ความคิดเห็นที่ 1 มันเป็นทุน Head Hunt เน่อ.. สำหรับไปจับตัวเด็กนอกเก่งๆ มาทำงาน ไม่ใช่สำหรับเด็กโลคอล อย่างเราๆ ดูแล้ว ทุนนี้คงมีเหยียบกันตายมั่งแหละ จากคุณ : Lawเก้อ - [ 3 พ.ค. 49 02:32:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ใช่แน่หรือครับ  แค่สงสัยว่า เด็กนอกเก่งๆ เขาจะอยากมาผูกมัดตัวเองทำไม ในเมื่อถ้าอยากรับราชการจริง  ทำไมไม่รับทุนมาตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษา เพราะพอถึงระดับโท-เอก  ถ้าเก่งจริงอย่างที่ว่า  ทุนสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยมีรอให้อยู่แล้ว ผมสงสัยว่า ทุนลักษณะนี้มีจุดมุ่งหมายดึงคนเก่งกลับบ้านแน่หรือ จากคุณ : GTi 16V - [ 3 พ.ค. 49 03:41:20 ]

ความคิดเห็นที่ 3 นั่นสิ คนเก่งๆอยู่เมืองนอกคิดว่าน่าจะหาทุนอื่นๆที่ไม่ผูกมัดได้ง่ายนะ ถ้าอยากมารับราชการจริงก็มาสมัครทีหลังก็น่าจะได้ ไม่ต้องผูกมัดด้วย จากคุณ : r k i - [ 3 พ.ค. 49 04:38:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หลายคนที่เค้ามีทุกอย่างแล้ว ทั้งเงินทอง หรืออะไร บางทีสิ่งที่เค้าต้องการก็คือ เกียรติและศักดิ์ศรี ... จากคุณ : shory - [ 3 พ.ค. 49 05:14:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 1. ผมค่อนข้างจะสงสัยเรื่องความยุติธรรมนิดหน่อย เพราะงบประมาณส่วนนี้ก็เป็นของประเทศ น่าจะเปิดโอกาสให้นักเรียนทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่มีคุณสมบัติสามารถสมัครเข้าแข่งขันได้ คนที่สามารถไปเีรียน ตปท โดยเงินทุนส่วนตัวได้ โดยทั่วไปเป็นคนกลุ่มที่อยู่ในสังคมเศรษฐกิจที่สูงกว่าคนไทยโดยเฉลี่ยอยู่แล้ว ในความคิดของผม ถ้ามองในแง่การให้โอกาส ก็ถือว่าไม่ค่อยดีเท่าไร 2. แต่ก็เข้าใจว่าทางกระทรวงเขาคงต้องการในเรื่องความสะดวก และไม่ต้องการเสียเวลาขั้นตอนว่าผู้สมัครจะผ่านเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย หรือโปรแกรมที่ตั้งเป้าเอาไว้หรือไม่ หรือถ้าเข้าไปแล้วจะเรียนได้ดีเพียงใด การเลือกคนแบบสำเร็จรูปเช่นนี้มันก็มีประสิทธิภาพมากกว่า ข้อ 1 กับ 2 สามารถอภิปรายโต้แย้งได้ว่าแบบใดมีความสำคัญและจำเป็นกว่ากัน 3. ผมเชื่อว่าสาขาวิชาที่ กต ต้องการ โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ (รัสเซียไม่ทราบ ขอไม่พูดถึง) เขาไม่ค่อยมีทุนให้เท่าไรหรอกครับ ไม่เหมือนกับ สาขาทางสายวิทยาศาสตร์ หรือสาขาอื่น ๆ หรือเทียบกับ graduate studies ใน ประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีงบประมาณทางการศึกษามากกว่า ดังนั้นจึงน่าจะตอบคำถามของคุณ GTi 16V  ได้ ส่วนใหญ่คนที่เรียนก็ยังควักกระเป๋าเงินจ่ายเองอยู่ ดังนั้นมีทุนมาก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับนักเรียนนอกเหล่านี้ จากคุณ : B.F.Pinkerton - [ 3 พ.