ข้าวปั้นทอด
เด็กบางคนเบื่ออาหารง่าย เมื่อไม่ชอบกินอะไรก็จะไม่กินอาหารนั้นอีก โดยเฉพาะผักที่มีกลิ่นแรง ถ้าเคยกินแล้วไม่ชอบมักเขี่ยทิ้งเสมอ ข้าวปั้นทอด จึงเป็นอาหารที่จะแทรกผักลงไปได้เป็นอย่างดี แต่ผักที่ใส่ต้องทำให้สุกก่อน เพื่อลดกลิ่นและมีรสหวาน เมื่อผสมรวมกับข้าวสวย ไข่ เนื้อกุ้ง แล้วปั้นเป็นก้อนกลม ทอดจนด้านนอกกรอบเป็นสีเหลืองทอง เด็กจะไม่เห็นชิ้นผัก ถึงแม้เมื่อกัดแล้วจะรู้สึกว่ามีผักก็เป็นเรื่องยากที่เด็กจะเขี่ยผักออก จึงเป็นวิธีฝึกเด็กให้กินอาหารที่มีประโยชน์ได้อีกทางหนึ่ง ข้าวปั้นทอด เป็นอาหารว่างอย่างดีสำหรับเด็กก่อนถึงมื้ออาหารหลัก หรืออาจให้กินแทนข้าวสำหรับเด็กที่ไม่ชอบกินข้าว โดยให้เป็นของกินเล่น แต่ให้กินพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ในมื้ออาหารนั้นๆ เพราะเด็กชอบกินอาหารทอดเป็นพิเศษอยู่แล้ว
การทำอาหารทอดให้เด็กต้องระวังอย่าให้อมน้ำมัน เพราะจะทำให้เด็กกินอาหารได้น้อยลง ความแรงของไฟที่ใช้ในการทอดต้องใช้ไฟกลาง พอน้ำมันร้อนจึงใส่ข้าวปั้นลงทอด ข้าวปั้นจะค่อยๆ สุก ทอดแค่พอเหลือง ถ้าทอดนานเนื้อข้าวปั้นจะแห้งและแข็ง ทำให้เด็กรู้สึกระคายปาก เมื่อเคี้ยวแล้วจะคายทิ้งไม่ยอมกินอีก
เคล็ดลับในการทำข้าวปั้นทอดให้เด็กติดใจอยู่ที่ข้าวสวย ซึ่งต้องใช้ข้าวหอมมะลิหุงนุ่มๆ เวลาปั้นเป็นก้อนเมล็ดข้าวจะเกาะกันได้ดี การปั้นควรปั้นเป็นก้อนเล็กๆ ขนาดพอคำเด็กหยิบใส่ปากได้ง่าย เพื่อให้เด็กเกิดความตื่นเต้นหรือมีส่วนร่วมที่ได้ใช้ไม้จิ้มอาหารกินเอง ข้อควรระวังคือ ไม้ที่จิ้มอาหารปลายต้องไม่แหลม ป้องกันเด็กนำมาเล่นและเกิดอันตรายได้
เครื่องปรุง
ข้าวสวย 1 ถ้วย เนื้อกุ้งบด 1/4 ถ้วย ไข่ไก่ตีพอเข้ากัน 1 ฟอง แป้งสาลี 3 ช้อนโต๊ะ เผือกต้มสุกหั่นชิ้นเล็ก 1/4 ถ้วย ข้าวโพดต้ม (ฝานเอาแต่เมล็ด) 1/4 &nsp; ถ้วย รากผักชีโขลกละเอียด 1 ช้อนชา กระเทียมโขลกละเอียด 1 ช้อนชา น้ำปลา 2 ช้อนชา น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำ
1. ผสมเครื่องปรุงทั้งหมดเข้าด้วยกันพอปั้นได้ ปั้นเป็นก้อนเล็กๆ เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ซม. 2. คลุกข้าวปั้นด้วยแป้งสาลี นำลงทอดในน้ำมันร้อน ใช้ไฟกลาง พอเหลืองตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน 3. จัดใส่จาน รับประทานกับซอสมะเขือเทศ
ไก่เสียบไม้
