Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขุนช้าง - ขุนแผน ฉบับ นิทานข้างกองฟาง # ๒๕ กลางไพร  

พ่อแม่พี่น้องที่เคารพ ขอรับ
เมื่อคราวที่แล้ว
กระผมได้เล่าให้ พ่อแม่พี่น้องฟัง ไว้ว่า

ขุนแผน
ได้ เชิด นางวันทอง
ออกจากบ้านขุนช้าง ได้อย่างลอยนวล

แต่จริง ๆ แล้ว
เขาก็ยังมี
ความ อาลัยอาวรณ์ กันอยู่เหมือนกัน

เช่นตอนที่ผ่าน ต้นไม้ต้นไร่ ในบ้าน ขุนช้าง
ที่ คุณครูเพลงไทย
ท่านนำมาบรรจุไว้
ในเพลง แขกลพบุรี อันลือชื่อ
อย่างไรเล่า ขอรับ




ลำดวนเอ๋ย จะด่วน ไปก่อนแล้ว
ทั้งเกดแก้ว พิกุล ยี่สุ่นสี
จะโรยร้าง ห่างสิ้น กลิ่นมาลี
จำปีเอ๋ย กี่ปี จะมาพบ

ที่มีกลิ่น ก็จะคลาย หายหอม
จะพลอยตรอม เหือดสิ้น กลิ่นตรลบ
ที่มีดอก ก็จะวาย ะคายครบ
จะเหี่ยวแห้ง เซาซบ สลบไป

ต้นน้อยน้อย ลูกย้อย ระย้าดี
ตั้งแต่นี้ จะไปชม ต้นไม้ใหญ่
จะทิ้งเรือน ไปร้าง อยู่กลางไพร
ยุงร่าน ริ้นไร จะตอมกาย

รากไม้ จะต่างหมอน นอนอนาถ
ดาวดาษ จะต่างไต้ น่าใจหาย
ลงบันได ใจเจียน จะขาดตาย
น้ำตาตก กระจาย พรั่งพรายลง ฯ



หรือ เพลงที่สำคัญยิ่ง อีกเพลงหนึ่ง
คือ เพลง เชิดจีน
ที่ ประพันธ์ โดย
คุณครู พระประดิษฐ์ไพเราะ (มี ดุริยางกูร)

ที่ได้รับการบรรจุเนื้อร้อง ในตอน ที่ว่า




. . . ว่าพลาง ทางจูง สีหมอกม้า
เบาะอาน พานหน้า ดูงามสม
ดังจะปลิว ลิ่วลอย ไปตามลม
อย่าปรารมภ์ เลยนะเจ้า มาขี่ม้า

ปลอบพลาง ทางกอด กระซิบบอก
ม้าสีหมอก ตัวนี้ มีสง่า
เนื้ออ่อน งอนง้อ ขอษมา
อย่าให้สี หมอกม้า กระเดื่องใจ

วันทอง สองมือ ประนมมั่น
พรั่นพรั่น กลัวม้า ไม่เข้าใกล้
พี่สีหมอก ของน้อง อย่าจองภัย
จะขอขี่ พี่ไป ทั้งผัวเมีย

ขุนแผน พานาง มาใกล้ม้า
ลูบหลัง อาชา ให้เชื่องเสีย
หยิบมือ ลูบม้า ว่าปลอบเมีย
ม้าเลีย มือหวีด ประหวั่นกลัว ฯ




เพลงนี้ ไพเราะ และถูกพระทัย พระเจ้าอยู่หัว
ถึงขนาดที่
คุณครู มีแขก

(หลวงประดิษฐ์ไพเราะ - ยศ และ ราชทินนามเดิม)

ได้รับการพระราชทานเลื่อนยศ
ให้เปน คุณพระ
ในราชทินนามเดิม
ทีเดียวแหละ ขอรับ



และในโอกาสนี้
จึง ขออนุญาต บันทึกเพลง
แขกบรเทศ (เถา)
ต่ออีกสักเพลงหนึ่งเถิด ขอรับ

เนื่องจากเปนบทกลอนที่ต่อเนื่องกัน ฉะนั้น

อย่าเพ่อเบื่อกันเลยนะ ขอรับ

ดนตรีไทยเรานี้
มีคุณค่าออกจะเหลือประมาณได้ . . . . .