ค. 49 06:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ทัศนะของผมคือควรจะเปิดโอกาสให้กับนักเรียนทุกคนทั้งในและนอกประเทศครับ เหตุผลคือ ถ้าหากอ้างว่าต้องการคนด่วนจริง ๆ ก็ไม่น่าจะอ้างขึ้น เพราะ กต ได้วางแผนส่งนักเรียนมาเรียนในหลาย ๆ สาขา เป็นจำนวนพอสมควรอยู่แล้ว นับตั้งแต่ระดับ ป.ตรี (จบมัธยมจากไทย) จนถึง ระดับ ป.โท (คนที่จบ ป.ตรี จากเมืองไทย) ทำไมถึงอยู่ดี ๆ จะต้องการนักเรียนทุนในสาขานั้น ๆ  โดยเฉพาะ ส่วนการให้นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ใน ตปท เป็นการเฉพาะ ถือว่าค่อนข้างให้โอกาสความได้เปรียบกับอภิสิทธิ์ชน เพราะส่วนใหญ่คนที่เข้ามาเรียนได้ ก็เป็นคนมีฐานะดีอยู่แล้ว และบางส่วนก็อาจจะเป็นลูกหลานของข้าราชการ กต เองนั่นแหละ (เดี๋ยวลองคอยสังเกตรายชื่อผู้ที่ได้รับทุนเอาเอง) สำหรับคนที่ได้ทุน ป.ตรี ผมถือว่าใช้ได้ เขาคัดคนที่ความสามารถจริง ๆ แต่ทุน ป.โท ขึ้นไปของ กต ผมเคยเห็นความ"แปลก" หลายครั้งอยู่ จากคุณ : B.F.Pinkerton - [ 3 พ.ค. 49 06:44:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ่า ว่าจะไม่บ่นแล้ว อุตส่าห์มองโลกในแง่ดี ไหนๆก็ไหนๆ พูดหน่อยละกัน   ก่อนอื่นเพื่อความกระจ่าง จริงๆแล้วทุนนี้มีมาตั้งนานแล้ว ไม่ได้เพิ่งมีเมื่อปีนี้ เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เรารู้แต่ว่า ครั้งสุดท้ายที่ก.ต.ให้ทุนเด็กที่จบมัธยม 3 และ 6 จากเมืองไทยไปเรียนต่างประเทศ คือเมื่อ 5 ปีที่แล้วค่ะ  ....พูดง่ายๆ ก็คนแถวนี้อ่ะแหละ รุ่นสุดท้าย พอได้ปั๊บเค้าก็ตัดทุนเลย ฮ่าๆๆๆ (เหอๆๆ ไปทำไรไว้เนี่ย) หลังจากนั้นเราก็ได้ข่าวมาว่า เค้าเปลี่ยนไปให้ระดับป.โท ขึ้นไปแทนค่ะ โดยมีเงื่อนไขว่า จะต้องจบตรีจากนอก  ฟังปุ๊บก็รู้โลจิกทันทีว่า ต้องการคนที่ได้ "ภาษา" อย่าง native speaker หรือใกล้เคียง  ..ซึ่งอันนี้ก็พอเข้าใจเพราะว่า nature ของงานกระทรวงต่างประเทศคือต้องการคนที่เก่งอังกฤษขนาดนั้นจริงๆ เพราะขนาดคนจบมัธยมจากไทยไปเรียนตั้งแต่ตรีมาเรียนยังพูดไม่คล่องขนาดนั้นเลย (จริงๆ) ไปเจรจาการค้า ข้อสนธิสัญญาต่างๆมันก็ติดขัด ไม่ราบรื่นเหมือนกับคนที่อยู่มาตั้งแต่เด็กๆ อย่างน้อยๆก็ก่อน 15 แต่ว่า จะให้ทุนมาตั้งแต่เด็กๆเนี่ย หรือป.ตรีก็ตาม มันก็คงจะเปลือง  ...เพราะมันคือการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายขึ้นมาอย่างต่ำก็ 5 ปีเต็ม (2 yr a-levels + 3 yr 1st degree) แต่ว่า ....ก็นั่นแหละหนา ...เรื่องความโปร่งใส อย่างที่ทราบๆกันอยู่ เพราะว่าทุนนี้แทบจะไม่มีการประกาศอะไรเท่าไหร่เลย คนก็ไม่ค่อยรู้กัน  ที่เรารู้เพราะว่าเรานั่ง search ...และคนที่ได้ก็...เป็นลูกข้าราชการในกระทรวงก็มีค่ะ (รู้จักคนนึง แต่เค้าก็เก่งอ่ะ อยู่มหาลัยแห่งหนึ่งใน U of London แต่ถ้าถามว่าคนเก่งกว่าเค้ามีไหม - ก็คงจะมี) ...แต่เท่าที่ดูค่ะ พูดถึงสาขากฎหมายละกัน เด็กที่เรียนตรีอยู่ที่นี่ด้วยทุนส่วนตัวมีน้อยมาก แต่เท่าที่เคยเจอใน U of London เราก็ยังไม่เห็นใครไม่เก่งเลย (จริงๆนะ) ทุกคนเก่งกันหมดเลยค่ะ จนเราอาย...