ความคิดเห็นที่ 1 มีผลเสีย ดังนี้ ๑. ที่ดินตอนนี้ตามโฉนดยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของน้า  ผู้ที่มีสิทธิต่อจากน้า คือผู้รับมรดก ถ้าน้าไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ ก็เป็นมรดกตกไปยังทายาทโดยธรรม  เอาง่ายคือผู้สืบสันดาน(ลูก หลาน เหลน ฯลฯ) คู่สมรส(ทีชอบด้วยกฎหมาย) บิดามารดาที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงไปขอรับมรดกร่วมกันได้  คุณแม่ของคุณไม่มีสิทธิไปรับมรดกที่ดินนี้ เว้นแต่ว่า ลูกของน้าไม่มี น้าไม่มีคู่สมรส(โสด) และบิดามารดาได้ตายไปแล้ว  ดังนี้ พี่น้องร่วมบิดามารดา(รวมทั้งคุณแม่ของคุณ)จึงมีสิทธิรับมรดกได้ ๒. ถ้าปล่อยไว้นานยิ่งไม่ดี  ยกตัวอย่างเช่น น้ามีบุตรแล้วบุตรตายไป การรับมรดกก็จะซับซ้อนยิ่งขึ้น คือตกไปถึงหลาน ฯลฯ  การที่จะตกลงให้คนใดคนหนึ่งรับมรดกที่ดินแปลงนี้มา แล้วโอนให้แก่แม่ของคุณ ก็จะยากยิ่งขึ้น   ขอเพิ่มทางแก้ไข ๑. ต้องดูว่าการที่คุณแม่ตกลงกับคุณน้าให้เป็นตัวแทนซื้อที่ดินไว้แทนนั้น  มีหลักฐานใดหรือไม่ เช่นหนังสือแต่งตั้งตัวการตัวแทน คือคุณแม่เป็นตัวการ(ผู้ซื้อจริง)และตั้งให้คุณน้าเป็นตัวแทน(ผู้ซื้อแทน)  ถ้ามีหลักฐานเช่นนี้ก็พอเชื่อว่าที่ดินเป็นของคุณแม่คุณจริง  ก็ไปดำเนินการทางศาลให้มีการสั่งโอนให้แก่คุณแม่คุณได้ ๒. ถ้าสามารถทำการตกลงกับทายาทของคุณน้าได้ และเป็นคนที่ไว้ใจได้ ก็ให้ทายาทคุณน้าไปรับมรดกไว้ก่อน แล้วโอนให้แก่คุณแม่ของคุณ ๓. หรือไม่ก็ ในกรณีที่มีทายาทมากกว่า หนึ่ง คน ก็หาบุคคลที่ไว้ใจได้และทำการชี้แจงให้ทายาททั้งหลายเข้าใจ พร้อมทั้งร้องศาลตั้งผู้จัดการมรดกขึ้นมา(ไว้ใจได้) แล้วให้ผุ้จักการมรดกโอนขายที่ดินนี้ให้แก่แม่คุณเองในราคาหลอกๆ ก็ได้ นอกจากนี้ก็ลองฟัง คห. อื่น ดูบ้างก่อนตัดสินใจ นะ จากคุณ : หมากสีนวล - [ 26 พ.ค. 52 20:54:20 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มาเพิ่ม อีกหน่อย ครับ ถ้าคุณน้าทำพินัยกรรมเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ไว้ ก็ไปเจรจากับทายาทผู้รับมรดกที่ดินนี้ตามพินัยกรรมให้รู้ว่าเป้นที่ดินของคุณแม่ แล้วให้เขาโอนให้  ถ้าเขาเบี้ยวก็อด อีกกรณี เผื่อว่าคุณน้าทำพินัยกรรมไว้โดยระบุว่าให้ที่ดินนี้ตกเป็นของคุณแม่คุณ ก็นำพินัยกรรมและหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปโอนมรดกตามพินัยกรรมก็จบ จากคุณ : หมากสีนวล - [ 26 พ.ค. 52 21:00:04 ]

