..............ไข้หวัด2009 อ่านแล้วเข้าใจง่ายดี เอามาฝากเพื่อนๆค่ะ............
|
|
ได้รับFW mail จากเพื่อนพยาบาล อ่านแล้วเข้าใจง่ายดีค่ะ
คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆห้องแมวนะคะ
รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ เพราะเพื่อนๆคนรู้จักก็เริ่มเป็นกันหลายคนแล้ว แต่โชคดีที่ทุกคนไม่ได้รวมอยู่ใน22คนที่จากไปค่ะ
ความรู้เพิ่มเติมเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ชนิด A (H1N1) 
เชื้อสาเหตุ เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1 เป็นเชื้อตัวใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน เกิดจากการผสมสารพันธุกรรมระหว่างเชื้อไข้หวัดใหญ่ของคน สุกร และนก
การแพร่ติดต่อ การแพร่ติดต่อจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งเกิดขึ้นได้ง่าย เกิดจากการถูกผู้ป่วย ไอ จามรดโดยตรง หรือหายใจเอาฝอยละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลายในระยะ 1 เมตร เนื่องจากเชื้อไวรัสอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย แต่บางรายอาจได้รับเชื้อทางอ้อมผ่านทางมือหรือสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่นแก้วน้ำ ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ผ้าเช็ดมือ เป็นต้น เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูก ตา ปาก ผู้ป่วยอาจเริ่มแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนป่วย ช่วง 3 วันแรกจะแพร่เชื้อได้มากที่สุด ระยะแพร่เชื้อมักไม่เกิน 7 วัน
อาการ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการหลังจากได้รับเชื้อไวรัส 1-3 วัน น้อยรายที่นานถึง 7 วัน อาการป่วยใกล้เคียงกันกับโรคไข้หวัดใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วไป เช่นมีไข้ ปวดศรีษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ อาจมีอาการเบื่ออาหาร คลื่ยไส้ อาเจียน หรือท้องเสียด้วย ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง หายป่วยได้โดยไม่ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล อาการจะทุเลา และหายป่วยภายใน 5-7 วัน แต่บางรายที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรง จะมีอาการหายใจเร็ว เหนื่อย หอบ หายใจลำบาก ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้
การรักษา ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที แพทย์จะพิจารณาให้ยาต้านไวรัส คือยาโอลเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) เป็นยาชนิดกิน หากผู้ป่วยได้รับยาภายใน 2 วัน หลังเริ่มป่วย จะให้ผลการรักษาดี ผู้ป่วยที่มีอาการไม่มาก เช่น ไข้ต่ำๆ ตัวไม่ร้อนจัด และยังรับประทานได้ อาจไปพบแพทย์ที่คลินิก หรือขอรับยา และคำแนะนำจากเภสัชกรใกล้บ้าน และดูแลรักษาที่บ้านได้โดย
; รับประทานยารักษาตามอาการ เช่นยาลดไข้ พาราเซตามอล ยาละลายเสมหะ วิตามิน เป็นต้น และเช็ดตัวลดไข้เป็นระยะด้วยน้ำสะอาดไม่เย็น
; ดื่มน้ำสะอาด และน้ำผลไม้มากๆ งดดื่มน้ำเย็น
; พยายามรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ได้มากพอเพียง เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ไข่ ผัก ผลไม้ เป็นต้น
; ไม่จำเป็นต้องทานยาปฏิชีวนะ ยกเว้นติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ซึ่งต้องรับประทานยาจนหมดตามแพทย์สั่ง เพื่อไม่ให้เชื้อดื้อยา
; ให้นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ในห้องที่มีอากาศถ่ายเทดี
การป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ
; หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่
; หากต้องดูแลผู้ป่วยควรสวมหน้ากากอนามัย และให้ผู้ป่วยสวมหน้ากากอนามัยด้วย หลังดูแลผู้ป่วยทุกครั้ง ควรรีบล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดทันที
; ไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้าร่วมกับผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่
; ใช้ช้อนกลางทุกครั้ง เมื่อรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
; หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลัง ไอ จาม
; รักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมทั้งไข่ นม ผัก และผลไม้ ดื่มน้ำสะอาด และนอนหลับพักผ่อนให้พอเพียง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงบุหรี่ และสุรา
การป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อ
; หากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ควรหยุดงาน หยุดเรียน เป็นเวลา 3-7 วัน ซึ่งจะช่วยลดการแพร่ระบาดได้มาก
; หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้อื่น
; สวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่กับผู้อื่น หรือใช้ทิชชูปิดจมูกปาก ทุกครั้งที่ไอ จาม ทิ้งทิชชูลงในถังขยะที่มีฝาปิด แล้วล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำ และสบู่
กลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุดคือ
1. เด็กเล็ก
2. ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
3. สตรีมีครรภ์
4. ผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรคที่มีอันตรายหากได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ คือ
1 โรคปอดเรื้อรัง
2 หอบหืด
3 โรคหัวใจ
4 โรคหลอดเลือดสมอง
5 ไตวาย
6 เบาหวาน
7 มะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด
คนกลุ่มนี้หากป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่แล้วอาจทำให้อาการรุนแรงสูงกว่ากลุ่มอื่น
อย่าลืมนะคะใส่ใจ ห่วงใยคนรอบข้าง สวมหน้ากากอนามัย กินอาหารที่ร้อน ใช้ช้อนกลาง และล้างมือบ่อยๆ เพื่อสุขอนามัยที่ดีของทุกคน
ด้วยความห่วงใย
บริษัท โฮยาเลนซ์ไทยแลนด์ จำกัด
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 08:15:42
จากคุณ |
:
Airni
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ก.ค. 52 07:54:39
|
|
|
|