ความคิดเห็นที่ 1 เราเห็นด้วยกับสามี จขกท. แล้วในใจของ จขกท. อยากได้สมบัติของสามี ตอนหย่า แบ่งกัน ๕๐ เปอร์เซนต์หรือเปล่าล่ะคะ ในเมื่อตัว จขกท. ก่อนแต่งงานก็ไม่มีสมบัติเยอะอยู่แล้ว... ได้ส่วนแบ่งไม่ถึง ๕๐ เปอร์เซนต์ ตอนหย่า นี่ยังไม่พอใจ หรือ ไม่ล่ะคะ... ถามตัวเองด้วย ถ้าคุณเคือง และ ผิดหวังที่เขา จะทำสัญญา Prenuptial agreeement และ คิดว่า สามี งก.... แต่คุณก็ งก สมบัติของสามีเหมือนกันน่ะค่ะ.... ในใจย่อมอยากได้ครึ่งหนึ่ง มันเป็นความแอบโลภ ที่รักเขาก็ ส่วนที่เขารวยด้วยล่ะค่ะ มันเป็นส่วนสมบัติของเขา ที่เขาหามาได้ ก่อนแต่งงานกับ จขกท. สามี จขกท. ไม่เห็นเขาอยากจะได้สมบัติของจขกท. แล้ว ทำไม คุณ ถึงอยากจะได้ส่วนแบ่ง ๕๐ เปอร์เซนต์ของเขาตอนหย่า ทั้งๆที่เป็นส่วนที่เขาทำงานเก็บของเขามา ก่อนแต่งงาน ก่อนแต่งงานของเรา...  เราทำ สัญญา พรีนับช่วล อะกรีเม้นท์ .. ที่สามีเสนอ เพราะเขา มีสมบัติมากกว่า ก่อนแต่งงาน... เราไม่รู้สึกเคือง ไม่ผิดหวัง ..เราเซ็นต์ และ ยังอยู่กันมาทุกวันนี้... เพราะ เราไม่งก ไม่ได้สนใจที่แต่งงานเพราะเห็นว่าเขามีเงินมากกว่าเรา... ปัจจุบันเขาก็ไม่ได้รวย ไม่มีเงินมากไปกว่าเรา... แต่เรามีเงินเก็บมากวก่าเขา เพราะเขาให้เงินเรามาหมดเลย... ยังไม่รู้สึกว่า ตัวเองรวย  หรือ ได้ดีมาจากแต่งงานกับสามีฝรั่ง ครอบครัวของเราในไทย มีฐานะดีกว่า สามีฝรั่งของเราด้วยซ้ำ จากคุณ : JidNince - [ วันออกพรรษา 20:17:32 ]

ความคิดเห็นที่ 2  "เค้าบอกว่ามันไม่แฟร์สำหรับเค้าที่ทำงานมาเหนื่อยแต่พออย่าต้องมาแบ่งตั้ง ห้าสิบเปอร์เซ็น สามีเลยอยากทำ เงื่อนไขก่อนเข้าไปอยู่ที่นั่น คือเมื่อหย่ากันแล้วเราจะไม่แบ่งเงิน 50% เพราะตอนแต่งงานเราก็มีทรัพย์สินไม่มากแต่สามี มีมากกว่า แต่ทำข้อตกลงไว้ว่าจะให้เงินบางส่วนเพื่อดูแลตัวเองในวันข้างหน้า และจะให้ได้วีซ่าเป็นคนประเทศเขาเลย รู้สึกผิดหวังกับสามีเล็กน้อยที่ค่อยข้างงก หรือว่าเราคิดไปเองคะ ทำให้เรามองในแง่ลบของสามีเสมอ ประมาณว่านี่วันนึงเราจะต้องหย่ากันจริงๆ เหรอ ทำไมคิดอะไรขนาดนั้น หรือ กัวเรารักสมบัติเค้าเนี่ย" ^^ ^^ เท่าที่อ่านดู สามีของคุณ เป็นคนมองการณ์ไกล มีความยุติธรรมดี ไม่จัดว่าเป็นคนงก แต่มีเหตุมีผลส่วนตัวดีแล้ว   ก็แล้วแต่คน แล้วแต่ความคิดค่ะ สามีของคุณคิดถูก เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนค่ะ เงินทองเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต ดิฉันชอบมาก และ ใครๆ ก็ชอบค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าเอามาเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด ในชีวิต จงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี เท่าที่มี และ พึงมีพึงได้ค่ะ     จากคุณ : Siamese Girl - [ วันออกพรรษา 20:50:24 ]

