Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    คำระบายของผู้หญิงเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง

    วันนี้เราอยากเล่า อยากเขียน อยากระบายสิ่งที่อึดอัดมันออกไป บางทีมันอาจจะทำให้เราได้รู้สึกโล่งบ้าง เพราะอย่างน้อยเราก็พูดได้ตามที่ใจคิด ไม่ต้องระวังถึงความรู้สึกของใคร

    เราคบกับแฟนตั่งแต่อยู่ที่เมืองไทย รู้จักกันทางเน็ตตอนปี 2000 แล้วก็ตัดสินใจลองคบกันปี 02 ระหว่างที่คบกันทางบ้านของเราก็รู้เรื่อง เขาก็บินมาหาเราปีละหน เราก็พาแม่ของเราไปเยี่ยมเขาที่เมกาด้วย ก็ได้เจอกับที่บ้านของเขา พอปี 05 เราตัดสินใจมาเรียนต่อโทที่เมกา เช่า apartment อยู่ด้วยกัน..3 ปีที่อยู่ด้วยกัน เขาพาเราไปเยี่ยมพ่อแม่เขาที่ต่างเมืองบ่อยๆ เราก็ได้รู้จักญาติพี่น้องของเขาครบทุกคน ทุกคนต่างเอ๊นดูเรา..แต่อาจจะเป็นเพราะพื้นฐานทางครอบครัวไม่เหมือนกัน ทางบ้านแฟน ค่อนข้างจะยึดถือประเพณีแบบเดิม แต่ทางบ้านเราค่อนข้างให้อิสระกับลูก ..ตอนเรามาที่นี่ เราทำอาหารไม่เป็น ที่บ้านเรา ชีวิตคนกรุง ส่วนใหญ่พึ่งอาหารถุง งานในบ้านช่วยกันทำ ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียม บางครั้งพ่อเรากวาดบ้าน พ่อทำอาหาร พีชายเรารีดผ้า..เราไปแรกๆ เราบอกแฟนว่า เราทำอาหารไม่เป็นนะ เขาก็ไม่ว่า เขาทำให้เรากิน เราก็พยายามหัดทำอาหาร จนเดียวนี้ทำเก่งขึ้น..ตลอดเวลาที่เราอยู่กับเขา เราไม่ได้บอกเขาหรอก ว่าเราได้ยินอะไรมาบ้าง

    ครั้งแรกที่ได้ยิน อาเขาโทรมาคุยกับเรา ถามสารทุกข์สุขดิบ แล้วบอกกับเราว่า รู้ไหมว่าเขาได้ยินอะไรมา เขาได้ยินว่าที่บ้านแฟนพูดว่า เรามาอยู่ที่นี่ ทำอะไรไม่เป็นเลย หั่นต้นหอม ผักชี ยังทำไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าจะไหวหรือเปล่า จะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้ เราได้ยินก็อึ้งๆ เราก็บอกอาเขาไปว่า เราเคยบอกแล้วว่าเราทำอาหารไม่เป็น แต่เราก้พยายามหัดทำ

    ครั้งที่สอง แม่เขาพูดกับเรา ตอนเรากับแฟนไปเยี่ยมที่บ้าน เขาบอกว่า เป็นผู้หญิงงานบ้านงานเรือนต้องรู้ อาหารต้องทำให้เป็น เราทำอาหารไม่เป็นก็ต้องหัด ต้องคอยดูแลสามี..สามีทำงานกลับมาต้องเตรียมหาอาหารให้เขา เสื้อผ้าก็ต้องรีด คอยซักผ้า หุงหาอาหารให้..เราได้ยินก็ต้อง “ค่ะ” แต่ในใจเราไม่คิดอย่างงั้น เรายอมรับว่าผู้หญิงต้องดูแลงานบ้านทำอาหาร แต่ว่าเดี๋ยวนี่มันเปลี่ยนไปแล้ว เรามองว่า ทุกคนเท่าเทียมกัน ทำไมถึงไม่ช่วยกัน ทำไมต้องโยนภาระให้เป็นหน้าที่ของผู้หญิง ที่บ้านของเรา ทุกคนช่วยกันทำงานบ้าน ไม่ได้มองว่าเป็นหน้าที่ของแม่ กับเราเท่านั้น

    ครั้งที่สาม เรากับแฟนไปเยี่ยมพ่อแม่แฟน อาเขาก็ไปด้วย ช่วงเย็นระหว่างทำอาหาร อาเขาถามเราว่า เวลาเราไปเมืองไทย เราซื้อของอะไรไปฝากพ่อแม่ เราก็บอกว่า เราแทบไม่ได้ซื้ออะไรไปเลย เพราะแม่บอกว่า ของที่เมกา ที่เมืองไทยก็มีขายเหมือนกัน พูดจบ แม่เขาก็พูดขึ้นมา บอกว่า พวกคนมีเงิน ก็เลือกของที่จะซื้อกลับเมืองไทยได้ เพราะของก็มีขายในกรุงเทพ แต่ของพวกเรา คนต่างจังหวัด ซื้อแชมพูขวดละ 99 เซนต์ไปให้ญาติ หรือชอคโกแลตราคาถูก พวกเขาก็ดีใจกันแล้ว ..เราอึ้งไปเลย พูดไม่ออก จนอาเขาต้องเปลี่ยนเรื่องคุย