เด็กควรได้ฝึกให้รับประทานอาหารหลากหลายเมื่อถึงวัยอันสมควร กล่าวคือ ต้องหลากหลายด้วยชนิดของอาหาร วิธีการหุงต้ม และเรื่องของรสชาติ ผู้ใหญ่มักคิดว่าอาหารของเด็กควรจืดไว้ก่อน จึงไม่ใช้เครื่องปรุงรส แม้แต่พริกไทย ทั้งๆ ที่พริกไทยช่วยเพิ่มรสชาติ ช่วยกระตุ้นให้กินอาหารได้อร่อย ไก่เสียบไม้ เป็นอาหารอีกอย่างที่เหมาะสำหรับเด็กตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไป อาหารชนิดนี้สามารถให้เด็กรับประทานเป็นกับข้าว หรือรับประทานเป็นอาหารว่างที่อุดมไปด้วยสารโปรตีนก็ได้ ไก่เสียบไม้ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศในการรับประทานอาหารของเด็ก จากอาหารต้มๆ ทอดๆ มาเป็นอาหารปิ้งย่างร้อนๆ
เนื้อไก่ใช้ได้ทั้งเนื้ออกและเนื้อสันใน เมื่อล้างแล้วต้องซับน้ำให้แห้ง เพราะตัวเนื้อไก่เองมีน้ำมากอยู่แล้ว การหมักไก่ต้องหมักไว้ในตู้เย็น เครื่องปรุงต่างๆ จึงจะซึมเข้าเนื้อไก่ได้ดี ทำให้ไก่เสียบไม้มีรสชาติเข้มข้นยิ่งขึ้น
คุณแม่สามารถเตียรมไก่เสียบไม้ไว้ล่วงหน้าได้ เมื่อจะรับประทานก็ให้เด็กๆ ได้ลงมือย่างเอง โดยมีผู้ใหญ่คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ เพียงเท่านี้เด็กๆ ก็จะรับประทานไก่เสียบไม้ได้อย่างเอร็ดอร่อยเพราะเขาได้สนุกกับการทำอาหารเอง
เครื่องปรุง
เนื้ออกไก่ 450 กรัม ต้นหอมสับละเอียด 1 ต้น น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนชา พริกป่น 1 ช้อนชา เนยถั่ว 100 กรัม ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ ผักชีและมะนาวสำหรับตกแต่ง
วิธีทำ
1. ล้างเนื้อไก่ ซับน้ำให้แห้ง หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด 1 นิ้ว พักไว้ 2. ใส่ซอสปรุงรส น้ำมันงา น้ำมะนาว ลงในชาม ผสมให้เข้ากัน 3. นำเนื้อไก่ใส่ลงในชามในข้อ 2 เคล้าให้น้ำซอสเคลือบเนื้อไก่ นำไปแช่ตู้เย็นไว้ 1 ชั่วโมง 4. เสียบเนื้อไก่ที่หมักด้วยไม้ โดยเสียบไม้ละ 4 ชิ้น 5. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่ต้นหอม พริกป่น ผัดเบาๆ จนสุกนุ่ม ใส่ซอสที่หมักไก่ ใส่เนยถั่ว น้ำตาลทรายแดง ผัดอย่างสม่ำเสมอ ถ้าข้นเกินไปให้เติมน้ำ 2-3 ช้อนโต๊ะ 6. นำเนื้อไก่ที่เสียบไม้ไปย่างไฟจนสุก ใช้เวลานานประมาณ 10-15 นาที ขณะที่ย่างให้ทาด้วยน้ำซอสถั่วที่ผัดไว้ในข้อ 5 ย่างจนสุก 7. จัดใส่จาน ตกแต่งด้วยมะนาวหั่นเสี้ยวและผักชี
ข้าวโพดอ่อนห่อเครื่อง..นึ่ง
เริ่มด้วยข้าวโพดที่เอามาใช้ต้องเป็นข้าวโพดอ่อนจริงๆ จึงจะมีรสหวาน เมื่อเคี้ยวจะนุ่มปาก ไม่มีเส้นใยให้ระคายปาก เลือกข้าวโพดฝักเรียวเล็ก เมล็ดข้าวโพดเรียงติดกันแน่น หมูสับต้องเลือกใช้หมูเนื้อแดงที่มีมันติดเล็กน้อยเนื้อจะนุ่ม ก่อนผสมให้แช่เนื้อหมูจนเย็นเพื่อให้เนื้อหมูเหนียว เกาะตัวกันดี วุ้นเส้นต้องตัดเป็นท่อนสั้นๆ ผักหั่นเป็นชิ้นเล็ก
