ความคิดเห็นที่ 1 นับแต่ จิก ที่อยู่ในวงศ์ BARRINGTONIACEAE 1.  จิก          Barringtonia coccinea Kostel 2.  จิกเขา      Barringtonia fusifomis King 3.  จิกใหญ่    Barringtonia angusta Kurz 4.  จิกดง       Barringtonia pauciflor King 5.  จิกนา หรือ กระโดนทุ่ง      Barringtonia acutangula (L.) Gaertn. 6.  จิกนม หรือ จิกนุ่ม   Barringtonia macorstachys Kurz 7.  จิกนมยาน Barringtonia macorcarpa Hassk. 8.  จิกน้ำ หรือ กระโดนสร้อย   Barringtonia acutangula (L.) Gaertn. Subsp. spicata (Bl.) Payens 9.  จิกเล หรือ โดนเล      Barringtonia asiatica (L.) Kurz 10. จิกสวนหรือจิกบ้าน    Barringtonia racemosa Roxb. ซึ่งเป็นญาติในวงศ์เดียวกันนี้  ก็มี ต้นกระโดน  ที่มีดอกคล้ายกับจิกเล ของคุณคงไม่ใช่จิกเลแน่นอน  เพราะจิกเลดอกเป็นช่อ ไม่เป็นสาย วงศ์นี้ เป็นไม้ใหญ่ค่ะ  สูงเป็น 5 เมตร ขึ้น  เมื่อโตเต็มที่ รูปนี้  เป็นจิกเล จากคุณ : ป้าดาวกระจาย (-.-) - [ 17 มิ.ย. 48 21:37:28 ]

ความคิดเห็นที่ 2 หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เอ้อ .. ไม่ใช่ค่ะ ตามตลาดต้นไม้ทั่วไป เข้ามาในร้านพันธุ์ไม้  ที่ม.เกษตรศาสตร์ มีตลาดต้นไม้เล็กๆ  เห็นมีอยู่หลายจิก ฝากเจ้าของร้านให้ตามให้ครบ  ก็คงได้ ของคุณต้นนี้หรือเปล่าคะ   ป้าไปเห็นที่ปั้มพ์น้ำมันเจ็ท  ก่อนเข้าระยอง โห ... ต้นสูงกว่า 5 เมตร  ช่อดอกห้อยเป็นสาย   สวยมั่กๆ  แต่แพงมั่กๆ  เช่นกัน  ส่วนมากเป็นไม้ล้อม ราคาน่าจะเป็นพัน หรือ หลายพัน   ต้นเล็กๆ  สูงไม่ถึงเมตร  ก็ราคาสัก 200 บาท จากคุณ : ป้าดาวกระจาย (-.-) - [ 17 มิ.ย. 48 21:41:40 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หรือว่าแบบนี้  ดอกสีแดงๆ ก้านสีเขียวๆ จากคุณ : ป้าจายแคราย (-.-) - [ 17 มิ.ย. 48 21:42:50 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แต่ตัวป้านะ หลานนะ ป้าชอบต้นนี้ที่สุด น่าจะเป็นจิกน้ำนะ   เพราะป้าเห็นเขาปลูกในน้ำเลยน่ะ ดอกจิกทั้งหมดนี้  จะบานหลังพระอาทิตย์ตก พอรุ่งเช้า  ก็ร่วง   รักดอกจิก  หรือ ดอกกระโดน  ก็ต้องรอดู ตกค่ำ  ต้องนั่งเฝ้ากันใต้ต้น   ถ้าตื่นสายนะ  อดดูของสวยงาม จากคุณ : ป้าจายแคราย (-.-) - [ 17 มิ.ย. 48 21:45:46 ]

ความคิดเห็นที่ 5 http://www.sarapad.com/dada/default.htm เปิดไปเจอ ดอกจิกสุดสวยสีชมพูเหมือนของป้า ย่าดา ดา เรียกชื่อว่า จิกนมยาน เอ้า  มีใครอยู่แถวนี้  มาช่วยป้ากับย่าดา ดา หน่อยค่ะ จากคุณ : ป้าจายครัวดอกไม้ (-.-) - [ 17 มิ.