ความคิดเห็นที่ 3   กรณีของเรานั้นไม่ได้แต่งงาน อยู่ด้วยกันเฉยๆ (เราอยู่เมืองไทย บ้านเมืองของเรา) เป็น Partner เป็นหุ้นส่วนชีวิตกัน ตามเจตนารมย์อันแน่วแน่ และ จุดยืนของดิฉันเอง เรื่องพินัยกรรมทาง Partner (คนอังกฤษ) ของดิฉันก็ทำเอาไว้เรียบร้อย ตั้งแต่หลายปีที่แล้ว ถ้าเขาตายก่อน ทรัพย์สินทุกอย่างที่เป็นของเขาจะไม่ว่าจะเป็นที่เมืองไทย หรือ อังกฤษ จะตกเป็นของเรา 100% ประกันชีวิตก็ทำเอาไว้หลายแบบมาก และ ทุกอย่างใส่ชื่อเราเป็นผู้รับผลประโยชน์ทั้งหมด ครอบครัวที่อังกฤษของเขาก็รับทราบ และ มีเอกสารค่ะ เขาบอกว่า ถ้าเขาตายก่อน เราจะต้องอยู่ได้อย่างไม่ลำบาก และ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบาย โดยที่ไม่ต้องทำงานค่ะ ส่วนกรณีที่ถ้าดิฉันตายก่อนของทุกอย่างดิฉันก็ยกให้น้องสาวคนเดียว เพราะอย่างไร Partner ของดิฉันเขาก็ไม่ลำบากอยู่แล้ว ที่เป็นห่วงเรื่องเดียว ก็คือ ขอไว้ว่าถ้าเขาจะต้องมีคนมาแทนที่ดิฉัน ดิฉันขอให้เขาดูคนดีๆ ที่ไม่หวังเงิน หรือ หวังสัญชาติอังกฤษ หวังที่จะได้ British Passport จากเขาเท่านั้นค่ะ ชาตินี้ดิฉันก็ไม่เคยคิดที่จะแต่งงาน ตีทะเบียน และ ไม่คิดที่จะมีลูกด้วยค่ะ เพราะดิฉันเห็นว่าไม่ใช่จุดสูงสุด ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องทำในชีวิตค่ะ อีกทั้งเป็นการผูกมัด สร้างภาระให้กับชีวิตจนเกินไป ไม่ได้อวดนะคะ แต่เล่าให้ฟัง เพื่อที่จะให้ดูตัวอย่างว่าเป็นเรื่องของความคิดของแต่ละบุคคล ของแต่ละคู่ว่าจะตกลงอย่างไรจริงๆ ค่ะ เราไม่เคยอยากได้ของๆ คนอื่น และ ของตัวเองมีเท่าไหน ก็คือ เท่านั้นค่ะ และ การที่นอนกอดทะเบียนสมรสเอาไว้ หรือ การมีลูกกวนตัว ก็มิได้เป็นหลักประกันอะไรเลยค่ะ   จากคุณ : สะใภ้นอกกฏหมายของUKโดยสมัครใจ (Siamese Girl) - [ วันออกพรรษา 20:55:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Family Law ในอเมริกาให้ความคุ้มครองและเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายหญิงมากแต่ก็มีบางข้อ(ของกฎหมาย)ที่หากหย่าก็ต้องดูระยะเวลาสมรสด้วย ก็น่าเห็นใจฝ่ายชายเพราะเท่าที่ทราบมาเวลาหย่าที่หนึ่ง "หมดตัว" ไปตามๆ กัน... หากแฟนคุณให้เซ็นเอกสารข้อตกลงก่อนแต่งงาน ก็ควรพิจารณาและอ่านข้อตกลงให้เข้าใจก่อนเซ็นนะคะ (ปรึกษาทนายของคุณก่อนก็ได้) อย่างไรก็ตามเอกสารนี้สามารถ "ยกเลิก" ได้ในภายหลัง ถ้าชีวิตการแต่งงานของคุณราบรื่น พี่โชคดี...คุณสามีไม่เคยให้เซ็นเอกสารใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่ "เพิ่มชื่อ" ของพี่เข้าไปในทรัพย์สินทั้งหมด (รวมทั้งบัญชีธนาคารต่างๆ ด้วย) จากคุณ : bmw (BlackmagicW) - [ วันออกพรรษา 21:18:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5 I think he asked you to sign prenup to prove that you love him not his assets. จากคุณ : In Vinings - [ วันออกพรรษา 21:25:27 A:70.159.1.