ความคิดเห็นที่ 1 ขั้นตอนการออกแบบของสถาปนิกเมื่อได้รับงานบ้านจากลูกค้า   ขั้นตอนแรก        ก็จะเริ่มจากการศึกษาข้อมูลของที่ดินของเจ้าของบ้านเอง  ว่าอยู่ในย่านไหน  มีการใช้งานเป็นอย่างไร    เทศบัญญัติกำหนดไว้ว่าอย่างไร  เค้ากำหนดให้มีความสูงๆได้เท่าไหร่     ทิศทางแดดและลม  การติดกันของเพื่อนบ้านข้างเคียงเป็นยังไง  เรื่องนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่นำมาออกแบบ   และก็ศึกษาพฤติการมการใช้งานของเจ้าของบ้านเอง  ว่ามีคนใช้งานกี่คน  อาชีพอะไร  อายุเท่าไหร่   ส่วนนี้จะทำให้สามารถออกแบบพื้นที่ของแต่ละคนได้  แยกออกเป็น function ต่างๆ ทั้งหมดนี้......   ก็เพื่อป้องกันการผิดพลาดจากการวางตำแหน่ง Zone และFunction ในการใช้สอยครับ   ไม่ใช่ว่าสร้างเสร็จแล้ว    ห้องรับแขกดันติดอยู่กับห้องน้ำของคนข้างบ้าน  ในทิศทางที่ลมของห้องน้ำจะโชยออกมาให้ได้กลิ่นเป็นระยะ    อันนี้ก็ได้แต่ทนๆไป  ก็สร้างมาแล้วนี่   .... หรือไม่บางที  เพราะความหวงที่ดินของเจ้าของบ้าน   อยากจะสร้างให้ชิดที่ดิน    อยู่ๆไปวันดีคืนดี  บ้านข้างๆมาสร้างบ้าน  แล้วเค้าโวยวายว่าสร้างชิดที่เค้าไม่ได้     คราวนี้ก็ต้องมีการเสียค่าธรรมเนียม  ( หรือถ้ารู้จักสนิทชิดเชื้อกับเพื่อนบ้านเป็นอย่างดีก็ไม่ว่ากัน)    แต่จริงๆแล้ว    การที่เค้าห้ามไม่ให้สร้างบ้านที่ชิดกันนี่   เค้ามีเหตุผลนะครับ      เพื่อป้องกันไฟใหม้ครับ     เค้าจะได้ลากสายยางไปดับได้    เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำงานได้สะดวก  และป้องกันไม่ให้ไฟลามไปถึงตัวบ้านอื่นได้     ไม่ใช่มีแต่ตัวบ้าน   สร้างชิดๆกัน  กลายเป็นสลัมเลยครับ   บ้านราคาเป็นล้านเชียวนะ   ไฟไหม้ที ไปหมด  ทั้งเพื่อนบ้านและเจ้าของบ้าน ขั้นตอนที่2  จากการวิเคราะห์พื้นที่  ก็จะทำให้เห็นมุมมองที่ดีๆของที่ดิน    ทำให้ออกแบบห้องสำคัญๆไว้ในทิศทางที่ดี    และเลือกหลบเลี่ยงทิศทางและสิ่งที่ไม่ดีไปจากพื้นที่การใช้งานที่สำคัญ        อันนี้ลองคิดง่ายๆ   ถ้าหน้าบ้านเราที่ติดถนนใหญ่    มีรถวิ่ง  เสียงดังทั้งวัน  มีทั้งฝุ่นและควัน    และห้องนอน ก็ดันมาอยู่หน้าบ้าน  ก็คงจะนอนหลับสบายอยู่หรอกครับ     อีกทั้งยังมีการใช้วิธีแก้ปัญหาใหม่ๆ ที่เจ้าของบ้านคาดไม่ถึง   คือบางที่ดินมีปัญหาเยอะ   ออกแบบตามที่เห็นๆกันอยู่ไม่ได้  ต้องคิดวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมกับพื้นที่จริงๆ  อันนี้ต้องใช้ประสบการณ์การแก้ปัญหาของสถาปนิกแต่ละคนครับ   แต่ละคนก็ออกแบบไม่เหมือนกัน และทั้งหมดนี้  ก็เพื่อการออกแบบที่สวยด้วยองค์ประกอบทางศิลปะด้วยครับ ขั้นตอนที่ 3    หลังจากนั้น เมื่อการออกแบบในกระดาษได้เสร็จลง  ก็จะมีการคุยเรื่องวัสดุ  ว่าใช้วัสดุอะไรให้คุ้มค่า  ไอ้เรื่องวัสดุนี้อ่ะ  มันคุยเกี่ยวเนื่องกับราคาค่าก่อสร้าง    ทางสถาปนิกจะแนะนำวัสดุที่เหมาะสมให้  ทั้งในแง่การใช้งาน และราคา   ขั้นตอนที่4  หลังจากนั้น ก็จะให้คำแนะนำในแง่ของการเลือกผู้รับเหมา  ว่าเจ้าไหนสมควรที่จะจัดจ้างดี  โดยดูจาก port folio ของผู้รับเหมา     ไม่ได้ดูเพียงแค่ว่ารับงานอะไรมาบ้าง  แต่จะดูถึงกระบวนการในการสร้างของช่างเลย  ดูผลงานว่างานดีไหม   เหมาะสมไหม กับงานของเรา  ไม่ใช่เอาผู้รับเหมาที่ทำงานโรงงานมาสร้างบ้านให้  ความละเอียดมันต่างกันครับ ขั้นตอนที่ 5   สุดท้ายตามหน้าที่ของสถาปนิก  “ควร”จะออกไปตรวจไซต์งานก่อสร้างเป็นระยะ เพื่อป้องกันความผิดพลาดของงานที่อาจเกิดขึ้น  (ที่บอกว่าควร  เพราะว่าบางที ค่าแบบมันไม่คุ้มค่าน้ำมันรถ   โดนต่อรองจนต้องตัดส่วนนี้ไป)   แลสุดท้าย  เจ้าของบ้านจะได้แบบก่อสร้างเพื่อขอนุญาต 5ชุด เพื่อไปขออนุญาตสร้างอาคารต่อไป(ได้กระดาษจำนวน 5 ม้วน  เอาไปให้เขตดูครับ) แต่ทั้งหมดแล้วอ่ะ   ก็ขึ้นอยู่ที่ขนาดของบ้านนะ  ถ้าบ้านไม่ใหญ่ออกแบบ สัก 1เดือนครึ่ง-2เดือน   ไปดูงานสร้างอีก 6เดือน  ให้คำปรึกษาอีกตลอด 8เดือน ลองคิดดูนะครับ  สมมติสร้างบ้าน 1.5ล้าน  ค่าแบบ ประมาณ1แสน  เอาไปหารจำนวนเดือนที่ทำ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 49 15:38:39 จากคุณ : แม่ฮะ เทไฮน์ให้หน่อย - [ 14 ม.ค. 49 15:31:27 ]

