ความคิดเห็นที่ 1 อุปกรณ์การทำงานประกอบด้วย      1.ชุด ใช้รองเท้าบูตยาว, กางเกงยีนส์(หรือผ้าหนาหน่อย)ขายาว ให้ปลายกางเกงอยู่ด้านนอกรองเท้า แล้วเอายางรัดไว้กันผึ้งมุดเข้ากางเกง, เสื้อกันหนาวหนาๆ(หรือแบบที่มีฟองน้ำบุข้างใน), ถุงมือยางแบบหนา, หมวกปีกกว้าง และถุงตาข่ายครอบศีรษะ ใช้ผ้าแบบบางๆที่ใช้ตัดเสื้อก็ได้ ขอให้มองทะลุได้สะดวกก็พอ โดยใส่ยางยืดไว้รัดรอบๆคอเสื้อด้วย      2.อาวุธประจำกาย            a.เหล็กงัด เป็นแผ่นเหล็กแบน กว้างประมาณ 1 นิ้ว ยาว 1 ฟุต หนาสัก 2 ม.ม. ดัดเป็นรูปตัว L ให้ปลายด้านสั้นยาวประมาณ 2 นิ้ว ใช้สำหรับงัดฝารัง หรือแยกคอนรังออกจากกัน เนื่องจากเวลาผึ้งสร้างรัง มันจะใช้ขี้ผึ้งเชื่อมอุดตามรอยต่อต่างๆ ทำให้ใช้มืองัดยาก หากไม่มีเหล็กกว้าง 1 นิ้วก็ใช้เหล็กกว้าง 1 ซ.ม.มาเชื่อมต่อกัน 2 อันก็ได้             b.เครื่องพ่นควัน จะทำให้ผึ้งไม่บินไปมา เพราะโดยสัญชาติญาณของผึ้ง เมื่อเกิดไฟไหม้มันจะเกาะรอบๆรังเพื่อป้องกันรังและตัวอ่อน(แม้ตัวมันจะต้องตาย) ดังนั้นเครื่องพ่นควันจึงเป็นอาวุธสำคัญของเรา แต่หากเป็นช่วงเช้าๆ หรือค่ำๆอาจไม่ต้องใช้ก็ได้เพราะผึ้งยังไม่ดุ แต่ช่วงสายๆ-บ่าย หรือแดดจัดๆ อากาศร้อนๆ ผึ้งจะค่อนข้างดุ เราจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องพ่นควันช่วยทำงาน เครื่องพ่นควันประกอบด้วย       1. กระบอกสูบลม ทำจากไม้ 2 แผ่นยึดด้านล่างเข้าด้วยกัน(แต่ให้พับไปมาได้) มีสปริงตรงกลางเพื่อดันให้แผ่นไม้แยกออกจากกัน ใช้ผ้าพลาสติกหนา(ที่มีผ้าบุข้างในจะทำให้ไม่ฉีกขาดง่าย)หุ้มโดยรอย ด้านล่างแผ่นไม้ด้านหนึ่งเจาะรูเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว เพื่อดูดลมเข้า และเป่าลมออก         2. กระป๋องควัน ใช้กระป๋องนมผงก็ได้ เจาะรูด้านล่าง(สำหรับลงเข้า) กับด้านบน(สำหรับให้ควันออก) แต่ให้อยู่ตรงข้ามกัน รูด้านบนต่อท่อยื่นออกมาสัก 2 นิ้ว จากนั้นยึดทั้ง 2 ส่วนเข้าด้วยกัน โดยให้เว้นช่องจากกระบอกสูบลมให้ห่างจากช่องของกระป๋องควัน 1 นิ้ว(ห้ามเอาชิดกัน หรือต่อท่อหากันโดยเด็ดขาด เพราะจะไม่มีลมเข้า)         สำหรับเชื้อเพลิงผลิตควันนั้นจะใช้ใบไม้แห้ง, แกลบ หรือกาบมะพร้าวก็แล้วแต่จะหาได้ แต่กาบมะพร้าวจะได้ควันดี และติดง่าย และอยู่นานกว่า จากคุณ : Pit2519 - [ 1 ก.พ. 51 11:15:38 ]

ความคิดเห็นที่ 2 3.การให้อาหาร ปกติแล้วผึ้งจะออกหาอาหารกินเอง อาหารของพืชแบ่งเป็น 2 อย่างหลักๆ คือน้ำหวาน กับเกสรดอกไม้ ซึ่งในช่วงหน้าหนาวที่มีดอกไม้ออกมา โดยเฉพาะต้นงิ้วจะมีดอกมาก และมีน้ำหวานมากเป็นอันดับหนึ่งของพืชทั้งหมดที่สังเกตมา น้ำผึ้งที่ได้จะมีลักษณะเหลืองใส ไม่ข้นมาก แต่ในช่วงหน้าฝน และหน้าแล้งอาหารจะหายาก เราจะต้องหาอาหารมาให้มัน โดยใช้น้ำตาลมาละลายน้ำ ใส่ในคอนใส่น้ำเชื่อม และให้ถั่วเหลืองผงแทนเกสรดอกไม้         a.คอนใส่น้ำเชื่อม เป็นคอนที่ใช้ไม้อัดประกอบขึ้นมาเป็นกล้องสี่เหลี่ยมแบนๆ มีช่องด้านบน ด้านในจะใช้เทียนหรือขี้ผึ้งต้มให้ละลายแล้วเทเคลือบข้างในกันน้ำเชื่อมซึมออกมา แล้วเอาคอนใส่ในรัง เวลาจะเติมน้ำเชื่อมก็เปิดฝารังแล้วเติมน้ำเชื่อมลงไป         b.ถั่วเหลืองผง ใส่ถาดวางไว้บนโต๊ะหรือเก้าอี้ที่พันขาด้วยผ้าชุบน้ำมันเครื่องกันมดขึ้น และอาจทำหลังคาเผื่อหน้าฝนไว้ด้วย โดยตั้งไว้ใกล้ๆหน้ารังผึ้ง 4.ศัตรูผึ้ง           a.ตัวต่อ จะเข้าไปกินตัวอ่อน แก้ไขได้โดยกำจัดรังต่อโดยไปทำลายรัง(ชาวบ้านคงเต็มใจช่วยเอาลงมากิน) หรือดักจับตัวต่อ แล้วเอามาคลุกใส่ DDT ผงเล็กน้อย(เอา DDT ใส่ถุงนิดหน่อย แล้วเอาต่อใส่ถุง เขย่าพอให้ DDT ติดตัวต่อ แต่ระวังเหล็กในมันด้วย มันสามารถแทงทะลุถุงมือยางได้อย่างสบาย) แล้วปล่อยมันไป เมื่อกลับไปรังก็จะทำให้ต่อในรังตายไปด้วย ทำแบบนี้ไปซักพักก็จะหมดปัญหา           b.ไรผึ้ง ต้องหายามาฉีดพ่น 5.การเพิ่มคอน เวลาที่เราซื้อรัง(หรือยืม)มา เราจะมีคอนอยู่ 3-4 คอน เพื่อเลี้ยงไปซักพักจำนวนผึ้งจะเริ่มมากขึ้น หากเห็นว่าผึ้งเกาะกันเต็มทุกคอน หรือสร้างรังขึ้นมาเองนอกคอน แสดงว่าคอนที่มีเริ่มไม่พอ เราก็ต้องทำคอน และใส่แผ่นรังเทียมลงไป รูปแบบของคอนน่าจะทำได้จากคอนต้นแบบที่ได้มาเป็นตัวอย่าง เทคนิคในการทำคอนก็คือ ลวดที่ใช้ควรใช้ลวดปลอดสนิม ไม่งั้นเวลาเอามาใช้ครั้งต่อไปจะต้องได้เปลี่ยนลวดเพราะสนิมขึ้น วิธีการติดรังเทียมใส่คอนก็คือ         1.หาแผ่นไม้เรียบ หนาสัก 1 ซ.ม. ขนาดเท่ากับรังเทียม(หรือเล็กกว่านิดหน่อย) และทำให้แผ่นไม้ลอยสูงจากพื้นขึ้นมาสัก 1 นิ้ว          2.วางรังเทียงลงบนแผ่นไม้          3.วางคอนที่ขึงลวดแล้วลงไปด้านบนของรังเทียม ซึ่งน้ำหนักของคอนจะทำให้ลวดชิดกับผิวรังเทียม          4.