นี่อะไร ตกใจ ไปเปล่าเปล่า
นิจจาเจ้า ช่างไม่เชื่อ น้ำใจผัว
โดดขึ้น หลังม้า เถิดอย่ากลัว
ประคองตัว วันทอง ย่องเหยียบโกลน

นางหวั่นหวั่น ครั่นคร้าม ไม่ขึ้นได้
ขุนแผนกด สีหมอก ไว้มิให้โผน
ม้าดี ฝีเท้า ไม่ก้าวโจน
นางกลัว ตัวโอน เข้าแนบชิด

สองมือ กอดผัว ให้ตัวแน่น
ขุนแผน ยิ้มหยอก ศอกสะกิด
เบือนหน้า ว่าเจ้า เข้ามาให้ชิด
ขอจูบนิด หนึ่งแล้ว จะรีบไป ฯ





ความในช่วงนี้นั้น ถ้าจำไม่ผิด
กระผมรู้สึกว่า
จะเคยอ่านในหนังสือ
หรือ นิตยสาร ฉบับหนึ่ง ว่า
มีคณะนักปราชญ์ คณะหนึ่ง
ท่านเคยถกเถียงกัน (เล่น ๆ) ว่า
ที่ ขุนแผน ขี่ม้าตัวเดียวกันกับ นางวันทอง นั้น
นางวันทอง
นั่งข้างหน้า หรือ นั่งข้างหลัง ขุนแผน กันแน่ . . . ?

เออหนอ . . . ?
ก็เป็นข้อสังเกต
ที่น่าคิด และ น่าสนุก อยู่เหมือนกันนะ ขอรับ
แต่กระผมดูเหมือนว่า
คณะนักปราชญ์ คณะนั้น
ท่านจะไม่มีข้อสรุป

ฉะนั้น
กระผมจึงขออนุญาต ยกคำตอบลอยตัวไว้
ให้ พ่อแม่พี่น้อง ไปคิดดูเล่นสนุก ๆ กันเอง
ก็แล้วกันนะ ขอรับ

ก็ขี่ม้าผ่าน วัดตะลุ่มโปง พ้นสุพรรณไปได้
จนถึง ลำน้ำบ้านพลับ
ก็ได้จ้าง มะถ่อ ธะบม มอญเรือจ้าง
ด้วยราคาที่แพงมาก
คือแหวนประดับก้อย ของ ขุนแผน เอง
แต่ก็ยังอุตส่าห์ หลอกมอญ
ว่า มีพระราชโองการ
ให้ไปหาข่าวโขลงช้าง เสียอีกแน่ะ

ตกลงว่า ก็ข้ามน้ำกันไปได้
โดยต้องยอมให้ พี่สีหมอกม้า ว่ายน้ำ
แต่ผ่านไปได้ด้วยดี

พอถึงฝั่ง
ก็ใส่อานผูกบังเหียนให้ อย่างเดิม
แล้วก็ขับขี่กันต่อมา
จนถึง บ้านกล้วยยุ้งทะลาย

พ่อขุนแผน
ก็เกิดนึก ห่าม อะไรขึ้นมา ก็ไม่ทราบ
ชักม้าเข้าหาต้นไม้
แล้วก็ถากไม้
จารึกข้อความท้าทาย
อันดุเด็ดเผ็ดมันไว้เสียอีก





เอาดาบถาก ต้นไม้ ถ่านไฟเขียน
อ้ายหัวเลี่ยน ตามมา จะShipหาย
ให้มันซ้อน กันมา ตาขี่ยาย
กูจะป่าย ลงให้ ใจริกริก