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 เราว่า จกท เค้าคงแค่น้อยใจมากก่วามั๊ง คงไม่ได้คิดโลภอะไร เป็นเราๆก็แอบเซ็ง แบบมันจะอะไรกันนักหนา จะมาร่วมหัวจมท้าย ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ย้งมีแอบมาคิดระแวง ถ้าไม่ไว้ใจกันก็อย่าแต่งให้มัน ยุ่งยากเลย (อันนี้เราหมายถึงถ้าเป็นเรานะ) แต่ สามี จกท คงกลัวเป็น แบบลุงฝรั่ง uk ในข่าวที่ว่าพอหมดเงินเมียคนไทยที่เคยว่ารักนักรักหนา ก็เฉดหัวส่งม่ไห้แม้แต่ค่าเครื่องบินกลับบ้าน นั่นก็ น่าละอาย อย่างกรณีคุณ จขกท ถ้ามาอยู่ ตปท แล้วก็หางานทำเอาแล้วกัน ที่นี่ งานใช้สมอง งานใช้แรงงน ได้เงินพอๆกัน เรารับ babbysit ยังได้ตั้ง $15 ต่อ ชม. ให้สามีทำประกันชีวิตแล้วไห้คุณเป็นผู้รับผลประโยชน์ เอาแบบวงเงินไม่ต้องเยอะ เดี๋ยวสามีคุณจะเข้าใจผิด ว่าเอ...ยังไงกัน นะพอไห้ทำ prenup ก็จะเอาประกัน อธิบายว่าถ้าคุณมาอยู่ ตปท แล้ว ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้เรียนอะไรเพิ่มเติม ถ้าสามีคุณเส๊ยไป(ขอโทษนะคะ) เวลาคุณกลับมาเมืองไทยคุณจะได้มีเงินไว้เลี้ยงตัวเองตอนแก่ เพราะจะไห้คุณมาหางานทำที่เมืองไทย งานที่ไม่มใช้ skill ก็ได้เงินน้อย พวกงานบริษัทโดยมากก็จะรับเด็กจบใหม่ หรือไม่ก็พวกประสบการณ์สูง เรามาเรียนที่นี่ 4 ปีคิดได้อย่างเดียวว่าต้องเรียนให้จบ เพราะถ้ากลับบ้าน มือเปล่าโอกาสได้งานคงยากเพราะเราอายุมากแล้ว ประสบการณ์งาน office ที่ทำมาก็ไม่เหลือเพราะหันมาเอาดีทางเลี้ยงเด้ก โชคดีรอดมาได้ ขอให้คุณโชคดีค่ะ เค้าไห้เซ็นก็เซ็นไปเถอะอย่าไปคิดมากถ์อว่านั่นมันก็ ของเขา แต่คิดในแง่ดีถ้าคุณถูก lottery ชุดใหญ่สามสิบล้าน สามีคุณก็อด อิ อิ จากคุณ : one blue day (half moon night) - [ วันออกพรรษา 21:38:30 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่ต้องแอบน้อยใจหรอกค่ะ มันเป็นเรื่องธรรมดา ดีซะอีก คนอื่นจะได้ไม่มาว่าเราว่าเห็นแก่ทรัพย์สินของเขา จากคุณ : ขาว - [ วันออกพรรษา 22:13:16 A:58.8.230.29 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 ยุติธรรมดีแล้วค่ะ อย่าไปคิดมากเลย เพราะถ้าดิฉันจะแต่งงานกับผู้ชายที่มีน้อยกว่า ตัวเองก็จะทำเหมือนกัน จากคุณ : Absolutely love - [ วันออกพรรษา 22:47:53 ]

ความคิดเห็นที่ 9 Who or what you love? จากคุณ : amore mio - [ 27 ต.ค. 50 01:09:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สถิติการหย่าร้างในอเมริกานั้นสูงถึง 52% เพราะฉนั้น ก็ต้องเข้าใจว่าคนที่เขาทำงานหนักมาทั้งชีวิต กว่าจะมาถึงจุดนี้ ก็ย่อมต้องระวังเป็นธรรมดา  ตัวคุณเองก็ไม่ควรจะประมาท เพราะการมาอยู่บ้านเขาเมืองเขา อย่างน้อย คุณก็เสียโอกาสบางอย่างที่คุณพึงได้ ถ้ายังอยู่บ้านเรา การจะทำพรีนัพ ทำได้ค่ะ อ่านรายละเอียดเสียก่อน ถ้าคุณรู้สึกว่าหินเหลือเกิน ก็คุยกับเขาดู ต่อรองกัน ให้ทนายที่เป็นตัวแทนของคุณอ่านรายละเอียดให้ฟัง ให้เข้าใจก่อนนะคะ  เพราะเคยเจอหลายราย ผู้ชายที่รวยจัดนี่ ร่างพรีนัพมา เห็นแล้วอึ้ง.. พูดไม่ออกเลยก็มีค่ะ จากคุณ : Lawanwadee - [ 27 ต.