เวลานำเนื้อหมูหุ้มข้าวโพดอ่อน ต้องเหลือปลายข้าวโพดไว้ด้วย เพื่อให้เห็นเนื้อข้าวโพดสีเหลือง นึ่งในน้ำเดือดจนเนื้อหมูสุกดีแล้วราดด้วยซอสที่ผัด จัดใส่จานให้ลูกรับประทานร้อนๆ
เครื่องปรุง
ข้าวโพดอ่อน 6 ฝัก เนื้อหมูบด 1/4 ถ้วย วุ้นเส้นแช่น้ำหั่นท่อนสั้น 1/2 ถ้วย แครอทหั่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ คึ่นฉ่ายหั่นละเอียด 2 ก้าน พริกไทยป่น 1/8 ช้อนชา ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา แป้งข้าวโพด 2 ช้อนชา น้ำซุป 1/2 ถ้วย น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
วิธีทำ
1. ล้างข้าวโพดอ่อน หั่นเป็นท่อนยาว 1 1/2 นิ้ว พักไว้ 2. ผสมหมูบด วุ้นเส้น แครอท คึ่นฉ่าย ให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยพริกไทย ซีอิ๊วขาว และแป้งข้าวโพดอย่างละ 1 ช้อนชา ผสมรวมกันให้ทั่ว ฟาดจนส่วนผสมเหนียว 3. นำส่วนผสมข้อ 2 ห่อข้าวโพดอ่อน ทำจนหมด จัดใส่จาน นึ่งในน้ำเดือด ไฟแรง นานประมาณ 15 นาที ยกลง จัดใส่จานอีกใบ 4. ใส่น้ำซุปลงในกระทะ ตั้งไฟกลางให้เดือด ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวที่เหลือ น้ำตาล เกลือ พอเดือดใส่แป้งข้าวโพดที่เหลือ ละลายน้ำ ผัดพอข้น ตักราดข้าวโพดนึ่งสุกในข้อ 3 เสิร์ฟ
มันฝรั่งสอดไส้ซีฟู้ด
การทำอาหารเด็กไม่เพียงแต่ต้องทำให้อาหารมีสีสันน่ากินเท่านั้น ยังต้องสร้างบรรยากาศในการกินที่ดีคือไม่บังคับและควรให้เด็กได้กินเองพร้อมกับสมาชิกในบ้าน และสิ่งที่ขอแนะนำเพิ่มเติมอีก คือให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการทำอาหารของเขาด้วย อย่าง "มันฝรั่งสอดไส้ซีฟู้ด" ที่เด็กสามารถช่วยได้ ไม่ว่าจะเป็นการบดมัน ปั้นมันฝรั่งให้เป็นก้อน หรือแม้กระทั่งการใส่ไส้ เป็นการทำที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับของมีคมและความร้อน ระหว่างที่เด็กทำผู้ใหญ่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และวางของมีคมให้พ้นมือเด็ก "มันฝรั่งสอดไส้ซีฟู้ด" มีทั้งเนื้อกุ้งและปู เหมาะสำหรับเด็กที่กินกุ้งแล้วไม่มีอาการแพ้ หากคุณแม่ต้องการให้อาหารมีธาตุไอโอดีนเพิ่ม จากที่เคยได้ไอโอดีนจากเนื้อกุ้งแล้ว ก็สามารถใส่อาหารทะเลชนิดอื่นได้ การทำให้เด็กติดอกติดใจในรสชาติของ "มันฝรั่งสอดไส้ซีฟู้ด" นั้น ต้องบดมันฝรั่งจนเนื้อละเอียดเนียนดี เนื้อมันฝรั่งไม่มีก้อนแข็ง ไส้ต้องผสมให้เข้ากันดี กุ้งและปูต้องมีความสดใหม่ ทอดเป็นสีเหลืองทอง ไม่อมน้ำมัน ต้องทอดในน้ำมันร้อน แต่ใช้ไฟกลาง