ย. 48 21:51:26 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ๊า ... ดูไป ดูมา ผินซ้าย ย้ายไปขวา อ้าว .. ไม่เหมือนกันซะหน่อย   ของย่าดา ดา  ถ่ายกลางวันหรือคะ กลีบเลี้ยงก็เป็นสีเขียว ส่วนดอกของป้าจาย  กลีบเลี้ยงเป็นสีแดงสดเชียว กลิ่นฉุนด้วยนะ  เคยเอาใส่รถ  ตั้งใจจะถ่ายรูปต่อที่บ้าน รุ่งเช้า  ต้องรีบเอาออกจากรถเลยค่ะ มึน จากคุณ : ป้าจายแคราย (-.-) - [ 17 มิ.ย. 48 21:56:05 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอเข้ามา จิก  ด้วยคนค่า.........จิก จิก จิก........ เจ้าเอ๋ยเพิ่งได้จิกน้ำมาค่ะ  เดี๋ยวเอากลับไปให้แม่ปลูก(อิอิ  สบาย)  แม่บอกแม่ก็มีจิก......แต่คงคนละจิก  เพราะบอกว่าดอกเหมือนดอกชมพู่มะเมี่ยว.....ดอกเดี่ยวมังคะ  ไม่เป็นสายเหมือนจิกน้ำ.........(ไม่แน่ใจค่ะ) ดีจังค่ะ  จะได้ จิก จิก จิก  กันเยอะๆ  อิอิ ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่าคุณป้าแจซ'จาย จากคุณ : เจ้าเอ๋ย - [ 17 มิ.ย. 48 22:20:59 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คห.5 ไม่น่าจะใช่ จิกนมยาน กระมังครับ จิกนมยาน กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นกรวยมีครีบต่ำหรือสัน 4 สัน ดอกจะติดช่อดอกเลยครับ ไม่มีก้านดอก ภาพสวยมากครับหาดูยาก จากคุณ : ดิ่ง - [ 18 มิ.ย. 48 00:43:18 A:203.107.197.88 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 ต้นจิกเนี่ยลำต้นเดี่ยว หรือเป็นกอคะ ที่บ้านเป็นกอ ใบคล้ายหูกวางแต่เล็กกว่า ออกดอกเป็นสายเหมือนภาพที่สามของป้าจายค่ะ คนขายบอกชื่อแล้วแต่จำไม่ได้ จากคุณ : จีจี้ - [ 18 มิ.ย. 48 11:21:17 A:203.113.45.198 X:203.151.140.117 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จิก Barringtonia acutangula (L.) Gaertn. ชื่ออื่น จิกน้ำ จิกนา กระโดนทุ่ง กระโดนน้ำ (หนองคาย) ไม้ตอง (พายัพ) ประคงคา ลักษณะ จิกน้ำ เป็นไม้ยืนขนาดเล็กสูงประมาณ 5 – 13 เมตร ใบใหญ่ยาวเรียวคล้ายชมพู่ ใบโตประมาณ 3 นิ้วมือ ยอดอ่อนมีสีชมพูปนเขียว ดอกออกเป็นช่อห้อยยาว เกสรสีแดงปลายมีสีเหลือง แหล่งที่พบ จิกน้ำ ขึ้นตามพื้นที่ราบ ตามสวน ไร่นา การขยายพันธุ์ ใช้เมล็ดขยายพันธุ์ ไม่นิยมปลูกจะขึ้นตามธรรมชาติ แต่ปัจจุบันมีผู้ปลูกจิกตามบ้านเป็นไม้ประดับ เพราะดอกที่ห้อยระย้าสวยงาม การบริโภคและสรรพคุณ ยอดอ่อนและดอกของจิก ใช้กินเป็นผักสด ผักจิ้ม มีรสมันปนฝาด  ภาคใต้นิยมใช้กินกับขนมจีน จิกมีสรรพคุณทางสมุนไพรโดยเนื้อไม้เป็นยาขับระดูขาวเมล็ดแก้แน่นท้อง เป็นต้น การตลาดยอดจิกกำละ 2 บาท ลั่นทม ดอนจวบทรง. ผักพื้นบ้าน(ภาคใต้). ทางเลือกในการผลิตและการบริโภค. กรุงเทพฯ : องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก,2537. เนี่ยค่ะ  ค้นจากเกลอเก่า  ที่ชื่อ อากู๋เกิ้น ก็พอจะอนุมานได้ว่า  ภาพในคห. 