ค. 50 02:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นด้วยกับ กท.ที่ 2 จ้าตรงใจเราจะตอบแบบนั้น จากคุณ : คนชาวเกาะ - [ 27 ต.ค. 50 09:58:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณเจ้าของกระทู้เห็นไหม  ใครๆที่ออกความเห็นมข้างบนต่างไม่มีผู้ใดตำหนิว่าที่สามีคุณเลย  มีแต่จะเห็นใจและเข้าใจดีว่าผู้ชายคนนี้ช่างรอบคอบ  คิดการณ์ล่วงหน้าอย่างเป็นธรรม  เพราะเชื่อในหลัก อนิจจัง ว่า  ไม่มีอะไรแน่นอนในโลก  หรือในชีวิตคน  สรรพสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงได้ (ยกเว้นในนิยายน้ำเน่า)  จึงขออนุญาตเข้ามาร่วมแสดงความเห็นด้วย  ดังนี้ 1.การทำสัญญาชนิดนี้ เขาเรียกว่า " สัญญาก่อนสมรส " เป็นการจัดการเรื่องทรัพย์สินที่เป็นสินเดิม  และสินสวนตัว  ของทั้งสองฝ่ายให้มีบัญชีแจ้งชัดเพื่อไม่ให้มาปะปนกับทรัพย์สินที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากการที่คนสองคนมาสมรสกันซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เกิดขึ้นใหม่นี้  เรียกว่า  " สินสมรส"  นอกจากนี้  สัญญาก่อนสมรสอาจระบุกิจการอื่นที่ไม่ใช่ทรัพย์สินไว้ล่วงหน้าได้อีก  เช่นระบุว่าหากหย่ากันแล้ว  จะให้ฝ่ายใดมีอำนาจปกครองบุตร  และจะให้อีกฝ่ายมาเยี่ยมลูกได้สัปดาห์ละกี่วัน ฯลฯ เป็นต้น  เห็นไหม  คนรอบคอบในชีวิตเขาทำกันถึงขนาดนี้   เพื่อไม่ต้องมาทะเลาะ  หรือฟ้องร้องศาลให้ลำบากในภายหลัง   แต่หากไม่หย่ากัน  อยู่กันไปจนตายไปข้างหนึ่ง  สัญญานี้ก็ไม่มีการนำมาใช้แน่นอน 2.ในอนาคตหากคู่สมรสหย่าร้างกัน ( เรื่องธรรมดาของมนุษย์)  สินสมรสที่ร่วมกันทำมาหาได้ ก็ต้องนำมาแบ่งครึ่งสำหรับมนุษย์ชาย-หญิงคู่นี้  แต่สินเดิม  และสินส่วนตัวตามที่ได้ระบุไว้ในบัญชีสัญญาก่อนสมรสที่ว่า  ก็ตกไปเป็นของเจ้าของ  ของใครของมัน  ก็ยุติธรรมดีแล้วใช่ไหม อย่างที่หลายท่านข้างบนให้ความเห็นไว้  รักกันจริงก็อยาไปหวังสมบัติคนอื่น  แต่เชื่อว่าหากเวลานานไปพิสูจน์ได้ว่าสองฝ่ายมีความรัก  ความจริงใจแท้จริงต่อกัน  อยู่กันยืดยาว  สมบัติเหล่านั้นก็ต้องมาเจือสมสำหรับมนุษย์คู่นี้โดยไม่แบ่งแยกว่าของใครของมัน 3.สำหรับคู่สามี-ภรรยา  ที่อยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนสมรส  ซึ่งจะเรียกว่าสามี/ภรรยานอกกฎหมาย   หรือ  partner ก็ตามแต่  นั้น  ขอเรียนว่า  กฎหมายไทยถือว่าทรัพย์สินที่มีงอกเงยขึ้นมาในระหว่างเวลาที่อยู่กินกันนั้น  ทั้งสองฝ่ายต่างเป็น  " เจ้าของร่วม " ซึ่งจะต้องแบ่งครึ่งกันเมื่อแยกทางกันเดิน ส่วนสินเดิม  และสินส่วนตัวก็ของใครของมัน  หาพยานหลักฐานมาพิสูจน์กันเอาเอง ขอให้คู่สมรสทุกคู่ในพันทิพ มีความสุขตลอดไปจนถึงวันที่ต้องจากกันเพราะความตาย จากคุณ : ขอเป็นนักกฎหมายสักวัน (Detente) - [ 27 ต.