ความคิดเห็นที่ 1 เข้าใจค่ะ ของแบบนี้บอกกันตรงๆไม่ได้หรอก ลองหาข้อเสียของบ้านหลังนั้นสิคะ มันต้องมีบ้างแหละ แล้วพูดให้ดูเว่อร์ๆประมาณว่าคงแก้ไขไม่ได้ ไม่ดีอย่างงั้นอย่างงี้ หลังเก่าดีกว่า อันนี้คงยาก แต่ถ้าทำได้ลองไปคุยกับเจ้าของโครงการที่ขายบ้านดู ว่าไม่อยากให้น้องมาซื้อ หรือไม่ก็ ..จองเลยค่ะ จองบ้านหลังนั้น แต่ต้องคุยกับคนขายก่อนว่าห้ามบอกว่าใครจอง ทีนี้บ้านหลังนั้นก็จะกลายเป็นบ้านที่ยังซื้อขายไม่ได้ แล้วค่อยยกเลิกการจองทีหลัง (แต่อันนี้อาจจะใจร้ายกับคนขายบ้านไปหน่อย) นอกนั้นก็คิดไม่ออกแล้วค่ะ ถ้าไม่สำเร็จก็พยายามปรับตัวเข้าหากันให้ได้แล้วกันนะคะ จากคุณ : อยากกินเครปครีม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 21:35:53

ความคิดเห็นที่ 2 ตามคำพูดของคนเก่าว่ากันว่า พี่น้องกัน ควรอยู่ห่างกัน จะได้รักกัน อยู่ใกล้ชิดกัน จะมีแต่เรื่องทะเลาะเบาะแว้ง จริงหรือไม่ก็พิจารณาดู พี่น้องกันอยู่กันมาได้ตั้งแต่เด็ก แต่พอมีครอบครัวของแต่ละคนไป มักจะมีเรื่องขัดใจเพราะคู่ครองของแต่ละคนนั่นแหละมาเป่าหู ทำให้เรื่องบาดหมางครางแครงใจกัน จากคุณ : เหล่านั้งเคียวห่วย เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 21:38:02

ความคิดเห็นที่ 3 เข้าใจเลยอีกแล้วค่ะ เพราะเหตุการณ์เดียวกันกับเรา เราซื้อบ้าน แล้วฝั่งตรงข้ามว่าง พ่อแม่เราเลยจะมาซื้อบอกว่าดีได้อยู่ติดกันเลย หน้าบ้านหันชนกันรั้วเดียวกันเลย คุณสามีเรา บอกเลยว่า อยู่หมู่บ้านเดียวกันได้แต่ขอละ ห้ามซื้อหลังติดกันขนาดเปิดม่านมาเจอกันทุกวัน เพราะต้องการความเป้นส่วนตัว อีกอย่างคุณสามีเราเป้นต่างชาติ เค้าพูดเลยว่า นึกถึงใจเค้าบ้างสิเค้าอยู่ตัวคนเดียว ถ้าเราทั้งตระกูลยกมาอยู่ติดกันขนาดแทบจะกลายเป้นบ้านหลังเดียวกันเนี่ย ถ้าเดิดอะไรขึ้น เช่นทะเลาะกัน หรือ อื่นๆ คฃพ่อแม่เราก็จะได้ยิน รู้เรื่องหมด ไม่มีความเป้นส่วนตัว และทุกคนก็จะยกพวกมาเข้าข้างเรา หรือเราก็อาจจะหนีไปอยู่บ้านพ่อแม่ได้ แค่เดินข้ามรั้วอ่านะ................อย่างนี้ก็เท่ากับ เค้าเป้นเหมือนพวกหัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่มีปากเสียง ไม่มีพวก ไม่มีความเป้นส่วนตัวของครอบครัวเค้าเอง............ ท้ายสุดคุณสามีเราบอกเลยว่า.....ถ้าพ่อแม่มาซื้อบ้านหลังฝั่งตรงข้าม เค้าจะขายบ้านหลังนี้ทิ้งซะแล้วไปซื้อที่อื่น สรุป.............เราไปเล่าให้พ่อแม่ฟัง เค้าเข้าใจมากๆ ก็เลยขยับไปซื้อบ้านในหมู่บ้านเดียวกันห่างไปอีก 300 เมตร ซอยข้างๆ................... จากคุณ : ~ k E t S y ~ เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 21:52:20

ความคิดเห็นที่ 4 เข้าใจด้วยคนค่ะ ทุกวันนีั้อยู่บ้านสามี ก็รอวันอยากย้ายออก ถ้าอุตส่าห์ได้มาอยู่ด้วยกันแล้ว ต้องมาตกอยู่ในสภาพเดิมอีก เราก็คงจะอึดอัดมากเลย ลองคุยกับสามีดูค่ะ ว่าสามีคิดอย่างเรารึเปล่า ให้สามีเป็นคนจัดการ ถ้าสามีเป็นประเภทแตะพี่น้องเค้าไม่ได้ ก็คุยกับเจ้าของบ้านถึงปัญหาของเรา บอกเค้าว่าอย่าขายให้คนนี้ได้มั๊ย ช่วยบอกว่ามีคนจองแล้ว แล้วตกลงค่าใช้จ่ายกับเจ้าของบัานดูค่ะ จากคุณ : แบ๊น แบน เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 22:12:57

ความคิดเห็นที่ 5   ผมว่าลองค่อยๆคุยกับสามีก่อนดีไหมครับ หรือไม่ก็ลองคุยปรึกษากับพ่อสามีก่อนค่อยๆอธิบายให้เค้าเข้าใจว่าเพราะอะไรและทำไม แต่ถ้าคิดว่าไม่ได้ก็ลองตามความคิดเห็นที่1ดูครับว่าจะเป็นอย่างไร แต่ว่ากลัวเจ้าของโครงการเค้าจะไม่ให้ความร่วมมือน่ะสิครับ ใจเย็นๆนะครับเอาใจช่วย ปล.อาผมก็อยู่ไต้หวันเหมือนกันครับแต่จำไม่ได้ว่าเมืองอะไร จากคุณ : aunaun เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 22:16:41 A:125.24.237.168 X: TicketID:218900

ความคิดเห็นที่ 6 สุภาษิตจีน บอกว่าพี่น้องเหมือนแขน ขา ลูกเมียเหมือนเสื้อผ้า เป็นแค่สุภาษิตนะครับ จากคุณ : A.Jabba เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 22:22:58