ความคิดเห็นที่ 2 และสิ่งที่เจ้าของบ้านจะได้รับ หลังจากที่สร้างเสร็จแล้วอีก     เท่าที่คิดได้นะ 1.  ได้การออกแบบเพื่อการใช้สอยที่เหมาะสม   ทั้งเรื่องระบายอากาศ  ไอ้เรื่องนี้อ่ะ ลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้   เยอะเชียวนะคุณ   ถ้าวางห้องไม่ดี ต้องเปิดแอร์ทั้งวัน   เผลอๆ  อยู่ไป 5ปี  ค่าไฟแพงกว่าค่าจ้างสถาปนิกเสียอีก 2. ในการออกแบบส่วนใหญ่ สถาปนิกมักจะคำนึงถึงความงามเสมอ  ทำให้งานออกมามีความสวยงามเกิดขึ้น  ถ้าเทียบกันว่า เมื่อมีใครมาชมว่าบ้านคุณสวยน่าอยู่ดี    ลองคิดเป็นเงิน ครั้งละ 2บาท  ผมว่าเผลอๆ อยู่ไป10ปี  ได้ค่าไฟมา2เดือน  5 55  5     และคิดในทางกลับกัน  ถ้าสร้างมาไม่สวยล่ะ  ใช้งานไม่ได้  เจ้าของบ้านส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า แค่นี้ก็พอแล้ว   นกน้อยสร้างรังแต่พอตัว    แต่หารู้ไม่ว่า  ที่จริงเงินขนาดนี้อ่ะ  สร้างบ้านที่ดีๆได้เลยเชียวล่ะ  เพียงแต่ต้องเลิกความคิด “เสียน้อยเสียยาก”  ไปก่อน   3. ความสะดวกสบายที่เกิดขึ้นภายในบ้าน   คือสถาปนิกจะมีความเข้าใจเรื่องพื้นที่มากกว่า   เช่นพื้นที่ๆหนึ่ง  มันสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นอะไรได้ตั้งเยอะ  แค่ใช้องค์ประกอบมาช่วยนิดหน่อย   ไม่ใช่แค่ผนังกั้นเป็นห้องๆ  เอาตู้มาโชว์เท่านั้น ผมคิดออกได้เพียงเท่านี้อ่ะ   ที่เหลือขอให้เพื่อนสถาปนิกในห้องนี้มาช่วยบอกละกัน และสำหรับผม  การออกแบบบ้านหลังนึง   สรุปเป็นสมการได้ว่า   เงินที่ใช้สร้างบ้าน = วัสดุก่อสร้าง + ค่าแรงผู้รับเหมา +ความงามและประโยชน์ใช้สอยในภายหน้า +  ค่าอากาศและบรรยากาศดีๆที่อยู่ในบ้าน   =  บ้านที่สร้างออกมา   ...............ถ้าคิดว่าแพงหรือแพงโคตร     ดูสิ่งที่พวกผมทำให้นะครับ................     ที่มาบอกกัน  ก็อยากจะสร้างความเข้าใจต่ออันดีอาชีพและหน้าที่   เพราะเมื่อไหร่ที่เจ้าของบ้านบอกเรื่องค่าแบบ  จะมีเสียงบ่นว่าแพงอยู่ตลอดเวลา   ไอ้เราในฐานะที่ทำอาชีพนี้อยู่ก็ท้อใจ   เราอยากเห็นงานดีๆเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา  แต่ลูกค้ามาคิดว่าไม่อยากเสียค่าออกแบบ .......................บอกตามตรงครับ    เสียความตั้งใจในการเป็นสถาปนิกหมด.......... แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 49 15:42:05 จากคุณ : แม่ฮะ เทไฮน์ให้หน่อย - [ 14 ม.ค. 49 15:35:33 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องปกติครับ ผมก็วิชาชีพเดียวกันกับ จขกท.  เลยต้องหนีไปทำอย่างอื่นด้วยครับ ไม่งั้นอดตายครับ...         ขอเสริมนิดนะครับ นอกจาที่ท่าน จขกท. ให้ข้อมูลมาแล้ว   สถาปนิกบางท่าน ที่ชำนาญในด้านอื่นๆด้วยเช่นด้านออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน  ก็จะออกแบบอาคารให้ท่านในโหมดนั้น รวมถึงการออกแบบภูมิทัศน์ควบคู่กันไปด้วยหรือแม้กระทั้งการจัดinterior และ space ในบ้านเบื้องต้น  เรียกว่า เขาดูแลและให้คำปรึกษาคุณหมดครบวงจร...  แต่คนไทยหลายๆท่าน ไม่เคยเห็นคุณค่าตรงนี้เลย  มักคิดว่าไปเสียทำไม ค่าแบบ ไม่จำเป็น ลุกค้าบางท่าน ถามค่าแบบ เราก็เรียนว่า 5-7 % ของราคาบ้าน ก็ว่า"โหว..ทำไมค่าเขียนแบบแพงจัง  ไปปลูกกับบ.รับสร้างบ้านดีกว่า"      เอ..แล้วบ.รับสร้งบ้าน ท่านคิดว่าเขาไม่บวกตรงนั้นไปเหรอครับ   บ.รับสร้างบ้านส่วนใหญ่ก็จ้างผู้รับเหมาช่วงทั้งนั้น กำไรของบ.รับสร้างบ้าน + กำไรผู้รับเหมา  ท่านคิดว่ามันจะแพงกว่า ค่าออกแบบของสถาปนิก +กำไรผู้รับเหมา  หรือครับ การออกแบบบ้าน มาจากค่าของความคิด วิชาชีพและประสบการณ์นะครับ   ส่วนเขียนแบบ นั้น เด็ก ปวช. เรียนก่อสร้างก็เขียนได้ แต่จะออกมาดีหรือไม่ต่างหาก..    คนไทยหลายท่านเป็นแบบนี้จริงๆครับไม่เห็นความสำคัญของความคิด ความรับผิดชอบ การบริการ  และคุณภาพงาน  เน้นเรื่องราคา(ถูก)เป็นตัวเลือกหลักในการตัดสินใจ   แต่เมืองนอกนั้น เขากลับให้ความสำคัญกับวิชาชีพมากๆ  แค่คุณโทรไปปรึกษาเขา เขาก็คิดเงินคุณแล้วครับ.... แต่เขาก็ยอมที่จะเสียตรงนั้นครับ.. จากคุณ : Nature&Trend - [ 14 ม.