 |
ความคิดเห็นที่ 12 |
ตอบว่า.....เราจะทำตัวปกติเหมือนทุกวันไปรับส่งลูกแบบชีวิตก็ยังดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะลูกเราหรือลูกใครๆ ก็มีสิทธิที่จะอยู่ ยืนได้บนโลกใบนี้เท่าๆกัน
เราพาลูกไป Childrem Museum, ปาร์ค, Rec.center ห้องสมุด สาระพัดที่ๆ จะเจอเด็กพิการ เด็กพิเศษ เราไม่ปิดกั้นที่จะให้ลูกได้เรียนรู้ความแตกต่างของคน ปล่อยให้เค้าไปเต้นด้วยกัน ลูกเดินเข้าไปคุยเวลาเห็นกลุ่มผู้ใหญ่ดาว์นฯ ที่เราคิดว่าเค้าก็คงคิดแบบเด็ก อยากเล่นกับเด็ก(ตามอายุสมอง) มีปาร์ตี้กัน เป็นโอกาสที่เราได้สอนลูกไปด้วยว่าต้องรักตัวเอง ห่วงและดูแลตัวเองดีๆ เพราะลูกได้เกิดมาในร่างกายที่สมบูรณ์ คนเหล่านี้เค้ายังมาหาสิ่งดีๆ ให้ตัวเอง เราที่ปกติก็ไม่ควรหาสิ่งไม่ดีมาใส่ตัวเอง เราบอกลูกว่า มามี๊ไม่เคยเห็นคนเหล่านี้สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ทำให้ใครเดือดร้อนนะ
ครั้งหนึ่งลูกเราเห็นคนพิการมาทำกลุ่มนอกสถานที่ นั่งเกร็งโยกตัวเอาหัวกระแทกพนักรถเข็น ลูกทำตามแล้วถามว่าทำไม??? เราเข้าใจดีว่าลูกเราเค้าไม่เก็บมาเลียนแบบตลอดไป หรือตั้งใจไปล้อเลียนอะไรหรอก แค่ตอบคำถามลูกไปว่าเพราะอะไร? แค่นั้นเด็กก็เข้าใจแล้ว
จากเหตุที่คุณเจ้าของเรื่องเดิมตั้งมาถาม เราว่าคุณเองเป็นคนคิดแทนลูก สร้างกระจกกั้นระหว่างเด็กพิเศษและเด็กปกติขึ้นมาเองค่ะ อย่ากลัวว่าลูกจะไปเอาพฤติกรรมไม่ปกตินั้นมา ผลดีที่จะเกิดคือลูกจะเจอคนที่อ่อนแอกว่าเค้า ๆ จะคอยช่วย เข้าใจคนอีกมิติหนึ่งได้ดีขึ้นค่ะ
เรื่อง รร.ไม่บอกก่อน เราว่าเป็นสิทธิของ รร.ที่จะไม่บอกว่ามีลูกใคร ชนชั้นไหน ชนชาติใด เป็นเด็กพิเศษ ฯลฯ เรียนที่นี่นะ เพื่อพิทักษ์สิทธิของเด็กเหล่านั้น อีกส่วนหนึ่งก็คงจากการเรียนรู้จากสังคมที่ยัง...ปิดใจ ...ไม่เอาใจเขามาใส่ใจเรา(ถ้าเราเป็นผปค.เด็กพิเศษบ้างล่ะ) ทาง รร.จึงไม่บอกข้อมูลตรงนี้ด้วย???
ฝากให้คิดว่า.....เด็กทุกคนเป็นเด็กพิเศษหมด คิดแบบนี้จะสบายใจค่ะ ลูกเราก็เด็กพิเศษในห้องนะ พูดมาก ถาม(ไม่รู้เรื่อง)มากพิเศษ
สู้นะ อัศวินน้อยๆๆๆ เด็กพิเศษๆ ทุกคน
แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 53 05:36:38
จากคุณ |
:
one&only
|
เขียนเมื่อ |
:
4 มิ.ย. 53 05:30:48
|
|
|
|
 |