สำหรับอาหารจานซีฟู้ดนั้น เป็นอาหารจำเป็นที่ต้องทำให้เด็กกินอยู่เสมอ เพราะอาหารทะเลมีธาตุไอโอดีน ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการเจริญเติบโตและระดับสติปัญญาของเด็ก ถ้าเด็กได้รับธาตุไอโอดีนไม่เพียงพอจะแคระแกรนและทำให้ระดับสติปัญญาต่ำ ปริมาณของธาตุไอโอดีนที่มีในอาหารเด็กมีในอัตราส่วนต่างๆ กัน เพราะฉะนั้นควรฝึกให้เด็กได้กินอาหารทะเลทุกชนิดตามความเหมาะสมของวัย
เครื่องปรุง
กุ้งชีแฮ้บด 1/2 ถ้วย เนื้อปูนึ่ง 1/2 ถ้วย ไข่ไก่ตีพอเข้ากัน 2 ฟอง มันฝรั่งหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/4 ถ้วย มันฝรั่งต้มสุก 2 หัว หอมใหญ่สับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ เกล็ดขนมปังชนิดป่น 1 ถ้วย แป้งสาลี 1/2 ถ้วย เกลือป่น 1/4 ช้อนชา พริกไทยป่น 1/8 ช้อนชา น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำ
1. ผสมกุ้งบด เนื้อปู หอมใหญ่ มันฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก เกลือ พริกไทย เข้าด้วยกัน พักไว้ 2. บดมันฝรั่งต้มสุกให้ละเอียด แบ่งเป็นก้อนกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว แผ่ออก ตักไส้ในข้อ 1 ใส่ หุ้มให้มิด ทำจนหมด 3. คลุกมันฝรั่งที่ใส่ไส้แล้วในข้อ 2 กับแป้งสาลีพอทั่ว จุ่มลงในไข่ และคลุกเกล็ดขนมปัง ทอดในน้ำมันร้อน ไฟกลางพอสุกเหลืองทอง ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน เสิร์ฟกับซอสมะเขือเทศผสม
เครื่องปรุงซอสมะเขือเทศผสม
ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา น้ำต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน
หมูอบน้ำส้มคั้น
เมื่อลูกน้อยได้คุ้นเคยกับอาหารโปรตีนสูง เช่นไข่ทั้งหลายกันแล้ว มาเปลี่ยนเมนูจานที่อุดมไปด้วยสารโปรตีนที่ทำจากเนื้อหมูกันบ้าง ลูกน้อยจะได้กินอาหารจากเนื้อสัตว์หลากหลายมากขึ้น เป็นการปูพื้นฐานในการกินที่ดีต่อไปภายหน้า เพราะอาหารแต่ละอย่างมีสารอาหารแตกต่างกันไป เมื่อกินหลากหลายก็จะได้สารอาหารครบถ้วน
อาหารจานเด็กจานหมูที่ทำนี้ข้อสำคัญต้องเคี่ยวเนื้อให้นุ่ม หั่นเป็นชิ้นเล็ก เวลาป้อนตักคำเล็กๆ เด็กจะบดเคี้ยวอาหารได้อย่างสะดวก ถ้าหมูยังไม่นุ่ม ป้อนคำใหญ่อีก เขาจะเคี้ยวไม่ได้ เนื้อหมูติดตามซอกฟัน ลูกจึงคายอาหารนั้นทิ้ง เมื่อเห็นอาหารจานนั้นอีก เด็กก็เบือนหน้าหนี
"หมูอบน้ำส้มคั้น" ออกรสหวานอมเปรี้ยว นุ่มนวล รสไม่จัดจ้าน เนื้อนุ่ม เหมาะสำหรับลูกน้อยอายุตั้งแต่ 10 เดือนขึ้นไป ทำอย่างไรอาหารจานนี้จึงเหมาะกับลูกน้อยทั้งรสชาติ และเนื้อสัมผัส สิ่งแรกก็คือ เลือกใช้ส้มเขียวหวาน รสเปรี้ยวอมหวาน (อย่าหวานอย่างเดียวเพราะลูกจะติดกับอาหารรสหวานไปจนโต) และหมูต้องคลุกแป้งให้ทั่วก่อนนำไปทอดให้ตึงตัว เนื้อหมูจะนุ่มและหวาน วิธีนี้ทำให้น้ำในเนื้อหมูไม่ไหลออกมา เคี่ยวไฟอ่อนไปเรื่อยๆ