แบบได้ first กันมาเป็นแถว เด็กนรท.หลายคนอายม้วนตลบเพราะสู้ไม่ไหว ถ้าเด็กคนใดคนหนึ่งในนั้นได้ทุน ก.ต.นี้ไป เราก็ยินดีสนับสนุนอ่ะ (พูดตามตรงเลย คือเค้าเก่งกันทั้งวิชาการและภาษา และยังไม่เห็นเด็กที่เรียนกฎหมายคนไหนจะเป็นประเภทเตร็ดเตร่เฮฮาไม่สนใจการเรียน วันๆทำตัวไฮโซ อะไรแบบนั้นเลยนะ - โอเค วิชาอื่นคงจะมีแหละ แต่เด็ก law มันเนิร์ดดีเจงๆๆๆๆ..) ก็นะ ถามว่าคนเหล่านั้นรวยแล้ว แล้วรับทุนทำไม ก็คงจะหนีไม่พ้นเพื่อเกียรติและศักดิ์ศรี อันนี้ก็มองได้สองแง่ แง่บวกก็คือเค้าอยากกลับมาทำงานเพื่อประเทศชาติ ส่วนแง่ลบก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่  ยังไงๆ เราก็คงจะไม่ใช่คนที่มีอำนาจมาตัดสินใจว่าจะให้ทุนใครใช่มั้ย - -' จากคุณ : shory - [ 3 พ.ค. 49 07:08:21 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แต่ถ้าพูดถึงความ unfair มันก็ใช่ ...จริง ... แต่คำถามนึงที่ตอนสอบสัมภาษณ์นรท. เค้าจะถาม เค้าถามว่า "คุณพอมีสตางค์อยู่แล้ว จะรับทุนมาทำไม" คำตอบที่คณะกรรมการอยากจะได้ยินก็คือ... "การให้ทุน ไม่ใช่แค่การให้โอกาสเด็กคนหนึ่งได้เรียนหนังสือ แต่เป็นการให้โอกาสคนที่อยากจะรับใช้ประเทศชาติ ได้เข้ามาทำงานในส่วนที่เขาอยากจะทำ เป็นการให้โอกาสประเทศชาติ ได้แสวงหาบุคลากรที่ขาด...ให้เข้ามาเติมเต็มในส่วนนั้น..." เหอๆ เหรียญมีสองด้านเสมอ จริงๆเราก็ไม่ค่อยเห็นด้วยหรอก แต่คนไม่เห็นด้วยเยอะแล้ว เลยขี้เกียจอธิบายซ้ำ ไ ม่น่าให้ทุนเลย เอาเงินไปเพิ่มเงินเดือนดีกว่า .... แหม่ เป็นข้าราชการก.ต.ดูโก้เก๋ จบโทมาก็ start 8 พัน อิอิ... แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 49 07:18:16 จากคุณ : shory - [ 3 พ.ค. 49 07:14:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณ คุณน้อง shory สำหรับข้อมูล เรื่องที่เขาไม่ไ่ด้ให้ทุน ป.ตรี มาห้าปีแล้ว มันก็ค่อนข้างทำให้เห็นเหตุผลที่เขาจะต้องอยากได้เด็กจบ ป.ตรี เมืองนอกที่ภาษาดี (แต่อย่าลืมว่าทุนนี้เขาแค่กำหนดให้คนที่ำกำลังศึกษาอยูในอังกฤษ ซึ่งอาจจะเป็นคนที่เพิ่งมาเรียน ป.โท เพียงแค่ปีเดียวก็ได้ ดังนั้นมันก็ไม่ justify ณ จุดนี้ว่าจะได้คนที่ภาษาดีกว่าคนอยู่เมืองไทย*) เท่าที่ผมทราบ ตอนที่เขาประกาศให้ทุนของ กต ในสมัยของผม เขาก็ประกาศแบบไม่ได้แยกว่าจะต้องเป็นคนที่จบ ป.ตรี จากต่างประเทศ หรือว่าต้องกำลังศึกษาอยู่ต่างประเทศ ในตอนที่เพื่อนผมสมัคร ก็มีทั้งคนที่จบจาก จุฬา ฯ ธรรมศาสตร์ หรือ ป.