ความคิดเห็นที่ 7 คนอื่นเป็นปัจจัยภายนอก คุณเข้าไปควบคุมพ่อสามีไม่ได้หรอก ต้องเปลี่ยนที่เราเอง เลือกบ้านหลังอื่นสำรองไว้สิ... บอกบ้านที่เลือกไว้แต่แรกไม่ถูกโฉลก... ถึงจะถูกใจตรง ๆ ก็ตาม... ไอ้เรื่องจะไปร่วมโกหกกับเซลส์... ถ้าความแตก...จะมองหน้าไม่ติดเอา... จากคุณ : เม่นแคระ เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 22:41:12

ความคิดเห็นที่ 8 น้องแฟนคุณอายุเท่าไหร่ครับ คงจะยังหนุ่มยังสาว เมื่อได้มีครอบครัวเป็นผู้ใหญ่อาจจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี ลองหากระทู้เก่าๆ ข้างล่างอ่านปัญหาเพื่อนบ้านของเพื่อนๆ ในห้องนี้ดูสิครับ อนาคตคุณอาจจะดีใจที่มีญาติมาเป็นเพื่อนบ้านก็ได้.................... จากคุณ : นายสันทัด เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 22:45:41

ความคิดเห็นที่ 9 ความเห็นส่วนตัว พูดยากครับ เจ้าของโครงการ ถ้าไม่คุยกับเค้าดีๆ หรือสนิทกับเค้าแบบขั้นเทพ เค้าไม่สนหรอกครับ เค้าจะขายบ้าน ถ้าพ่อสามีคุณมีเงินซื้อ มีสิทธิอะไรไปห้ามเค้า ? แล้วถ้าผมเป็นเค้า ผมไม่มาใส่ใจเรื่องแบบนี้หรอกครับ หน้าที่ผมคือขายบ้าน ถ้าลูกบ้านผ่านเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เรื่องอะไรผมจะไม่ขาย ? เค้าก็จะมองว่า นี่เป็นปัญหาทางคุณครับ คุณต้องแก้ไขเอง ส่วนจะพูดยังไงให้พ่อสามีเปลี่ยนใจ หรือน้องสามีคุณเปลี่ยนใจไม่เอา ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ถ้าจะหาข้ออ้าง ก็ต้องคิดดีๆ ไม่งั้นมันอาจเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้คุณ พ่อสามี หรือน้องสามี มีโอกาสที่จะเหม็นขี้หน้ากันได้ต่อไปในอนาคต หรือถ้ามีทางออกดีๆอื่นๆ ก้เอาใจช่วยแล้วกันครับผม จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 22:56:49

ความคิดเห็นที่ 10 เฮ้อ...... ......... จากคุณ : After Midnight เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 22:57:27

