Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ความจริงเกี่ยวกับ "ไข้" ในเด็กที่อยากให้รู้ ติดต่อทีมงาน

# "ไข้" คืออาการที่มีอุณหภูมิร่างกาย > 37.8 C  โดยวัดด้วยเทอร์โมมิเตอร์ทางปาก  การวัดโดยใช้มือจับหน้าผากหรือคอ ทำให้มีความผิดพลาดบ่อย จนอาจทำให้เด็กได้รับยาบ่อยหรือโดยไม่จำเป็นได้ เพราะมือจะเป็นส่วนที่เย็นที่สุดของร่างกาย จึงจะรู้สึกว่าร้อนง่ายกว่าปกติ

# เครื่องมือวัดไข้แบบแถบติดหน้าผาก หรือวัดที่หู ก็ยังไม่แม่นยำพอ แต่ดีกว่าใช้มือ ถ้าไม่มีอุปรณ์ใด แนะนำให้ใช้หน้าผากเราสัมผัสหน้าผากเด็ก เพราะสมองผลิดความร้อนมากสุดของร่างกาย รู้สึกร้อนแสดงว่าหน้าผากเด็กมีอุณหภูมิสูงกว่าเรา (หัวกับหัวควรร้อนเท่าๆกัน)

# การมีไข้ ไม่ว่าสูงแค่ไหน ไม่ได้บอกว่ามีการติดเชื้อ หรือติดเชื้ออะไรอยู่ ไม่ได้บอกว่าต้องกินยาฆ่าเชื้อปฏิชีวนะ ไม่ได้บอกว่าอาการหนักกว่าคนที่มีไข้น้อยกว่า สรุปคือบอกได้แค่ป่วยเท่านั้น
   นอกจากนั้น คนที่มีไข้ 38 C อาจเป็นโรครุนแรงมาก ขณะที่คนเป็นไข้ 40 C อาจจะเป็นแค่หวัดก็ยังเป็นได้

# "ไข้" ไม่ได้เกิดจากโรคหรือเชื้อโรค แต่เป็นภาวะการตอบสนองของร่างกายเพื่อสู้กับโรค โดยสมองส่วนไฮโปธาลามัสเป็นส่วนที่สร้างไข้ขึ้นมา เป็นผลจากการวิวัฒนการเพื่อสู้เชื้อโรค เพราะเชื้อโรคส่วนใหญ่เติบโตดีในอุณหภูมิร่างกายหรือเย็นกว่า เวลาอุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้เชื้อโรคเติบโตไม่เต็มที่ สิ่งมีชีวิตจึงวิวัฒนาการให้มีไข้ เพราะถ้ามีสายพันธุ์ที่สร้างไข้ไม่ได้ สายพันธุ์จะสูญพันธ์ไปเพราะสู้กับเชื้อโรคไม่ได้
  พูดสั้นๆคือ "ไข้" ช่วยให้เราหาย ถ้าไม่มีไข้เราตายแน่นอน

# แต่"ไข้สูงๆ" นอกจากทำลายเชื้อโรคแล้ว ก็มีผลกับร่างกายด้วย เช่น ในเด็กเล็กน้อกกว่า 5 ปี ซึ่งสมองยังไม่พัฒนาเต็มที่ อาจจะมีไข้แล้วชักได้ ซึ่งถ้าอายุเกิน 5 ปีสมองจะพัฒนาเต็มที่จะไม่มีอาการไข้แล้วชักอีก
  ในผู้ใหญ่ไข้สูงทำให้มึนงง สมาธิถดถอย บางรายทำให้เพ้อได้ แล้วไข้ ยังทำให้ร่างกายต้องระบายความร้อนออกทางเหงื่อและการหายใจ ทำให้สูญเสียน้ำไปกับความร้อน ก่อเกิดอาการขาดน้ำ ในรายที่ขาดน้ำระดับนึง ไข้จะยิ่งสูงขึ้นเพราะ การปรับความร้อนไม่ดี คนมีไข้จึงต้องให้ทานน้ำบ่อยๆๆ

# การทานยาลดไข้ในเด็ก ที่ปลอดภัยที่สุดคือ paracetamol ควรเป็นตัวแรก และน่าจะเป็นตัวเดียว ไม่มีความจำเป็นใดที่ต้องให้ยาลดไข้สูง Ibruprofen หรือ aspirin โดยไม่จำเป็น ไม่จำเป็นต้องฉีดยา (Paracetamol, Dexametasone, Nidal) เพราะยาใดๆ ถ้าเชื้อโรคยังไม่หมด พอหมดฤทธิยา ไข้ก็จะมาอีกเสมอ และยาลดไข้ไม้ได้ฆ่าเชื้อโรคเลย

# ไม่ต้องกินยาดักล่วงหน้า ก่อนมีไข้ (ถ้าไม่จำเป็น เช่นชักง่าย) เพราะยาลดไข้ไม่สามารถป้องกันการเกิดไข้ได้ และยิ่งไม่มีไข้เลยยิ่งหายช้า รวมทั้งทานยามากเกิด ก็มีผลเสียได้

# ถ้าทาน para แล้วไข้ลงได้ (แม้จะมีไข้กลับมาใหม่อีก 4 ชม.ต่อมา) ยาลดไข้สูงก็ไม่จำเป็น ไม่ใช่ว่ายาแรงแล้วจะไม่มีไข้อีก ถ้ายังมีเชื้อโรคในร่างกาย สมองก็จำเป็นต้องสร้างไข้มาต่อสู้อยู่ดี
  นอกขากนั้นยาลดไข้สูงยังมีความเสี่ยง เช่นไข้เลือดออกจะทำให้มีเลือดออกง่ายได้   ถ้าเป็นไข้หวัดใหญ่หรือ อีสุกอีใส อาจให้เกิด Reye syndrome หรือสมองพิการถาวรได้(พบผลข้างเคียงนี้น้อยมาก แต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่เกิดกับลูกเรา)

# สรุป
    - ถ้าลูกตัวร้อนจะให้ดี ใช้ปรอทวัด ก่อนทานยา เมื่อ ร้อน > 37.8 C
    - "ไข้"ถ้าไม่สูงไปจะไม่อันตราย และทำให้ลูกหายป่วย
    - เวลาลูกเป็นไข้ ถ้าทานได้เล่นดี ไมมีอาการอื่น น่าจะลองดูอาการ 2-4 วันได้ อาจเป็นติดเชื้อไวรัสหรือหวัด ซึ่งไข้จะลงได้เอง
    - ถ้าไข้สูง หรือมีอาการอื่น เช่นทานน้อย มีผื่น ซึม ปัสสวะอุจจาระผิดปกติ ฯลฯ ก็ควรไปพบแพทย์ เพื่อรักษาที่สาเหตุ ให้ตรงกับวินิจฉัยโรค
    - เวลามีไข้ ทานยาลดไข้แค่ paracetamol พอ ให้ทานเฉพาะเวลามีไข้ ทานได้ทุก 4-6 ชม. ทานแล้วไข้ลดแล้วขึ้นใหม่เป็นเรื่องปกติ

   ** อย่าลืม เช็ดตัวบ่อยๆ  ให้ทานน้ำบ่อยๆ รักษามือเท้าให้อุ่นๆ อย่าให้หัวร้อนมาก อย่าเปิดแอร์หรือพัดลมให้อากาศเย็นเกินไป ยิ่งเย็นเชื้อโรคยิ่งชอบ

(ยาวไปหน่อย พยายามสรุปแล้ว แต่หวังว่าจะได้ประโยชน์)

แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 55 19:32:58

จากคุณ : FAieTAWUNA
เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 19:26:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com