นำแบตเตอร์รี่ขนาด 6 โวลต์ มา 1 ลูก ต่อสายไฟขั้ว + และ – ออกมาขั้วละเส้น ที่ปลายลวดให้เอาไปพันกับตะปูขนาดกลาง ให้เทปพันลวดกับตะปูให้แน่น และอาจพันนิดหน่อยเพื่อกันความร้อน ถ้ามีหม้อแปลงก็สามารถแปลงไฟบ้านมาใช้ได้เลย          5.ใช้หัวตะปู(ด้านที่บานนะครับ ไม่ใช่ด้านปลายแหลม) ทั้ง 2 อันจิ้มลงไปที่ลวด โดยให้ห่างกันประมาณ 10 – 15 ซ.ม.(แล้วแต่ความร้อน และความชำนาญ) และกดลงไปนิดหน่อย ซึ่งกระแสไฟจะทำให้ลวดร้อน และจมลงไปในรังเทียม ให้ลวดจมลงไปจนถึงกลางแผ่นแล้วจึงยกตะปูออก 1 อัน(อีกอันกดไว้กันลวดเด้งกลับคืน) รอไม่กี่วินาทีให้ขี้ผึ้งเย็นตัว แล้วจึงทำจุดต่อไป          การเพิ่มคอนจะเพิ่มครั้งละ 1 – 2 คอน ตามจำนวนผึ้ง บางครั้งอาจใช้คอนเก่าที่ปั่นน้ำผึ้งออกไปแล้วก็ได้ ซึ่งจะทำให้ใช้เวลาสร้างน้อยลง ใน 1 กล่องจะใส่คอนได้ประมาณ 10 คอน ถ้ามีมากกว่านี้ก็ต้องขยายรังใหม่ จากคุณ : Pit2519 - [ 1 ก.พ. 51 11:19:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 6.การขยายรัง และการสร้างนางพญา          การสร้างนางพญานั้น ปกติเมื่อผึ้งมีปริมาณมากๆมันจะสร้างนางพญา และผึ้งเพศผู้ขึ้นมาเอง การจะสังเกตว่ามีการสร้างนางพญาหรือเปล่านั้นให้เราสังเกตในรังว่ามีช่องตัวอ่อนที่ใหญ่ผิดปกติหรือเปล่า ซึ่งช่องนางพญานั้นจะสังเกตไม่ยากเพราะใหญ่กว่าช่องธรรมดา 2-3 เท่า ใน 1 รังอาจจะสร้างนางพญาเพิ่มขึ้นมา 3-5 ตัว แต่ผึ้งจะสร้างก็ต่อเมื่อมันพร้อมเต็มที่เท่านั้น ดังนั้นเราจะต้องจูงให้ให้มันสร้างนางพญาขึ้นมาให้เรา โดยเมื่อเราเห็นว่าเรามีคอน 6 คอนขึ้นไปเราก็พร้อมที่จะแยกรังแล้ว           การจูงใจให้สร้างนางพญา ผมใช้วิธีการสร้างช่องนางพญาเทียมขึ้นมา โดยใช้ดินสอธรรมดานี่แหละ(เอาแบบที่ยังไม่ได้เหลา) โดยเอาขี้ผึ้งมาลนไฟให้พอนิ่ม(ใช้ไฟแช็ค, เตาแก๊ส หรือเตาถ่านที่ไม่มีควัน อย่าใช้เทียนเพราะมีเขม่าควันไฟ ทำให้ผึ้งไม้เข้าใกล้) จากนั้นเอามาโอบใส่ปลายดินสอให้ได้ช่องลึกประมาณ 1.5-2 ซ.ม. จากนั้นเอาไปแปะใส่คอนเปล่าที่ไม่ใส่ลวด โดยหันช่องขึ้น, ลง หรือข้างๆก็ได้ ซึ่งจำนวนช่องที่ทำควรจะมากกว่าจำนวนนางพญาที่ต้องการครึ่งหนึ่ง เช่นต้องการแยกไปอีก 10 รัง ก็ควรทำช่องสร้างนางพญาสัก 15 ช่องขึ้นไปเผื่อบางช่องไม่สร้างนางพญา           หลังจากใส่ไปสัก 2-3 วันก็ลองไปส่องดูในช่องที่เราทำ หากมองเห็นไข่วางอยู่ในนั้นก็แสดงว่าน่าจะได้นางพญาแล้ว และภายใน 2 อาทิตย์ก็จะได้นางพญาใหม่          การจะแยกรังได้นั้นเราต้องรอให้นางพญาผสมพันธุ์เสร็จก่อน โดยช่วงที่มีนางพญาเพิ่มขึ้นมา ผึ้งจะสร้างผึ้งเพศผู้ขึ้นมาจำนวนมาก(หลายร้อยตัว) ลักษณะผึ้งเพศผู้จะใหญ่กว่าผึ้งงานประมาณครึ่งหนึ่ง ตัวอ้วนป้อม ไม่มีเหล็กใน สังเกตว่าวันไหนที่เห็นผึ้งตัวผู้จำนวนมากออกมาบินบริเวณหน้ารัง(จะเป็นช่วงกลางวันที่อากาศดีๆ) แสดงว่านางพญากำลังผสมพันธุ์ ซึ่งนางพญาจะผสมแค่ครั้งเดียวในชีวิต เมื่อผ่านไป 2-3 วัน จนไม่เห็นผึ้งตัวผู้ออกมาบินอีกแสดงว่าช่วงการผสมพันธุ์เสร็จสิ้นแล้ว นางพญาพร้อมที่จะแยกรังได้ทันที         การแยกรังนั้น เราจะต้องเตรียมกล่องใหม่ให้พร้อม ใช้ตาข่ายเหล็กปิดทางออกให้สนิท จากนั้นนำคอนผึ้ง 2-3 คอนแยกไปใส่กล่องใหม่(ต้องแน่ใจว่ากล่องเดิมยังมีนางพญาอยู่) หากในคอนที่แยกไปนั้นมีนางพญาอยู่แล้ว 1 ตัวก็ไม่ต้องหานางพญาจากที่อื่นมาใส่ แค่ปิดทางออกให้สนิทไว้สัก 1-2 วันก็พอแล้ว และในรังจะต้องใส่น้ำเชื่อมไว้ให้เพียงพอด้วย หากเราแยกรังโดยใช้นางพญาจากรังอื่น หรือกรณีที่นางพญารังเก่าตายเราจึงต้องหานางพญาอื่นมาใส่แทน เราต้องสร้างกล่องไม้ขนาด 3x3x6 ซ.ม. ขึ้นมา โดยเปิดช่องด้านบนไว้ 1 ด้าน(อาจใช้ขวดยาพลาสติกที่ตัดด้านข้างออกก็ได้) และใส่ตาข่ายเหล็กปิดช่อง ในกล่องให้ใส่สำลีชุบน้ำเชื่อม แล้วเอานางพญา กับผึ้งงาน(ที่เคยอยู่รังเดียวกับนางพญา) 4-6 ตัวใส่ลงไปในกล่อง และปิดตาข่ายไม่ให้ผึ้งตัวอื่นเข้าไปทำร้าย จากนั้นเอากล่องนางพญาไปใส่ไว้ในกล่องที่ปิดทางเข้า และปล่อยไว้อย่างนั้น 2-3 วันเพื่อให้ผึ้งงานเชื่อฟังนางพญาใหม่ จากนั้นจึงปล่อยนางพญาออกมา โดยในรังจะต้องใส่น้ำเชื่อมไว้ให้เพียงพอด้วย จากคุณ : Pit2519 - [ 1 ก.พ. 51 11:20:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 7.