ค. 50 10:57:05 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าเรารักเขา และ เขารักเรา ในอนาคตข้างหน้า เราแยกทางกันหรือ เขาเสียชีวิต เขาไม่ปล่อยให้เราลำบากหรอกค่ะ ดิฉันเองก็ มีข้อตก ลงเหมือน กับ จขกท จากคุณ : por (porsuwanna) - [ 27 ต.ค. 50 12:03:20 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณสำหรับหลายๆ ความคิดเห็นค่ะ จริงๆไม่ค่อยรู้เรื่องประเพณี หรือวัฒณธรรมอะไรของต่างชาตินะคะ แค่อยากรู้ว่าเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนได้ทำหรือเปล่า ไม่ได้ต้องการหวังสมบัติอะไรของสามีค่ะ พอได้อ่านแล้วก็รู้สึกโล่งใจที่ทุกคนก็ทำกันบ้าง ขอบคุณมากนะคะทุกๆ คน จากคุณ : orange (Suneeka) - [ 27 ต.ค. 50 12:05:50 ]

ความคิดเห็นที่ 15  "จริงๆไม่ค่อยรู้เรื่องประเพณี หรือวัฒณธรรมอะไรของต่างชาตินะคะ" ^^ ^^ ไม่รู้จักเขาไม่รู้จักเรา แต่แต่งงานกับคนต่างชาติเนี่ยนะคะ ? และ ทำไมถึงได้อยู่กิน และ ตัดสินใจร่วมหอลงโลงกับคนที่มาจากพื้นฐานของ วัฒนธรรม และ ประเพณีที่คุณไม่รู้จักดีพอ ? ถ้าไม่ทราบก็ต้องหัดเรียนรู้เอาไว้ค่ะ นิตยสาร หนังสือต่างๆ อ่านเข้าไป, Internet ค้นคว้าหาความรู้เข้าไป, รายการสารคดีต่างๆ ดูมันเข้าไป, ถ้าสามารถ ว่างๆ ก็ควรจะออกท่องเที่ยวเปิดหูเปิดตา ไม่ว่าในปท. ของตัวเอง หรือ บ้านเมืองอื่น เพราะในโลกนี้ มี วัฒนธรรม และ ประเพณี หลากหลาย และ เพราะในโลกนี้ไม่ได้มีประเทศไทย แต่เพียงประเทศเดียว   สงสัยด้วยค่ะ ว่าเรื่องแค่นี้ ทำไมต้องถอด Log-In มาถามด้วย   ปล. ไม่ได้เข้ามาด่า หรือ ตำหนินะคะ เพียงแต่ถามตรงๆ เพราะสงสัยจริงๆ ค่ะ   Cheers! and have a nice weekend ค่ะ   จากคุณ : Siamese Girl - [ 27 ต.ค. 50 12:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 16 การที่นอนกอดทะเบียนสมรสเอาไว้ หรือ การมีลูกกวนตัว ก็มิได้เป็นหลักประกันอะไรเลยค่ะ   ชอบคะ พี่smg จุ๊บส์ๆๆ เปนข้อคิดให้กับบางคนที่ชอบคิดว่าทะเบียน  จะทำให้จับผู้ชายไว้ได้ จากคุณ : BeaUty@InSiDeOut - [ 27 ต.ค. 50 12:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ออ ต้องขอโทษด้วยค่ะเป็นกระทู้เดียวกันค่ะ      ตอนที่ถามไม่ได้เอะใจว่ามีเมมเบอร์ของพันทิปอยู่ พอโพสไปแล้วมาดูข้อความของตัวแล้วไม่มี      ก็เลยนึกได้ว่าตัวเองก็มีเมมเบอร์อยู่เลยโพสอีกรอบ ไม่ได้ต้องการมีเจตนาอื่นแอบแฝงนะคะ ต้องขอโทษด้วยค่ะ จากคุณ : Suneeka - [ 27 ต.