ความคิดเห็นที่ 11   ซื้อไปก่อนค่ะ อยู่ใกล้ๆกันไว้อุ่นใจกว่า ลูกยังเล็กอยู่ด้วย เด็กๆอยู่ใกล้ๆคุณปู่คุณย่า ปัญหาเรื่องน้องชายแฟน กับคุณภรรยาของเขา แนะนำว่า ไม่ต้องสนค่ะ ทำเนียน ทำสนิทไปเลยค่ะ เขาจะเฉยๆแต่เราแสดงออกว่าสนใจ ใส่ใจ รักเขาสองคนด้วยใจจริง เราจะดีด้วย รักนะจุ๊บ ซื้อขนมมาฝาก ซื้อของมาฝาก ขนมนมเนยอะไร เอามาประเคนค่ะ ซื้อใจ.. 5555 ไม้่รุ้จะหาเหตุอะไรทำดีกับเขามากๆ สนิทรักเขา ชื่นชมเขามากๆ ก็คิดซะว่า อยากให้เขาเอ็นดูเมตตาลูกเรา (ก็เท่านั้นเอง) ทำดีด้วยความจริงใจ.. คุณแฟนน้อง ก็นี่เลยค่ะ เครื่องสำอาง. น้ำหอม ของฝาก ประเคนเลยค่ะ ถือซะว่า ซื้อให้น้องสาว ชวนไปดูคอนเสิร์ตด้วยกัน ไปเที่ยวเล่น แล้วถ้าไปแล้วเขาไม่ออกเงิน ก็อย่าไปถือโทษโกรธค่ะ.. ซื้อใจค่ะ อย่างน้อยก็เกรงใจเราแหละ เพราะยังไงเราก้แก่ว่า.. ถ้าเขาสองคนทำตีมึน.. ก็คิดในใจว่า.. นางฟ้าอย่างฉันทนได้.. ฉันพยายามแล้ว ให้เราอยู่กันแบบรักกัน นะจ๊ะ ทำดีเข้าไว้ค่ะ สุ้สุดใจ ฉุกเฉินยังไง บ้านติดกันเรายังมีพี่มีน้อง พ่อแม่คุณแฟนเขาคงอยากสบายใจอ่ะค่ะ ท่านแก่แล้ว ห่วงของคนแก่คือ ลูกหลายจะอยู่ยังไง ถ้าไม่มีท่าน ถ้าท่านจากไป แล้วใครจะดูแลลูกของท่าน.. ที่พอจะพึ่งพาได้ ก็มีกันแค่ 2 คนพี่น้อง เรื่องจะแอบบอกนั้น.. ค่อนข้างลำบาก แต่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลยค่ะ ตอนนี้ยังแค่ไม่สนิท แต่ถ้าบอกว่าไม่อยากอยู่ใกล้.. งานนี้ได้แตกหักแน่ค่ะ หรือะไปแอบกั๊กกับเซลล์ เซลลือยากขายบ้าน เขาคงไม่เอากับเราด้วยแน่ค่ะ หรือดีไม่ดี.. คุรพ่อสามีอาจจะให้คุรแฟนเปลี่ยนไปซื้อโครงการที่มีหลังติดกันก้ได้.. โอว.. งานนี้ไม่ได้บ้านที่ถุกใจ แล้วยังได้คนไม่ถุกใจด้วย.. ววยสองเด้งเลย.. ทางรอดตอนนี้คือ อยู่ไปก่อนค่ะ ไม่แน่ว่า คุณน้องชายแฟน เขาก็อาจจะไม่อยากอยุ่ใกล้ๆพี่ชายก็เป็นได้ อาจจะอยากไปอยุ่กันแค่ 2 คนหนุ่มสาว คือ ถ้าคุรพ่อสามีอยากซื้อ ก็ให้ซื้อค่ะ เงินเขา ไม่ใช่เงินเรา อยากซื้อก็ตามใจจิ๊.. ซื้อเผื่อเราด้วยก็ได้นะ.. ข้อดีมากค่ะเช่น.. วันนึง น้องชายไม่อยากอยู่แล้ว ย้ายออก บอกขาย จขกท.ซื้อ บ้านก็ขยายออกได้ ถ้าอยู่ๆกันไปแล้วไม่เวิร์ค พอเริ่มเห็นแววไม่ดี ก็ขายค่ะ ย้ายออก บอกว่า ลุกโตแล้ว บ้านเล้กไป ไกลโรงเรียนลูก บลา บลา บลา หรือค่อยคิดขยับขยายออกไปสร้างบ้านเดี่ยวสวยๆของตัวเองก็ไม่สายค่ะ บอกกับสามีไปตรงๆค่ะว่า ถ้ามีปัญหา คุณสามีต้องไปซื้อบ้านใหม่ อีกหลัง ให้ครอบครัวและลูกๆอยุ่กันอย่างสงบสุข ปล. หลังที่หนูซื้อยู่ใกล้บ้านญาติๆ ใกล้บ้านพ่อแม่ค่ะ ถ้าซื้อหลังติดกันได้หนูซื้อแล้วค่ะ.. . T_T พ่อแม่บอก แม่กับพ่อจะทุบบ้านสร้างงเป้นตึกให้อยู่ไปเลยคนละชั้น แต่งงานกันอยู่ในหลังคาเดียวกันนั้นแหละ แบบคอนโด.. 55555 สามีก็ไม่อยากอยู่ใกล้ๆญาติเหมือนกัน รู้สึกไม่ส่วนตัว แต่หนูบอกแฟนค่ะ ถ้ามีปัญหา ฉันยินดีจะขาย แล้วฉันไปซื้อหลังใหม่ คุณเอาทำเล หลังที่คุณชอบและสบายใจ ทันที ไม่มีข้อแม้ จะออกเงินดาวน์ให้ด้วย.. กู้ซื้อชื่อ ให้ไปเตรียมเลือกที่ชอบไว้ได้เลย ถ้าอยู่แล้วไม่สบายใจ.. คุณภรรยาที่แสนดีอย่างหนู ยินดีจะขายบ้านหลังนี้ ย้ายไปอยู่ที่ ที่สบายใจของสามีค่ะ โอ๊ โอ๊ รัก่ะรัก ตามใจนะจ๊ะดาลิ๊งค์ ช่วงตอนนี้ยังไม่มีปัญหา แต่ก็หยั่งเชิง พาคุณแฟนไปดูหลังอื่นๆด้วย เผื่อจะอยากอยู่แบบส่วนตัว.. ปรากฏว่าไม่ค่ะ.. ชอบมาก อยุ่ใกล้ญาติเรา ญาติเราน่ารักอ่ะ ตลก ใจดี ขี้นินทาเล็กน้อย คือ เวลาละครหลังข่าวจบ ออกมานั่งเล่นกันหน้าบ้าน ก็เมาทืกันเรื่องละคร ข่าวอัพเดทอะไร โอโห้ สนุดสนานค่ะ บ้านไหนหนีไปมีกิ๊ก สมาคมเมียญาติยินดีร่วมปราบกิ๊กค่ะ.. ไปตลาด ไปซื้อกับข่าว ก็ชวนไปกัน คนสองคน ฝากกันซื้อบ้าง ฝากรับลุกๆหลานๆกลับบ้าน คืออยู่กันมาไม่เคยทะเลาะอะไรกันเลย แต่เวลาทะเลาะกับแฟน เสียงดังไม่ได้เด็ดขาดค่ะ ห้ามร้องไห้ด้วย ไม่งั้นจะรู้ถึงหูพ่อแม่ค่ะ (ญาติไปฟ้อง)อยู่แล้วสบายใจมากค่ะ แฟนบอก เออ ก็ดีเหมือนกัน.. เวลาพี่หนีไปหากิ๊ก พี่จะได้อุ่นใจว่าน้องอยู่ได้.. กรี๊ด.. ทำไมพูดงี้หล่ะค่ะคุณพี่.. จากคุณ : กลับบ้านเร็วๆนะจ๊ะที่รัก เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 00:33:33 A:125.24.30.108 X: TicketID:225174

ความคิดเห็นที่ 12 หาเรื่องบอกว่าบ้านนั้นฮวงจุ้ยไม่ดี เป็นธาตุลม ไม่ถูกกับคนปีชวด มังกรขาว เต่าเขียว เสือม่วง กากี่นั้ง ไปอยู่แล้วจะไม่เจริญ ทำกิจการก็เจ๊ง อะไรแบบนี้ได้ป่าวอ่ะ จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด (C.BUN) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 08:24:18

ความคิดเห็นที่ 13 อยู่บ้านติดกันสบายดีออก ผมก็ปลูกบ้านอยู่ติดกันคนละรั้ว เวลาเราไม่อยู่บ้านก็มีคนดูแลบ้านให้ ความเป็นส่วนตัวก็เหมือนอยู่กันคนละบ้านนะแหละ ต่างคนต่างอยู่ แต่ว่างๆก็แวะเดินไปเดินมาได้สบายจะตาย พี่น้องไม่รักกันแล้วจะไปคบใครหว่า จากคุณ : ซาตาน เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 10:34:58

ความคิดเห็นที่ 14 ก็เข้าใจความเป็นส่วนตัวนะคะ แต่นึกอีกที คุณก็มีลูก 2 คน คิดว่าคุณคงปลูกฝังลูกทั้งสอง ให้รักกัน ช่วยเหลือกัน ถ้าโตขึ้นลูกคุณที่เป็นพี่น้องกัน  เกลียดขี้หน้ากัน สามีและภรรยาของลูกๆ ไม่อยากให้พี่น้องได้อยู่ใกล้กัน  หรือรักกัน คุณสบายใจ และเข้าใจ  ก็ทำเลยค่ะ จากคุณ : ตาลเฉาะ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 10:43:00