การเก็บน้ำผึ้ง         การเก็บน้ำผึ้งมี 2 แบบ คือแบบคั้นน้ำผึ้งทั้งคอน กับแบบเปิดหน้าแล้วปั่นน้ำผึ้ง         แบบคั้นน้ำผึ้งทั้งคอนเป็นแบบง่ายๆ คือตัดรังทั้งหมดออกมาจากคอน แล้วคั้นด้วยมือ(หรืออุปกรณ์ช่วยอื่นๆ) แล้วกรองเอาเศษต่างออก แบบนี้ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก แต่เราไม่สามารถเอารังเก่าไปใช้ได้อีก เราจะต้องเอาคอนไปใส่รังเทียมใหม่ และให้ผึ้งสร้าง(ศัพท์เทคนิคเรียกว่า ดึง)รังขึ้นมาใหม่ ซึ่งเสียเวลาทั้งคนและผึ้ง         แบบเปิดหน้าแล้วปั่นน้ำผึ้ง จะใช้เครื่องปั่นแบบเหวี่ยง สามารถเหวี่ยงได้ครั้งละประมาณ 3 คอนพร้อมกัน(แล้วแต่ว่าจะสร้างมาสำหรับใส่ได้กี่คอน) จุดลำบากในการเก็บน้ำผึ้งแบบนี้อยู่ที่การปาดหน้ารัง เพราะเวลาที่น้ำผึ้งถูกเก็บจนเต็มช่อง ผึ้งจะสร้างขี้ผึ้งขึ้นมาปิดช่องเหล่านั้น(คอนไหนไม่ทันสร้างถือว่าโชคดี) เราจะต้องเปิดช่องเหล่านั้นก่อนจึงจะสามารถปั่นเอาน้ำผึ้งออกมาได้ การปาดหน้าจะใช้มีดปลายแหลมเล็กๆ ยาวๆ จุ่มไว้ในน้ำร้อน แล้วปาดเอาขี้ผึ้งที่ปิดหน้ารังออก ส่วนที่ปาดออกก็เอาไปคั้นอีกที โดยมีดจะต้องร้อนอยู่ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นจะปาดได้ไม่ดี ผมเลยประยุกต์ใช้เทคนิคเดียวกับการใส่รังเทียม คือให้ลวดต่อกับแบตมาใช้แทนมีด ซึ่งผมเอาไม้ไผ่มาผ่ากลางทำเป็นรูปตัว Y ดังรูป         จากการใช้ก็ใช้ได้ดีพอสมควร ร้อนได้ที่ และไม่ต้องไปจุ่มน้ำร้อนบ่อยๆ จะมีจุดด้อยก็ตรงที่ลวดไม่แข็ง กับปลายไม้ไปขูดกับรัง หากเราใช้แบบปั่น เราจะสามารถเอารังที่ปั่นน้ำผึ้งออกแล้วมาใช้ได้อีก แต่ไม่ควรใช้เกิน 2 รอบ เพราะดำ และช่องจะเล็กลงเรื่อยๆ 8.การสกัดขี้ผึ้งจากเศษเหลือ จะใช้วิธีการนึ่งเหมือนนึ่งข้าวเหนียว แต่จะมีถ้วยไว้รองที่ด้านในของหม้อต้มด้วย ขี้ผึ้งที่ได้จากการนึ่งครั้งแรกจะมีน้ำ และกากสีดำปนอยู่ด้วย ให้เรานำมาวางให้เย็นจะสามารถแยกขี้ผึ้งออกจากน้ำได้ ส่วนวิธีการจัดการกากสีดำออกนั้นให้เราเอาไปหลอมให้ละลาย และแยกออกตอนที่ยังละลายอยู่ วิธีการหลอมขี้ผึ้งนั้นห้ามวางหม้อบนไฟตรงๆโดยเด็ดขาด เพราะขี้ผึ้งจะไหม้เป็นสีดำ ให้ใช้การลอยหม้อขี้ผึ้งบนน้ำเดือดจะไม่ทำให้ขี้ผึ้งไหม้ จากคุณ : Pit2519 - [ 1 ก.พ. 51 11:21:11 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เดี๋ยวคราวหน้ามาว่าด้วยการเลี้ยงจิ้งหรีด จากคุณ : Pit2519 - [ 1 ก.พ. 51 11:26:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จะลองนำไปเลี้ยงดูนะครับได้ผลอย่างไงจะมารายงาน น้ำผึ้งที่ได้มาจากน้ำตาล  คุณสมบัติของน้ำผึ้งจะเหมือนน้ำผึ้งที่มาจากเกสรดอกไม้ไหมครับ จากคุณ : ละอ่อนเจียงฮาย (PATCHAYAS) - [ 1 ก.พ. 51 12:05:48 ]

ความคิดเห็นที่ 7 โอวว  วันนี้ที่รอคอย       อยากได้ข้อมูลการเลี้ยงผึ้งมาตั้งแต่ปีแล้ว  ได้ข้อมูลจากคนเคยเลี้ยงจริงซะด้วย ตอนนี้  คิดภาพปัญหาไม่ออก   ถ้าเลี้ยงแล้วมีปัญหา ขออนุญาตถามมั่งเด้อ   ขอบคุณ คุณ Pit2519 หลายๆ ค่ะ  ปูเสื่อรอจิ้งหรีด ต่อนะ จากคุณ : Farm Girl in High Sierra - [ 1 ก.พ. 51 12:55:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนนี้ผมเลี้ยงอยู่ประมาณ 40 รัง กำลังฟิตผึ้งเตรียมไปเก็บลำไยครับ จากคุณ : ทะเลระยอง - [ 1 ก.พ. 51 14:02:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คห.7 อยากทราบปัญหาที่อาจจะเกิดหรือครับ ???     ผมเลี้ยงมา 3 เดือนเห็นปัญหาเยอะเลย แต่ก็สนุกดีนะ ชีวิตเปลี่ยนไปมาก จากมนุษย์เงินเดือน มาเป็นเกษตรกร มีความสุขดีครับ     จากคุณ : ทะเลระยอง - [ 1 ก.พ. 51 14:08:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณอีกครั้งหนึ่งค่ะคุณครูแห่งเชียงราย จากคุณ : ธัมมะระตี - [ 1 ก.พ. 51 14:59:28 ]

ความคิดเห็นที่ 11 น้ำผึ้งที่ได้จากนำเชื่อมจะมีสีน้ำตาลเข้ม รสหวานจัด เหนียวข้นมาก ส่วนจากน้ำหวานดอกไม้ที่ได้ช่วงที่มีดอกไม้มากๆ สีออกเหลืองทอง ใส หวานแต่ไม่หวานจัด ไม่ข้นมาก จากคุณ : Pit2519 - [ 1 ก.พ. 51 18:06:14 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อยากทราบมานานแล้วครับว่า น้ำตาลละลายและถั่วเหลืองผงที่เราให้ผึ้งจะกลายไปเป็นน้ำผึ้งและขึ้ผึ้งใช่ไหมครับ แล้วอย่างนี้น้ำผึ้งที่เราทานจะมีประโยชน์ได้อย่างไรครับ งงครับ ขอบคูณครับ จากคุณ : นายทิว - [ 2 ก.พ. 51 00:57:46 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สำหรับน้ำผึ้งนั้นจะเกิดจากน้ำตาลที่ผึ้งย่อยสลายแล้ว ไม่ใช่เอาน้ำหวานมาเก็บเลย ดังนั้นโครงสร้างโมเลกุลของน้ำเชื่อมกับน้ำผึ้งจะแตกต่างกัน ดูจากเมื่อตากให้แห้ง น้ำผึ้งจะไม่ตกผลึก และไม่บูดเหมือนน้ำเชื่อม โดยน้ำผึ้งจะให้พลังงานแก่ผึ้ง ประโยชน์ของน้ำผึ้งก็ใช้กิน แก้ไอ พอกหน้า ทาแผล แก้เมาค้าง ฯลฯ ส่วนถั่วเหลืองผงจะให้โปรตีนแก่ผึ้งในการเจริญเติบโตเช่นเดียวกับเกษรดอกไม้ เมื่อมีมาก ผึ้งจะเก็บในช่องคล้ายน้ำผึ้ง(แต่ไม่ผสมกับน้ำผึ้ง) มีรสออกเปรี้ยวๆ ถ้ากินก็ให้โปรตีน ส่วนขี้ผึ้งไม่ได้ผลิตมาจากน้ำหวาน หรือถั่วเหลืองผงโดยตรง แต่จะผลิตออกมาจากตัวผึ้งเอง(คล้ายๆน้ำลายพวกนกนางแอ่น แต่เป็นสารประเภทน้ำมัน) จากคุณ : Pit2519 - [ 2 ก.