ค. 50 13:13:01 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ต้องขออภัยอีกครั้งนะคะที่ตั้งหัวข้อกรูทู้ผิดไป จริงๆที่จะถามหรือสงสัยคือ ไอ้ที่ไม่อยากแบ่งทรัพย์สิน ห้าสิบเปอร์เซ็นเนีย เป็นสินสมรสค่ะ ส่วนสินส่วนตัวที่เค้ามีอยู่ก่อนแล้วอันนี้ก็เป็นของเค้าค่ะ แต่ทีหมายถึงก็คือสามีต้องการเขียน agreement หลังจากแต่งงานแล้ว แล้วเค้าจะเปิดกิจการอีกมาก ก็กลัวว่าจะกลายเป็นสินสมรสทันที เค้าก็เลยขอให้เราเขียนว่าเวลาหย่าขาดกันไปเราจะไม่เอาสินสมรสมาแบ่งกัน ไครหาได้ก็ของไครของมัน ซึ่งเจ้าของกระทู้ไม่ได้อธิบายให้ละเอียดมากกว่านี้ และต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะคะ ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ก็ยังรับฟังและข้อติเตือนของเพื่อนๆค่ะ ขอบคุณนะคะ :) จากคุณ : Suneeka - [ 27 ต.ค. 50 13:21:22 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ : Siamese Girl ผมอ่านความเห็นแล้วเกือบสำลัก คำตอบ ที่ว่า.... ทำไมถึงได้อยู่กิน และ ตัดสินใจร่วมหอลงโลงกับคนที่มาจากพื้นฐานของ วัฒนธรรม และ ประเพณีที่คุณไม่รู้จักดีพอ ? กระทู้นี้ ผมตอบเป็นคนแรก แสดงว่าถูกลบไปเสียก่อนเพราะพูดแบบกันเองเกินไป ผมพูดว่า การทำ Prenuptial Agreement นั้นดีแล้ว เพราะถ้าเขามีเงินมากกว่า เกิดพอแต่งงานได้ไม่นาน คุณไปพบคนใหม่ที่มีฐานะดีกว่า หาเรื่องทิ้งเขาไป หรือเลิกกันโดยเหตุใดก็แล้วแต่ คุณก็อาจจะมาแบ่งสมบัติไป 50%ได้ ทั้งที่แต่งงานกันไม่นาน จขกท ไม่ควรคิดน้อยอกน้อยใจ เขาทำกันทั้งนั้น จขกท คิดอะไรอยู่ ทำให้คิดว่าสามีงก ความจริงคือ คุณนั่นแหละงก จากคุณ : อิสวาสุ - [ 27 ต.ค. 50 14:16:22 A:71.114.49.48 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โห ... ผิดกับผมเลย กิ๊กผมถามว่า "วันนึงแต่งงานกันนะ?" ... ผมตอบไปว่า "อย่าเลย เดี๋ยวที่บ้านคุณก็มาหาว่าผมหวังสมบัติ" ... เค้าก็หัวเราะ ... ผมคิดว่าอยู่เป็นเพื่อนกันไป มีความสัมพันธ์กันทางจิตใจ เรื่องกฎหมายไม่ต้องไปยุ่งกับมัน ... ก็สบายใจดี ... อิอิ จากคุณ : ผัดไทยกุ้งสด - [ 27 ต.ค. 50 20:14:24 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณอิสวาสุคะ... เมื่อหลายเดือนก่อนมีเจ้าของบริษัท Mercedes Benz Dealer แถวๆ Bay Area ในแคลิฟอร์เนีย เขาประกาศปิดกิจการทั้งๆ ที่ทำธุรกิจนี้มาเป็น 10 ปีเลย สาเหตุที่ปิดตัวเพราะทนกับต้องจ่ายเงินให้ ex-wife ไม่ไหว...หลังจากที่หย่ากันก็แบ่งสมบัติกัน...แต่ฝ่ายหญิงก็เรียกร้องเงินเพิ่มขึ้นจากรายได้ที่ฝ่ายชายทำได้ทุกเดือน...ฝ่ายชายทนไม่ไหวหาเงินได้เท่าไหร่โดนภรรยาเก่าหาร 2 หมด..ก็เลยประกาศกิจการซะเลย...เมื่อไม่มีรายได้ภรรยาเก่าก็เรียกร้องอะไรไม่ได้...แต่ที่น่าสงสารก็คือ พนักงานของบริษัทนี้ก็ 100 คนต้องตกงานไปโดยปริยาย... เห็นใจสามีเขานะคะ... จากคุณ : bmw (BlackmagicW) - [ 27 ต.ค. 50 21:47:42 ]