ความคิดเห็นที่ 3 น้าที่เสียชีวิตไปไม่มีทายาท และยังไม่มีคู่สมรส โดยทางฝ่ายญาติไม่มีปัญหาในการโอนที่ดินคืนให้แม่แต่อย่างใด แต่ที่กังวลคือทางราชการจะมีปัญหาหรือไม่ถ้ายังปล่อยให้ที่ดิน เป็นชื่อของน้าที่เสียชีวิตไปอยู่ เพราะที่ดินนี้แม่แต่อยากขายอยู่แล้ว แต่ไม่อยากเสียค่าโอนมาถือสิทธิก่อน แต่กะว่าจะโอนสิทธิให้กับ ผู้ซื้อในอนาคตเลยได้หรือไม่ ขอขอบคุณ คุณหมากสีนวลด้วยสำหรับข้อมูล จากคุณ : จขกท (ratinho) - [ 27 พ.ค. 52 07:51:53 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าเป็นอย่างที่จขกทว่านะคะ ก็ค่อยยังชั่วค่ะ ไม่มีปัญหาเรื่องมรดก แต่เท่าที่ทราบมายังไงๆๆ หากเจ้าของโฉนดเสียชีวิต แล้วญาติต้องการขายที่ดินนั้นต่อไปให้บุคคลที่สาม ก็จำเป็นจะต้องมีผู้รับมรดก หรือ ผู้จัดการมรดก ก่อนค่ะ เพราะถือว่า ผู้เสียชีวิตแล้วไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆๆ ได้เลยค่ะ    ดังนั้นในกรณีนี้คิดว่า ถ้าตามลำดับญาติที่ดินก็น่าจะตกไปอยู่ที่คุณยายค่ะ หรือ ถ้าญาติๆตกลงที่จะให้คุณแม่คุณเป็นผู้จัดการมรดกแล้วโอนที่ดินให้เป็นของคุณแม่คุณก่อนอย่างนั้นก็ดีค่ะ ก็ต้องทำเรื่องขอศาลให้แต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกค่ะ ซึ่งค่าธรรมเนียมในกรรับณีมรดกจะไม่แพงค่ะ    แต่ในเรื่องของค่าธรรมเนียม+ขั้นตอนปฏิบัตินั้น คงต้องปรึกษากับสนงที่ดินจะดีที่สุดค่ะ    อันนี้เป็นข้อมูลที่ทราบมา+ประสบการณ์อ่ะนะคะ ถ้าผิดถูกประการใดขออภัยไว้ด้วยค่ะ จากคุณ : บ้านทุ่งลมเย็น - [ 27 พ.ค. 52 10:43:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มาเพิ่มเติมให้ จขกท.อีก ครับ  อย่าง คห. 4 ว่า ที่ค่อยยังชั่วหน่อยที่น้าไม่สมรสและไม่มีบุตร(โสด) ต้องมีผู้รับมรดก หรือผู้จัดการมรดกก่อนจำหน่ายจ่ายโอนไปบุคคลภายนอกกองมรดก ถูกแล้วครับ เมื่อไม่มีบุตร และไม่มีคู่สมรส ที่ดินนี้ก็ตกไปแก่ทายาทลำดับสอง คือบิดามารดา ถ้าบิดามารดายังอยู่ก็ไปขอรับมรดกแล้วโอนขายให้แก่ผู้อื่นได้  แต่ถ้าบิดามารดาตายหมดแล้ว  ที่ดินก็ตกแก่ทายาทลำดับสาม คือ พี่น้องร่วมบิดามารดา  ทายาทชั้นนี้ก็คือคุณแม่ของ จขกท. และพี่น้องร่วมบิดามารดาของคุณแม่ทุกคน(ไม่รู้จะโชคดีขนาดมีพี่คนเดียวคือคุณแม่หรือเปล่า)    ดังนี้ ถ้าเกิด มีพี่หรือน้องของคุณแม่ของคุณคนใดได้ตายไปก่อนหรือหลังเจ้ามรดก(น้า)ทายาทของคนที่ตายก็เข้ารับมรดกตกทอดหรือแทนที่  จะเห็นว่าถ้านานไปยิ่งยุ่งเพราะทายาทจะเพิ่มจำนวนซับซ้อนขึ้นเรื่อย    และยังมีทายทลำดับอื่นที่รอต่อท้ายอีกสามลำดับ     ทางออกกรณีทายาทซับซ้อนก็ตั้งผู้จัดการมรดก