ค. 49 15:57:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมก็เป็นสถาปนิก เหมือนกัน ได้ใบ กส. มา 4 ปีนี่ เซ็นไป หลังเดียวเอง ของคุณป้า บอกตรงๆเลยว่า ไม่ค่อยอยากจะเซ็นแบบให้ เพราะคิดถึง ความรับผิดชอบแล้วไม่คุ้มกับเงินที่ได้ ค่าออกแบบ นี่ถกเถียงกันมานาน ว่าสมควรจะได้รึป่าว มากกว่า 7% (จริงๆแล้วไม่ถึงหรอก) มันเป็นทัศนคติไปแล้ว เพราะเมืองนอก นี่ สภาสถาปนิก เค้าหารือ กันเลยนะว่า ไม่ให้มีการลดค่าออกแบบ เพราะจะทำให้วิชาชีพตกต่ำลงไป เค้าเลยยังได้กัน 20-30% อยู่เลย แต่เมืองไทย มีคู่แข่งเยอะ มีการลดราคาค่าออกแบบแข่งกัน บางบริษัท ไม่คิดเลยด้วยซ้ำ (ก็สถาปนิก ยังต้องกินเงินเดือนนี่) สุดท้าย มันก็ จบลงด้วยประการฉะนี้แล ปัจจบัน มีบ้าน ที่ออกแบบด้วยสถาปนิกดีๆเยอะครับ บ้านก็ดีน่ะแหละ เจ้าของบ้านก็ไม่ต้องเสียค่าออกแบบด้วย บริษัท เค้าลดให้แล้ว เพราะงานเริ่มน้อย ตามวงจรเศรษฐกิจขาลง สถาปนิกอิสระ จึงได้เพียงทำใจ  ส่วนสถาปนิกที่ทำงานบริษัท ก็สามารถ จะขอตกลงกับเจ้าของบริทเกี่ยวกับเงินค่าเซ้นแบบเพิ่มเติม จากเงินเดือน จึงจะพออยู่ได้ จากคุณ : โสดจัง - [ 14 ม.ค. 49 16:42:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5 บ้านหลังละสามล้าน สมมุตินะสมมุติ เอาค่าแบบแค่ 3% ค่าแบบ ก็ 90,000   ประทานโทษค่ะ  นับรายได้เลย ว่าจะมีใครยอมจ้าง ขนาดแค่ 3% ปล. ตามกฎหมายน่าจะ 7% ดังนั้น เจ้าของบ้านที่กดราคา ก็พยายามฝ่าฝืนกฎหมายอยู่ค่ะ  ฮิๆ จากคุณ : jezebel - [ 14 ม.ค. 49 16:55:47 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ดีใจจัง    ได้รู้จักสถาปนิก เพิ่มอีกหลายคนเรย ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ว่างๆจะขอปรึกษาหน่อยนะคะ ปล.  เราเห็นคุณค่าของสถาปนิก เสมอนะคะ  เพราะบ้านทั้งสองหลัง  ให้สถาปนิกเขียนแบบให้ และเซ็นรับรองด้วยค่ะ  ไม่มีต่อรองแต่อย่างใด ^^ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 49 18:25:25 จากคุณ : paninee - [ 14 ม.ค. 49 18:22:03 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้ารวยเมื่อไหร่ ไม่พลาดแน่ บ้านหลังที่ 2 จะจ้างสถาปนิกออกแบบแน่นอน จากคุณ : เจ้าหญิงจอมแก่น - [ 14 ม.ค. 49 18:26:31 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเป็นสถาปนิกอิสระครับ เคยทำงานออฟฟิศมา 4 ปี เจอวิกฤติเศรษฐกิจเลยมาเป็น freelance.... ช่วงแรกๆผมคิดเหมือนจขกท.เหมือนกัน เคยคิดจะเปลี่ยนอาชีพด้วย ว่าทำไมไม่มีใครเข้าใจอาชีพนี้เลย ทำไปก็เซ็ง.....แต่หลังจากทำงานออกแบบมา 10 กว่าปี ตอนนี้อยู่เฉยๆก็มีงานเข้ามาครับ มีงานตลอด ค่าแบบก็นับว่าโอเค อันอาจจะเป็นเครดิตจากงานเก่าที่ดูแลลูกค้าอย่างดี ผมว่าอาชีพนี้มันต้องอาศัยระยะเวลาและเครดิตในการพิสูจน์ตัวเองครับ อย่าไปบ่นเลย เพราะงานที่ทำมันจะบอกตัวมันเอง และสุดท้ายมันจะดีหรือเลวในอาชีพนี้มันอยู่ที่ตัวคุณเองจริงๆ จากคุณ : อืมม... - [ 14 ม.ค. 49 19:58:19 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ===================== อัตราค่าบริการวิชาชีพ ไม่ได้เป็นกฎหมายครับ อัตราที่สมาคมสถาปนิกสยามฯ ประกาศออกมานั้นเป็น ค่ามาตรฐานที่ใช้อ้าองอิง โดยมาจาก แนวคิดเรื่อง ความเหมาะสม ในการประกอบวิชาชีพ และการก่อให้เกิดการพัฒนาวิชาชีพ ที่ดี ในอนาคต ครับ อัตราค่า วิชาชีพ เป็นเรื่องที่ตกลงกันเองระหว่าง เจ้าของโครงการกับผู้ออกแบบครับ ตอนนี้ ที่บริษัท รับออกแบบบ้าน บ้างหลังคิด สิบกว่าเปอร์เซ็น ก็มีครับ ================================               จากคุณ : =^-^= (วินยู-วานิช) - [ 14 ม.ค. 49 20:33:49 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าเราจะสร้างบ้าน ก็ตั้งใจว่าจะให้สถาปนิกออกแบบเหมือนกันแหละ แต่อยู่ต่างจังหวัด (บ้านนอกมาก) แล้วจะไปหาที่ไหนล่ะคะ บ้านราคาแค่ล้านต้นๆ ไม่เกิน 2 ล้าน ค่าแบบกี่ตังค์เหรอ แล้วจะมีใครยอมมาออกแบบให้ไหม บ้านราคาแค่นี้ ขนาดแค่โพสถามความคิดเห็นเรื่องสร้างบ้านจากห้องชายคานี่แหละ (อยากสร้างบ้านทรงไทยมาก!! แต่ก็ไม่รู้จะไปหาสถาปนิกที่เชี่ยวชาญด้านนี้ที่ไหนในจังหวัดที่เราอยู่) ก็แค่ถามว่า จะทำแบบประยุกต์ได้ไหม ออกมาเป็นแนวไหน งบประมาณเท่าไร จะได้เตรียมงบประมาณถูก ท่านสถาปนิกใหญ่ที่อยู่ข้างบนเรา มาโพสบอกว่า ไม่ต้องรู้หรอก จ้างสถาปนิกเหอะ แล้วบ้านนอกอย่างเราจะกล้าไปจ้างเหรอจ๊ะ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 49 21:53:06 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 49 21:29:01 จากคุณ : golfkid - [ 14 ม.