เด็กพูดช้าคืออะไร เด็กพูดช้า คือเด็กที่มีพัฒนาการด้านภาษาและการพูด ไม่เป็นไปตามอายุ เช่น อายุ 2 ปี ยังพูดเป็นคำเดียว ที่มีความหมายไม่ได้ หรืออายุ 3 ปีแล้วยังพูดเป็นประโยคสั้นๆ ไม่ได้ สาเหตุที่ทำให้เด็กพูดช้า อาจมีที่มาจากความสัมพันธ์ระหว่าง - สิ่งเร้า คือ การพูดจาจากคนรอบข้างและการเปิดโอกาส ให้เด็กโต้ตอบ
- ความสามารถของสมองในการแปลงคลื่นเสียงที่ได้ยินเป็นข้อมูล และความสามารถในการเข้าใจข้อมูลพร้อมกับสั่งงาน ให้อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการพูดทำงาน
- ความสามารถของอวัยวะที่เกี่ยวกับการเปล่งเสียงเป็นคำพูด ที่ทำงานสอดคล้องกัน และสนองคำสั่งจากสมองได้ดี
ดังนั้น หากเกิดความผิดปกติของขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง หรือหลายขั้นตอนย่อมส่งผลถึงการพูด สาเหตุของการพูดช้าที่สำคัญคือ 1. ขาดการกระตุ้นทางภาษาที่เหมาะสม เช่น ผู้เลี้ยงดูเด็กไม่ค่อยพูดกับเด็ก ทำให้เด็กขาดทักษะในการเรียนรู้ เรื่องการพูด หรือไม่เปิดโอกาสให้เด็กพูด เช่น เด็กอยากได้อะไร แค่ชี้พี่เลี้ยงก็หยิบให้ โดยเด็กไม่ต้องพยายามออกเสียง เรียกสิ่งที่ต้องการเป็นต้น 2. หูตึง หูหนวก ซึ่งอาจเกิดจาก - ภาวะการตั้งครรภ์ผิดปกติส่งผลถึงการได้ยิน เช่น แม่เป็นโรคหัดเยอรมันขณะตั้งครรภ์
- โรคที่เกิดขึ้นหลังเด็กคลอด เช่น เป็นหูน้ำหนวกบ่อยๆ เป็นโรคสมองอักเสบ
- เกิดจากการได้รับสารพิษหรือยาบางตัว ซึ่งทำให้ระบบการได้ยินผิดปกติ เช่น ได้รับยาสเตรปโตมัยซิน (Streptomycin)
3. สมองพิการ เช่น ความผิดปกติ ในระบบการสั่งงานของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการพูด และความผิดปกติในส่วนการรับรู เป็นต้น 4. ภาวะปัญญาอ่อน ซึ่งเกิดจากโรคทางพันธุกรรม เช่น กลุ่มอาการดาวน์ (Down Syndrome) หรือเกิดจากภาวะการคลอด เช่น ขาดเลือดไปเลี้ยงสมองในขณะคลอด หรือเกิดจาก ภาวะโรคติดเชื้อในสมองหรือได้รับสารพิษ เป็นต้น 5. ภาวะโรคจิต โรคประสาท เช่น เด็กมีความเครียด กังวล ซึ่งอาจเกิดจากสภาพการเลี้ยงดูในครอบครัว ทำให้ขลาดไม่กล้าพูด 6. ภาวะออทิสติก ซึ่งเด็กจะมีสมาธิสั้น พูดช้าหรือไม่พูด หรือพูดสื่อสารอย่างมีความหมายไม่ได้ ร่วมกับไม่สามารถ สร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ 7. ความผิดปกติของอวัยวะเกี่ยวกับการออกเสียง เช่น มีพังผืดยึดติดลิ้น (Tonguetic) ขั้นตอนในการช่วยเหลือเด็กพูดช้า เมื่อพบว่าลูกพูดช้า คุณพ่อคุณแม่ควรพาเด็กไปพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุของการพูดช้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ ในการวางแผนการช่วยเหลือให้เหมาะกับเด็กแต่ละราย การวินิจฉัยสาเหตุการพูดช้านั้นจะประกอบด้วย - การซักประวัติและการตรวจร่างกายเด็กอย่างละเอียดจากแพทย์
- การตรวจประเมินพัฒนาการและเชาวน์ปัญญา โดยนักจิตวิทยาคลินิกหรือกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านการพัฒนาการ
- การตรวจความสามารถในการได้ยินในกรณีที่สงสัยว่า มีปัญหาหูพิการด้วย
จากคุณ |
:
เจ้าชายเจ้าสำราญ
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ก.ย. 55 11:08:27
|
|
|
|