ความคิดเห็นที่ 22 I agree with the opinion number 2 na ka It is normal to do that and I Think your husband is รอบคอบ. I think most of the educated people or bussiness people do that becasue they have to think about the future ka. "Divorce" can happend anytime (maybe in 20 years) For me,personally,I am sure that when we divorce I can stand on my own and I can manage my life.I am dependence enough. It is his money.......so it remain his money. จากคุณ : mayistheone (mayistheone) - [ 27 ต.ค. 50 22:34:32 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ทำไมเวลามีคนมาถามอะไร เกี่ยวกับเงินๆทองๆ จะต้องโดนเหมาว่า เป็นพวกหิวเงิน ตกทอง แล้วแต่จะสรรหามาว่า มีการมาคิดเล็กคิดน้อย เค้าจะ login ไม่ login ก็ต้องมาจุกจิก เบื่อจังพวกขาใหญ่ แล้วก็ไม่เห็น จะแนะนำอะไรเป็นสาระ ลองคิดดุถ้าคุณ จขกท เค้าตมสามีไปอยู่ ตปท นานๆเป็นแม่บ้าน ไม่ได้ทำงานนอกบ้าน วันดีคืนดีคุณสามีหมดรัก ต้องแยกทางกันไป จะไม่ไห้เค้ามีหลักประกันอะไรเลยหรือไง แล้วถ้าเค้ามาถาม " เราโดนสามีทิ้ง เรียกค่าเลี้ยงดูไม่ได้เพราะ ทำ prenup ไว้" จะเข้ามาว่าเขา โง่ หรือหลงผู้ชายจนโงหังไม่ขึ้น อีกละซิ คุณ จขกท อย่าได้เสียใจเราเข้าใจคุณ เราว่าคนบางทีก็กลัวว่า คนจะมองว่าที่ได้สามีฝรั่งมาก็เพราะว่าเราทำงานกลางคืนมา ก็เลยต้อง มาประกาศว่าฉันนี่ไม่ได้ได้ดีมาเพราะสามีฝรั่งนะ แต่ไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องคอยมาว่าคนอื่น มาคอย look down เค้า ประมาณว่า I'm not one of your people นะยะ เหมือนคนมีปมด้อย เราชอบห้องไกลบ้านมาก พี่ๆคนที่ใจดี นิสัยดี ไม่มีอคติ คอยมาช่วยคนไทยด้วยกัน แต่อีกกลุ่มดิทำกันเป็นทีม มีลูกคู่ ผสมโรงกันครื้นเครง แล้วก็ตามมาตอบมันได้ทุกกระทู้ ไม่อยาก จะอ่านก็ต้องอ่าน หมดศรัทธา จากคุณ : ถอด login มาตอบ - [ 28 ต.ค. 50 00:21:28 A:69.122.81.137 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 "จริงๆไม่ค่อยรู้เรื่องประเพณี หรือวัฒณธรรมอะไรของต่างชาตินะคะ" ไม่รู้เรื่องบ้านเมืองเขาแล้วแต่งงานกับเขาทำไม อ้าว ก็รักนิคะ แล้วเขาก็แต่งงานแต่งการกันที่เมืองไทย ตอนต้องย้ายตามสามีไปประเทศเขา แล้วค่อยมาสนใจวัฒณธรรมเพราะว่าต้องเริ่มปรับตัวแล้วก็ต้องไปอยู่แล้วนิคะ ก็ปกติจะตายไป ดิฉันก็ได้สามีชาวอังกฤษ แต่งที่เมืองไทยแล้วตามมาอยู่ด้วยกันที่อังกฤษ ก่อนมาก็ไม่เคยจะสนใจวัฒนธรรมที่นี้ จนต้องมาอยู่นะคะ ส่วนตัวเองไม่ได้เซ็นสัญญาอะไรกับสามี เพราะดิฉันทำงานที่เมืองไทยรายได้ก็ดีระดับหนึ่ง มาที่นี้ก็ได้งานบริษัทการเงินรายได้พอ ๆ กับสามีเลยไม่รู้จะเซ็นสัญญากันทำไม เงินสามีก็เหมือนเงินดิฉันนี่ล่ะคะ จากคุณ : อร (อร_m) - [ 28 ต.ค. 50 05:40:42 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณเพื่อนๆที่หวังดีกันทุกคนนะคะ บางทีก็ไม่ค่อยกล้าโพสอะไรเท่าไหร่กัวโดน...