ค. 49 21:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นอีกคนที่กำลังสร้างบ้านค่ะ   ตอนแรกก็หาแบบฟรีตามราชการ  โดยคิดว่าไม่อยากให้เกินงบที่มีอันน้อยนิด ปัจจุบัน เสียค่าแบบเฉียดหลักแสน ก็ยังไม่ได้ปลูกอยู่ดี ส่วนตัวเข้าใจว่า  ปลูกบ้านซักหลัง  อยากอยู่ในแบบที่เราชอบและลงตัว  ซึ่งก็หาข้อมูลเองโดยตลอดในนี้แหละค่ะ รวมกับทุกเวปที่มีเรื่องบ้าน   แล้วมาปรับแต่งกับ สถาปนิก+ผู้รับเหมา (ทำหน้าที่เดียวกันในคนๆเดียว)   ซึ่งเราไม่เห็นมาคิดว่า สถาปนิกจะได้เท่าไหร่  เราจะเสียเท่าไหร่ เพราะเราจะมองในแนวรวมว่ามันคุ้มไหมกับการที่เราจะมีบ้านซักหลัง  (โดยมองจากงบประมาณที่ตั้งไว้  ว่าสามารถทำได้แค่ไหน)  ตอนนี้ยังม่ายรู้อนาคตจะเป็นอย่างไรเลย  จะปลูกบ้านหรือจะพับโครงการ  เพราะจะมีเงินก้อนโตๆ  มานก็ม่ายมีปัญญา  ก็ต้องลุ้นต่อไป เราคิดว่าเราโชคดี (รึเป่าเพราะพึ่งเริ่ม)  ที่หาช่าง ที่เขาเป็นสถาปนิค ที่พอจะคุยกันได้ เราว่าปัญหาเรื่องนี้  มันแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน   เราเป็นลูกค้า  ก็อยากได้ของถูกและดี  ซึ่งมานคงไม่มี คุณเป็นพ่อค้า  ก็อยากได้ราคาที่ดีสำหรับคุณ เหมือนเส้นขนาน  ต้องทำจาย  (เราว่างั้น) จากคุณ : สาระ..๑,ooo (สาระ..๑,ooo) - [ 14 ม.ค. 49 22:39:36 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณมาก ๆ ที่มา post ครับผม ผมเองมีคอนโดอยู่ครับ ตอนนี้พ่อกับแม่สร้างบ้านให้ แต่ว่าให้แต่บ้านครับ ทำเรื่องกู้เพิ่มอยู่ จะเอามาแต่งห้องที่บ้านใหม่ ไว้ถ้ากู้ผ่านจะมาขอคำแนะนำครับผม จากคุณ : angel of music - [ 14 ม.ค. 49 23:26:22 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณทุกๆความเห็นครับ ผมไม่ขอออกความคิดเห็นนะครับ  เรือ่งผู้รับเหมา ที่เรียนจบออกแบบมา แต่ยืนยันว่า  สถาปนิก  จะไม่ทำงานรับเหมาครับ  เชื่อผมสิ.... :) จากคุณ : แม่ฮะ เทไฮน์ให้หน่อย - [ 15 ม.ค. 49 05:38:55 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โดนเสียบเต็มๆๆ พ่อฮะ อัดคนเรียกแม่เทไฮน์ให้หน่อย ขำขำ ปล. นี่หายหัวไปเลยนะยะ ไอ้ที่สัญญาว่าจะหามาให้โหลดน่ะ อยู่หนายยยยยยยยยยย ทวง ต่อหน้าผองชน จากคุณ : คนไทยก็ทำได้ - [ 15 ม.ค. 49 08:14:49 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ดูค่าจ้างแล้วแปลกๆนะ ไม่ว่าจะ 3% หรือ 7% ของมูลค่าโครงการ กลัวว่ามูลค่าโครงการจะถูกปั่นไปสูงลิ่ว แล้วที่จ้างไปนะ คนจ้างได้อะไรบ้างนอกจากกระดาษไม่กี่แผ่น เรื่องวิชาความรู้นะเมืองไทยไม่ตีค่าเป็นตัวเงินให้หรอก อย่างรถเสียแล้วไปซ่อมที่อู่ ลำพังแค่วินิจฉัยว่าอะไรเสียก็ไม่สามารถเก็บเงินได้ ต้องมีการลงแรงซ่อมซึ่งค่าแรงน้อยนิด ราคาที่เป็นกอบเป็นกำมาจากอะไหล่ครับ ลองคิดดูถ้าบ้านราคาสองล้าน ค่าจ้างสถาปนิกจะเท่าไร แล้วคนจ้างได้อะไรบ้างนอกจากกระดาษไม่กี่แผ่น จากคุณ : นายส่งเดช - [ 15 ม.ค. 49 12:12:29 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตามจรรยาบรรณวิชาชีพเรา ห้ามเป็นผู้รับเหมาครับ คุณ แม่ฮะ เทไฮน์ให้หน่อย      แต่ในความเป็นจริง สถาปนิกที่ผันตัวเองไปเป็นผู้รับเหมา มีเยอะเหมือนกันครับ  ซึ่งผมรุ้จักรุ่นพี่ที่ผันตัวเองไปทำแบบนั้นหลายท่านมาก   เพียงแต่เขาอาจจะไม่มายุ่งมาทำงานออกแบบอีก      คงเพราะเหตุผลตาม จขกท.ได้บอกมา    และ งานแบบนั้น  มันเป็นงานบริการ ที่วุ่นวายกว่า  เลยหนีไปทำอย่างอืนแทน น่ะสิครับ   ผมเอง ก็ทำงานอย่างอื่ นประกอบด้วย เช่นกัน   รู้สึกว่ามันรับผิดชอบน้อยกว่า และจบงานเร็วกว่างานออกแบบเยอะครับ :) จากคุณ : Nature&Trend - [ 15 ม.ค. 49 12:20:56 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ก็คนเขามักจะคิดแบบนายส่งเดชไงครับ บ้านเมืองเราเลยมีแต่อาคารที่ออกแบบส่งเดชเยอะแยะไปหมด อิอิ จากคุณ : อืมม... - [ 15 ม.