เครื่องปรุง
หมูสันนอกหั่นชิ้นพอคำ 200 กรัม ฟักทองหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ ถั่วแขกหั่นท่อนสั้น 2 ช้อนโต๊ะ กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนชา แป้งสาลี 1/4 ถ้วย เกลือป่น 1/2 ถ้วย น้ำส้มคั้น 1/2 ถ้วย น้ำซุป 1 ถ้วย น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำ
1. คลุกเนื้อหมูกับกระเทียม เกลือ หมักไว้ 30 นาที คลุกกับแป้งสาลีพอทั่ว 2. นำเนื้อหมูที่หมักไปทอดพอเหลืองและตึงตัว 3. ใส่เนื้อหมูที่ทอดลงในหม้อ ใส่น้ำซุป น้ำส้มคั้น ตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวพอสุกนุ่ม ใส่ฟักทอง ถั่วแขก พอสุกนุ่ม ปิดไฟ ตักใส่จาน เสิร์ฟ
บะหมี่ราดหน้าปลา
เมื่อเด็กได้ผ่านวันเกิดในปีแรก การพัฒนาการต่างๆ ของเขาจะยิ่งมีมากขึ้น ทั้งเรื่องการพูด การเรียนรู้เรื่องต่างๆ ร่างกายเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีฟันชิ้นใหม่เป็นชุดๆ ที่สำคัญยิ่งคือ ฟันกรามของฟันน้ำนมจะขึ้นให้เห็นรำไรๆ เด็กจะเจ็บเหงือก แล้วมีอาการพาลเบื่อการเคี้ยวอาหาร และยิ่งในช่วงวัยนี้ เด็กสนใจแต่เรื่องเล่น คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเป็นไปตามพัฒนาการของเด็ก ช่วงหลังขวบปีแรกนี้ อาหารที่ทำให้ลูกน้อยต้องดูน่ากิน รสชาติอ่อน สะอาด วัยเด็กต้องกินปลาให้มากๆ เพราะปลาเป็นอาหารบำรุงสมอง สำหรับอาหารจานเส้น "บะหมี่ราดหน้าปลา" นี้ ต้องตัดให้เป็นเส้นสั้นๆ เพื่อให้เด็กสามารถตักอาหารเข้าปากได้สะดวก
เด็กๆ โดยส่วนใหญ่แล้วไม่ชอบกลิ่นคาวปลา เราก็นำปลาไปคลุกแป้งสาลีบางๆ พอทั่วก่อน แล้วจึงนำไปทอดในน้ำมันให้เหลือง เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เด็กกินปลาได้ง่ายขึ้น ผักแต่ละชนิดในเครื่องปรุงต้องผัดให้สุก ถ้าเป็นลักษณะสุกๆ ดิบๆ ผักจะแข็งและมีกลิ่นเหม็นเขียว ไม่มีรสหวาน การที่ให้เด็กกินอาหารไม่ซ้ำกันนั้น เท่ากับเป็นการปลูกฝังนิสัยเรื่องการกินที่ดีให้กับเด็กด้วย
เครื่องปรุง
บะหมี่ 2 ก้อน เนื้อปลากะพงขาวหั่นชิ้นบาง 100 กรัม มะเขือเทศหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1 ลูก หอมใหญ่หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/4 หัว ข้าวโพดอ่อนลวกหั่นชิ้นเล็ก 3 ฝัก แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น 1/8 ช้อนชา เกลือป่น 1/4 ช้อนชา ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำซุป 1/4 ถ้วย น้ำมันพืช 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำ
1. ลวกบะหมี่ในน้ำเดือดให้สุก ตักขึ้นผ่านน้ำเย็น สงขึ้นให้สะเด็ดน้ำ คลุกกับน้ำมัน 1/2 ช้อนโต๊ะ ตัดบะหมี่เป็นเส้นยาวพอประมาณ จัดใส่จานไว้ 2. นำเนื้อปลาคลุกแป้งสาลีจนทั่ว ทอดพอเหลือง ตักน้ำมันออกให้เหลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ ใส่หอมใหญ่เล็กน้อย ผัดพอหอม ใส่ปลาทอด ผัดพอสุก ใส่หอมใหญ่ที่เหลือ ข้าวโพดอ่อน ผัดให้เข้ากัน 3. ใส่น้ำซุป ปรุงรสด้วยพริกไทย เกลือ ซอสมะเขือเทศ มะเขือเทศ ผัดพอมะเขือเทศสุก ตักราดบนบะหมี่ เสิร์ฟ
ซุปกุ้ง
ในช่วงอากาศร้อนอบอ้าวอย่างนี้ คุณแม่ต้องระวังเรื่องอาหารการกินของลูกกันเป็นพิเศษ เพราะอากาศเช่นนี้จุลินทรีย์เจริญได้ดี ทำให้อาหารเป็นพิษได้ โดยเฉพาะอาหารโปรตีนสูงและอาหารที่มีความชื้นมาก หรือถ้าอาหารไม่สะอาด ทำทิ้งไว้นาน อาหารก็เป็นพิษได้เช่นกัน อาการของอาหารเป็นพิษนั้นจะปั่นป่วนในกระเพาะและลำไส้ ท้องเสีย ถ้าเป็นในเด็กอาการจะรุนแรงกว่าในผู้ใหญ่ ดังนั้นคุณแม่ควรต้องลงมือปรุงอาหารเอง ทำอาหารอย่างสะอาดถูกสุขอนามัย อาหารต้องปรุงร้อนๆ ให้ลูก ไม่ทำไว้ค้างคืน ลองมาทำซุปกุ้ง ที่มีเครื่องปรุงเสริมรสอร่อยไม่เหมือนสูตรอื่นกันดู
ซุปกุ้งเป็นอาหารที่ปรุงร้อนๆ ปลอดภัยจากอาหารเป็นพิษแล้ว ยังเป็นอาหารบำรุงสมองที่เด็กควรกิน เพราะในกุ้งมีสารไอโอดีนทำให้เด็กเจริญเติบโตตามวัย ถ้าเด็กขาดไอโอดีนจะมีปัญหาเรื่องสติปัญญา นอกจากนี้ในซุปกุ้งยังมีถั่วเหลือง ข้าวโพด ข้าวกล้อง เป็นเครื่องปรุงที่ล้วนช่วยบำรุงเซลส์สมองทั้งสิ้น
ลักษณะของซุปที่ดี ต้องมีความข้นกำลังดี เวลาตักซุปแล้วรินออกจากช้อนจะไหลช้าๆ ถ้าไหลแบบหยดใหญ่จะข้นไป ซุปกุ้งเมื่อใส่นมสดพอเดือด ให้รีบยกลงทันที อย่าตั้งไฟนาน นมจะแตกมันแยกเป็นชิ้น
เครื่องปรุง
กุ้งแชบ๊วยนึ่ง 5 ตัว ข้าวสวยข้าวกล้อง 1 ถ้วย ข้าวโพดต้มเอาแต่เมล็ด 1/2 ถ้วย ถั่วเหลืองต้มสุก 1/4 ถ้วย หอมใหญ่สับหยาบ 3 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา เกลือป่น 1 ช้อนชา นมสด 1 ถ้วย น้ำ 3 ถ้วย เนย 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. บดข้าวสวย ถั่วเหลือง ข้าวโพด เข้าด้วยกันให้ละเอียด แกะเปลืองกุ้ง หั่นชิ้นเล็ก พักไว้ 2. ใส่เนยลงในกระทะ ใส่หอมใหญ่ ตั้งไฟกลาง ผัดพอหอม ใส่ส่วนผสมในข้อ 1 ผัดให้ทั่ว 3. ตักส่วนผสมข้อ 2 ใส่หม้อ ตั้งไฟกลาง ใส่น้ำ เกลือ พริกไทย คนให้ทั่ว ใส่กุ้ง พอเดือดใส่นม คนให้ทั่ว ยกลง ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟกับอาหารเช้าสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไป.
จากคุณ |
:
Gerbera Daisies
|
เขียนเมื่อ |
:
วันอาสาฬหบูชา 55 11:00:53
|
|
|
|