ตรีจากต่างประเทศ หรือจบโทมาแล้วจากโรงเรียนดัง ๆ แบบ SAIS, Fletchers อะไรต่าง ๆ มาแข่งขันกัน ซึ่งผมมองว่ามันยุติธรรมกว่าในหลักการ (ส่วนผลจะเป็นแบบไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง) กพ หรือ กต ก็มีการ recruit เด็กนอกอยู่เรื่อย ๆ โดยจ่ายเงินตอบแทนค่าเทอม จ่ายค่าอะไรย้อนหลังให้ ถามว่า efficient กว่าไหม ผมก็ว่าใช่ ทำให้ได้คนเก่ง ๆ เรียนโรงเีรียนดี ๆ มาแบบแน่นอน ดีกว่านักเรียนได้ทุนแต่ไม่สามารถส่งไปเรียนโปรแกรมดี ๆ ให้คุ้มค่าเงินได้ ซึ่งก็ inefficient เช่นกัน สรุปผมว่าก็คงเป็นเรื่องของ efficiency vs equality อีกล่ะมั้ง edit : * ทราบมาว่าทุนนี้ให้เฉพาะคนที่จบ ป.ตรี จากอังกฤษและกำลังจะไปต่อโท มีสถานศึกษารองรับ ดังนั้น กรณีที่ผมบอกว่าคนเรียนแค่โทปีเดียวแล้วจะมีสิทธิ์จึงตกไปครับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 49 12:26:01 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 49 07:34:13 จากคุณ : B.F.Pinkerton - [ 3 พ.ค. 49 07:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณคุณB.F.Pinkerton  ครับ ใจจริงผมหมายรวมถึง ทุนที่ให้นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในต่างประเทศด้วยน่ะครับ   ซึ่งมีสาขาหลากหลายกว่านี้ แต่อย่างที่ตั้งข้อสังเกตไว้  การกำหนดเงื่อนไขการสมัครที่ขาดความเสมอภาคของทุนเหล่านี้ผิดไปจากหลักกฏหมายหรือไม่   อีกประเด็นของคุณ B.F.Pinkerton ก็คือ  นักเรียนที่ได้รับการประเมินจากคัดเลือก  กับ  นักเรียนที่สามารถได้รับการตอบรับเข้าเรียนในสถาบันดีๆ    ใครน่าจะเป็นผู้เหมาะสมได้รับทุนมากกว่ากัน  น่าคิดครับ จากคุณ : GTi 16V - [ 3 พ.ค. 49 08:12:05 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่องใครเหมาะสมกว่า โดยส่วนตัวผมมีความเห็นว่าคนที่ผ่านการประเมินจากคณะกรรมการพิจารณาทุน กพ กต กับ คนที่ผ่านการประเมินจากคณะกรรมการ admissions ของโปรแกรมดี ๆ อย่างหลังน่าจะยากกว่านะครับ แต่จะ efficient กว่าไหม? ก็น่าคิดนะ ขอบคุณที่ยกประเด็นนี้มานะครับ เพราะก็คงจะถกเถียงได้เหมือนกัน ส่วนทุนอื่น ๆ ที่ให้นักศึกษาในตปท ผมว่าถ้าหากเขาได้ทุนจากโรงเรียนอยู่แล้ว ก็ค่อนข้างจะยากแหละครับที่เขาอยากจะกลับไปอยู่ในระบบราชการอีกครั้ง คงใช้ได้กับบางสาขา และก็ใช้ไม่ได้กับบางสาขา แต่สำหรับ ก.ต. ก็เป็นหน่วยราชการแบบพิเศษ ซึ่งอาจจะ appeal กับคนบางกลุ่ม (ไ้ด้อยู่ ตปท ได้ออก post ได้เงินรายได้สูง ไม่รวมถึงเกียรติจากการอยู่ในตำแหน่งทูตหรืออะไรต่าง ๆ ) ครับ เืรื่องกฎหมายน่าสนใจ..น่าคิดว่ากระบวนการเช่นนี้ถูกต้องเป็นธรรม หรือไม่ ถ้าเป็นที่อเมริกาคงจะมีคนยื่นฟ้องศาลให้ตีความแล้ว หรือเมืองไทยจะมีผู้เสียสิทธิ์ท่านไหน อยากลองดู ยื่นศาลปกครอง น่าจะพอได้ จากคุณ : B.F.Pinkerton - [ 3 พ.ค. 49 09:06:56 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ก.ต. ยังมีแบ่งสนามเล็กสนามจิ๋วเลยครับ เอาไรมาก จากคุณ : praphrut608 - [ 3 พ.ค. 49 09:07:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ^ อันนี้หมายถึง กรรมการตุลากาลศาลยุติธรรมนะคับ เด๋วคนสายอื่นมาอ่านจะงงเอานะน้องpraphrut ส่วนก.