหน้าแบบว่ารำคาญดิฉัน ดิฉันโมโหร้องให้ต่อว่าเขา(ดูแล้วเหมือนดิฉันงี่เง่านะ แต่เรื่องราวต่างๆที่มันเกิดขึ้น ที่เขาปฏิบัติกับดิฉันหลายๆสิ่งมันทำให้สุดทนแล้วจะเล่าให้ฟังที่หลัง)เขาบอกให้ดิฉันหุบปากลูกนอนอยู่บนเตียง ดิฉันยังคงร้องให้ ทุบที่เเขนเขาด้วยความโมโห  (ลูกเราอายุ1เดือนเศษ นอนหลับไม่รู้เรื่อง) เขากระชากดิฉันขึ้นจากเตียง หน้าตาของเขาตอนนั้นเหมือนจะฆ่าดิฉันให้ตาย เขาเอามือบีบปากดิฉันแล้วก็ผลักหัวของดิฉัน ดิฉันล้มลงบนที่นอน ตอนนั้นรู้สึกโมโหมากดิฉันเลยลุกขึ้นมาโวยวาย
ตอนนั้นดิฉันนั่งอยู่บนเตียง เขาหันมากระชากแขนของดิฉันแล้วลากตัวดิฉนลงกระแทกกับพื้น ตอนกระแทกพื้นก็รู้สึกเจ็บแต่ไม่ถึงกับมาก
     เขาลากตัวดิฉันไปกับพื้นจากมุมหนึ่งของห้องจนเกือบถึงประตู แต่ด้วยความที่ห้องมันแคบ ตอนจะเลี้ยวไปถึงประตูท้องน้อยดิฉันกระแทกกับขอบเตียงอย่างแรง มันโดนตรงที่ผ่าคลอดลูกพอดี ดิฉันเจ็บมากนอนจุกอยู่กับพื้น เขาเลยปล่อยแขนดิฉัน ดิฉันจุกมากเอามือนอนกุมท้องนอนอยู่กับพื้น เขาไม่สนใจเดินข้ามหัวดิฉันไป ด้วยความที่กลัวเขาจะกระทืบ ดิฉันๆจึงรีบลุกขึ้น มันทั้งเจ็บทั้งเสียใจว่าทำไมต้องทำกันขนาดนี้ ดิฉันลุกขึ้นยืนไม่ได้ต่อว่าอะไรเขา เขายืนชี้หน้าบอกว่าถ้ายังโวยวายอีกจะต่อยปากดิฉัน
     หลังจากเขาพูดจบ ด้วยความกลัวดิฉันรีบโทรหาแม่ของดิฉันเพื่อขอความช่วยเหลือ ูพูดว่าแม่ช่วยด้วยๆยุ่นมันจะต่อยหนู แม่ดิฉันซึ่งทำงานอยู่ใกล้ๆคอนโดรีบขับรถมาถึงทันที แต่แม่ดิฉันก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรเขาได้แต่ถามว่า อะไรกันมีอะไรกัน เขาเดินออกมาจากห้องนอน แล้วบอกกับแม่ดิฉันว่าเขาไม่ได้พูดว่จะต่อยฉันซักหน่อย ดิฉันใส่ร้ายเขางั้นหรือ แล้วคำพูดเมื่อกี้กัยสิ่งที่มันเกิดขึ้นดิฉันฝันไปงั้นหรอ ได้ยินเต็ม2รูหูว่าจะต่อย แต่พอแม่มากลับพูดอีกอย่าง
      ตอนหนังดิฉันร้องให้พูดแทบจะไม่เป็นภาษา เลยโทรไปบอกแม่ของเขาด้วยให้มาเอาตัวลูกชายเขาไปให้ไกลๆ เพราะคอนโดที่อาศัยอยู่มันเป็นคอนโดของดิฉัน แม่เขาก็งงๆ เพราะดิฉันร้องให้ไปพูดไป ดิฉันเลยเล่าเรื่องที่เขาทำร้ายดิฉันให้แม่เขาฟัง แม่เขาบอกให้ใจเย็นๆ
     ดิฉันไล่เขาไปจากห้อง (คุณว่าแบบนี้สมควรไล่ไหม)เขาเก็บข้าวของ ดิันโมโหอย่างมากเรามีปากเสียงกันพอเขาเก็บของเสร็จเขาเดินมาถามแม่ของดิฉันว่า แม่มีอะไรจะถามผมมั้ย ใครจะไปถามสิ่งเกิดขึ้นก็เห็นๆอยู่ แม่ดิฉันคงเสียใจมากเพราะแม่มีลูกคนเดียว ตั้งแต่เกิดมาแม่ไม่เคยตีดิฉันเลยแม้แต่ครั้งเดียว วันนึงลูกโตมากลับโดนสามีตัวเองทำแบบนี้ ทั้งๆที่เพิ่งผ่าคลอด