4 และ 6 คือ จิกน้ำ   เพราะรูปใบหรือลักษณะที่บอกมา  ก็ใช่เลย ส่วนจิกนมยานของย่าดา ดา นั้น  ป้าก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน ขอบคุณคุณดิ่งค่ะ  ที่ทักท้วงกันเข้ามา  ป้าจะตามล่าหาข้อมูลเพิ่มอีกค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 48 13:59:48 แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 48 13:58:41 จากคุณ : ป้าดาวกระจาย (-.-) - [ 18 มิ.ย. 48 13:58:14 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ต้นไม้ในพุทธประวัติ ต้นจิก Barringtonia acutangula (L.) Gaertn. ต้นจิกหรือมุจลินท์นี้ ตามพระพุทธประวัติกล่าวว่า หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์และ ต้นไทร แห่งละ 7 วัน แล้ว จึงเสด็จไปประทับใต้ต้นจิกอีก 7 วัน ในขณะที่ประทับใต้ต้นจิกนี้ ได้มีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน อากาศก็เย็นมาก จึงมีพญานาคชื่อมุจลินท์มาขดเป็นวง 7 รอบ ล้อมพระองค์พร้อมกับแผ่พังพานปรกพระองค์ไว้ ต่อมาเมื่อมีผู้คิดประดิษฐ์พระพุทธรูปขึ้นภายหลัง จึงได้ประดิษฐ์พระพุทธรูปปางนี้ขึ้น เรียกว่า “ปางนาคปรก” และเรียกต้นจิกไปตามชื่อของพญานาค คือ มุจลินท์ จิกหรือมุจลินท์ เป็นไม้ต้นขนาดกลาง ผลัดใบ แต่จะผลิใบใหม่ได้รวดเร็ว ใบอ่อนจะออกสีแดงเรื่อๆ กิ่งมักคดงอใบติดเวียนกันเป็นกลุ่มตอนปลายๆ กิ่ง ใบรูปหอกหรือรูปไข่กลับเนื้อใบเนียนแน่น เลี้ยงกว้าง 5 – 10 ซม. ยาว 20 – 30 ซม. ส่วนที่ค่อนไปทางปลายใบ จะกว้างแล้วค่อยๆ เรียวสอบไปทางโคนก้านใบยาวไม่เกิน 1.5 ซม. ออกดอกสีแดง   แต่ละดอกโตวัดผ่าoนศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. ติดรวมกันเป็นพวงยาว ๆ ซึ่งยาวถึง 40 ซม. เกสรผู้จะมีมากมายในแต่ละดอก กลีบดอกสั้นๆ มี 4 กลีบ หลุดร่วงเร็วมาก หลอดท่อรังไข่ยาวยื่นออกมามาก ผลกลม ยาว ยาวประมาณ 2.5 ซม. มีสันเป็นคลื่นทื่อๆ สี่เหลี่ยม ปลายผลจะยังคงปรากฏกลีบรองดอกติดอยู่ จิกมีขึ้นทั่วไปทางภาคตะวันออกและภาคกลางของอินเดีย ตลอดลังกาถึงย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับในประเทศไทยก็มีขึ้นอยู่ทั่วประเทศ ในที่ค่อนข้างราบลุ่ม ตามชายห้วย หนอง แม่น้ำ  สามารถเป็นพันธุ์ไม้สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกได้อย่างดี และมีชื่อเรียกต่างๆ ไปตามท้องที่ เช่น จิกน้ำ จิกบก กระโดนทุ่ง กระโดนน้ำ  กระโดนสร้อย ตอง มุ่ยลาย และลำไพ่ เป็นต้น การขยายพันธุ์ใช้เมล็ดหรือตอน และจะตัดกระโดงจากรากก็ได้ ใบอ่อนรสฝาดเล็กน้อย ใช้รับประทานได้ รากของต้นจิกใช้เป็นสมุนไพร แก้โรคลมต่างๆ   ประชาชนนิยมปลูกไว้ตามชายน้ำ เพื่อกันดินพัง อาศัยร่มเงา ปลูกเป็นไม้ประดับ และใช้รับประทานกันทั่วๆไป ข้อความจาก http://www.dnp.go.th/nursery/pud/jig.htm อ่า .. ดอกจิกสีชมพูแดงสุดสวยของป้านี้   แม่นแท้ คือ ดอกมุจลินท์  หรือ จิก หรือ กระโดนสร้อย  หรือ ...... นี่ค่ะ ผลที่ป้าเก็บจากต้น  ลองเพาะดูแล้วค่ะ ไม่งอก  ไม่ทราบจะทำอย่างไร จากคุณ : ป้าจายแคราย (-.-) - [ 18 มิ.ย. 48 14:11:17 ]