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วถ้าเป็นคนในครอบครัวคุณละครับ  แล้วเขาอยากมาอยู่ข้างบ้านคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร รักญาติเขาให้เหมือนรักญาติตัวเอง  บางทีคุณอาจมองโลกในแง่ร้ายเกินไปนะครับ แล้วถ้าคุณไปเจอเพื่อนบ้านที่นิสัยไม่ดี  ไม่แย่กว่าเหรอครับ จากคุณ : นายรักแท้ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 10:46:41

ความคิดเห็นที่ 16 เราเข้าใจนะคะ แต่ยังดีกว่าได้อยู่บ้านเดียวกันนะคะ เราก็พยายามคุยกะสามีเราดีกว่าค่ะ ในเรื่องการใช้ชีวิต ให้เป็นส่วนตัวของตัวเอง เมื่อยามจำเป็นก็ฝากได้ แต่ไม่จำเป็น ก็อย่ามาฝากกันง่ายๆ อย่างอื่นอย่าไปคิดล่วงหน้าเลยค่ะ มองข้อดีไว้เยอะๆค่ะ จากคุณ : PaoTMTF เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 11:26:46

ความคิดเห็นที่ 17   2 วิธี 1. บอกเขาไปตรงตรง ให้สามีช่วยพูดก็ได้ 2. ให้เขาซื้อไปก่อนและตกลงว่า ถ้ามีปัญหาจริงต้องไม่ย้ายเข้ามาอยู่แล้วจะขายไปคงไม่ยากเพราะทำเลดีอยู่แ้ล้ว แล้วทั้งคู่ลองไปเช่าคอนโดที่ไหนอยู่ติดกันดูก่อนก็ได้ว่าจะเจอปัญหาอย่างที่ว่าหรือไม่ จากคุณ : <SportivO> เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 14:00:01

ความคิดเห็นที่ 18 บังคับใครไม่ได้ ก็บังคับตัวเอง 1. บังคับให้ทนรับให้ได้ 2. บังคับให้ยอมทิ้งที่นี่ ไปหาที่อื่นให้ได้ ใจเป็นนายเรา บังคับใจได้หรือเปล่า จากคุณ : Sifer2002 เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 14:38:25

ความคิดเห็นที่ 19 ขายบ้านตนเอง แล้วย้ายหนี ยังง่ายกว่าไปพูดหลอกล่อไม่ให้คนเขาซื้อบ้านนะคะ เราว่าอยู่ไปก่อนนะคะ ปัญหายังไม่เกิดเลยจะไปกลัวทำไม คิดว่าหากเราดีกับเขา เขาก็ดีกับเรา หากไม่เป็นไปตามนั้น เขาไม่ดีตอบหาเรื่องยุ่งกวนใจ ถึงวันนั้นเมื่อไหร่ ค่อยย้ายหนีค่ะ เวลาย้ายหนีก็ซื้อบ้านที่ใหญ่กว่า บอกเหตุผลง่ายๆ ว่าบ้านเก่าคับแคบ ลูกเริ่มโต จากคุณ : noyne เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 15:05:27

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าพี่น้องดีก็อยู่กันได้ ถ้าพี่น้องไม่ดีอยู๋ไปก็ลำบากใจ แต่ถ้ามองในฐานะที่เป็นน้องชายแฟนก็เป็ฯธรรมดาที่คุณอึดอัด แต่ถ้าเป็นน้องชายคุณ คุณจะอึดอัดไม๊ค่ะ ใจเค้าใจเรานะ คุยกะสามีคุณก่อนดีกว่านะ แทนที่จะอยู่ด้วยกันแบบมีความสุขแต่อาจจะต้องทะเลาะกันเองนะ จากคุณ : เจ้านายตัวเอง เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 16:25:23

ความคิดเห็นที่ 21 อึดอัดอ่ะ บ้านปัจจุบัน อยู่ไม่ไกล ไม่ใกล้กัน มาหาทุกอาทิตย์ อยากทำงานบ้านก็ต้องมาคอยรับแขก แถมกลับไปแล้วต้องคอยตามเก็บซากที่หลานๆ โปรยไว้ทั่วบ้าน โทรมา เราปิดเครื่อง ก็มาถึงบ้านเลย ตอนนี้ซื้อบ้านหลังใหม่ มีการบอกอีก จะซื้อทำไมไม่ปรึกษา ไม่มาบอกก่อน จะได้ให้มาซื้อหลังติดกัน ไม่อยู่ยังพอฝากบ้านกันได้ ใครไม่เคยเจอกะตัวไม่รู้หรอก ว่ามันขาดความเป็นส่วนตัวอย่างแรง กลับจากทำงานมา ทำงานต่อที่บ้าน (ไอเดียมันแล่นก็ลุกมาทำ) แล้วนอนตื่นสาย เพราะเช้าอีกวันเป็นวันหยุด พี่สะใภ้พาหลานมาแต่เช้า เราลุกมาทั้งชุดนอน ก็มองเราแบบทำไมตื่นสายจัง เอาไปเมาท์บ้านแม่สามีอีก บางวันก็มาที่บ้านตอนจะทานมื้อเย็น เราไม่เตรียมกับข้าวไว้เผื่อ เพราะมาก็ไม่โทรบอกก่อน ต้องมานั่งทำกับข้าวเพิ่ม ทั้งที่เหนื่อยจากงานกะกินง่ายๆ กะแฟน เฮ้อ ปวดตับ จิตตก จากคุณ : อาร์ทตัวแม่ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 19:08:46