ไม่ครือดาบ ห้ำหั่น จะฟันฟาด
ฉะฉาด ขาดสิ้น ลงดิ้นดิก
จะผ่าอก ยกกาย หงายพลิก
จิกสับ ฟันซ้ำ ให้หนำใจ

ถึงจะเปน ความกัน ก็ไม่กลัว
เมื่อตัว มันตายแล้ว ทำไม่ได้
ฟันเล่น เปนไร ก็เปนไป
ปู่ย่า อยู่ที่ไหน ไปขุดมา

อ้ายพี่น้อง ชายทราม ทั้งสามคน
ผีขอด ตลอดกำด้น อ้ายชาติข้า
แสนขลาด ราทยา ศรพระยา
พี่จะฆ่า คนเดียว เจ้าคอยดู ฯ





จากคำท้าทายของ ขุนแผน นี้
ทำให้เราได้รับความรู้ใหม่ อย่างหนึ่ง
ก็คือ ขุนช้าง นั้น
มีพี่น้องอยู่อีก สองคน
คือ ราทยา และ ศรพระยา นะฮะ


และพอถึง เขาพระ ก็ดึกดื่นมากแล้ว
ก็มีการเกี้ยวกัน ตอนกลางคืน
เปนที่โรแมนติค ยิ่งนัก





รื่นรื่น ชื่นรส เสาวคนธ์
ปนกับ กลิ่นแก้ม เกษมสันต์
หอมกลิ่น บุปผา สารพัน
พระจันทร์ ดั้นหมอก ออกแดงดวง

ส่องต้อง บุปผชาติ สะอาดช่อ
อ่อนละออ เกสร ขจรร่วง
น่ารัก โกสุม เปนพุ่มพวง
โน้มหน่วง กิ่งเก็บ ให้วันทอง

ทัดหู ชูชม ภิรมย์จิต
ขอดม ดอกไม้นิด อย่าปิดป้อง
พี่สูด แต่น้อยน้อย ค่อยประคอง
ไฮ้อย่าต้อง ของฉัน จะชอกช้ำ

พี่ต้องแต่ เบาเบา ดอกเจ้าพี่
พอยินดี หายระหวย เมื่อยามค่ำ
อันตัวพี่ ไม่มี จะหยามทำ
นั่นช้ำเก่า เจ้าแกล้ง พาโลกัน ฯ


และก็ยังมีสำนวนกลอนที่ไว้ฝีมืออีกสำนวนหนึ่งขอรับ



ฝูงลิงไ ต่กิ่ง ลางลิงไขว่
ลางลิง แล่นไล่ กันวุ่นวิ่ง
ลางลิง ชิงค่าง ขึ้นลางลิง
กาหลง ลงกิ่ง กาหลงลง

เพกา กาเกาะ ทุกก้านกิ่ง
กรรณิกา กาชิง กันชมหลง
มัดกา กากวน ล้วนกาดง
กาฝาก กาลง ทำรังกา

เสือมอง ย่องแอบ ต้นตาเสือ
ร่มหูกวาง กวางเฝือ ฝูงกวางป่า
อ้อยช้าง ช้างน้าว เปนราวมา
สาลิกา จับกิ่ง พิกุลกิน

เขาคุ่ม กระลุมพู คูขันจ้อ
นกกระทา ปักก้อ ในไพรสิณฑ์
คิริบูน บ่นบ้า กระพือบิน
ขมิ้นจับ โมงหมาย อยู่ชายไพร ฯ



แล้วก็ยังมีฉากน่ารัก ๆ
อีกฉากหนึ่ง ขอรับ




มาถึง เนินผา ท่าต้นไทร
น้ำเปี่ยม สระใส สะอาดหนัก
ที่ธารแก่ง แรงไหล มาคักคัก
เป็นชะงัก ชะง่อนผา น่าสำราญ

