ท้องลม ประสบการณ์เลวร้ายที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ถ้ามันเกิดขึ้นกับเรา เราจะทำอย่างไรกับมันดี
|
 |
เคยไหมคะที่ทดสอบตั้งครรภ์แล้วเห็นมันขึ้นสองขีดอย่างชัดเจน ทั้งดีใจ ทั้งช็อค อยากจะร้องกรี๊ดด้วยความดีใจและประกาศให้คนทั้งโลกรู้ เราเป็นแบบนี้จริง ๆ ค่ะ เพราะความที่เห็นขีดเดียวจนหัวใจมันด้านชา เห็นสองขีดเข้ม ๆ แล้วน็อคทำอะไรไม่ถูก
2 ครั้งในชีวิตที่เห็นสองขีด ดีใจแบบนี้ แม้ว่าจะอ่านกระทู้มามากว่าอย่าเพิ่งดีใจไป ต้องรอดูหัวใจก่อน แต่ใจก็เต้นแรง การท้องครั้งที่สอง เราไม่พร้อมเลยค่ะ ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยจริง ๆ จู่ ๆ ก็มาแบบงง ๆ หลังคลอดลูกชาย ประจำเดือนก็ไม่เคยมาตรงเลยสักเดือน ช้าออกไป 1-2 อาทิตย์ตลอด ทำให้เราไม่สามารถนับวันไข่ตกได้ เราและสามีไม่เคยได้มีการคุมกำเนิดแต่อย่างใด คิดแต่เพียงว่าถ้าพร้อมก็มาเลยลูกเราเต็มที่อยู่แล้ว
บ่ายวันนั้นเราไปฝากครรภ์กับคุณหมอที่แสนใจดีของเรา คุณหมอให้ยาบำรุงมาทานปกติ เนื่องจากมีอาการแพ้ท้อง คุณหมอให้วิตามินบี 6 มาทาน นัดดูหัวใจในอีก 2 อาทิตย์ถัดไป
วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม คุณหมออุลตราซาวน์ เห็นแต่ถุงน้ำเล็ก ๆ ยังมองไม่เห็นหัวใจหรืออะไรเลย บอกเราว่า สงสัยไข่จะตกช้า อย่าเพิ่งใจเสีย อีก 2 อาทิตย์มาดูใหม่ สองอาทิตย์นี้แหละ เราจะต้องเห็นหัวใจของเค้าแล้ว ถ้ามีเลือดออกให้มาหาหมอทันที 2 อาทิตย์ผ่านไป เราไม่มีเลือดออกเลยสักหยด อาการแพ้ท้องยังมีอย่างต่อเนื่อง สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนท้องแรกเลย ทำไมไม่เหนื่อยมาก ๆ เพลียมาก ๆ เหมือนท้องแรก
เริ่มเอะใจก็พยายามหาข้อมูลเรื่องท้องลมและครรภ์ไข่ปลาอุกอย่างจริง ๆ จัง ๆ รวมถึงวิธีการรักษา เอาล่ะ คิดว่าทำใจไว้แล้ว คิดว่าพร้อมจะรับมือแล้วกับการวินิจฉัยของคุณหมอ รู้แล้วล่ะว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของเราหรือสามี ท้องลมเกิดขึ้นได้ ในผู้หญิงมากถึง 15% การแบ่งเซลล์ที่ไม่สมบูรณ์ทำให้เค้าไม่สามารถจะเจริญเติบโตได้ โดยปกติร่างกายแม่จะพยายามขับออกมาทำให้มีเลือดออก เนื่องจากเค้ายังคงฝังตัวอยู่ที่มดลูก ทำให้เรายังคงมีอาการแพ้ท้องเหมือนคนอื่น ๆ หัวใจเต้นเร็วเหมือนคนท้อง และเหนื่อยง่าย
วันที่ 10 สิงหาคมหมอนัดดูหัวใจ พบว่ามีแต่ถุงน้ำขนาด 1.87 ซ.ม. เท่านั้น ไม่มีแสงกระพริบที่แสดงว่าหัวใจเต้น ไม่มีเสียงหัวใจที่ได้เคยได้ฟังอย่างใจระทึกเหมือนท้องลูกชายคนแรก ไม่มีอะไรเลย ไม่มีเลยจริง ๆ คุณหมอบอกว่า หมอมั่นใจว่าท้องลมนะครับ ไม่มีตัวอ่อนอยู่ในถุงครรภ์เลย เก็บไว้ในร่างกายนาน ๆ ก็มีแต่ผลเสีย เพราะจะขูดออกจากมดลูกได้ยากขึ้น หมออยากให้คุณเข้าใจนะว่า มันคือการคัดกรองทางธรรมชาติ ถ้าเค้าไม่แข็งแรงพอ เค้าก็จะไม่สามารถเจริญเติบโตไปได้ ไม่อย่างนั้นเราก็คงมีคนพิการเต็มบ้านเต็มเมือง
จากการที่ได้หาข้อมูลทั้งหมดแล้วทำให้เราตั้งรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก คุณหมอนัดเหน็บยาและขูดมดลูกในอีก 2-3 วัน หลังจากนั้นให้พักและให้ประจำเดือนมา 3 เดือนและค่อยตั้งครรภ์ใหม่