พ. 51 15:46:47 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ครับขอบคุณครับคุณ Pit2519 แต่ที่ผมถามคืออยากทราบว่าน้ำหวานที่เราให้ผึ้งทานซึ่งมาจากน้ำตาล แล้วคุณภาพของน้ำผึ้งที่ได้จะดีเทียบเท่ากับน้ำผึ้งที่ได้จากเกสรดอกไม้หรือไม่ครับ ที่อยากทราบก็เพราะว่าเรามักจะเคยได้ยินว่าน้ำผึ้งจากเกสรลำไย มะม่วง ยางพารา ฯลฯ ซึ่งผมเข้าใจว่าน้ำผึ้งที่ได้จากเกสรต่างชนิดกัน น่าจะมีคุณภาพที่แตกต่างกัน ดังนั้นถ้าเราให้น้ำหวานแก่ผึ้งกิน (แม้ว่าอาจจะเป็นในช่วงฤดูฝนก็ตาม) คุณภาพก็น่าจะแตกต่างกันไป ซึ่งถ้าเป็นดังนั้น เราก็ไม่น่าจะซื้อน้ำผึ้งในฤดูที่เกษตรกรที่เลี้ยงผึ้งต้องให้น้ำหวานแก่ผึ้งทานนะครับ ที่อยากทราบแบบละเอียดนั้นเพราะว่าผมเป็นคนที่ชอบทานน้ำผึ้งเป็นพิเศษนะครับ ผมมักจะหาน้ำผึ้งแปลกๆ ทานบ่อย หรือบางครั้งก็จะเป็นน้ำผึ้งที่เป็นไข (ไม่ทราบว่าเรียกว่าอะไรครับ) ที่คล้ายๆ กับน้ำตาลปึกนะครับ ดังนั้นถ้าทราบแล้วจะได้หาซื้อได้ถูกเวลานะครับ ปล. เคยเห็นว่าที่ประเทศญี่ปุ่นมีร้านขายน้ำผึ้งทุกชนิดจากทุกมุมโลก ไม่ทราบว่าในเมืองไทยเราจะมีร้านไหนที่ขายอย่างนี้บ้างหรือว่ามีขายน้ำผึ้งหลากหลายชนิดมั้ยครับ จากคุณ : นายทิว - [ 2 ก.พ. 51 22:57:42 ]

ความคิดเห็นที่ 15 น้ำผึ้งที่ได้จากเกสรดอกไม้ จะมีกลิ่นและรสเฉพาะตัว เช่น น้ำผึ้งลำไย จะมีความหอมมาก น้ำผึ้งดอกสาบเสือ น้ำผึ้งจะมันกว่าชนิดอื่น น้ำผึ้งงา จะมีรสเปรี้ยวนำ ส่วนน้ำผึ้ง ที่ได้จากช่วงที่เกษตรกรให้น้ำเชื่อม (หรือน้ำตาล) แก่ผึ้งนั้น จะไม่มีลักษณะดังกล่าวครับ ไม่หอม รสชาติหวานธรรมดาๆ คนเลี้ยงผึ้งจะให้น้ำเชื่อม/น้ำตาลกับผึ้งในช่วงเวลาที่อาหารตามธรรมชาติขาดแคลน โดยจะไม่ให้เยอะจนเกินไป เพราะจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี เพราะถ้าผึ้งเก็บน้ำหวานไว้มาก เนื้อที่ที่จะวางไข่ ก็น้อยลง ทำให้ผึ้งงานที่จะเก็บน้ำหวานในช่วงดอกไม้บานมีน้อย เกษตรกร ก็จะเก็บน้ำผึ้งที่มีราคาดีๆ ได้น้อยไปด้วย ผมไม่ค่อยเห็นใครให้น้ำเชื่อมกับผึ้งเยอะๆ เพื่อจะเก็บน้ำผึ้งน้ำตาลกันนะครับ ส่วนมากที่จะเป็นปัญหาก็คือ.... โดยปกติแล้ว ก่อนเก็บน้ำผึ้งจากดอกไม้ เกษตรกรจะต้องสลัดน้ำผึ้งที่เกิดจากการเลี้ยงด้วยน้ำเชื่อมออกก่อน (เรียกกันว่า "น้ำผึ้งหัวคอน") เพื่อไม่ให้เกิดจากเจือปนระหว่างน้ำผึ้งจากน้ำตาลกับน้ำผึ้งจากดอกไม้ แต่มีผู้เลี้ยงบางคนมักง่ายเอาน้ำผึ้งหัวคอนไปผสมกับน้ำผึ้งจากดอกไม้ แล้วขายแก่ลูกค้า ซึ่งทำให้ความเด่นของน้ำผึ้งดอกไม้ลดลงไป คนซื้อกินโดยทั่วไป จะตรวจสอบได้ยาก จะรู้ก็คือต้องนำเข้าห้อง Lab ตรวจสอบ จะพบว่าน้ำตาลซูโครส มากกว่าค่าที่กำหนด น้ำผึ้งแท้ๆ เก็บไว้นาน สามารถเปลี่ยนสี เข้มขึ้นได้ และน้ำผึ้งบางชนิด เช่นน้ำผึ้งทานตะวัน สามารถตกตะกอนได้ น้ำผึ้งที่ดี จะมีความข้นและหนืดสูง ซึ่งทำให้สามารถเก็บไว้ได้นาน ส่วนน้ำผึ้งที่วางขายกันในแต่ละช่วง ไม่ได้หมายถึงว่าจะมาจากการผลิตในช่วงนั้นๆ เสมอไปนะครับ เช่น ช่วงนี้เองในหลายๆ พื้นที่ก็ให้น้ำเชื่อมแก่ผึ้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า น้ำผึ้งที่วางขายตอนนี้จะมาจากน้ำเชื่อมครับ จากคุณ : ทะเลระยอง - [ 3 ก.พ. 51 07:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณครับคุณทะเลระยอง ได้ความรู้มากมายเลยครับ จากคุณ : นายทิว - [ 4 ก.พ. 51 01:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อยากถามเพิ่มนะครับว่า น้ำผึ้งจากเกสรไม้ชนิดใดของบ้านเราชนิดไหนที่หอม หวาน และอร่อยที่สุดครับ จากคุณ : นายทิว - [ 4 ก.พ. 51 01:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ครับ..เดี๋ยวตอนค่ำๆ จะมาตอบให้นะครับ ตอนนี้ขอออกไปเตรียมผึ้งก่อน ตอนนี้กำลังเตรียจะย้ายรังบางส่วนเข้าสวนลำไยแล้ว... แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 51 07:57:16 จากคุณ : ทะเลระยอง - [ 4 ก.พ. 51 07:55:12 ]

ความคิดเห็นที่ 19 - แล้วโรงเรือนในการเลี้ยงผื้งที่ดี  ควรมีลักษณะเป็นอย่างไรบ้างหรอครับ  มีภาพประกอบด้วย จะดีมากๆ เลยครับ   - มีการป้องกันศัตรู  แมลงต่างๆ  และโรคกัน  ด้วยวิธีไหนบ้างหรอครับ เดี๋ยวหมดข้อสงสัยแล้ว จะลงมือเลี้ยงเล็กๆ บ้างนะครับ  ขอบคุณครับ จากคุณ : ญี่ปุ่น35 - [ 4 ก.พ. 51 17:39:52 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มาช้าหน่อยนะครับ พอดีเพิ่งกลับมาจาก อ.เชียงดาว พรุ่งนี้ก็ต้องนำผึ้งเข้าสวนลำไยที่สันป่าตองแล้ว... เรื่องรสชาติของน้ำผึ้ง จริงๆ ผมว่าคงต้องแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนนะครับ แม่ผม ชอบน้ำผึ้งลำไย แต่ป้า จะชอบน้ำผึ้งลิ้นจี่ คนญี่ปุ่นเคยซื้อน้ำผึ้งงา จากงานนิทรรศการที่กรุงเทพ ผ่านไปไม่ถึงเดือนเขาตามขึ้นมาถึงทางเหนือ เพื่อขอซื้อน้ำผึ้งงาทั้งหมดที่จะหาได้ !!! เจ้าของฟาร์มแห่งหนึ่งบอกน้ำผึ้งทุเรียนเป็นสุดยอมของความอร่อย แต่...