ต.ข้างบนก้อ กระทรวงบัวแก้วน่ะ ว่าแต่ ผมมีเพื่อนคนนึง การเรียน... กิจกรรม ...(โปรดเติมคำในช่องว่างด้วยความสามารถของเพื่อนคุณที่อนาทที่สุด) แต่ได้ทุนของกรมตำรวจไปเรียนต่อถึงเอก!! และชื่อทุนนั้น ให้ตายเถอะ ผม ไม่เคยได้ยินเล๊ยยยยย และบิดาของเพื่อนผมผู้นั้น เป็นbigในนั้นครับ    ทำไมคนรวยอยู่แล้วถึงอยากได้ทุนน่ะเหรอ เพราะไม่อยากจ่ายเองอ่ะดิ ยังงัยถึงเป็นทุนตัวเองไป กลับมาก้อมาทำงานราชการมีเกียรติอยู่ดี  จ่ายแพงกว่าทำมัย แถมไปในนามเด็กทุน เท่กว่า เป็นไหนๆ        เรื่องวงนอกวงใน มีกันมาแต่โบราณแล้ว เรื่องคอรัปชั่นรูปแบบอื่นๆก้อเหมือนกัน ทำงัยได้นุ อุ๊ๆๆ ใครจะอยากfightล่ะ เพราะกว่าจะรู้มันก้อผ่านจุดนั้นของตัวเองไปแล้ว fightไปจะได้อะไร คิดซะว่า อย่างน้อย เค้าคงจะเก่ง และกลับมารับใช้ชาติให้คุ้มกับภาษีของประชาชนละกัน  เรื่องนี้นะ ผมเรียนจบตรีมา ผมก้อยังคิดถึงเสมอเหมือนกัน ประชาชนจ่ายภาษีให้ผมได้เรียนราคาถูกเหมือนกันครับ จากคุณ : PaLLMtOgO - [ 3 พ.ค. 49 11:39:30 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมเป็นคนหนึ่งที่ได้ทุน กต ปีที่แล้ว ตอนนี้ศึกษาอยู่ในสหรัฐครับ ผมเองก็ไม่ทราบหรอกนะครับว่าเจตนารมณ์ของโปรแกรมนี้คืออะไร แต่ผมขออนุญาตเดาว่า เพื่อให้ได้ของสำเร็จรูป เหมือน shopping น่ะครับ ได้ของดีแต่กลับไปทำงานกับเขา เช่น ให้ทุน นร กม ที่เรียนมาแล้วใบแรก สุดท้ายให้ใบที่สอง เขาก็เหมือนกับจ่ายปีเดียวแต่ได้ คุณภาพสองเท่า อีกอย่างคือผมมองเรื่องการทำงานใน กระทรวงฯครับ คือเขาคงอยากได้คนที่ทำงานกับกระทรวงได้ และเข้ากับสังคมกระทรวงฯ ได้ นะครับ ก็เลยมาหาคนที่กำลังศึกษาอยู่ ตปท:) + เืรื่อง ภาษาด้วยนะครับ ส่วนเรื่อง ทุนนี้รับแต่คนนอกผมขอแย้งครับ ผมไม่ได้เป็นลูกข้าราชการ กระทรวงนี้นะครับ คุณพ่อคุณแม่ผม เป็น นักธุรกิจทั่วไป แต่ยอมรับนะครับ คำถามหนึ่งใน การสัมภาษณ์คือ คุณพ่อ คุณแม่ ของคุณทำงานอะไร ผมคิดว่าถ้าคุณพ่อ คุณแม่คุณทำงาน ราชการอาจจะได้เปรียบมากกว่า แต่ทั้งนี้ ปัจจัย ด้านbackground คุณก็สำคัญมากกว่า ส่วน ปีนี้รับแต่ รัสเซีย กับอังกฤษ คงเป็น ผลจากปีผม(ปีที่แล้ว) ที่รับ นร จากสหรัฐ ไปเยอะ ซึ่งมากกว่า จากฝั่งอังกฤษหรือที่อื่น ครับ ถ้ายังไง จขกท ก็รอปีหน้าก็ได้ครับ จะได้มาเป็น เพื่อนร่วมงานกัน จากคุณ : boatkung (panupat) - [ 3 พ.ค. 49 14:49:09 ]

ความคิดเห็นที่ 15 This is my friend message: "I think this sort of scholarship is another significant way to recruit qualified students more easily. Because the government still requires many resourceful persons with versatile knowledge and great command of English. Remember! this is the Ministry of Foreign Affairs, so it is important to find the person in the right position. Undeniably, most people who obtained this scholarship have no financial burden. However, is there any limitation on this?  