ความคิดเห็นที่ 22   ผมว่า คุยกับคนต่างชาติง่ายจะตายครับ ผมทำงานกับพวกต่างชาติมาช่วงหนึ่ง (ค่อนข้างนาน) พูดกันตรงๆเลยครับ เราอึ้งๆบ้าง เขาก็อึ้งๆบ้าง แล้วแต่เหตุการกันไป แต่สบายใจครับ ไม่มีอะไรปิดบัง ที่บอกให้พูดกันตรงๆ ไม่ใช่ให้ไปบอกว่า "เอ็งอย่ามาซื้อบ้านติดชั้น ชั้นไม่ชอบหน้าเอ็ง " แต่ให้พูดเวลาที่คุณไม่ต้องการจะทำ หรือ ไม่ชอบ เช่น ถ้าเขาจะเอาลูกมาฝาก คุณก็บอกไปตรงๆเลยว่า "ไม่ว่าง ดูแลให้ แค่สองคนก็เหนื่อยแล้ว" หรือ ถ้าคุณง่วงจะนอน ก็บอกเขาไปตรงๆว่า จะนอน หรือ ทำกับข้าว ไม่สามารถดูแลได้ ง่ายๆแค่นี้เองครับ สามีคุณเมื่อแต่งงานแล้ว คุณและลูกคือครอบครัว คนนอกไม่เกี่ยว คุณต้องมาอันดับหนึ่ง ไม่งั้นมันจะแต่งทำไม(ให้ย้อนผัวนะ) เราทุกคนลองมองดูครอบครัวเราสิครับ พ่อ แม่ เรา ทำไมเราถึงรักครอบครัวเรา และ เรามอง ญาติพี่น้องพ่อแม่เป็นแค่ญาติ ไม่ใช่ครอบครัว ผมให้มองจากอดีตที่เราเป็นเด็กแล้วโตขึ้นมา เมื่อเรามีลูก มีเมีย มีผัว เราต้องตัดทุกคนออกไปให้หมด ความสำคัญอันดับหนี่งคือครอบครัวเรา ข้างบน ที่บอกว่ามีเด็กๆมาเล่นแต่เช้า อยากเล่นก็เล่นไปสิครับ คุณก็ไปนอนต่อ เรื่องพวกนี้ ไม่ต้องหน้าบางอายกันแล้วครับ สมัยนี้ อย่าไปสนใจปากคน ชีวิตเป็นของเราครับ ไม่ได้ขอใครกิน พึ่งพาตัวเองอยู่แล้วนี่ ถ้าผัว ไม่ช่วยเรา ก็เลิกเถอะครับ ผัวห่วยๆ ผมเห็นมาเยอะแล้ว แต่งงาน เอาเมียมาเป็นคนใช้ ทำงานบ้าน ตลกดี ตอนขึ้นเวทีงานแต่ง บอกว่าจะดูแลอย่างดี พอแต่งเสร็จ นางแจ๋วดีๆนี่เอง 555 จากคุณ : มั่วแล้วผม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 19:58:05 A:110.49.190.50 X: TicketID:038237

ความคิดเห็นที่ 23 ให้นึกย้อนว่า ถ้าลูกสองคนของคุณโตไป คุณอยากให้ลูกทั้งสองอยู่ใกล้กันดูแลกันและกัน และรักกันตลอดไปหรือไม่ เปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนตัีวเราเองได้ ถ้าเราเปลี่ยนตัวเราแล้ว พี่น้องรักกัน อยู่กันอย่างมีความสุข ทุกอย่างก็สุขหมด เรื่องเวลาไม่เป็นส่วนตัวก็ไม่ได้รบกวนกันขนาดนั้นหรอกค่ะ ถึงเวลาแต่ละบ้านก็จะมีช่วงยุ่งๆ ของตัวเอง บ้านเรามีญาติอยู่ติดกัน 4 หลัง เช้าต่างคนต่างทำงาน กว่าจะกลับเย็นค่ำ กินข้าวแล้วก็นอน เวลาแทบไม่ได้เห็นหน้ากันเลย ยิ่งบ้านไหนมีลูก แทบไม่ได้จะออกไปจ๊ะเอ๋เซย์ฮัลโหลกันเท่าไหร่เลย จะได้เจอกันตอนงานรวมญาติเท่านั้นเอง จากคุณ : แม่หนูหน่อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 20:36:40

ความคิดเห็นที่ 24 อยากบอกว่าไม่เจอกับตัวไม่เข้าใจหรอกค่ะ ผู้หญิงแต่งงานเข้าบ้านเค้า ยังไง ก็พร้อมจะปรับตัวอยู่แล้ว ยิ่งสังคมคนจีน สะใภ้ก็ต้องปรับตัวอย่างมาก ในบ้านฝ่ายชายบางทีก็เหลือทนค่ะ ทำดีด้วยแค่ไหน ก็คิดแต่ว่าเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องทำ ดีแต่รับไม่มีให้ คนอย่างนี้มีเยอะ อยู่ด้วยจะอึดอัด พาลไปถึงขั้นรังเกียจได้ เพราะฉะนั้น ห่าง ๆ กันแล้ว ดี ๆ กันไว้จะดีกว่าค่ะ แต่ละบ้านไม่เหมือนกัน ปรับตัวกันได้ก็ดีไป ที่บ้านมีแต่คนนิสัยดี ก็ดีไป ถ้าไม่ไหวจริง ๆ แล้วมีทางเลือกจะไปทำให้เสียสุขภาพจิตโดยใช่เหตุทำไม ลองพิจารณาดูแล้วกันค่ะ ว่าเค้าแย่จนน่ากังวลอย่างนั้นมั๊ย หรือว่ากังวลไปก่อน และถ้าเค้าย้ายมาจริง ๆ จะรับมือยังไง เอาใจช่วยนะคะ ปล. อยากให้ give คุณมั่วแล้วผม คห.22 มากเลยค่ะ จากคุณ : แบ๊น แบน เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 21:31:32

ความคิดเห็นที่ 25   มาแล้วจ้า เราเจ้าของกระทู้เองนะคะ ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่สละเวลามาให้คำแนะนำเรา ไม่นึกว่าจะมีคนตอบเยอะขนาดนี้ ตอนนี้เราพอหาข้อสรุปได้แล้วค่ะ พรุ่งนี้เราจะนัดพ่อเค้าคุยกันตรงๆ แต่แบบสุภาพๆ นะ เราจะไม่พูดพาดพึงถึงใครค่ะ แต่จะพูดถึงข้อเสียของการต้องอยู่ชายคาติดกัน หวังว่าเค้าคงจะรับฟัง แต่จะตัดสินใจยังไงก็เป็นอีกเรื่องนึง สำหรับท่านที่แนะนำให้เรานึกถึงลูกตัวเองในอนาคต เรื่องพี่น้องต้องรักกัน เราเห็นด้วยค่ะ แต่ถ้าพวกเค้าโตขึ้นจะสร้างครอบครัว เราจะไม่บังคับหรือตัดสินใจให้เค้าว่าจะต้องปลูกอยู่บ้านใกล้กัน ถ้าไม่อยู่ใกล้กันแปลว่าไม่รักกัน เราว่าอันนี้มันก็คงไม่ใช่ เพราะทุกคนก็มีเหตุผล หน้าที่ของตัวเอง อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวเราอ่ะนะคะ แต่เราขำความเห็นคุณหมาร่าหมารอดอ่ะ ที่ให้เราอ้างถึง ฮวงจุ้ยไม่ดี เป็นธาตุลม ไม่ถูกกับคนปีชวด มังกรขาว เต่าเขียว เสือม่วง กากี่นั้ง (ก็อปคำพูดมาเลย) 555 อ่านแล้วเราหายเครียดไปเลยค่ะ คุณแบ๊น แบน อุตสาห์เข้ามาตอบให้ถึงสองครั้ง เราก็เอาใจช่วยคุณนะคะ ขอให้ได้ย้ายเข้าบ้านใหม่ไวๆ ค่ะ เีรายังเข้ามาดูกระทู้อยู่เรื่อยๆ นะคะ ใครอยากเข้ามาอ่าน หรือแนะนำก็เชิญนะคะ ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งค่า จากคุณ : เจ้าของกระทู้ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 22:11:45 A:122.117.193.159 X: TicketID:228983