เท่าที่ผมทดลองชิมผมจะชอบน้ำผึ้งเงาะ ส่วนในตลาดเมืองไทย ส่วนใหญ่จะนิยมน้ำผึ้งลำไย เพราะจะหอมกว่าน้ำผึ้งอื่นๆ ราคาก็แพงกว่าชนิดอื่นๆ ตามไปด้วย น้ำผึ้งดอกสาบเสือ จะมันอร่อยปาก แต่หอมสู้ลำไยไม่ได้ ส่วนน้ำผึ้งป่า ที่ได้จากการตีผึ้งในป่า โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบเท่าไร ผมว่ามันหอมสู้น้ำผึ้งเลี้ยงไม่ได้ ส่วนน้ำผึ้งที่เกิดจากการให้น้ำตาล/น้ำเชื่อม ผสมกับน้ำผึ้งจากเกสรดอกไม้ ที่เรียกว่า "น้ำผึ้งหัวคอน" นั้น ในส่วนที่ผมเลี้ยงอยู่ ประมาณปลายๆ เดือนนี้ก็น่าจะเริ่มสลัดเก็บแล้วล่ะครับ น้ำผึ้งส่วนนี้จะไม่นำไปจำหน่ายเพื่อบริโภค แต่จะจำหน่ายให้กับบริษัทบางแห่งที่นำน้ำผึ้งไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่นๆ เช่น เครื่องสำอางค์ เป็นต้น ถ้าอยากชิมเพื่อจะได้ทราบความแตกต่าง ระหว่างน้ำผึ้งหัวคอน กับน้ำผึ้งจริงๆ แจ้งมาได้นะครับ ผมจะส่งตัวอย่างน้ำผึ้งหัวคอนเป็นกระปุกเล็กๆ ไปให้ แต่ขอย้ำไว้หน่อยนะครับว่า น้ำผึ้งหัวคอน ไม่ใช่เอาน้ำผึ้งผสมกับน้ำเชื่อม แต่เป็นน้ำผึ้งที่เกิดจากการเลี้ยงผึ้งด้วยน้ำตาล/น้ำเชื่อม ในเวลาที่อาหารตามธรรมชาติขาดแคลน สำหรับ คห.ที่ 19 การเลี้ยงผึ้ง เราไม่ได้เลี้ยงในโรงเรือนครับ เราจะนำรังผึ้งไปตั้งในพื้นที่ที่เหมาะสม คือใกล้แหล่งอาหารตามธรรมชาติ เช่น สวนผลไม้ ป่าละเมาะ หรือแม้กระทั้งสวนหลังบ้าน ที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ ทั้งนี้ต้องห่างจากชุมชนพอสมควร มีศัตรูตามธรรมชาติน้อย ไกลแหล่งมลพิษต่างๆ ที่ผมชอบงานเลี้ยงผึ้ง ก็เพราะอย่างนี้แหล่ะครับ เราได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ อย่างตอนนี้ผมตั้งลานเลี้ยงผึ้งที่ อ.เชียงดาว มีดอกข้าวโพดเยอะมากๆ ธรรมชาติสวยงาม มีดอยเชียงดาวเป็นฉากหลัง อากาศดี ไม่มีโรงงาน ไม่มีควันไอเสียมากมายอย่างในเมือง ส่วนตอนเก็บน้ำผึ้งลำไย ก็เข้าไปวางในสวนแถวๆ อ.สันป่าตอง เสร็จจากลำไย ก็ว่าจะขึ้นแม่ฮ่องสอน ไปหาดูพิ้นที่ปลูกงา ศัตรูตามธรรมชาติที่เป็นปัญหาสำคัญ ก็คือ "ตัวไร" จะมีเทคนิคการให้ยา แต่ถ้าเราเลี้ยงผึ้งแน่นและแข็งแรงดี ปัญหานี้ก็จะไม่รุนแรงเท่าไรนัก ส่วนโรคอื่นๆ ก็มีบ้าง แต่พบได้น้อยกว่า ศัตรูธรรมชาติอื่นๆ เช่น ตัวต่อ นก หรือแม้กระทั่งผึ้งด้วยกันเอง กัดกัน แย่งอาหารกัน ฯลฯ ก็มี ซึ่งจะมีเทคนิคและรายละเอียดลงไปในแต่ละกรณี เอาไว้เดี๋ยวย้ายผึ้งเข้าสวนลำไยหมดแล้ว วันไหนพอว่างผมจะเล่าให้ฟังใหม่ จะนำรูปอื่นๆ ที่ถ่ายไว้มาให้ชมด้วยครับ... สำหรับวันนี้นำเฉพาะรูปบรรยากาศแถวๆ ที่ผมตั้งลานเลี้ยงผึ้งมาให้ชมรูปเดียวก่อน แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 51 21:01:47 จากคุณ : ทะเลระยอง - [ 4 ก.พ. 51 20:58:42 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ้อ..ลืมไป มีประเด็นที่อยากฝากท่านที่จะเลือกซื้อน้ำผึ้ง พอดีอ่านที่ จขกท. ตอบไว้ อาจมีประเด็นที่ผมอยากกล่าวไว้เพิ่มเติมให้ชัดเจน ข้อแรก...น้ำผึ้งที่ดี ทีแท้ ไม่สามารถเลือกดู หรือทดสอบด้วยวิธีง่ายๆ ได้ ต้องส่งเข้าห้อง Lab อย่างเดียวเท่านั้นครับ วิธีการทดสอบต่างๆ เช่น ใช้ไม้ขีดไฟ หยดลงในน้ำชา หยดลงในกระดาษทิชชู่ ฯลฯ เป็นเพียงวิธีทดสอบคุณสมบัติขั้นต้น ซึ่งช่วยอะไรไม่ได้มาก น้ำผึ้งที่ดี ต้องมีความข้น ความหนืดสูง ถ้าเหลวๆ ถือว่าเป็นน้ำผึ้งไม่ดี โดยปกติ เวลาผึ้งหาน้ำหวานมาได้ เขาจะมีวิธีการเก็บ โดยนำน้ำหวานออกมาระเหยน้ำที่หน้ารัง โดยการบินกระพือปีก ในช่วงบ่ายๆ เย็นๆ เมื่อระเหยน้ำออกจนได้ที่ เขาก็จะเก็บในหลอดรวงแล้วปิดหลอด ทำให้เวลาเราเก็บน้ำผึ้ง เราต้องใช้มีดปาดรวงเพื่อเปิดหลอดน้ำหวาน ถ้าใครเก็บน้ำผึ้ง โดยนำคอนน้ำหวานที่ผึ้งยังไม่ปิดหลอด มาสลัดเก็บน้ำผึ้ง ก็จะได้น้ำผึ้งที่มีความชื้นสูง ไม่ได้ตามคุณภาพที่ควรจะเป็น ถ้าเป็นบริษัทใหญ่ๆ ก็จะไม่รับซื้อน้ำผึ้งพวกนี้ เกษตรกรต้องเสียเงินนำน้ำผึ้งไปอบไล่ความชื้นออกอีก หรือบางรายก็นำไปใส่ขวดขายกันไปเลย (คนซื้อโดยทั่วไป ไม่รู้แน่ๆ) ดังนั้น น้ำผึ้งที่ดีต้องมีความข้นสูงนะครับ จากคุณ : ทะเลระยอง - [ 4 ก.พ. 51 21:41:18 ]

ความคิดเห็นที่ 22 วิธีง่าย และรวดเร็วที่ผมใช้ในการตรวจน้ำผึ้งก็คือเปิดฝาขวดดู ถ้าน้ำผึ้งแท้จะไม่มีลมดันออกมา แต่ถ้าผสมน้ำเชื่อมจะมีลมดันออกมา จากคุณ : Pit2519 - [ 5 ก.พ. 51 12:01:28 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ไร่ข้าวโพดสวยอ่ะคับ  แล้วตั้งลังผึ้งตรงไหนคับ ...สงสัย แถวนั้นเขาใช้สารเคมีเยอะมั้ยคับ..ผึ้งที่เอาไปวางได้รับผลกระทบรึเปล่าคับ  เคยโดนขโมย ลังเลี้ยงมั่งมั้ยคับ..  พี่ทะเลระยอง.. จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 5 ก.พ. 51 21:23:02 ]