ค. 49 13:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อารายกันเจ๊คนไทยก็ทำได้ มาทวงน้องคูนิโคว่า ต่อหน้าสาธารณะชนได้อย่างไร 55 ถึงคุณส่งเดชครับ ขอให้อ่านหน้าที่ของสถาปนิกที่อยู่ข้างบนก่อนนะครับ   และขอให้อย่ามีคนคิดแบบคุณ ส่งเดชเลย     เหตุผลที่กระดาษที่ผ่านการคิด  และการออกแบบ ไม่ได้เป็นแค่กระดาษ   ก็อยู่ในที่ผมเขียนไว้ข้างบนครับ   ปล..ไม่ได้มีเจตนาว่าเพื่อนที่เรียนสาขาเดียวกันแล้วผันตัวเองไปเป็นผู้รับเหมาเลยครับ   เพียงแต่ว่าแนวความคิดในการใช้ชีวิตไม่เหมือนกันแค่นั้นเอง ตอนนี้ผมยังเชื่อว่า  ถ้าทำงานที่ใจรัก  กินน้อยหน่อย  คนอื่นอายุเท่ากันอาจจะได้กินสเต็ก  ผมทนกินก๋วยเตี๋ยวไปก่อน    เพื่อได้ทำงานที่สบายใจ    อีกหน่อยคงจะดีขึ้น..............มั้ง แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 49 13:42:48 จากคุณ : แม่ฮะ เทไฮน์ให้หน่อย - [ 15 ม.ค. 49 13:39:52 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ลองคิดเปรียบเทียบกับอู่ซ่อมรถดูซิครับ ถ้าอู่ไหนไม่มีการซ่อม รับแค่วินิจฉัยปัญหารถแล้วคิดค่าวินิจฉัยเป็น% ของราคารถ จะมีคนเข้าซักกี่คน ที่เห็นเป็นอยู่ปัจจุบัน ค่าวินิจฉัยปัญหาไม่มีการเรียกเก็บ แต่จะไปบวกอยู่ในค่าแรงและค่าอะไหล่ ซึ่งคนไทยยอมรับได้ แต่สถาปนิกจะเรียกค่าออกแบบที่เป็นกระดาษไม่กี่แผ่นเป็นเงินหลายหมื่น หรือเป็นแสนโดยที่เจ้าของเห็นสิ่งที่ได้เป็นกระดาษไม่กี่แผ่น เขาก็รู้สึกว่าไม่คุ้มค่า แต่ถ้าค่าออกแบบไปรวมอยู่ในค่าก่อสร้าง และค่าวัสดุแล้วคนไทยรับได้ครับ ก็ถ้าจะถามความเห็นผม สถาปนิกอิศระน่าจะอยู่ได้ยากครับ ต้องอยู่กับบริษัทที่ทำงานครบวงจรหรือต้องทำงานครบวงจรเอง ว่าแต่ว่าผมก็ยังอยากจะจ้างสถาปนิกมาให้คำปรึกษาเล็กน้อยอยู่เหมือนกันเกี่ยวกับการปรับปรุงบ้าน วงเงินปรับปรุงบ้านซัก 3-4 แสน ช่วยคิดดูว่าจะมีสถาปนิกมารับจ้างในวงเงินซักเท่าไร จากคุณ : นายส่งเดช - [ 15 ม.ค. 49 13:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เทียบกับอู่ซ่อมรถไม่ได้ครับ คุณต้องเทียบกับหมอครับ เพราะสถาปนิกคือหมอบ้าน เทียบบ้านได้กับร่างกาย เวลาคุณเจ็บป่วยคุณจะใช้บริการหมอตี๋ตามร้านขายยาหรือตามคลินิกแพงๆมันก็แล้วแต่คุณ หรือเวลาจะคลอดลูก คุณจะไปฝากท้องกับโรงพยาบาลดังๆหรือจะพึ่งหมอตำแยแถวบ้าน มันก็เรื่องของคุณเหมือนกัน บางกรณีเจ็บป่วยพื้นๆคุณไปหาหมอตี๋ก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นมะเร็งแล้วพึ่งหมอตี๋ก็ตัวใครตัวมันนะครับ จริงๆอย่ามองสถาปนิกแค่ออกแบบบ้านหลังละ 2-3 ล้านครับ เพราะนั่นมันพื้นๆครับ จากคุณ : อืมม... - [ 15 ม.ค. 49 14:36:21 ]

ความคิดเห็นที่ 21 นั่นแหละครับ  คือประเด็นที่ผมยกตัวอย่างของบ้านราคา1.5ล้าน เพราะมันใกล้ตัวคนทั่วๆไปอย่างเราๆมาก    สร้างบ้านกันที่ราคาประมาณนี้กันเยอะ    และเพราะความที่ไม่เข้าใจเรื่องการออกแบบ   และกลัวว่าสถาปนิกจะจ้างกันแพง  งานก็เลยออกมาเป็นอย่างนั้น และที่ยกตัวอย่าง บ้าน เพราะ มันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากๆ  ใครๆก็คิดว่าทำกันได้ เพราะเราอยู่ในบ้านกันมาตั้งแต่เกิด  รู้หมด ว่าอะไรควรอยู่ตรงไหน .. . ..   แต่การสร้างให้คุ้มค่าเงินจริงๆ มันมีอะไรที่มากกว่านั้นครับ   ถ้าเป็นอาคารประเภทอื่นที่ลูกค้าไม่ได้ใช้งานอย่างคุ้นเคย เช่น ออฟฟิศ  สปา  โรงแรม  อย่างนี้ค่าแบบตามปกติครับ  ลูกค้าเข้าใจเพราะมันส่งเสริมการขายของเค้าด้วยครับ   ประเด็นที่ตั้งกระทู้คือ อยากให้เข้าใจมุมมองของสถาปนิกบ้าง  ถ้ายืนยันว่ามันเป็นแค่กระดาษจริงๆ    ลองดูสิครับ  ถ้าคุณคิดจะออกแบบบ้านเอง  แล้วลองเขียนมันลงบนกระดาษ   เอาตามความเข้าใจของตัวเองเลย    ตามความชอบและความสนใจของตัวเอง   กระดาษแผ่นนั้นไม่ได้เป็นแค่กระดาษแล้วใช่ไหมครับ  เพราะกระดาษนั้นมันรวมความคิดของคุณอยู่........   มันมีค่าขึ้นแล้วใช่ไหม  เพราะอย่างน้อยที่สุด   คุณคงไม่ขยำมันทิ้งไปง่ายๆ  เหมือนถุงใส่กล้วยแขกและกล้วยทอดแน่ๆ จากคุณ : แม่ฮะ เทไฮน์ให้หน่อย - [ 15 ม.ค. 49 14:54:10 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อืม  ต้องเข้ามาแจมหน่อย ตามนั้น ผมก็เป็งคนนึงเหมือนกัน  ทำอาชีพนี้บอกตรงๆเหนื่อยเหมือนกัน มี  งานร้านอาหารที่นึง ให้ทำต่อค่าแบบผม มากๆๆๆๆ แล้วเค้าบอกใช้เก้าอี้ B&B 10กว่าตัว (ตัวละเกือบ2หมื่นเก้าอี้กินข้าวเล็กๆ)  ตัวแกเองออกรถ BM ป้ายแดง  -----------ไรงี้คิดแล้วน้อยใจชมัด ลองคิดดีๆครับ  บางอย่างเราเป็นสถาปนิก อย่างไม้เทียม ลามิเนตปูพื้น คุณไปซื้อทั่วไป 800-900  ต่อตารางม.