ความคิดเห็นที่ 26 เราว่าญาติกันอยู่ใกล้ๆกันสิดี ติดกันยิ่งดีอ่ะค่ะ ไม่รู้น่ะค่ะ คือถ้าตอนเป็นสาวๆอยู่  จะกังวลแบบ จขกท แบบนี้แหละ   แต่พออายุมากขึ้น  คิดว่าใกล้ญาติอ่ะดีค่ะ ไม่ว่าจะเป็นญาติฝ่ายแฟน ฝ่ายเรา ใกล้ๆกัน ปลอดภัยดี อย่างที่ คคห 23 บอกไว้ คือ เวลาจริงๆ ไม่มีใครมีเวลามาจุ้นจ้านกันมาก ถึงบ้านติดกัน บางทียังไม่ค่อยเจอกันเลย คือ ปัจจุบันเราก็กำลังซื้อบ้านหลังใหม่ค่ะ ก็บอกญาติ บอกเพื่อน ทุกคนเลยเผื่อจะมาอยู่ใกล้ๆกัน บ้านใกล้กัน แต่บ้านใครบ้านมัน บ้านคนละหลัง ดีออกค่ะ จากคุณ : MIKIkaa เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 23:56:19

ความคิดเห็นที่ 27 เราต้องแคร์คนอื่นบ้างนะครับ ผมว่าถ้า จขกท.ไปคุยกับพ่อสามี มีปัญาคลางแคลงใจแน่นอนครับ ถ้าผมเป็นพ่อสามี ผมก็คงย้อน ว่า ถ้าไม่อยากให้อยู่ก็บอกกันตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม ในฐานะคนที่เป็นพ่อ เค้าอยากให้พี่+น้อง รักกันนะครับ เพราะสายตาของคนเป็นพ่อ อยากเห็นลูกรักกัน ช่วยเหลือกัน การให้ซื้อติดกันเพราะจะได้ช่วยเหลือกันนะครับ ลำบาก ขาดเหลือยังไงได้ช่วยกันได้ครับ ผมว่าการที่คุณไปปฏิเสธคุณพ่อสามีที่มีเจตนาที่ดี มันจะกลับมาทิ่มแทงใจสามีคุณก็ได้นะครับ ในฐานะคนกลาง ปล.ผมเห็นด้วยกับ คห. 2 ครับ คนเป็นพ่อแม่อยากเห็นพี่น้องรักกัน ถึงเขาจะมีความสุขนะครับ จากคุณ : ตาชิโบ เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 08:52:00

ความคิดเห็นที่ 28 เจ้าของกระทู้ยังไม่แก่จะไม่รู้เลยว่า ความเหงาเป็นอย่างไร เพราะตอนนั้นลูกๆก็จะย้ายไปมีครอบครัวของตัวเอง คุณอยู่คนเดียว เหงามากๆแน่ ตอนแก่ต่อให้ต้องอยู่กับคนที่เกลียดที่สุด คุณก็จะอยู่ได้ และจะขอบคุณที่มีเพื่อนยามชรา จากคุณ : แมวสีขาวขนปุย เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 10:37:00