แล้วก็โอนขายโดยผู้จัดการมรดกให้แก่บุคคลอื่นได้ การปล่อยทิ้งไว้นานทางที่ดินเขาไม่ว่าหรอก   แต่จะยุ่งยากตอนไปรับมรดกภายหน้าเมื่อทายาทมากขึ้น เอกสารก็มาก  บางทีแค่ทายาท  10 คน ก็ยุ่งยากแค่ตามตัวให้พร้อมเพราะอยู่คนละที่  ถ้าทายาทพร้อมเรื่องก็เสร็จ  คิดดูจะยุ่งมากไหม  เขาจึงนิยมตั้งผู้จัดการมรดก ค่าใช้จ่ายต้องผ่านทนายไปศาล ไม่แพงแต่ไม่ถูก อาจถึงหลักหมื่นเพื่อนเคยทำมาเกือบ 8000   บาท   ต้องหาเพื่อนที่เป็นทนายจึงถูก  ไม่รู้ตอบได้เคลียร์หรือยัง  ถามเพิ่มได้ครับ      ถ้าจะถามเพิ่ม ช่วยให้ข้อมูลว่าบิดามารดาของคุณแม่(ตากะยายของคุณ)ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่   และคุณน้ามีพี่น้องร่วมบิดามารดากี่คนมีตายไปหรือเปล่า แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 52 12:47:25 จากคุณ : หมากสีนวล - [ 27 พ.ค. 52 12:36:02 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตา(อากง) กับยาย(อาม่า)ยังไม่เสียชีวิต และแม่มีพี่น้องอีก 8 คนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ทางพี่น้องและ อากงกับอาม่าไม่มีปัญหา เรื่องที่ดินของแม่อยู่แล้วละครับ ถ้ากรมที่ดินไม่มีปัญหา ก็สบายใจแล้วล่ะครับ ขอบคุณทุกๆข้อมูลที่ให้มานะครับ จากคุณ : จขกท (ratinho) - [ 27 พ.ค. 52 15:18:55 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เป็นกระทู้ที่มีข้อมูลดีทั้งผู้ตั้งคำถามและท่านที่เข้ามาตอบได้ให้ข้อมูลที่ชัดเจนดีครับ จากคุณ : ฮ5555 - [ 27 พ.ค. 52 16:01:18 A:203.131.212.105 X: TicketID:071933 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ อากง กะอาม่า ยังมีชีวิตอยู่  มรดกที่ดินแปลงนี้ก็ตกอยู่กะทายาทลำดับสองคือ บิดามารดาของเจ้ามรดก  ก็คือ อากงกะอาม่า  ทายาทลำดับสาม คือพี่น้องร่วมบิดามารดา(แม่ของคุณกะพี่น้องอีก 8 ) ก็ยังไม่มีสิทธิ ดังนี้  ก็ให้อากงกะอาม่าไปรับมรดกที่ดินแปลงนี้  เมื่อเสร็จแล้วก็โอนให้คุณแม่ของคุณ ratinho  ก็สำเร็จตามประสงค์ ครับ  กรณีถ้ารอไว้ก่อน หรืออากงกะอาม่าไม่สะดวกที่จะไปดำเนินการเนื่งจากอายุมากหรือปัญหาสุขภาพ  จะเก็บเรื่องรอไว้ก่อนจะดีไหม   ขอตอบว่าไม่ดีครับ เพราะเหตุว่า สมมุติว่าอากงกะอาม่า(ขออภัยที่สมมุติ)จากไปแล้ว  มรดกก็จะตกกะพี่น้องกับแม่คุณ ทั้ง 8 ครับ  การรับมรดกต้องให้พี่น้องทุกคนไปยินยอมให้คุณแม่คุณรับมรดกที่ดินนี้ไปคนเดียวก็ได้  เมื่อคนมากการนัดพร้อมก็ยากกว่า ครับ คิดว่าเคลียร์  แก้ปัญหาได้แล้วนะครับ จากคุณ : หมากสีนวล - [ 27 พ.ค. 52 19:32:44 ]