I totally disagree with discrimination as people are equally treated and this policy does not violate the Constitution regarding equal education. I personally believe that this startegy is another efficient path to find the candidates from abroad to work for the government more effectively. Because they are well- trained and are supposed to understand the western culture. The Ministry needs people who have a broad range of interdisciplinary ideas. However, it does not mean that candidates in Thailand can not achieve this mission. There are many scholarships available for them to compete fairly. Every one wants to be a part of the society,so why do not agree with this feasible policy" จากคุณ : Burapat (panupat) - [ 3 พ.ค. 49 15:14:13 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เรื่องขัดแย้งกับกฎหมายหรือไม่? เอางี้ดีกว่า เพื่อน(คนอังกฤษ) เรามันถามว่าได้ทุนมาเนี่ย ต้องใช้ทุน 12 ปี .....(หรือบางคนถ้าเรียนถึงเอก ก็ใช้ทุน 20 ปี!) "ไม่ผิดกฎหมายเหรอ??" เพื่อนถามด้วยความงุนงงสงสัย ตามสไตล์ของเด็ก law ว่าสัญญาฉบับนี้ผิดกฎหมายมนุษยชนหรือไม่ "เอ่อ อาจจะผิดใน UK แต่ที่แน่ๆ ไม่ผิดใน Thailand และถึงแม้จะมี ground ให้ฟ้องรัฐบาลได้ ฟ้องให้ตายยังไงก็ไม่ชนะ" "ah, i see...." (ประเทศเธอไม่มีกฎหมาย Human Rights แบบเป็นรูปร่างนี่เนอะ เหอๆๆๆๆๆ) พูดถึง discrimination ...ประเทศไทยก็ไม่มีกฎหมายเรื่องนี้ที่เป็นรูปร่างเหมือนกัน แม้ว่าทั้งสองหลักการด้านบนอาจจะเขียนเอาไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แต่ว่าไม่มีกฎหมายลูกใดๆ มา enforce มัน แล้วคิดเหรอว่า civil law system จะทำอะไรได้ :P ถ้าเป็นที่ EU ป่านนี้รัฐโดนฟ้องแหลกลานแล้วขอรับกระผม (ที่ต้องยก EU เพราะว่า ใน EU นี่กฎหมายจำพวกนี้เห็นผลจริงๆ ต้องยอมรับว่า European Court of Justice นายแน่มาก) ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียว หลายๆนโยบายที่รัฐออกเนี่ย ขัดกับ human rights และ discriminate กันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะฆ่าตัดตอน เรื่องภาคใต้.... เหอๆๆ ไม่พูดดีกว่า ไปแระ ~* จากคุณ : shory - [ 3 พ.ค. 49 15:55:23 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เคยถามเหมือนกันคำตอบคื่อ ที่จรืงเป็นทุนสำหรับในประเทศ แต่ปีนั้นไม่มีผู้เหมาะสม หรือสอบไม่ผ่าน ดังนั้นทุนก็ต้องคืน หลวง ในปีนั้นใช่ไหม หน่วยงานที่ขอทุนก็จะเสียสืท ฟรี ดังนั้น จำเป็นต้องหาคนที่เรียนต่างประเทศมาแทน มันง่ายและเร๊ว เพื่อจะไมได้เสียสืทธ์ ของทุนหน่วยงานนั้นๆ ดั้งนั้น การเปิดรับจะสั้น คล้ายกับการเลือกตั้งซ่อม สส ที่ผ่านมา  คือกำหนดการจะแทบไม่มีรุ้  และไม่มีจำนวนตายตัวขึ้นอยู่กับว่า จะเหลือกี่ทุน และเหลือสาขาอะไร อันนี่ กพ นะ ไม่รู้ว่า กต เป็นยังไง จากคุณ : Nitty.M - [ 4 พ.