ความคิดเห็นที่ 29 อันนี้เราขอตอบตรง ๆ นะคะ ต้องขออภัยไว้ก่อน เราว่าคุณใจแคบ และก็มองโลกในแง่ร้ายเกินไป ที่คุณเล่ามาเรื่องทุกอย่างยังไม่เกิดขึ้นคุณก็เก็บเอามาคิดว่ามันจะเกิดแล้ว ทั้งที่บ้านก็ยังไม่ได้ซื้อด้วยซ้ำ น้องชายแฟนก็ยังไม่ได้แต่งงานเลย คุณมองปัญหาเพราะเกิดจากความใจแคบและเห็นแก่ได้ของคุณ เพราะ 1. ต้องการความเป็นส่วนตัว โดยการกำจัดความสัมพันธ์ของญาติเขา กลัวเขามาก้าวก่ายคุณ โดยที่คุณน่าจะเป็นฝ่ายที่ไปก้าวก่ายเขามากกว่าด้วยซ้ำ ยกตัวอย่าง " บ้านน้องชายแฟกับแฟนน้องชาย เรายิ่งไม่สนิทเลย เพราะเค้าไม่เคยคุยกับเราก่อนเลย เวลานั่งกินข้าวด้วยกัน เค้าจะนั่งเฉยไม่คุยกับใครเลย ยกเว้นแฟนเค้าคนเดียว " อันนี้เห็นได้ว่าเขาไม่ชอบยุ่งกับใครอยู่แล้ว แม้เป็นญาติกันเขายังไม่ยุ่งเลย แต่ดูคุณน่าจะยุ่งกับเขามากกว่า เช่น ต้องการความช่วยเหลือในการดูลูก ๆ คุณตามที่คุณเล่า ซึ่งเราว่าถ้าเขาไม่ใช่ญาติคุณจะหวังอย่างนี้กับคนอื่นหรือเปล่า อีกอย่างถ้าบ้านเขาแต่งงานและเข้ามาอยู่เขายังไม่มีเด็ก ๆ และแฟนเขาก็ไม่พูดกับคุณด้วยซ้ำเรื่องที่จะมายุ่งกับคุณคงมีน้อย หรือคุณอาจมีอคติกับแฟนน้องเขาเพราะคิดว่ายิ่งไม่พูดกับคุณด้วยหรือเปล่า ? จึงไม่อยากอยู่ใกล้ ทั้งที่เพื่อนบ้านเลือกไม่ได้ถ้าได้ที่แย่กว่าน้องชายแฟนคุณจะรับได้หรือเปล่า 2. "แล้วอีกเหตุผลที่เราคิดหนักคือ น้องชายเค้าเป็นคนไม่ชอบเลี้ยงเด็กเลย เค้าเคยพูด (ทีเล่นทีจริง) กับเราบ่อยๆ ว่า ถ้าเค้ามีลูกจะเอามาฝากเรา หรือแม่สามีเลี้ยง เวลาที่เค้าจะไปเที่ยวกับแฟน ซึ่งแนวโน้มเป็นไปได้ว่า ถ้าบ้านติดกัน บ้านเราอาจเป็นที่รับฝากเลี้ยงลูกเค้าไปด้วย " ข้อนี้เราว่าคุณยิ่งคิดมากไปใหญ่ บางทีเขาอาจพูดเล่น ๆ ด้วยก็ได้เพราะไม่มีอะไรจะคุย แล้วเขาก็ยังไม่มีจริง ๆ ถ้ามีอาจตรงกันข้ามเลยก็ได้ ยกตัวอย่าง เราไม่ชอบเด็กเลย หลาน ๆ เราไล่กระเจิง แม้แต่ตอนท้องก็หงุดหงิดไม่ผูกพันธ์กับลูกเท่าที่ควรเพราะว่าแพ้ท้องมาก แต่พอคลอดและได้เลี้ยงดูเขาเราเปลี่ยนไปเลย  ไปทำงานคิดถึงลูกตลอดเวลา อยากเลี้ยงเองมากกว่าจ้างเขาเลี้ยงด้วยซ้ำ 3. แล้วอย่างที่คุณบอกว่าคุณกับน้องชายแฟนไม่ค่อยสนิทกันและกับแฟนเขาก็ยิ่งไม่คุยกันเราว่าโอกาสที่เขาจะเข้ามาก้าวก่ายบ้านคุณคงไม่น่าจะมีมากจนคุณลำคาญหรอก เพราะที่เขาเล่า ๆ กันว่าวิ่งเข้านอกออกในได้นั้นก็เพราะว่าสนิทสนมกันมาก ๆ นั้นเองถึงทำอย่างนั้นได้ ยิ่งถ้าไม่ศรศิลปไม่กินกันเลยไม่ต้องพูดถึงไม่อยากยุ่งกันอยู่แล้ว 4. ความต้องการเพื่อนบ้านที่ดีทุกคนต้องการ แต่คุณไม่สามารถเลือกเพื่อนบ้านที่ดีได้ ยิ่งถ้าเพื่อนบ้านเลวร้ายกว่าน้องชายแฟนคุณนี่ยิ่งน่ากลัวและน่าเบื่อกว่าเพื่อนบ้านที่เป็นญาติกันด้วยซ้ำ 5. การคิดว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ คือการจำกัดขอบเขตของตัวเอง และจำกัดขอบเขตของคนอื่นอย่างพอดี โดยเขาใจปฏิเสธในสิ่งที่ควรปฏิเสธถึงจะเป็นญาติกันก็เถอะ ไม่ใช่คุณกลัวในสิ่งที่คิดว่าเขาจะหยิบยื่นให้โดยพยายามตัวปัญหาก่อนที่มันจะเกิด ทั้งทียังไม่รู้ว่ามันจะเกิดหรือเปล่านี่ เราว่าคุณคิดมากจัง ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าอ่านแล้วรู้สึกไม่ดี แต่อยากจะให้ข้อคิดคุณอีกทางหนึ่ง เพราะบางทีอาจทำให้คุณอยู่ร่วมกันกับญาติได้อย่างสันติ และไม่ไปพูดอะไรกับพ่อแฟนจนทำให้เขาคิดว่าคุณใจแคบและเลิกเอ็นดูคุณ และปัญหานี้ที่หลีกไม่พ้นคือแฟนคุณที่เป็นคนกลางเขาคงไม่สบายใจแน่ ๆ ค่ะ จากคุณ : tugsinat เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 10:55:28

ความคิดเห็นที่ 30   พี่สาวเราเค้ายังอยากจะมาซื้อบ้านใกล้ๆ เราเลย เพราะเค้าเห็นว่าเรากะแฟนไม่มีลูก เค้ากลัวว่าแก่ๆ จะไม่มีใครดูแล เผื่อหลานๆ โตแล้วจะได้เป็นธุระให้ได้ เรากะแฟนก็โอเคกับความคิดพี่เค้านะ (มันทำให้เรารู้สึกว่าเค้าห่วงเรา ถึงแม้ตอนนี้เราอายุ 30 กว่าแล้ว แต่ยังรู้สึกถึงความเป็นน้องคนเล็กได้ดีเลย^^) จากคุณ : ป้าอ้วน เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 11:02:12 A:58.181.143.130 X: TicketID:092733