บัวใส ใบบัง ระบุดอก
เผยออก กลิ่นชวย ห้วยละหาน
ต้นไม้สูง สะพรั่ง บังริมธาร
ที่ดอกบาน แล้วก็หล่น ละอองลง

พระพาย ชายพัด มาเชยชื่น
หอมรื่น รอบใน ไพรระหง
จักจั่น สนั่นเสียง เสนาะดง
รับวันทอง น้องลง จากหลังม้า

ปลดปล่อย สีหมอก ให้กินน้ำ
ขัดสี เสกซ้ำ แล้วสาดหน้า
ชักชวน วันทอง น้องยา
ผลัดผ้า โผ ลง  ในท้องธาร

ว่ายกระทุ่ม เที่ยวท่อง ในท้องน้ำ
ผุดดำ ปรีดิ์เปรม เกษมสานติ์
หัวระริก ซิกซี้ กันสำราญ
บัวบาน เกสร อ่อนละออ ฯ





พออาบน้ำอาบท่ากัน เสร็จสรรพ สำราญใจ
ก็ตัดใบตองมาปู
เตรียมพักผ่อนอิริยาบถกัน
ที่ใต้ร่มไทร นั้นเอง
โดยบอก โหงพราย กุมารทอง
ให้ช่วย ดูต้นทาง ให้ด้วย




จึงร้องสั่ง โหงพราย กุมารทอง
คอยสอดมอง คนมา อย่าให้ใกล้
แล้วตัดตอง มารอง ใต้ร่มไม้
ปูให้ วันทอง น้องทันที

แล้วเปลื้อง เครื่องคาด จากกายา
ปลดผ้า ประเจียด จบเกศี
เสื้อย้อม ว่านยา ล้วนอย่างดี
ประคำถม ตุ้มปี่ สะอิ้งรัด

ไหมทอง กรองถัก เปนอักษร
สอดซ้อน เส้นด้าย สายเข็มขัด
ตะกรุดโทน ลงยา สารพัด
ประจงจัด วางเสร็จ สำเร็จพลัน

อิงแอบ แนบชิด สนิทน้อง
สวมสอด กอดวันทอง เกษมสันต์
จงษมา พระไทร เสียด้วยกัน
เป็นกลางวัน ทั่นอยู่ จะดูแคลน ฯ


ก็ยังดี . . . อุตส่าห์ . . .กระดาก . . .

ครั้นเสร็จสม ตามความมุ่งหมายแล้ว
ขุนแผน ก็นอนหลับไป ที่ใต้ต้นไทรนั้นเอง
นางวันทอง ก็นั่งพัดให้อยู่ไหว ๆ
แต่ในใจก็คำนึงถึงตน

กระบวนกลอน ในตอนนี้
คุณครู หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)
ท่านก็ได้นำไปบรรจุไว้

ในเพลง แสนคำนึง (เถา)

ส่วนหนึ่ง ขอรับ





นางหยิบ ใบยาง มาต่างพัด
โบกปัด ยุงริ้น ที่บินว่อน
ปรนนิบัติ มิให้ขัด อนาทร
จนผัวนอน หลับสนิท ด้วยเหนื่อยนัก

นั่งอยู่ ข้างผัว ตัวคนเดียว
ให้เปล่าเปลี่ยว เงียบเหงา เศร้าใจหนัก
พอมนตร์หาย คลายหลง พะวงรัก
เห็นประจักษ์ ทุกข์ร้อน ก็ถอนใจ . . . . .



และนี้คือ เนื้อเพลง
แสนคำนึง เถา ที่ได้ บรรจุไว้ ขอรับ

. . . . .