นัดเหน็บยา 8โมงเช้า คุณพยาบาลก็เอายามาเหน็บให้ที่ห้องรอคลอด ให้เรานอนดูทีวีและอย่าเพิ่งเข้าห้องน้ำ เราเริ่มปวดท้องหน่วง ๆ เมื่อพลิกตัวก็พบว่ามีเลือดออก ตอนที่เห็นเลือดออกมานั้น มันมีความรู้สึกเล็ก ๆ ที่เด่นชัดอยู่ในใจ เลือดของเรา เค้าเป็นของเรา แม้เค้าจะยังไม่มีชีวิต แต่เค้าเป็นของเรา เราพยายามทำใจและรับกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นให้ได้ 11.30น. ห้องผ่าตัดโทรมาตาม คุณพยาบาลถามเราว่าอยากเข้าห้องน้ำไหม เข้าได้เลยนะคะ ห้องผ่าตัดไม่มีห้องน้ำค่ะ เราก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ มีเลือดซึมออกมาหลายวงเหมือนกัน พอทำธุระเสร็จ เรารู้สึกเหมือนมีบางอย่างหลุดออกมา เป็นก้อนเลือดเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบ ๆ 3 เซนติเมตร และลิ่มเลือดอีกนิดหน่อย เราทำความสะอาดร่างกายและเตรียมเข้าห้องผ่าตัดเพื่อขูดมดลูก
การเข้าห้องผ่าตัดแต่ละครั้งของเราไม่ใช่เรื่องสนุกเลย ตั้งแต่ผ่าคลอดจนกระทั่งขูดมดลูก เพราะทุกคนดูโปร หมด ยกเว้นเราที่ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอะไรบ้าง คุณพยาบาลให้เราขึ้นเตียงผ่าตัดที่มีขนาดเท่า ๆ กับตัวเรา เอาเหล็กมาต่อกับเตียงตรงแขนและจับเรากางแขนซ้ายขวา พยาบาลคนซ้ายบอกเราว่า ขออนุญาต เปิดเส้นหน่อยนะคะ (คืออะไรว้า) พยาบาลคนขวาบอก วัดความดันนะคะ เอาสายอะไรไม่ทราบมาเสียบมาแปะเราเต็มไปหมด พยาบาลคนซ้ายพูด เจ็บนะคะ นิดเดียวค่ะ เปิดเส้นเลือดจะได้ฉีดยาเข้าเส้นได้ (อ่ออออ เจาะเหมือนเจาะเข็มน้ำเกลือนี่เอง) กระบวนการสุดท้ายคือ เอาเชือกมามัดแขนเราไว้ทั้งสองข้าง แอบตกใจเล็กน้อย (จับขึงขนาดนี้แล้วยังต้องมัดอีกเหรอคะคุณพยาบาลขา)
คุณหมอวิสัญญีเดินเข้ามาทักทายแล้วแนะนำตัวกับเรา ถามประวัติเล็ก ๆ น้อย ๆ พบว่าเราเคยผ่าคลอดท้องแรกที่นี่ คุณหมอพูดอย่างอารมณ์ดีว่า เราอาจจะเคยเจอกันนะครับ มีภาพถ่ายคู่คุณแม่คุณลูกแรกเกิดไหม เรายิ้มน้อย ๆ ไม่มีค่ะหมอ หมอทำหน้างง อ้าว ทำไมล่ะ บล็อคหลังไม่ใช่เหรอ หนูโดนคุณหมอวางยาสลบ เพราะยาที่บล็อคหลังวิ่งไม่ทันฤกษ์คลอดของแม่สามีค่ะ ทั้งคนไข้ ทั้งหมอ และพยาบาลขำกันในห้องผ่าตัด ตอนนั้นเราเริ่มมึนมากแล้วค่ะ เปลือกตาหนักมากแล้ว สิ่งสุดท้ายที่รับรู้ได้คือ แพทย์และพยาบาลมองเรา และรอให้เราหลับไป
ตื่นมาอีกทีทุกอย่างพล่าเลือนและมึนมาก รวมทั้งอยากอาเจียนด้วย 13.30 น. เรานอนอยู่บนเตียงคนไข้ ปวดท้องหน่วง ๆ มากถึงมากที่สุดแอบคิดในใจว่า ไหนคุณหมอบอกว่าเหมือนปวดท้องเมนส์ไง มันไม่ใช่อะ นี่เรามีมดลูก 20 อันหรือเปล่าเนี่ย หมอขูดไปกี่อันคะทำไมปวดจัง
คุณหมอสูติของเราเดินมาและบอกว่า หมอให้ยาแก้ปวดไปทานนะครับ ถ้ามีเลือดออกมาก หรือมีไข้สูงมากให้รีบกลับมาหาหมอ วันที่ 21 นี้ขอตรวจติดตามอาการด้วยนะครับ และคุณหมอก็รีบเดินไปผ่าตัดอีกห้องหนึ่ง เราลุกขึ้นมานั่ง คุณพยาบาลให้ออกจากห้องผ่าตัดได้แล้ว แต่งตัวกลับบ้าน พักผ่อน จนถึงตอนนี้เรารู้สึกว่าระบบในร่างกายของเรากลับมาเป็นปกติแล้วค่ะ สภาพจิตใจยังโอเค เตรียมพร้อมที่จะกลับมาสู้ใหม่ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
ท้องลม ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอกค่ะ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นกับเรา เราก็ต้องพยายามทำใจรับกับมันให้ได้ เวลาของชีวิตมีจำกัด เราเลือกที่จะอยู่อย่างมีความสุขให้นานที่สุด ทุกข์ได้แต่อย่านาน อยากบอกกับคุณแม่ที่เคยท้องลมทุกท่านว่า เราเข้าใจว่าคุณรู้สึกอย่างไร ส่วนคุณแม่ที่เข้ามาอ่านเพื่อหาข้อมูล เราอยากบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติค่ะ เกิดขึ้นได้กับหลาย ๆ คน พยายามรักษาตัวให้หายเร็ว ๆ และกลับมาสู้ใหม่จะดีกว่า ชีวิตต้องสู้ จริงไหมคะ
จากคุณ |
:
เลขาหน้าใส
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ส.ค. 55 10:23:38
|
|
|
|