     หลังจากสามีดิฉันออกไปได้สักพักนั้น น้ากับป้าของดิฉันก็มาถึง ตอนนั้นดิฉันเริ่มเจ็บแผลมากขึ้น แล้วก็รู้สึกว่าตรงแผลมันบวมๆขึ้นมาด้วย  หลังจากนั้น็เจ็บแผลเหมือนตอนผ่าลอดใหม่ๆเลยก็่าได้ จะลุกนั่งก็เจ็บ ดิฉันเลยเอายาแก้อักเสบมาทาน
    พอตกดึกคืนนั้นเขากลับมาเก็บของอีกรอบโดยมากับแม่ของเขา เหมือนแม่เขาเองก็รู้ดีว่าลูกชายเขาทำไม่เหมาะไม่ควรจึงมาพูดกับแม่ของดิฉันประมาณว่าไม่อยากปล่่อยลูกเขาอยู่ที่นี่(หมายถึงคอนโดของดิฉัน)ลูกชายเขาเหมือนเสียศักดิ์สรี เพราะดิฉันไล่เขาเหมือนหมูเหมือนหมา สามีดิฉันไปเล่าให้แม่ของเขาฟังว่าอยู่ที่ห้องกับดิฉันต้องทำงานบ้านหมดทุกอย่างทั้งซักผ้ากวาดถูห้อง ซึ่งมันก็จริงเพียงครึ่งเดียว เพราะตั้งแต่เขาอยู่มาเขาก็วกวาดก้องไป 6-7ครั้ง เท่าที่ดิฉันจำได้ ผ้าเขาซักให้ดิฉันตอนฉันท้อง แต่ก็เพียงบางครั้งเท่านั้น เพราะดิฉันทำงานนอกบ้านๆวันๆก็งานยุ่ง แฟนของดิฉันไม่ได้ทำงาน นอนอยู่ห้องเฉยๆเลยช่วยบ้าง แต่ก็ไม่มาก นอกนั้นงานหลักๆฉันกับแม่ก็ทำความสะอาดห้องกับเองทุกวัน แม้ตอนดิฉัน9เดือนยังต้องก้มๆเงยๆขัดห้องน้ำกวาดถูห้อง ตัวเขาเองนั่งเฉยๆพอบอกให้ช่วยก็พูดว่าไม่ต้องมาสั่งอยากทำเดี๋ยวทำเอง
      ดิฉันเป็นคนชวนเขามาอยู่ที่คอนโดเอง เขาเองก็มาแต่ตัว อยู่ กิน นอน ไม่เคยช่วยออกค่าผ่อน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าส่วนกลางไม่เคยช่วยออก แฟ้บสบู่ยาสีฟันของเล็กน้อยๆที่ต้องใช้ในบ้านเขาไม่เคยควักเงินซื้อ ของใช้ของลูก รถเข็นลูก เปล ผ้าอ้อม เสื้อลูก นมลูก ดิฉันจ่ายหมดออกไปกินข้าวนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านข้างแกงข้างทาง เรียกว่าข้าวทุกมื้อ ทุกวันดิฉันออกหมด ดูหนังในโรงดิฉันก็จ่าย รถยนต์เขามีแต่ไม่เอามาขับ จอดไว้ที่บ้านเขาเฉยๆ มาเอารถดิฉันไปขับ ขับไปทำงาน น้ำมันเคยช่วยเติมไม่ถึง 5 ครั้ง บางครั้งเติมเต็มถังเขาเอาไปขับจนหมดก็ไม่ช่วยเติมดิฉันไม่เคยว่า บางที่ขับออกไปกินข้าวกับเพื่อนเขา ไปเที่ยวผับบ้าง ขับกลับไปบ้านเขาบ้าง จนบ้างครั้งตอนดิฉันท้องดิฉันต้องนั่งรถแท๊กซี่ ตอนคลอดแล้วก็ต้องอุ้มลูกขึ้นแท็กซี่ไปทำงาน เสื้อผ้าที่เขาใส่ฉันก็ซื้อให้ เขาซะอีกไม่เคยให้อะไรดิฉันเป็นของขวัญหรืออะไรเลย ดิฉันไม่เคยว่าเขาเรื่องเงินๆทองๆเพราะถือว่าเราหาได้ จ่ายได้ เราก็จ่าย แต่มันสุดทน