ค. 49 00:34:54 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จริงๆ แล้วประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่วิธีการคัดเลือก  แต่อยู่ที่ความโปร่งใสของการคัดเลือกมากกว่าครับ ทุนๆนึงเป็นสิบล้านบาท  ไม่น้อยนะครับ   ขอให้ได้คนดีมีฝีมือเข้ามาเป็นผู้รับทุนให้คุ้มภาษีอากรจากคนไทยครับ เคยคุยกับ Professor คนไทยที่สอนหนังสืออยู่ที่นี่ท่านนึง   ท่านเล่าให้ฟังว่า เด็กไทยน่ะโชคดีมากๆ มีรัฐบาลแจกทุนกันไม่อั้นให้ทุกปี  ปีๆ นึงเป็นร้อยๆทุน  รวมๆ ปีนึงตกหลักพันล้านบาท   รัฐบาลให้มาเรียนสบายๆ  ค่าเทอม  ค่าใช้จ่ายออกให้หมด   งานการไม่ต้องทำ   เด็กชาติอื่นเค้าไม่มีได้รับแบบนี้หรอกต้องขวนขวายมาเองทั้งนั้น มาใหม่ๆ ผมก็แปลกใจ  ทำไมเด็กไทยเรียนกันเก่งเหลือเกิน   ทั้งเด็กทุน กพ และเด็กไทยที่พ่อแม่ส่งมาเรียน  ผมอยู่ในประเภทหลัง    ต่อมาถึงเข้าใจว่า  เราได้เปรียบเพราะไม่ต้องทำงาน   ลงเรียนเท่ากันพวกเด็กจีน  เด็กอินเดียที่มี Assistantship  มันต้องไปช่วยสอนคนละครึ่งค่อนวัน  แถม Professor เรียกไปสั่งงานตลอด    เด็กไทยนั่งอ่านหนังสือกันได้ทั้งวัน  มีเวลาไปเที่ยวอีกต่างหาก พอเราไปทำงานแบบพวกเด็กพวกนี้   เวลาแทบไม่เหลือทบทวนตำราหนังสือเลย มีเพื่อนคนนึงจากสิงคโปร์  เค้าเล่าให้ฟังว่า  รัฐบาลเขาให้ทุนน้อยมาก   คนที่ได้ทุนก็ไปเรียนแต่ Top5 ทั้งนั้น   พวกเขาไม่มีทุนก็ต้องสมัครขอ Assistantship มากันเอง ก็รู้สึกสะท้อนใจเหมือนกันครับ   ผลการศึกษาพวกเราดีเพราะทางบ้านหรือรัฐบาลให้การสนับสนุนทั้งนั้น     ไม่ใช่เพราะเด็กเราเก่งกว่าชาติอื่นเลย   ภาษาก็ห่วยกว่า  ความคิดความฉับไวโดยเฉลี่ยสู้เด็กเอเซียชาติอื่นๆ ไม่ได้จริงๆ คนที่ได้ทุนมา หรือ พ่อแม่ส่งมาเรียนแล้วไม่ตั้งใจเรียนให้ดี   เอาเวลาไปหาทำงานนอกหาเงินส่วนตัว หรือเที่ยวเตร่  ก็เหมือนทำให้เงินตราของชาติที่ต้องเปล่าประโยชน์ไป  ฝากไว้ครับ จากคุณ : GTi 16V - [ 4 พ.ค. 49 01:51:43 ]

ความคิดเห็นที่ 19 #17 ไม่ใช่กรณีของ ก.ต. แน่นอนค่ะ เพราะ ก.ต. เลิกให้ทุนในประเทศไปแล้วจริงๆ และที่สำคัญ ก.ต. ไม่ได้ให้ทุนแบบได้โควต้ามาจากรัฐบาล แต่ใช้เงินของ ก.ต. เองออกทุนให้ (นั่นคือเหตุผลว่าทำไมนรท.ก.ต.ถึงไม่สามารถโอนย้ายไปหน่วยงานอื่นได้เลย) จากคุณ : shory - [ 4 พ.ค. 49 03:03:42 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อวานคุยกับคุณ Lawเก้อ เรื่องนี้ครับ เพราะมีน้องที่รู้จักกันเขาอยากจะย้ายออกจาก ก.