ความคิดเห็นที่ 12 กล้าไม้จิกที่ทำขายกันทั่วไปจำแนกยาก ยกเว้นจิกเล ซึ่งจะชัดเจนตรงแผ่นใบหนา เขียวเป็นมัน ขอบใบเรียบ เส้นแขนงใบห่างๆ น้อยเส้น ก้านใบสั้นมาก นอกนั้นใบจะคล้ายกันมาก อีกทั้งชื่อเรียก เท่าที่คุยกับคนขายส่วนมากจะเป็นจิกสวนหรือจิกน้ำและจิกนา จิกนมยานนานๆเจอ คงจะเพราะต้นพันธุ์มีอยู่ทั่วไป และเป็นไม้เลี้ยงง่ายบกก็ได้น้ำก็ดี เมื่อดูต่อไปก็จะป็นกลุ่มของดอกซึ่งจะชัดเจนในจิกนา หรือกระโดนทุ่ง หรือจิกน้ำ ช่อดอกยาวสีเขียวอ่อนก้านดอกยาวเห็นชัดเจน เกสรตัวผู้สีแดงเป็นเส้นจำนวนมาก(คห.3) ในจิกสวนหรือจิกบ้านหรือจิกน้ำก็เรียก และจิกนมยาน ช่อดอกสีออกแดง เกสรตัวผู้สีชมพูหรือขาวอมชมพู แตกต่างนิดตรงจิกนามยานจะติดช่อดอกเลย ส่วนจิกสวนจะมีก้านสั้นสีแดง มาถึงผล จิกนาและจิกนมยาน ผลจะออกทรงรี มีสันหรือครีบตามยาว 4 ครีบ ส่วนจิกสวน จะทรงป้อมๆ(คห.11 ของป้าจายผิวสวย แต่พอแก่อีกนิดสีจะออกเขียวและครีบจะตื้นขึ้นอีกครับ) ใครสนใจจิกเลสวยๆ ลองดูที่อาคารประชาสัมพันธ์ สวนสมเด็จพระนางเจ้าฯ ใกล้จตุจักร หันหน้าเข้าอาคารอยู่ขวามือ สวยสมบูรณ์มากครับ ส่วนยอดแตะชั้นสามของอาคารแล้วละครับ ส่วนจิกนมยาน คุณพ่อบ้านที่จะเอาไปลงที่บ้าน ต้องตอบคำถามคนที่บ้านให้ดีนะครับ ตัวใครตัวมันละครับ จากคุณ : ดิ่ง - [ 18 มิ.ย. 48 22:07:46 A:203.107.200.104 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 เพิ่มเติมนิดครับ จิกมีญาติ ( วงศ์ LECYTHIDACEAE )ที่เรารู้จักกันทั่วไปนอกจาก กระโดน แล้ว ยังมี สาละลังกา และ บัวสวรรค์ ด้วยครับ จากคุณ : ดิ่ง - [ 18 มิ.ย. 48 22:36:56 A:203.107.200.104 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 จัดให้ค่ะ  ตามคำแนะนำของคุณดิ่ง ขอบคุณมากนะคะ จิกเล  ที่สวนสมเด็จฯ สวยสมบูรณ์แบบค่ะ แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 48 12:51:09 จากคุณ : ป้าจายครัวดอกไม้ (-.-) - [ 19 มิ.ย. 48 12:49:17 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ใบสวยเป็นมัน   ยาวเกือบ 30 ซม. สมบูรณ์ดีจริงๆ จากคุณ : ป้าดาวกระจาย (-.-) - [ 19 มิ.ย. 48 12:50:30 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อยากจะเรียนให้ทราบว่า   อันจิกเลนี้  ที่เมืองนอก เขาคลั่งไคล้กันมากค่ะ พอๆกับกระโดน ไม้ในวงศ์นี้  มีผลเป็นครีบ 4 ครีบ เหมือนกันหมดหรือเปล่าคะ คุณดิ่ง จากคุณ : ป้าดาวกระจาย (-.