ชะมะ  แต่ผมบีบเซลล์ได้700  ไรงี้ ทั้งหลังตก 70-90m2  โดยทั่วๆไป   ก็ลดไปเยอะแล้ว กับพวกชุดครับนี่เค้ามีส่วนลดให้สถาปนิก อินทีเรียครับ คุณเดินเข้าไป 5 %  ถ้าสถาปนิก อินทีเรีย  มาสุดที่เคยทำได้ 37%  คับ  (10-20%  นี่เค้าให้อยู่แล้ว) แต่ก็แล้วแต่ผลิตภัณท์ นะ อันนี้เป็นความในใจ + สิ่งที่พบที่เห็นมา  ไม่ได้พาดพึงใครนะครับ  เล่าให้กันฟังเฉยๆ (ต่อกันจิงๆค่าแบบ  ถามจิงๆว่ามีเงิน 11  บาทจะซื้โค้กกระป๋องเซเว่น  13  บาทคุณลองให้เค้าไปดิ    เค้าจะให้เอาออกมามะโค้กอะ) (บางคนก็เสียน้อยเสียมากเสียยากเสียง่าย  อันนี้เห็นมาเยอะเหมือนกัน)   ทำทีเดียวแล้วจบ ( เนี่ยบอกแพงไม่ไหวไม่เอา ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน)เอาถูกๆ พอ "หลังๆเลยไม่ค่อยอยากทำบ้านได้เงินน้อย เลยหนีไปทำตึกทำห้าง กันเยอะ" จากคุณ : เม็กนีโต้ - [ 15 ม.ค. 49 14:58:39 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แต่ถ้าการทำงานของสถาปนิก   ก่อนจะเป็นกระดาษที่เอามาให้ลูกค้าน่ะ   ต้องผ่านการคิดตั้งหลายรอบ  ลองผิดลองถูกตั้งเยอะ  ทั้งแบบร่าง  แบบก่อสร้าง ปรินท์แล้วปรินท์อีก  ตรวจกันจนพอใจว่ามันสวยที่สุดแล้ว ใช้งานได้ดีแล้ว   แบบนั้นแหละครับ ถึงจะถูกส่งมาให้ลูกค้า ไม่ใช่อยู่ดีๆจะเขียนขึ้นมาได้เลยครับ   ปล. .ส่วนที่ถามว่าต้องการสถาปนิกให้ช่วยทำให้อ่ะ  ถามคนรู้จักที่เป็นสถาปนิกสิครับ  หรือไม่ก็บอกเค้าตรงๆว่ามีเงินน้อย   เค้าก็ช่วยแหละครับ ถ้าไม่มีตังจ้าง  มาถามในชายคาก็ได้ครับ  มีสถาปนิกใจดีตั้งหลายคน  ก็ช่วยๆกันไปครับ  แต่ก็ต้องยอมรับว่าในระดับหนึ่งครับ  เพราะอ่านเอาจากในคอม มันก็คงไม่เหมือนกับนั่งคุยและอธิบายแบบตัวต่อตัวใช่ไหมครับ จากคุณ : แม่ฮะ เทไฮน์ให้หน่อย - [ 15 ม.ค. 49 15:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 24 มัวแต่มาเถียงกันในนี้ นี่ ลูกไฮน์ น้องคูนิโคว่า รอจน จะเล่นหนังแผ่นเองแล้วนะ จากคุณ : คนไทยก็ทำได้ - [ 15 ม.ค. 49 15:44:22 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ใจเย็นๆครับ เข้าใจว่าพยายามอธิบาย แต่ขอบเขตของความเข้าใจ มุมมองจากคนละแง่มุมต่างกัน อย่างเช่น คุณ จขกท คิดว่า สถาปนิก ไม่มีทางผันตัวเองเป็นผู้รับเหมาแน่ๆ นั่นก็เป็นความคิดของคุณคนเดียว เหมือนๆกันนะ เพื่อนผม ที่ เรียน ป โท ด้วยกัน ห้องมี 16 คน เป็นสถาปนิกด้วย เป็นผู้รับเหมาด้วย 4 คน แน่ะครับ  เพื่อนสมัย ป ตรี ก็เป็น ผู้รับเหมาเยอะมาก อันนี้ มัน จะเป็นเรื่อง จรรยาบรรณ หรืออะไรผมก็ไม่ทราบได้ แต่ถ้าถามผมตรงๆ ว่าให้เป็นผู้รับเหมา มั้ย ผมก็จะบอก ได้ตรงๆ ว่า เป็นครับ แต่เอาทุนมาสิ อุดมคติ กับความเป็นจริงทางสังคม มันขัดแย้งกันซะแล้วหละ จากคุณ : โสดจัง - [ 15 ม.ค. 49 15:49:36 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณอืมมครับ จะเปรียบเทียบงานของสถาปนิก กับช่างของอู่ซ่อมรถ หรือหมอก็ไดทั้งนั้นครับ ค่าวินิจฉัยโรคของหมอนะ หมอเรียกเก็บได้กี่ตังค์ครับ ที่เห็นแพงๆก็จะเป็นค่ายา ค่า X-ray ค่าตรวจเลือด ค่าตรวจปัสสาวะ ค่าผ่าตัด ค่าห้อง ค่าเครื่องมือครับ ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับงานใกล้เคียงกันกับงานสถาปนิกก็จะเป็นงานตกแต่งภายใน ที่เงินเรียกเก็บก็จะไปลงที่การตกแต่งที่เป็นจริง ไม่ใช่ผลงานในกระดาษ ที่ว่ามานี่ก็เพราะประสบการณ์ของผมเองที่เคยรับงานออกแบบทางวิศวกรรมขนาดโครงการมากกว่าพันล้าน แต่ค่าความรู้ที่ทำออกมาเป็นกระดาษมีค่าไม่ถึงล้าน สำหรับบางงานบางทีเขามาปรึกษาเอาความรู้ที่เราสะสมมานับสิบปีโดยได้สิ่งแลกเปลี่ยนแค่กาแฟแก้วเดียวก็มี ที่ให้ความเห็นมาก็อยากจะให้รู้ว่าสังคมเป็นอย่างไรครับ ไม่ใช่ให้ความเห็นว่าสังคมควรจะเป็นอย่างไร เช่นเดียวกับที่คนทำการค้าจะต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ไม่ใช่ว่าคนขายต้องการขายอะไร จากคุณ : นายส่งเดช - [ 15 ม.