ต. ไปอยู่กระทรวงอื่น และได้มาปรึกษา ผมก็บอกในหลักการว่าถ้าต้นสังกัด กับสังกัดใหม่เขาอนุญาต ก็ไม่น่ามีปัญหา แต่เท่าีที่ฟังคุณ Lawเก้อ เล่า สรุปใจความก็เหมือนที่น้อง shory บอกคือย้ายหน่วยงานออกจาก กต ทำได้ยากมาก สงสัยเลยจะต้องบอกข่าวร้ายกับน้องเขาเสียแล้ว เรื่อง efficiency ผมคิดว่าทุกคนเห็นอย่างเดียวกันครับ ไม่มีใครเถียงว่าวิธีการคัดเลือกแบบสำเร็จรูปแบบนี้ไม่ดี ผมถือว่าดีทีเดียวล่ะ อย่างของปูนซีเมนต์ไทย เดี๋ยวนี้เวลาเขาจะรับพนักงาน เขาจะไม่ค่อยส่งคนไปเรียนสาขา MBA ในยูท๊อปแล้ว แต่จะใช้วิธีการ recruit คนจาก TOP MBA พร้อมกับจ่ายค่าเทอม ค่าเสียโอกาส ให้เท่ากับเด็กที่เขาส่งไปเรียน พร้อมเงินเดือนในระดับสูง ผมเองก็เชื่อว่าวิธีการแบบนี้ดีกว่า สำหรับ กต กพ นโยบายแบบนี้ก็ต้องยอมรับว่า give favor ให้กับคนที่อยู่ในระดับมีโอกาสของสังคม แต่ก็คงแก้ปัญหาได้หลายอย่าง เช่น ปัญหาเด็กหนีทุน ปัญหา moral hazard ฯลฯ ก็ต้องยอมแลกเอา ก็น่าเห็นใจ คนที่ไม่มีสิทธิสมัคร แต่มีความสามารถและมีความตั้งใจ จากคุณ : B.F.Pinkerton - [ 4 พ.ค. 49 08:07:05 ]

ความคิดเห็นที่ 21 กลับไปอ่าน คห.15 แล้วก็รู้สึกว่าขัดแย้งกันนะครับ ผมว่ามันก็ discrimination ชัด ๆ นั่นแหละ จะมาแก้่ตัวว่าไม่ใช่ discrimination ได้อย่างไร เพียงแต่ว่ามีเหตุผลรองรับเพียงพอหรือไม่เท่านั้นเอง ข้อดีมีมากกว่าใช่ไหม ไม่ใช่เป็น discrimination-free policy อย่างแน่นอน นักเรียนไม่ได้ equally-treated แน่นอน อย่างปีที่แล้ว ที่เขาให้ทุนนักเรียนไทยที่อยู่ต่างประเทศ เขาก็กำหนดแค่ต้องศึกษาในต่างประเทศเท่านั้น คนที่ไปเรียน ป.โท แค่ปีเดียว ก็สามารถสมัครได้  ถามว่าภาษาอังกฤษจะดีกว่าเด็กเมืองไทยหรือเปล่า มันก็ไม่แน่ แล้วทำไมถึงต้องกีดกัดไม่ให้แข่งขันกันอย่าง fairly กับ เด็กนักเรียนในไทย ซึ่งบางคนเขาก็อาจจะได้รับการตอบรับจากโรงเรียนที่ดีเหมือนกัน หรือดีกว่านักเรียนที่เรียนอยู่ต่างประเทศเสียด้วยซ้ำ ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ เล่าให้คิดเฉย ๆ เป็นการสะท้อนในอีกมุมมองหนึ่งเท่านั้นเองนะครับ จากคุณ : B.F.Pinkerton - [ 4 พ.ค. 49 08:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 22 - ไม่ได้บอกว่าใครไม่มีสิทธิ์ ทุกคนมีสิทธิ์ถ้าไปเรียนตรีเมืองนอก --- เหอๆ แบบเนี้ยเค้าเรียก discriminatory เค๊อะ ... indistinctly applicable แต่ discriminatory in fact อืม ประเด็นเรื่องปัญหาแก้เด็กหนีทุนที่พี่ BFP พูดนี่น่าสนใจมากนะคะ จากคุณ : shory - [ 4 พ.ค. 49 09:20:21 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อืม พี่ palm ผมหมายถึง ก.ต. คณะกรรมการตุลาการ นั่นแหละครับ ส่วนเรื่อง discriminate มั้ย ผมว่า ก็เป็นนะครับ เพราะ ป ตรี หรือ ป โท ประเทศไหนๆ ก็มีคุณค่าเท่ากัน(ในเชิงนิตินัย) ถ้าต้องการคุณสมบัติด้านภาษา ก็ไปกำหนดเอากับคะแนน toefl หรือ คัดจากการสอบสัมภาษณ์ น่าจะเหมาะสมกว่า แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 49 13:26:00 จากคุณ : praphrut608 - [ 4 พ.ค. 49 13:13:59 ]