-) - [ 19 มิ.ย. 48 12:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อลูกแก่  ผิวแห้งเป็นสีคล้ำแล้ว เราก็เอาลงปลูกในกระถางเล็กๆ  ใส่น้ำชุ่มๆ เอาด้านท้ายปักลงไป  ให้โผล่ผลขึ้นมาครึ่งหนึ่ง ลองเพาะดูแล้ว ไม่ค่อยสำเร็จเลยค่ะ ต้องซื้อเอาแทน อยากได้ครบทุกชนิดน่ะค่ะ งั้น ภาพในคห.2-3 ก็เป็น จิกนา หรือ กระโดนทุ่ง พูดถึงกระโดนมาหลายหนแล้ว เดี๋ยวจะหาภาพดอกกระโดนมาให้ชมกัน สวยค่ะ จากคุณ : ป้าดาวกระจาย (-.-) - [ 19 มิ.ย. 48 12:57:28 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มารับความรู้แบบเต็มอิ่มเลยครับ ที่บ้านต้นเมตรกว่า น่าจะอีกนานกว่าจะได้ชมกะเค้าบ้าง จากคุณ : Jirawat - [ 19 มิ.ย. 48 16:08:11 A:10.101.224.102 X:203.155.94.129 ]

ความคิดเห็นที่ 19 http://www.dld.go.th/nutrition/exhibision/native_grass/other/Careya%20%20sphaerica.htm ได้ทั้งรูปดอก และผล  พร้อมข้อมูล  ขอบคุณที่ให้ยืม ชื่อสามัญ   กระโดน (ภาคกลาง ภาคใต้); กะนอน (เขมร); ขุย (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี); แซงจิแหน่; เส่เจ๊อะบะ (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน); ปุย (ภาคเหนือ ภาคใต้); ปุยกระโดน (ภาคใต้); ปุยขาว; ผ้าฮาด (ภาคเหนือ); พุย (ละว้า-เชียงใหม่); หูกวาง (จันทบุรี) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์และเกษตร       ไม้ยืนต้น สูง 10–15 ม. ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่กลับ (obovate) แผ่นใบเรียวถึงฐานใบ กว้าง 10.7–14.4 ซม. ยาว 22.4–28.3 ซม. ใบเป็นมัน หน้าใบและหลังใบไม่มีขน ขอบใบแบบจักฟันเลื่อยซ้อน (double serrate) ออกดอกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีเขียวอ่อน ขอบกลีบดอกสีชมพู มีอับเรณู (anther) จำนวนมากสีขาวออกครีม ก้านชูอับเรณู (filament) สีขาว ก้านอับเรณูรอบนอกมีสีชมพูเข้ม ผลรูปทรงกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5.7–6.3 ซม. ออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน แหล่งที่พบและเก็บรวบรวมพันธุ์       พบขึ้นทั่วไป เช่น อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฏร์ธานี (SN 354) ที่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 87 เมตร การใช้ประโยชน์       อาหารสัตว์ โค กระบือ ผลมีรสฝาดสัตว์ชอบมาก แต่มีข้อระวังอาจติดคอสัตว์ทำให้สัตว์ได้รับอันตรายได้ ยอดอ่อนใช้รับประทานเป็นผัก สมุนไพรตำรายาไทยใช้ ดอกบำรุงกำลังหลังการคลอดบุตร ผล ช่วยย่อยอาหาร ใบ ใส่แผล เปลือก-ต้น สมานแผล แก้เคล็ดเมื่อย แก้อักเสบจากงูกัด ในกรณีงูพิษยังไม่ควรใช้ (วงศ์สถิตย์; 2543) ขอบคุณเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ โดนป้าปล้นซีนซะแล้ว ไม่เห็นเข้ามาอ่านเลย   แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 48 19:12:22 จากคุณ : ป้าดาวกระจาย (-.