     เมื่อก่อนเขาไม่ทำงานดิฉันไม่ว่าแต่เมื่อต้นปีเขาทำงานได้เงินเดือนๆละราว4หมื่น เขาก็เอาไปซื้อของใช้ส่วนตัวของเขาหมด ซื้อกล้องอันละ3หมื่น ไอโฟนรุ่นใหม่ นาฬิกาเรือนละ5หมื่น เขาเอาเงินเดือนของเขาไปซื้อของฟุ่มเฟือย แต่เรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านไม่ออกเลยซักบาท ย้ำว่าบาทเดียวก็ไม่ออก
 เขาเหมือนมาเกาะดิฉันกิน ไม่เคยรับผิดชอบอะไรเลย เคยให้เงินดิฉันมาก้อนหนึ่งแปดหมื่นบาท(ดิฉันถือว่าเป็นค่าสินสอดแล้วกัน เพราะเราไม่ได้แต่งงานกันเป็นเรื่องเป็นราว เเต่เงินก้อนนั้นดิฉันเอามาทำทุนหมุนเวียนในร้านดิฉัน เพื่อให้มีเงิน ผ่อนรถ ผ่อนคอนโด และใช้จ่ายอะไรอีกหลายๆอย่างต่อไป)เขาก็พูดจาลำเลิกบุญคุณอยู่ตลอด อยู่ด้วยกันมาเกือบสองปี ค่าข้าวแต่ละมื้อเขาไม่เคยออกเลย เรีบกได้ว่าแปดหมื่นที่ให้มาอยู่ฟรีได้ตลอดชีวิต หรือดิฉันรับผิดชอบทุกอย่างจนเขากลายเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่ตอนคบกันใหม่ๆเขาไม่เป็นแบบนี้เลย
  เขาวาดฝันว่าจะดูแลดิฉัน แต่งงานกัน มีลูกกัน เขาดูเหมือนจะเป็นคนดีมากๆตอนเราคบกันใหม่ๆแต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันกลายเป็นคนต้องเลี้ยงดูเขา จนถึงวันที่มีลูกด้วยกันเหตุการณ์มันแย่ลง เขาโทษดิฉันว่าดิฉันแย่ เขาไม่เคยมองตัวเขาเลย ว่าเขาเห็นแก่ตัวแล้วก็ไม่มีความรับผิดชอบแค่ไหน
     คุณคงคิดว่าดิฉันเลี้ยงต้อยใช่มั้ยล่ะ คิดผิดเลย ดิฉันอายุ25ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว เขาอายุ32 ปีอาชีพสถาปนิกฟรีแลนซ์ พอทะเลาะกันฉันเคยไล่เขา เขาก็มาโวยวายว่าแล้วชวนเขามาอยู่ทำไม บ้านเขาๆก็มีอยู่ไม่จำเป็นต้องมาอยู่กับฉันหรอก แต่เขาก็ไม่เคยไปไหนเพราะบ้านเขาอยู่ฝั่งธน เขาเองเคยพูดว่าอยู่คอนโดของดิฉันสะดวกดี เพระคอนโดดิฉันอยู่รัชดา เขาก็เลยไม่ไปไหนซักที
     เคยทะเลาะกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้ เขาก็พูดจาดูถูกดิฉันให้แม่ของดิฉันฟัง ว่าคนอย่างเขาไม่มีอะไรที่ทำแล้วไม่สำเร็จ เขาเรียนจบคณะสถาปัตย์ มหาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ แล้วยังมาพูดจาถากถางดิฉันว่าแค่เรียนราม 8ปียังไม่จบ (ปัจจุบันก็ยังไม่จบ เพราะมัวแต่ทำงานแถมมีลูกอีก) เขาว่าๆดิฉันแค่เรื่องเรียนก็ไม่ประสบความสำเร็จ แล้วเธอมาเกาะเด็กราม8ปีไม่จบทำไม เรื่องที่ทำให้ดิฉันเครียดคือ สามีไม่มีความรับผิดชอบเลย