(สามชั้น)

. . . . . อนิจจา ครานี้ นะอกกู
มาอ้างว้าง ค้างอยู่ ในป่าใหญ่
จะเป็นเหยื่อ เสือสาง ที่กลางไพร
เอาป่าไม้ มาเป็นเรือน เหมือนป่าช้า

นี่จะอยู่ อย่างไร ไม่เล็งเห็น
ตายเป็น ก็คงป่น อยู่กลางป่า
มิได้คิด ถึงตัว มัวจะมา
ไม่รู้ว่า จะเป็น เช่นนี้เลย


(สองชั้น)

ขุนแผน พามา ด้วยความรัก
ก็ประจักษ์ ใจจริง มินิ่งเฉย
แต่ทุกข์ยาก อย่างนี้ ยังมิเคย
อกเอ๋ย เกิดมา เพิ่งจะพบ

ไม่เคยเห็น ก็มาเห็น อนาถนัก
ไม่รู้จัก ก็มารู้ อยู่เจนจบ
ร่านริ้น บินต่าย ระคายครบ
ไม่เคยพบ ก็มาพบ ทุกสิ่งอัน



(ชั้นเดียว)

ยังพรุ่งนี้ นี่จะเป็น กระไรเล่า
จะลำบาก ยิ่งกว่าเก่า ฤาไรนั่น
คิดมา น้ำตาตก อกใจตัน
กลับหวั่นหวั่น หวนคะนึง ถึงขุนช้าง

นิจจาเอ๋ย เคยสำราญ อยู่บ้านช่อง
ถนอมน้อง มิให้หน่าย ระคายหมาง
คลึงเคล้า เช้าเย็น ไม่เว้นวาง
อยู่กิน ก็สำอาง ลออองค์ ฯ

. . . . .





พอผัวหลับ เหลือตัวอยู่คนเดียว
ก็ได้แต่ นั่งคิด ฟุ้งซ่านไปเรื่อย ๆ
ความจริง
ก็น่าสงสารแกอยู่เหมือนกันนะ ขอรับ . . . . .

เฮ้อ . . .




ร่ำพลาง ทางสะท้อน ถอนใจใหญ่
ง่วงเหงา เศร้าใจ อยู่กับที่
เอาความรัก หักหวน อยู่รวนรี
ได้เสียที ทำกระไร ไปตามเกิน

จะเคืองขุ่น ขุนแผน ก็ไม่ได้
เขารักใคร่ จริงจัง ไม่ห่างเหิน
ไปจากกัน นานช้า น่าจะเพลิน
หมางเมิน ลูกเมีย เขาก็มี

สู้บากหน้า มาตาม ด้วยความรัก
ลอบลัก เข้าป่า พากันหนี
ไม่กลัวความ ลามลุก คลุกคลี
เอาชีวี แลกน้อง วันทองมา

จะทิ้งขว้าง อย่างไร ต้องไปด้วย
จะมอดม้วย ก็ตามแต่ วาสนา
นางทอดตัว กอดผัว แล้วโศกา
ซบหน้า นิ่งหลับ ระงับไป ฯ


เฮ้อ . . .

เกิดเป็น นางวันทอง นี่
ก็ช่างมี เคราะห์ซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น
อยู่ได้ ตลอดชีวิต
นะ ขอรับ . . .  

แต่ตอนนี้ . . . เขาหลับกันทั้งคู่แล้ว. . . .

กระผมว่า
พวกเราก็ค่อย ๆ
ทยอยถอยห่างกันออกมาก่อน ดีกว่า

ให้เขาพักผ่อนกัน ให้เต็มที่ก่อนเถิด ขอรับ
ลำบากกันมามากแล้ว



. . . แถมพอตื่นขึ้นมา
ก็ยังมี ภัยอันตรายใหญ่หลวง
รออยู่เสียอีก

แต่ จะเป็นอย่างไรนั้น . . .
ก็ต้องขออุบไว้ คราวหน้า

ตามเคย . . . ขอรับ กระผม.

จากคุณ : พจนารถ๓๒๒
เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 53 18:32:38




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com