ความคิดเห็นที่ 31 แต่ผมว่าถึงอยู่ติดกัน น้องชายแฟนคุณเค้าก็น่าจะไม่สนใจคุณหรอกมั๊งครับ เพราะปกติเค้ายังไม่อยากจะคุยกับคุณอยู่แล้วนี่ครับ ไม่น่าต้องห่วง แต่ถ้าพี่น้องรักกันสนิทกันนี่สิ ผมว่าความเป็นส่วนตัวหายไปแน่ๆ ของผมพี่ผมก็ยุว่าเอาบ้านติดกันสิ แต่ผมซื้ออีกซอยแทนเพราะอยากให้ทั้งเขาและเรามีความเป็นส่วนตัวบ้างครับ แต่เดินไปมาหากันได้ ก็ดีนะครับ มีอะไรก็พึ่งพากันได้ด้วย ไม่อยู่ก็ให้อีกคนมารดน้ำต้นไม้ให้ได้ ฝากมาดูๆว่าบ้านยังอยู่ดีหรือเปล่าก็ได้ด้วย แต่ถ้าจะพูดกับพ่อกับแม่ก็ต้องให้แฟนคุณพูดเพราะเป็นพ่อแม่และน้องเขา ถ้าคุณพูดนี่จบเลย ยังไงเรื่องมันก็จะคาใจพ่อแม่แฟนคุณตลอดชีวิตแน่นอน แต่ต้องบอกแฟนคุณให้เนียนๆเข้าว่าประมาณว่าเขาอยากมีความเป็นส่วนตัวเอง เราอย่าออกตัว เพราะยังไงพ่อแม่ลูกเขาก็ไม่ตัดกันเพราะเรื่องนี้แน่ หรืออีกวิธีคุณก็ให้สามีบอกว่าเปลี่ยนใจแล้ว ชอบอีกหลังมากกว่า เอาข้ออ้างเรื่องที่บ้านหลังเดิมไม่มีเช่น บ้านหัวมุม บ้านที่ใหญ่กว่า-เล็กกว่า เพราะอะไรก็ว่าไป และเอาที่ข้างๆมีคนซื้อแล้ว แล้วก็บอกน้องแฟนคุณว่า ยังไงก็ซื้ออยู่หมู่บ้านเดียวกันเหอะจะได้ไปมาหาสู่กันได้ง่ายดี เหมือนรักษาน้ำใจกลายๆด้วย จากคุณ : Fraudster เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 13:21:32

ความคิดเห็นที่ 32   เราเข้าใจและไม่เห็นว่าคุณเป็นคนเห็นแก่ตัวแต่อย่างใด เราอยู่ในสภาพบ้านใกล้เรือนเคียงเป็นพี่เป็นน้องเป็นญาติ เห็นสภาพนี้ตั้งแต่เกิด ตื่นเช้ามาเจอลุงป้าน้าอา เต็มบ้าน แต่ปัจจุบันพี่น้องเหล่านี้ทะเลาะ นินทา อิจฉากันเอง ไม่มีใครพูดคุยกันเลยมากว่า ๕ ปีแล้ว บ้านจะขายก็ขายไม่ได้ เพราะยังไม่ได้แบ่งโฉนด คาราคาซัง เซ็งมาก ตอนนี้เลยออกมาซื้อบ้านเดี่ยวอยู่เองครอบครัวเดียว มีฟามสุขที่ซู้ด..ด..ด จากคุณ : klatuwu เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 14:22:21

ความคิดเห็นที่ 33 เรื่องปกติครับผมซื้อบ้านใหม่ยังอยากอยู่กันอย่างสงบๆตามลำพัง ระหว่าง ผม แฟน ลูก เลยครับ คนเยอะยิ่งเรื่องเยอะยิ่งถ้าเจอประเภทญาติๆจุกจิกจู้จี้ไม่เข้าเรื่องละก็ครอบครัวพังแน่ยังไงผมก็ต้องเลือกครอบครัวผมไว้ก่อนละครับ จากคุณ : mum141 เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 15:08:00

ความคิดเห็นที่ 34 ย้ายค่ะ หาใหม่ ต้องมีแน่ๆ ที่ถูกใจ ความไม่ส่วนตัว ไม่ถูกใจ ถ้าตัองทำใจก็ต้องทำทุกวัน ซื้อบ้านมันอยู่กันไป 30-40 ปี หรือจนกว่าจะตายกันไป ้ถ้าทะเลาะกันนิดส์ๆๆ เมื่อไหร่นะ เซ็งสุดๆ ประสบการ์ณกับญาติแบบดีๆ และแบบที่ไม่ดี ก็มีกันทุกคน ยังไงก็โชคดีนะคะ จากคุณ : JusTT เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 15:26:13

ความคิดเห็นที่ 35   ว้า ก็จขกท เค้าอยากอยู่อย่างสงบ ขอเหตุผลไปอ้างไม่ให้ญาติมาอยู่ใกล้เ ๆ เค้าไม่ได้มาถามข้อดีข้อเสียของการมีญาติเป็นเพื่อนบ้านนะจ๊ะ งงจริง ๆ ทำไมต้องเสนอให้ทน ให้คิดถึงอนาคต การพึ้งพาอะไร อะไรต่ออะไรหว่า อย่าลืมประการแรก ไม่มีรั้วด้วย เดินไปมาก็ต้องเป็นจุดวูบไหวให้เห็น ถึงไม่อยากมองกันก็เถอะน่า รบกวนประสาทจะตาย จขกท น่าจะให้สามีคุยมากกว่ามั้ง ไม่น่าคุยเอง กะพ่อสามีน่ะ จากคุณ : ป้า เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 17:39:40 A:203.156.31.222 X: TicketID:128562

ความคิดเห็นที่ 36 พูดกันตรงๆเลยค่ะ ถ้าสามีสนับสนุนเราก็ไม่น่าจะมีปัญหา ถ้าเค้าไม่ยอม ก็ไปซื้อที่อื่น ไม่ใช่เรื่องไร้น้ำใจอะไรหรอกค่ะ ก็บ้านเราอ่ะ จากคุณ : ถ้วยกลม เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 17:48:07

ความคิดเห็นที่ 37 บอกว่า ที่ตรงนั้นเคยเป็นป่าช้ามาก่อน จากคุณ : with hope in your heart เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 15:02:06

ความคิดเห็นที่ 38 ไม่เห็นแก่ตัวค่ะ เป็นเราก็ไม่ชอบ ไม่เป็นส่วนตัว จากคุณ : Valily เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 03:09:49

ความคิดเห็นที่ 39   คุยกับสามีให้เข้าใจ และให้เขาเป็นคนพูดกับพ่อเขา บอกว่าขอความเป็นส่วนตัวนิดนึง อยู่หมู่บ้านเดียวกันดีแต่คนละซอยก้อได้ ถ้ายืนยันจะซื้อหลังติดกัน อนาคตหากเกิดปัญหาที่ จขกท กลัว ก้อให้ค่อยๆพูด แต่พูดตรง อย่าเก็บกดไว้ ถ้าเขาไม่ฟัง ทนไม่ได้จริงๆเราก้อซื้อบ้านใหม่ได้ค่ะ บางทีเวลาลูกๆโตมีสังคม แยกบ้านไป เราอาจจะเหงา มีคนรุ่นเดียวกันอยู่เป็นเพื่อนกัน อาจจะดีก้อได้นะคะ จากคุณ : Talala เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 12:25:19 A:203.146.41.125 X: TicketID:213041