ความคิดเห็นที่ 24 กำลัง สงสัยครับ                  เรื่องเวลาเก็บในช่วงตอนกลางคืน  หรือ ช่วงเวลาที่เราไม่อยู่หลายๆ วัน  จะมีวิธีจัดการแก้ปัญหาอย่างไรหรอครับ   แล้วถ้าฝนตก  จะแก้ปัญหาอย่างไรครับ    เรื่องภูมิอากาศหนาวไปหรือร้อนจนเกินไป  มีผลกระทบอย่างไรต่อการเลี้ยงและการให้ผลผลิตมากเปล่าครับ จากคุณ : ญี่ปุ่น35 - [ 6 ก.พ. 51 04:35:47 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เวลาที่เราไม่อยู่หลายๆวัน หากเป็นช่วงที่อาหารไม่ขาดแคลนก็ไม่ต้องไปทำอะไรเลย ปล่อยไว้ที่เดิมทั้งวันทั้งคืนนั่นแหละ ผึ้งจะหาอาหารของมันเอง แม้จะหาอาหารไม่ได้ แต่อาหารที่สะสมไว้ก็น่าจะมีกินได้เป็นเดือน เวลากลางคืนเขาไม่เก็บเข้าไว้ในโรงหรอก ปล่อยไว้ที่เดิมเลย เดี๋ยวผึ้งจะจำตำแหน่งรังตัวเองไม่ได้ และกล่องจะมีผาปิดสังกะสีครอบอยู่ ไม้ทำกล่องก็เป็นไม้ธรรมดา ไม่ใช่ไม้อัด ถูกน้ำก็ไม่เป็นไร ส่วนอากาศหนาว หรือร้อนเกินไป หากเป็นเพียงชั่วคราวก็ไม่มีปัญหา ถ้าอากาศหนาวผึ้งอาจจะออกมาหาอาหารสายหน่อย แต่อากาศร้อนก็จะออกหาอาหารเร็วขึ้น ภายในรังจะมีผึ้งคอยกันให้ความอบอุ่น และระบายความร้อน แต่หากร้อนชื้นก็อาจมีไรเกิดขึ้นมาก ที่ต้องระวังคือเรื่องขโมย แต่ไม่เคยเจอเพราะที่เลี้ยงไว้ไม่ไกลบ้านคน และถ้าขโมยไม่มีความรู้เรื่องผึ้งคงไม่กล้าเปิดเอาง่ายๆหรอก จากคุณ : Pit2519 - [ 6 ก.พ. 51 10:13:16 ]

ความคิดเห็นที่ 26 กลับมาต่อให้ครับ... ช่วงนี้คนเลี้ยงผึ้งทางเหนือกำลังยุ่งวุ่นวายกันพอควร เพราะกำลังเข้าสู่ช่วงการเก็บน้ำผึ้งลำไยแล้ว ถือว่าเป็นช่วงทำเงิน ทำทองเลยทีเดียว รูปป่าข้าวโพดที่ถ่ายมา เป็นบริเวณหน้าลานเลี้ยงผึ้งครับ ผมถ่ายภาพลานตั้งผึ้งไม่ทัน เพราะตอนนี้เริ่มย้ายผึ้งเข้าไปเก็บลำไยแล้ว แต่บริเวณที่ตั้ง มีข้าวโพดอุดมสมบูรณ์มาก หลายร้อย หรืออาจะรวมกันเป็นพันไร่ เรื่องสารเคมี มีปัญหาพอควร ปกติชาวไร่บอกว่าจะฉีดยาข้าวโพดเฉพาะตอนต้นเล็กๆ พอโต หรือช่วงออกดอก จะไม่ฉีดแล้ว แต่ก็พบว่า มีผึ้งตายจากสารเคมีอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าดีกว่าแหล่งอื่นๆ ที่ใกล้เคียง เช่นแถวๆ ฝาง มีสวนส้มเยอะ มีปัญหากับคนเลี้ยงผึ้งมากๆ เรื่องขโมย ส่วนใหญ่ก็เป็นคนเลี้ยงผึ้งด้วยกันนั่นแหล่ะครับ ชาวบ้านจะไม่ค่อยเข้าไปยุ่ง เคยมีบ้างก็แถวๆ ทุ่งทานตะวัน ที่มีมือดีมากรีดรวงผึ้ง เอาน้ำหวานไป แต่เท่าที่ได้ยินมา ก็มีหนเดียวเท่านั้น ส่วนคนเลี้ยงผึ้งด้วยกัน เรื่องขโมยยกทั้งลัง ยังไม่เคยเจอครับ แต่เพื่อนผมเคยถูก ขโมยคอน คือเขามาเลือกคอนที่สมบูรณ์ๆ เอาไปจำนวนหนึ่ง คาดว่าคงเอาไปเสริมให้ผึ้งตัวเองแข็งแรง ผมเคยพบนักเลี้ยงผึ้ง นำผึ้งขึ้นไปตั้ง ป่าริมถนน เส้นทางขึ้นอุทยานแห่งชาติดอยภูคา     เขาตั้งกันเป็นร้อยๆ รัง เท่าที่สอบถามดูก็ไม่เคยเจอปัญหาครับ... เรื่องการดูแลผึ้ง กรณีเราไม่อยู่หลายๆ วัน นั้น ถ้าอาหารตามธรรมชาติสมบูรณ์ทั้งน้ำหวานและเกสร ก็คงทิ้งไว้ได้ไม่ต้องห่วง   (พืชแต่ละชนิดให้น้ำหวานหรือเกสรแก่ผึ้งไม่เหมือนกัน) แต่ถ้าเป็นช่วงอาหารขาดแคลน และกำลังอยู่ในช่วงการเตรียมผึ้งเข้าสู่ฤดูเก็บน้ำผึ้ง คงต้องหาวิธีให้อาหารให้ได้ในช่วงทุกๆ 7 วันครับ จากคุณ : ทะเลระยอง - [ 6 ก.พ. 51 12:39:36 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณครับคุณทะเลระยอง แล้วไม่ทราบว่าน้ำผึ้งงาจะหาได้เวลาไหน และก็ที่พื้นที่ไหนครับ แล้วจะมีออกงานที่กรุงเทพอีกบ้างหรือไม่ครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : นายทิว - [ 6 ก.พ. 51 12:57:22 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โอ้โห  กระทู้นี้คึกคักดีจริง  ได้ความรู้เพียบเลยค่ะ  เก่ง และเซียนทั้งคุณPit2519 และคุณทะเลระยอง มีจิ้งเหลน กิ้งก่า  และมดมารุมที่รังผึ้ง  พอมีวิธีการจัดการกะพวกศัตรูธรรมชาติเหล่านี้ได้ไงคะเนี่ย จากคุณ : Farm Girl in High Sierra - [ 6 ก.พ. 51 13:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อ้อ  เกือบลืม  ทำไมน้ำผึ้งที่มีรังผึ้งอยู่ข้างในขวดด้วย(ตย.ตามรูป)ถึงต้องมีราคาแพงกว่าน้ำผึ้งที่ไม่ใส่รังผึ้งไปด้วยละคะ จากคุณ : Honey comb (Farm Girl in High Sierra) - [ 6 ก.พ. 51 13:25:32 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าเป็นมด ใช้ผ้าชุบน้ำมันเครื่องเก่า พันรอบขาโต๊ะวางน้ำผึ้ง ป้องกันได้ชะงัดนัก แต่จิ้งเหลนกับกิ้งก่าคงใช้ไม่ได้ ถ้าจะให้ดีหน่อยก็ถางบริเวณรอบๆให้เกลี้ยง อย่าให้มีกิ่งอะไรพาดมาใส่รังผึ้ง และทำช่องเข้าออกรังให้แคบลงเพื่อกันศัตรูผึ้งมุดเข้าไปข้างใน ถ้าโรยปูนขาวรอบๆรังไม่รู้ว่าจะกันจิ้งเหลนกับกิ้งก่าได้ไหม แต่ช่วยกันมดได้แน่(เดาว่าพวกสัตว์เลื้อยคลานอาจไม่ชอบ เน้นว่า..