    ภาระของดิฉันหนักอึ้ง หนักเกินกว่าเด็กวัยรุ่นคนนึงจะรับไหว ดิฉัยส่งเสียตัวเองเรียนตั้งแต่อายุ19ปี
ทำงานหนักมาตลอด จนมาถึงปัจจุบันมีธุรกิจ มีภาระ มีลูกน้อง แม่ ยายและลูกที่ต้องดูแลรวม 8ชีวิต ดิฉันเป็นหัวหน้าครอบครัว ดิฉันไม่อยากคิดภาพวันที่ดิฉันเป็นอะไรไป แม่   ยาย   ลูก รวมถึงลูกน้องจะทำอย่างไร รวมสามีที่ต้องดูแลด้วยก็9ชีวิต รายจ่ายต่อเดือนทุกเดือนๆละ2แสนบาท มันทำให้ดิฉันเกิดความเครียดและกดดัน รวมถึงเรื่องของสามีด้วย ที่เป็นที่พึ่งไม่ได้ แถมยังเป็นภาระให้เราอีก
   บางทีก็คิดว่าเรื่องของสามีมันเป็นเวรกรรม ภาพพจน์ของสามีดิฉันที่มีต่อสังคมมันดูดีมาก  เขาพยายามสร้างภาพ  เคยปรับทุกข์ให้เพื่อนคนนึงของเขาฟังเรื่องที่สามีไม่ค่อยดูแลดิฉันตอนคลอดใหม่ๆเอาแต่ออกนอกบ้านตลอด ปล่อยให้ดิฉันซึ่งเจ็บแผลอยู่เลี้ยงลูกคนเดียว แม้กระทั่งตอนอยู่โรงบาล เขาก็ไม่อยู่เฝ้า เพื่อนเขาเองก็ยังไม่ค่อยเชื่อ แต่ดิฉันไม่เคยพูดถึงพฤติกรรมเห็นแก่ตัวของเขาให้ใครฟังเลย เพราะกลัวเขาจะอับอาย
   ที่น่าเศร้าใจที่สุดคือมันเป็นเวลาอาทิตย์นึงแล้วที่เขาไปจากฉันและลูก เขาไม่เคยโทรกลับมาถามถามไถ่อาการเจ็บของดิฉันเลย ไม่เคยเอ่ยปากขอโทษ แม้แต่ลูกเขาก็ไม่เคยโทรถามว่าลูกเป็นไงบ้าง มีแต่แม่ของเขาที่โทรมาหาดิฉันถามไถ่ถึงด้วยความเป็นห่วง ดิฉันพยายามโทรหาเขาเป็นร้อยๆครั้ง เขาไม่เคยรับสายเลย เอาแต่กดสายทิ้ง และก็ไม่เคยติดต่อกลับแม้มาหาดิฉันแม้แต่ครั้งเดียว ดิฉันเสียใจมาก เขาไม่รักดิฉันๆทนได้ แต่นี่เขาไม่รักลูกเลย เขาไม่ใส่ใจเลย ทั้งที่ลูกอายุได้เพียงเดือนเศษ นั่งพิมไปดิฉันก็ร้องไห้ไป ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตดี
  ดิฉันควรกลับไปคืนดีกับสามีหรือไม่ ดิฉันไม่อยากให้ลูกกำพร้า มีปมด้อย เพราะดิฉันก็มีส่วนที่ทำให้เขากำพร้า แต่ดิฉันก็ทนกับความเห็นแก่ตัวของสามีไม่ไหวเช่นกัน  ได้แต่ภาวนาให้ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมามันผ่านพ้นไปเร็วๆ อยากรู้ว่ามีเพื่อนๆคนไหนเป็นแบบดิฉันบ้าง ขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านจนจบ นะคะ

จากคุณ : น้ำพริกปลากระป๋อง
เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 01:43:48




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com