-) - [ 19 มิ.ย. 48 19:10:37 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อ้อ  ต้นจิกนี่เอง  ผมหาชื่อมานานแล้ว  คือว่า โดนเด็กเกษตรหลอกขายให้ บอกว่าเป็นต้น จันทร์กะพ้อ  ปลูกมาเป็นสิบปี กลายมาเป็นต้นจิก  ผลเหมือนกับ ความเห็นที่ 11 เลยครับ  เก็บเอามาเพาะ ไม่เคยงอกเลยซักเมล็ดเดียว  สรุปแล้ว ผลอย่างในรูป คห.11 เป็นจิกอะไรครับ จากคุณ : แป๊ะแก่ (แป๊ะแก่) - [ 19 มิ.ย. 48 19:24:02 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ ^ เขาหลอกเราเขาก็ทำไป  เราก็ได้ดอกจิกมาแทน ไม่เป็นไร จันทน์กะพ้อ ใบเรียวแคบ และสาก  ตรงข้ามกับกระโดนและจิก ที่มีใบเป็นมัน เพิ่งได้มา 1 ต้น สูงเมตรเดียว ปลูกไป สัก 15-20 ปี ค่อยมีดอก แม่ปลูก ให้ลูกเชยชม  ท่านว่าไว้อย่างนี้ ดอกจันทน์กะพ้อ ค่ะ จากคุณ : ป้าดาวกระจาย (-.-) - [ 19 มิ.ย. 48 19:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ทู้นี้ได้ความรู้ดีจัง จากคุณ : น้านก (Aunti-นก) - [ 20 มิ.ย. 48 12:11:54 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ว๊าว... ดอกสวยจัง จะใช่ต้นเดียวกับที่บ้านหรือเปล่านี่ เพราะปลูกหลายปีแล้ว ยังไม่เห็นดอกเลยค่ะ ??? จากคุณ : i_namm - ไอน้ำ - [ 20 มิ.ย. 48 16:21:01 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แล้วต้นนี้ จิกนมยานหรือเปล่าคะ ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : sinah - [ 21 มิ.ย. 48 08:26:51 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อีกครั้งค่ะ จากคุณ : sinah - [ 21 มิ.ย. 48 08:28:10 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆทุกคนครับที่แสดงความคิดเห็น ครั้งแรกก็ประทับใจแล้วครับ จิกที่ผมเห็นต้นแก่แล้วสูงประมาณ 2 เมตรต้นอาจจะแกนก็ได้ น่าจะเป็นจิกนมยานหรื่อจิกน้ำมากกว่า แต่มีใครรู้แหล่งซื้อบ้างครับ จากคุณ : โอ - [ 21 มิ.ย. 48 10:52:06 A:203.113.85.243 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 ต้นนี้เขามีชื่อ  จิกษร น่าจะเป็นจิกน้ำนะคะ   นำมาปลูกต้นใหญ่มาก ค่ะ ที่วัดปราสาท อ เมืองเชียงใหม่ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 48 16:32:29 จากคุณ : ดอกสารภี - [ 23 มิ.ย. 48 15:24:57 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ต้นใหญ่มาก จากคุณ : ดอกสารภี - [ 23 มิ.ย. 48 16:31:51 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มีดอกแบบนี้ค่ะ จากคุณ : ดอกสารภี - [ 23 มิ.ย. 48 16:33:48 ]