เดา..ครับ) อีกอย่างคือใช้กาวดักหนูทารอบๆขาโต๊ะ ถ้ามันไต่ขาโต๊ะขึ้นมาล่ะก็ ร้อยทั้งร้อยไม่มีทางรอด(เจอมาแล้วตอนดักหนูที่เล้าหมู) ได้อาหารเสริมให้คน(กิ้งก่า) หรือไก่(เอาจิ้งเหลนให้ไก่กิน เขาว่าโด๊ปดีนักแล) แต่ให้ทาเหนือผ้าชุบน้ำมันนะครับ ไม่งั้นมดมันจะเอาดินมาถมกาวแล้วเดินข้ามไป(เรื่องจริงครับ เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากจิ้งเหลนติดกาว แล้วมดมันก็เอาดินถมกาว แล้วข้ามไปกินจิ้งเหลนจนเหลือแต่กระดูก) จากคุณ : Pit2519 - [ 7 ก.พ. 51 00:14:33 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ลืมรูปข้างบนไปนิดหนึ่ง อันนั้นเขาเรียนว่าเป็นกลยุทธการขายครับ หากเอาแต่น้ำผึ้งมา คนจะลังเลว่าแท้หรือเปล่า แต่ถ้าใส่มาทั้งรัง ผู้ซื้อจะเกิดความมั่นใจเกือบ 100% ว่าเป็นน้ำผึ้งแท้ 100% และยอมซื้อทั้งที่แพงกว่าแบบอื่น อีกอย่างที่มันแพงเพราะการจะหารวงที่สมบูรณ์แบบที่เห็นได้ ต้องเสาะหาจากหลายรังมาก เพราะที่เห็นเป็นรวงที่ใหญ่ ช่องลึก น้ำผึ้งเต็ม และไม่มีส่วนของเกษรผสมมาด้วย คิดว่าผู้ผลิตน่าจะเอาใจใส่มากๆๆๆๆๆ เพื่อจะให้ได้รวงแบบนี้ออกมาเยอะๆ ดังนั้นถ้าราคาจะแพงก็ถือเป็นเรื่องปกติ จากคุณ : Pit2519 - [ 7 ก.พ. 51 00:20:21 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขออนุญาตท่าน จขกท. ด้วยนะครับ พอดีขอนำรูปภาพ ลานตั้งผึ้งที่เชียงดาวของผม มาให้ท่านสมาชิกได้ชม พอดีเมื่อวานไปย้ายผึ้ง นึกถึงมุมเกษตร ก็เลยติดกล้องไปเก็บภาพมาฝาก จากคุณ : ทะเลระยอง - [ 7 ก.พ. 51 12:09:58 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ไปถึงตอนบ่ายๆ เย็นๆ ผึ้งกำลังบินกันหน้ารังเต็มไปหมด เป็นช่วงการระเหยน้ำครับ จากคุณ : ทะเลระยอง - [ 7 ก.พ. 51 12:12:05 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สภาพภายในรังผึ้ง จะเห็นคอนเลี้ยงผึ้ง เรียงกันอยู่ภายในเป็นแถว จากคุณ : ทะเลระยอง - [ 7 ก.พ. 51 12:13:44 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้าอาหารดีๆ ผึ้งแน่นๆ ผึ้งก็จะดึงหลอดเพิ่มนอกคอน เวลาเราตรวจสอบ ต้องคอยกรีดทิ้ง แล้วเสริมแผ่นใหม่ให้ จากคุณ : ทะเลระยอง - [ 7 ก.พ. 51 12:16:47 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เชียงดาว อากาศดี ช่วงฤดูหนาว เย็นจับใจจริงๆ ช่วงนี้ถึงแม้อากาศที่อื่นๆ จะร้อนกันบ้างแล้ว แต่ที่นี่อากาศยังเย็นสบายครับ ภาพนี้ถ่ายจากเนินหน้าลานตั้งผึ้ง เห็นเขียวๆ ข้างหน้าคือไร่ข้าวโพด จากคุณ : ทะเลระยอง - [ 7 ก.พ. 51 12:25:41 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ทุกๆ วันที่ไปดูผึ้ง ก็จะพบกับบรรยากาศอย่างนี้แหล่ะครับ ..ทุกวันคือวันพักผ่อนจริงๆ.. อ้อ..น้ำผึ้งงา ช่วงนี้บางฟาร์มก็ยังพอมีเหลือเล็กน้อยครับ (สำหรับแถวๆ เชียงใหม่) คาดว่าหลังเก็บลำไยสักพัก คงมีนักเลี้ยงผึ้งบางส่วน คงทำน้ำผึ้งงากันต่อ ประมาณเดือน พฤษภา-มิถุนายน น่าจะได้ จากคุณ : ทะเลระยอง - [ 7 ก.พ. 51 12:30:04 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ภาพดอยหลวงเชียงดาว ของท่านทะเลระยอง แล้วดูยิ่งใหญ่อลังการ ทุกวันคือวันพักผ่อน เยี่ยมไปเลย เป็นงานที่มีความสุขจริงๆ ในตัวตลาดมีร้านที่ขายข้าวขาหมูอร่อย อยู่เจ้านึงอ่ะครับ จำชื่อร้านไม่ใด้ อ.เชียงดาว อุดมสมบูรณ์มากนะครับ ไปที่ใหน ก็จะเจอลำธารเล็กที่ผันน้ำมาจากภูเขาไหล เย็น สบายตลอด มีโอกาสไปอีกจะขอไปเยี่ยมลานผึ้งบ้างนะครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆของคุณ Pit2519 ด้วยนะครับ จากคุณ : ดอกไม้ทะเล - [ 7 ก.พ. 51 14:58:27 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณ คุณPit2519  สำหรับคำตอบ  ตอนนี้กระจ่างแล้วค่ะ   ต่อไปคงซื้อผึ้งที่มีรังอยู่ด้วย  นอกจากจะมั่นใจแล้ว  ยังดูน่าทานกว่ากันด้วย     คุณทะเลระยอง  ดูท่าทางมีความสุขกะงานเลี้ยงผึ้ง  ได้ใกล้ธรรมชาติ  และตามไปดูรังผึ้งบ่อยๆ  เหมือนเที่ยวไปในตัว ขอบคุณสำหรับรูปภาพ ประเทืองปัญญา หากมีรูปอีก  รบกวนเอามาแปะเพิ่มด้วยนะคะ  ดูเพลินทั้งทิวทัศน์ และรังผึ้งเลย     ถามต่ออีกนิดนะคะ พอดี กลัวผึ้งต่อยมาก อยากได้หมวกตาข่ายคลุม และถ้าเป็นไปได้ชุดกันผึ้งต่อย  พอรู้แหล่งขายมั้ยกันคะ  ตามเวบไซค์มันแพงจัด ไม่รู้ว่าทั้งสองท่านเวลา ลงไปจัดการรังผึ้ง นี่นอกเหนือจากใช้ควัน ทำอย่างไรถึงกันผึ้งต่อยได้คะ  คือ ว่าสงสัยมานานแล้ว จากคุณ : Farm Girl in High Sierra - [ 8 ก.