ค. 49 21:21:07 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณส่งเดช ค่าวินิจฉัย ของหมอเรียกเก็บได้กี่ตังค์ผมก็ไม่รู้นะครับ   แต่เท่าที่เห็น พี่ๆ ญาติๆ คนรู้จัก หรือลูกค้าที่เป็นหมอ  รวยๆกันทั้งนั้นอ่ะครับ เห็นแล้วอิจฉาครับ                ตรงนี้แล้วแต่มุมมองความคิดของแต่ล่ะท่านครับ  เราห้ามกันไม่ได้ อย่างเมืองนอก โทรปรึกษาหน่อยเดียวเขาก็คิดค่าบริการทางวิชาชีพแล้ว แต่เมืองไทยทำแบบนั้นไม่ได้        ผมคิดว่าเราใช้ จินตนาการ ความรู้ กระบวนการทางความคิดจากการที่ได้ร่ำเรียนมาในคณะนี้ ปรับตัวเข้ากับคนไทย แล้วไปทำมาหากินทางอื่นได้ครับ    ดังนั้นผมไม่ซีเรียสกับความคิดคนครับในเมื่อเรารุ้ว่าสังคมเป็นแบบนี้ เราเองก็ต้องปรับตัวเองเพื่อให้อยุ่ได้ในสังคมครับ อย่ายึดติดอะไรมากนัก     คนที่เขาเห็นความสำคัญเขาก็มีครับ แต่คุณต้องปรับและทำอย่างไรเพื่อจะได้อยู่ได้ในสังคมที่มีความคิดแบบนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 49 21:43:19 จากคุณ : Nature&Trend - [ 15 ม.ค. 49 21:40:11 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คนที่เห็นคุณค่า คำว่า งานออกแบบ จะ จ้างสถาปนิก ครับ คนที่เห็นว่า สถาปนิก ทำงานออกมาเป็นแค่ กระดาษ จะไม่จ้างสถาปนิก และสถาปนิกไม่ควรรับงานของคนที่คิดแบบนั้นมาทำด้วยนะครับ งานสถาปนิก เปรียบ เทียบกับ ช่างซ่อมรถ หรือ หมอ ไม่ได้ทั้งนั้น ครับ คนละ อาชีพกัน คนละ ธรรมชาติ ผมเชื่ออย่างนั้นนครับ เรื่องแบบนี้เถียงกันไม่สิ้นสุดครับ จากคุณ : =^-^= (วินยู-วานิช) - [ 15 ม.ค. 49 22:03:10 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คุณส่งเดชรับงานเป็นพันล้านงานอะไรครับ งานทำถนนก็เป็นพันล้านได้นะ ที่ผมหมายถึงคืองานออกแบบนะครับ ไม่ใช่งานเอาดีเทลมาตรฐานมาจับใส่ คนที่ทำเขาต้องใช้สมองคิดใหม่นะครับ ขอให้เข้าใจด้วย จากคุณ : อืมม... - [ 15 ม.ค. 49 22:40:35 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อ้อ...ยกตัวอย่างผมก็ได้ คุณบอกว่าสถาปนิกอิสระอยู่ไม่ได้ แต่ผมก็อยู่ได้อย่างดี ตอนนี้ผมงานเพียบ และมีงานออกแบบงานนึงมูลค่างานประมาณ 60 ล้าน ผมได้ค่าแบบมากกว่าโครงการพันล้านของคุณซะอีกนะครับคุณส่งเดช สังคมจะเป็นยังไงมันอยู่ที่มุมมองของคนๆนั้น อย่าเหมารวมนะครับ จากคุณ : อืมม... - [ 15 ม.ค. 49 22:50:19 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ต้องขอทำความเข้าใจกันซักนิด ที่เข้ากระทู้มานี้ไม่ใช่มีเจตนาจะมาโต้เถียงกันว่าควรจ้างสถาปนิกหรือไม่ แต่ต้องการสะท้อนถึงความคิดเห็นของชาวบ้านว่ามีความคิดเห็นเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าควรจะต้องมีความคิดเห็นอย่างไร ทั้งนี้เกี่ยวเนื่องกับกระทู้ที่ว่าทำไมคนที่จะสร้างบ้านจึงมักหาแบบบ้านฟรี หรือ คิดราคารวมกับค่ารับเหมา ทางสถาปนิกบางท่านก็อาจมีความเห็นแตกต่างว่าสังคมไทยไม่ได้คิดแบบนี้ แต่ผมเชื่อว่าคนไทยที่มีความเห็นตามที่ผมว่ามาก็มีอยู่มาก ตัวอย่างที่ผมกล่าวถึงนั้น ก็เพียงแค่จะสะท้อนถึงความเป็นไปในเมืองไทยว่าคุณค่าความรู้เขาตีราคากันแค่ไหน ส่วนใครที่รับงานออกแบบหลายๆสิบล้าน ก็คงต้องตัดประเด็นนี้ออกไปเพราะเห็นว่าเป็นงานอีกระดับหนึ่งซึ่งเขาเข้าใจถึงทบาทสถาปนิกดี หรือเป็นเพราะรวมงานอย่างอื่นนอกจากการออกแบบใว้ด้วย คงไม่ใช่งานของชาวบ้านที่จะปลูกบ้านราคาซัก 4-5 ล้านแน่ๆ ถ้าหากคิดว่าสังคมไทยไม่เป็นไปตามความคิดผม ก็ถือว่าเป็นเสียงนกเสียงกาไปเถอะ มาทะเลาะกันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะผมเข้าใจในงานขายความรู้ดีอยู่แล้ว แต่ต่างกันที่มุมมองของสังคมไทย หากคิดว่าสังคมไทยเป็นไปตามความคิดผม ก็ป่วยการที่จะมาทำความเข้าใจกับผม เพราะผมก็ไปเปลี่ยนความคิดของสังคมไม่ได้ คุณต้องเปลี่ยนความคิดของสังคมไทยกันเอง หรือเปลี่ยนจุดยืนของคุณเอง จากคุณ : นายส่งเดช - [ 16 ม.ค. 49 00:32:42 ]