แต่เพื่อนๆที่นีก็ใจดีตอบให้นะคะ ขอบคุณสำหรับผู้หวัวดีทุกๆ คนค่ะ จากคุณ : Suneeka - [ 28 ต.ค. 50 13:17:09 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ : Suneeka มาคุยกันต่อ ผมก็ไม่ได้หวังร้ายอะไรต่อคุณเลยสักนิดเดียว ด้วยความสัตย์ ที่ผมตอบไปเช่นนั้น เพราะคุณไปว่าสามีของคุณก่อนว่า เขางก คุณคิดดูดีๆ เขาเองก็ต้องมีหลักประกัน หลังจากแต่งงานแล้วทรัพย์สินที่หามาได้ แม้ว่าเขาจะหามาคนเดียวก็ต้องแบ่งครึ่ง กฏหมายทั่วโลกเท่าที่รู้ก็เป็นแบบนั้น ผมอาจจะพูดโพล่งๆไปหน่อย อย่าได้ถือสา ขอให้อยู่กินกันกับสามี จนแก่เฒ่า ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร จากคุณ : อิสวาสุ - [ 30 ต.ค. 50 05:04:28 A:71.114.49.48 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณนะคะคุณ อิสวาสุ ^_^ ไอ้ที่ลืมบอกไปคือว่าที่เคืองเนียก็เพราะว่าสามีไม่ต้องการแบ่งทรัพย์สินหลังสมรสด้วยนีแหละค่ะ ถึงได้เคือง ไอ้เราไม่ได้เคืองที่เค้ามีอยู่ก่อนแล้ว และก็เห้นด้วยที่เค้าอยากทำ แต่คุณสามีดันบอกว่าทรัพย์สินหลังสมรสที่หามาก้จะไม่แบ่ง ไครหามาก็เป้นของคนั้นไม่มีการแบ่งห้าสิบเปอร์เซน และนี่ก็คือทำให้ จขกท ถึงได้มาถามเพื่อนๆ แต่ดันไปโพสหัวข้อและเนื้อความไม่ค่อยตรงกัน เลย ทำให้การสือสารผิดพลาด แต่ยังไงก็แล้วแต่ก็ขอขอบคุณทุกคนที่ใจดีมาตอบให้นะคะ จากคุณ : sunee (Suneeka) - [ 30 ต.ค. 50 11:18:12 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คนกำลังจะแต่งงานเข้ามาอ่าน แอบโล่งใจเล็กๆ  เพราะต่างคน  ต่างจนทั้งคู่  (ฮ่าๆๆๆ) ไม่มีสมบัติก่อน  มีแต่สมบัติปัจจุบัน  และ (หวังว่า) จะมีสมบัติในอนาคตร่วมกัน จากคุณ : timtam_yummy - [ 1 พ.ย. 50 15:38:49 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เข้ามาสนับสนุน คห  นี้                            V                            V คุณ จขกท อย่าได้เสียใจเราเข้าใจคุณ เราว่าคนบางทีก็กลัวว่า คนจะมองว่าที่ได้สามีฝรั่งมาก็เพราะว่าเราทำงานกลางคืนมา ก็เลยต้อง มาประกาศว่าฉันนี่ไม่ได้ได้ดีมาเพราะสามีฝรั่งนะ แต่ไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องคอยมาว่าคนอื่น มาคอย look down เค้า ประมาณว่า I'm not one of your people นะยะ เหมือนคนมีปมด้อย เราชอบห้องไกลบ้านมาก พี่ๆคนที่ใจดี นิสัยดี ไม่มีอคติ คอยมาช่วยคนไทยด้วยกัน แต่อีกกลุ่มดิทำกันเป็นทีม มีลูกคู่ ผสมโรงกันครื้นเครง แล้วก็ตามมาตอบมันได้ทุกกระทู้ ไม่อยาก จะอ่านก็ต้องอ่าน หมดศรัทธา จากคุณ : ถอด login มาตอบ - [ 28 ต.ค. 50 00:21:28 A:69.122.81.137 X: ] เสือไบ+วัยทอง คงต้องจิต-ตก เป็นธรรมดากระมังคะ เท่าที่ฟังมาก้อดูจะโชคดี รอท่าเป็นเศรษฐีเมื่อสามีเลิกหรือตายกันทั้งนั้น   ไม่ต้องการเห็นใครโชคดีกว่าค่ะ !!! จากคุณ : เข้าใจมั๊ยคะ------------------ (cherry*viva) - [ 4 พ.ย. 50 04:12:08 ]