พ. 51 06:20:29 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ระวังเรื่องการแพ้พิษผึ้งด้วยนะครับ ลูกน้องผมคนหนึ่งต้องเลิกงานนี้ไป เพราะแพ้พิษผึ้ง คนโดยทั่วไป โดนต่อย ก็แค่ปวด บวม คัน ฯลฯ ซึ่งก็ไม่มากมายอะไร แต่คนที่แพ้พิษผึ้งอาการจะหนักมากๆ โดนผึ้งต่อยทีเดียว ไม่ถึง 5 นาที ล้มทั้งยืนเลยครับ จากนั้นก็มีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก ไม่รู้สึกตัว ดีว่าตอนนั้นอยู่ใกล้โรงพยาบาล พอให้ยาเข้าเส้น อาการก็ค่อยๆ ดีขึ้น สำหรับผมตอนแรกๆ ก็ถูกต่อยอยู่บ้าง เพราะใช้แต่หมวกอย่างเดียว โดนไปหลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงที่ผึ้งดุ เช่นตอนฝนตกพรำๆ อาการครึ้มๆ ตอนหลังเลยใช้ถุงมือ ซึ่งถ้าเลือกได้แนะนำว่า อย่าใช้ถุงมือสีดำ หรือสีเข้ม เพราะผึ้งไม่ชอบ       ให้ลองเลือกสีสว่างๆ เช่น สีขาว สีเหลือง พวกเสื้อผ้าก็เหมือนกัน เข้าใจว่าศัตรูตามธรรมชาติของผึ้งอย่างหนึ่งคือ หมี  ซึ่งมีสีดำ ผึ้งจึงไม่ชอบดีดังกล่าว ความหนาของถุงมือ ถ้าบางอย่างถุงมือแพทย์ ก็ใช้ไม่ได้ ผึ้งต่อยทะลุได้ แต่ถ้าหนามากไป ก็ใส่ทำงานไม่ถนัด แบบที่แม่บ้านใส่ล้างห้องน้ำ ก็น่าจะพอใช้ได้ครับ เรื่องชุด ผมพยายามหาซื้อชุดหมีสีขาว ผลปรากฏว่าในเชียงใหม่หาไม่ได้เลย ตอนนี้เลยสั่งตัดเลยครับ ใช้ผ้าหนาหน่อย  เดี๋ยวเสร็จแล้วจะนำมาโชว์ ในขั้นต้นถ้าไม่ใช้ชุดหมี ก็ให้เลือกเสื้อผ้าที่หนาหน่อย เวลาใส่ก็เก็บชายให้เรียบร้อย และอย่าลืมใช้รองเท้าบู้ท เพราะจะช่วยกันเรื่องมดเข้าไปในกางเกงได้เป็นอย่างดี สุดท้ายก็คือหมวกตาข่าย หาซื้อได้ตามฟาร์มครับ ไม่แพง ซื้อเสร็จก็หาซื้อหมวกปีกกว้างสักใบ ใช้ได้แล้ว แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 51 08:50:14 จากคุณ : ทะเลระยอง - [ 8 ก.พ. 51 08:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เคยมีของกรมป่าไม้เอาลังเลี้ยงผึ้งมาตั้งไกล้ๆไร่..  พอจะเก็บกลับเค้าปั่นน้ำหวาน เอามาให้ตั้งหลายขวด ดีใจทั้งบ้าน..  ..พึ่งจะรู้ว่าที่แท้ก็เป็น น้ำผึ้งหัวคอนนี้เองงงงงง....   แต่ก็กินไม่เหลือเลยนะคับ...  ^^ จากคุณ : คนดง คนเดิม - [ 8 ก.พ. 51 21:57:39 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ได้ความรู้ใหม่หลายเรื่อง  ขอบคุณมากค่ะ คุณทะเลระยอง     อ่านแล้ว การเลี้ยงผึ้งนี่ ไม่ง่ายเลย  แต่ก็ยืนยันว่าจะเลี้ยงแน่นอนค่ะ  ต้นไม้ดอกไม้จะได้ติดดอกออกผลมั่ง  ปีนี้ลำไยที่สวนติดดอกเยอะ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นลูกเท่าไหร่ ยังรอดูรูปชุดหมีสีขาวอยู่นะคะ แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 51 23:31:38 จากคุณ : Farm Girl in High Sierra - [ 11 ก.พ. 51 23:30:47 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ที่ได้ จะลองหัดเลี้ยงสักรังเพราะที่สวนมีผึ้งมาทำรังอยู่รังนึงเด๋วหาวิธีเอามาเลี้ยงดู แต่ต้องไปทำรังเลี้ยงก่อน ขอบคุณครับ จากคุณ : lungwan - [ 12 ก.พ. 51 20:23:35 ]

ความคิดเห็นที่ 44 สวัสดีครับ คุณ ทะเลระยอง ไม่ทราบว่า ในรูปที่เป็นผงขาวๆๆ โรยที่ขาตั้งผึ้ง คืออะไรครับ ใช้ป้องกันมดแดงหรือเปล่า ผมใช้น้ำมันเครื่องเก่าทา ผึ้งชอบมาดมแล้วตายคาน้ำมัน ผมซื้อมาเลี้ยง4 ลัง ตอนนี้เหลือ อยู่ลังเดียว แบบว่ามือใหม่อะครับ ช่วยแนะนำด้วยครับ เลี้ยงแล้วเพลินดี เหมือนกัน จากคุณ : tomy - [ 13 มี.ค. 51 00:52:14 A:122.52.90.247 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอโทษที่มาตอบช้าไปหน่อย.... พอดีช่วงนี้กำลังยุ่งกับการเก็บน้ำผึ้งลำไยกัน เลยไม่ค่อยได้เข้ามา ผงขาวๆ ที่โรยไว้ที่ขารัง เป็นปูนขาวครับ มดที่เชียงดาวเยอะมาก ผมเลยใช้หลายๆ วิธีช่วยกัน ที่ขารังใช้เศษผ้าพันไว้หนาๆ แล้วทาด้วยน้ำมันขี้โล้ (ใช้น้ำมันเครื่องใหม่ ไม่ได้ผล ต้องเป็นน้ำมันเครื่องใช้แล้ว) ก่อนนำรังผึ้งเข้าตั้ง ก็เอายาเบื่อมดประเภทตายทั้งรัง ผสมกับเหยื่อพวกเศษหมูบด คลุกกันให้ดี แล้วนำไปโรยไว้ตามพื้นที่มีมดเยอะๆ ส่วนรอบๆ รังก็พยายามถางหญ้าให้เตียนๆ จะได้ดูแลง่ายๆ เอ...ว่าแต่ทำไมตายไปซะหลายรังเลยล่ะครับ น่าเสียดายจัง ปีนี้น้ำผึ้งลำไย ราคาดีมากๆ ขึ้นจากปีก่อนๆ ประมาณ 50-60% เป็นเพราะอากาศมันแปลกๆ ดอกลำไยบานเร็ว และเหี่ยว โรยเร็วกว่าปกติ ทำให้มีเวลาเก็บน้ำผึ้งสั้นไปพอควร ผลผลิตที่ได้ก็เลยออกสู่ตลาดน้อย ใครทำน้ำผึ้งลำไยได้เยอะ คงยิ้มหน้าบานกันเป็นแน่ จากคุณ : ทะเลระยอง - [ 19 มี.ค. 51 17:47:15 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณครับ ที่ให้ความรู้ ครับ แบบว่าอยากลองเลี้ยงดูอะครับ ไปซื้อ มา 4 ลัง แล้วที่ มันตายไปหลายลัง ก็ ด้วยมด ด้วยจิ้งจก อะครับ เออ ไม่ทราบว่าเคยเจอผึ้งไปตายรวมกันในน้ำมันเครื่องไหมครับ ผึ้งที่บ้านไปตายกองกันอยู่ในถังน้ำมันเครื่องเก่าเยอะมาก ยังไงปีนี้ขอให้พี่ทะเลระยอง ได้น้ำผึ้งเยอะๆ นะครับ จากคุณ : tomy - [ 20 มี.ค. 51 00:10:17 A:122.52.90.247 X: ]