ความคิดเห็นที่ 32 "ดูค่าจ้างแล้วแปลกๆนะ ไม่ว่าจะ 3% หรือ 7% ของมูลค่าโครงการ กลัวว่ามูลค่าโครงการจะถูกปั่นไปสูงลิ่ว แล้วที่จ้างไปนะ คนจ้างได้อะไรบ้างนอกจากกระดาษไม่กี่แผ่น เรื่องวิชาความรู้นะเมืองไทยไม่ตีค่าเป็นตัวเงินให้หรอก อย่างรถเสียแล้วไปซ่อมที่อู่ ลำพังแค่วินิจฉัยว่าอะไรเสียก็ไม่สามารถเก็บเงินได้ ต้องมีการลงแรงซ่อมซึ่งค่าแรงน้อยนิด ราคาที่เป็นกอบเป็นกำมาจากอะไหล่ครับ ลองคิดดูถ้าบ้านราคาสองล้าน ค่าจ้างสถาปนิกจะเท่าไร แล้วคนจ้างได้อะไรบ้างนอกจากกระดาษไม่กี่แผ่น " ผมก็ไม่อยากจะโต้เถียงหรอกนะครับ แต่ผมว่าที่คุณส่งเดชเขียนมามันดูถูกวิชาชีพครับ บ้านราคา 2 ล้านก็เคยทำครับ ได้ค่าแบบ 9 หมื่น-แสนกว่าบาท นอกจากได้แบบขออนุญาต แบบก่อสร้าง ระหว่างก่อสร้างก็ช่วยดูงานจนจบ ซึ่งทุกรายก็พอใจครับ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย จากคุณ : อืมม... - [ 16 ม.ค. 49 00:50:01 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ก่อนอื่น  ต้องขอโทษพี่ๆ ผู้มีความรู้ทุกท่าน ที่ผมตั้งประเด็นออกมาอย่างนี้   ยอมรับว่าประเด้นมันเสี่ยงจริงๆ แต่ที่อยากบอกก็คือว่า  ถ้าเจ้าของบ้านทำงานเอง   ออกแบบเอง   แล้วส่งงานให้ผู้รับเหมาที่สร้างโดยไม่มีความรู้เรื่อง space  หรือเรื่องพื้นที่อย่างดีพอ สมมติว่าค่าก่อสร้างคิดเป็นราคา1000บาท   จริงอยู่....ที่สามารถได้สิ่งก่อสร้างที่มีราคา 1000บาท     แต่ผมจะบอกว่า  นักออกแบบทั้งหลาย  สามารถมีวิธีคิด  ที่ทำให้ของ 1000บาท มีคุณค่ามากกว่าราคาค่าก่อสร้างครับ   แต่คุณอาจจะต้องจ่ายเพิ่มเป็น  1070บาท   ถ้ายอมจ่ายได้ก็จ่ายครับ ถ้าทำใจจ่ายไม่ได้   ก็อยู่ในที่ๆเคยชิน.............   แล้วก็ยอมรับเถอะครับ  ว่าคุณเป็นคนเสียน้อยเสียยาก    เพราะสร้างบ้านราคาเป็นล้านได้   ค่าแบบราคาหลักแสน  ไม่ยอมจ่าย  ก็สมควรแล้วครับ  ที่อยู่บ้านตามคำบอกเล่าของผู้รับเหมาที่ทำหน้าที่สร้างตามแบบอย่างเดียว  เค้าไม่มานั่งท้วงติงหรอกครับ  ว่าใช้พื้นที่ดีหรือไม่ดี บ้านอยู่กันนับ20ปี  ค่าออกแบบให้อยู่สบายและเหมาะสมราคานับแสนก็จริง   แต่ลองเอาค่าออกแบบ หารจำนวนปีหรือเดือนที่อยู่สิครับแล้ว ตกอยู่ไม่กี่บาทเอง   ค่าดอกเบี้ยธนาคารที่จ่ายๆไป แพงกว่าค่าตัวสถาปนิกตั้งเยอะ   แหมม ม  ...........คิดแล้วตะหงิดๆ  :D ปล...ผมไม่ได้ว่าเพื่อนร่วมอาชีพที่แปรเปลี่ยนไปเป็นผู้รับเหมาครับ   อย่างน้อยที่สุด ก็ช่วยให้เจ้าของบ้าน ไม่เสียเงินเป็นแค่ค่าก่อสร้างเพียงอย่างเดียว  ยังได้ความงามไปด้วย   แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่า คนเรามีความเชื่อในการดำรงชีวิตต่างกันครับ   ปล2.  คุณส่งเดชครับ   ผมมองอย่างเป็นกลางนะครับ    สิ่งที่คุณส่งเดชพูดไป  มีส่วนที่ดูแคลนวิชาชีพสถาปนิกเช่นกัน... และผมเคยทำบ้านราคา3ล้าน  ค่าแบบได้แสนกว่าเหมือนกัน   แสดงว่า คนที่เข้าใจก็มีอยู่ครับ  แต่น้อยกว่าคนที่ไม่เข้าใจแค่นั้นเอง จากคุณ : แม่ฮะ เทไฮน์ให้หน่อย - [ 16 ม.ค. 49 02:04:32 ]

ความคิดเห็นที่ 34 " และตามจรรยาบรรณของวิชาชีพแล้ว  ถ้าเลือกจะเป็นสถาปนิกแล้ว  ก็ไม่สมควรจะเป็นผู้รับเหมา " ผมว่า wording ผิดนะ สรุปแบบนั้นไม่ได้   ผมไม่ใช่ผู้รับเหมาและไม่ได้คิดจะเป็น แต่สถาปนิก ก็ต้องหารายได้และต่อยอดเหมือนธุรกิจอื่นๆ  จรรยาบรรณคงต้องมีทั้งในตัวสถาปนิกหรือผู้รับเหมา แต่ไม่ใช่ว่าหากคุณเป็นแบบนี้แล้วไม่ควรไปเป็นผู้รับเหมา อันนี้ผมว่าเข้าใจผิด  แต่ถ้าเป็นอาชีพอะไรก็ตามในสาขาก่อสร้าง  ต้องมีจรรยาบรรณต่อวิชาชีพเท่านั้นแหละครับ จากคุณ : ขี้เมื่อย - [ 16 ม.ค. 49 08:25:22 ]

ความคิดเห็นที่ 35 มาช้าไปหน่อยโทษทีนะครับ เพิ่งกลับมาสดๆไม่อยู่หลายวันครับ จากคุณ : ขี้เมื่อย - [ 16 ม.ค. 49 08:27:08 ]

ความคิดเห็นที่ 36 หัวอกพี่'ถา หุหุ จากคุณ : ดุเดือดเลือดพล่านซ่านกระเซ็น.. (ว่านน้ำ) - [ 16 ม.ค. 49 09:41:53 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ค่าแบบที่สถาปนิกออกแบบให้นั้น... ผู้จ้างไม่ได้รับแค่กระดาษไม่กี่แผ่นแน่นอนครับ แบบ 5-7% นั้นได้รวมเอา ค่าวิศวกร ค่าเขียนแบบ ค่าประสานงาน ค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่า.... สารพัด และรวมไปถึงค่าความเสี่ยงที่ต้องเอาตัวเข้าไปค้ำประกันในบ้านด้วยครับ เงินไม่กี่หมื่นกี่แสน คุณว่ามันคุ้มมั้ยครับ ที่ต้องนอนผวาไปหลายปี ผมยังจำได้ ว่า ... มีอาจารย์ท่านนึงบอกผมว่าอาชีพนี้เหมือนคุณมีขาข้างนึงอยู่ในคุก แล้วอีกอย่าง ผมไม่เคยเห็นสถาปนิก(ที่ดีๆ) รวยสักคนเดียวครับ เฮ้อ....เลิก..ไปทำอย่างอื่นดีกว่า ... ครับ จากคุณ : คนขายปลา - [ 16 ม.ค. 49 14:29:12 ]