    ครั้งที่สี่ น้องเขาย้ายเข้ามาอยู่กับเรา พ่อแม่เขาเห็นดีเห็นงามด้วย แม่เขาพูดกับเราว่า อยากให้น้องเขาอยู่กับเราตลอดไป ให้ช่วยกันทำมาหากิน .. ถึงแม้ว่าเรากับแฟนจะแต่งงาน ก็จะให้น้องเขาอยู่บ้านเดียวกับเรา..เหตุผล เพราะว่า ไม่อยากให้ลูกลำบาก อันนี้เราเข้าใจ ..แต่ที่เราไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่นึกถึงใจเราบ้าง เขาไม่คิดบ้างเหรอว่าเราจะรู้สึกอย่างไร เขาเข้าใจเอาเองว่าเราพอใจ ชอบที่จะให้น้องเขามาอยู่ด้วย เคยถามเราไหมว่าเราคิดยังไง

    ครั้งที่ห้า ไปเยี่ยมพ่อแม่แฟน ไป beach กัน เขาไปซื้อปูมา ตอนที่ซื้อปู เราไม่อยู่ พาหลานไปเดินเล่น พอรู้ว่าเขาซื้อปูเป็นๆเท่านั้นแหละ เราแทบเข่าอ่อน บางคนอาจจะคิดว่าเรา ดัดจริต แต่เรายอมรับว่า เราไม่กล้าฆ่าสัตว์ พ่อแม่พร่ำ
    สอนเราตลอดเวลา การฆ่าสัตว์เป็นบาป นึกว่าถ้าเป็นตัวเราที่โดนบ้าง ก็คงรู้สึกทรมาน เมื่อโดนฆ่าทั้งเป็น..พอถึงทำอาหาร แม่เขา ก็เรียกเราไปดูการฆ่าปู พอเราเห็นเราเดินหนี แทบร้องไห้ แม่เขาเอาฆ้อนทุบ ที่กระดอง เอามีดทุบๆ ไปที่ปู .. แล้วจะให้เราช่วย เราทำไม่ได้ เดินหนี เขาบอกกับเราว่า อยู่ที่เมกาต้องทำได้ทุกอย่าง หรือแม้การตกปลา อาเขาบอกกับเราว่า อยู่ที่นี่ต้องทำได้ทุกอย่าง ปลาก็ต้องตกเป็น ...เราเกลียดที่สุดคือการฆ่าสัตว์ เราไม่ชอบ ให้เราไปคอดเกล็ดปลาตอนที่มันยังดิ้นๆอยู่ เราทำไม่ได้จริงๆ

    พอมาปีนี้ ที่บ้านเขาพูดเรื่องแต่งงานกับที่บ้านของเรา ที่บ้านเราโอเค พ่อแม่เรามองว่า ถ้าเรารัก และอยากแต่งงานกับแฟน เขาก็ไม่มีปัญหา ..แต่ปัญหามันอาจจะเป็นเพราะเราคนเดียวมั้ง .. ตอนนี้เราไม่ได้ทำงาน อยู่บ้านอย่างเดียว ส่วนแฟนต้องไปทำงานต่างรัฐ เราอยู่กับน้องเขา (น้องเขาเป็นสาวประเภท 3) เรารู้สึกอึดอัด บอกไม่ถูก บอกตรงว่าเราไม่ชอบพฤติกรรมเขาเท่าไหร่
    - น้องเขาใช้เงินเก่งมาก ต้องบอกว่าสุรุ่ยสุร่าย ชอบซื้อเสื้อผ้า รองเท้ามีเป็นร้อยคู่ พอเราบอกว่าคู่ไหนไม่ใช้ ทำไมไม่เอาไปบริจาค เขาก็บอกว่า ไม่ได้หรอก เสียดายแล้วก็ขนซื้อมาเรื่อย..แล้วพอไม่มีเงิน มายืมแฟนเรา แฟนเราก้ไม่รู้ก้ให้ เราก็บอกว่า ให้ยืมไปนะ เป็นพันกว่าเหรียญ เขาคืนไหม เขาไม่คืนหรอก เขาเอาเงินนั้นไปซื้อของ .. พอมีเงินให้เงินเพื่อนยืม ไม่เอามาคืนพี่ชาย
    - วันๆ เอาแต่นอน กับกิน ตื่นมาถามเราว่า เราทำอาหารหรือเปล่า ตอนเย็นทำอาหารไหม ..เราก็บอกว่า บางทีเราทำ แต่เราก็คิด เราไม่ใช่แม่บ้านที่จะต้องมาทำอาหารให้ใคร ช่วงที่เราทำงาน กลับมาบ้าน เราก็ต้องทำอาหาร ส่วนน้องเขา อยู่บ้าน รอให้เราทำอาหารให้กิน จนเรามาคิดว่า น้องเขาทำอาหารก้เก่ง ทำไมไม่ทำ อยู่บ้านนั่งดูทีวี เล่นคอม ..เรายอมรับว่า เรากินเพื่ออยู่ ไม่ได้อยู่เพื่อกิน เราไม่ชอบกินเนื้อสัตว์ แต่ที่บ้านแฟน เรื่องกินเรื่องใหญ่ ต้องกินหมูเห็ดเป็ดไก่ ..แม่เขาเคยบอกกับเราว่า อยู่เมืองไทย ไม่มีปัญหาได้กินอาหารดีๆ หรือก อย่างเป็ดปักกิ่ง หมูย่าง ที่เมืองไทยไม่เคยได้ซื้อกิน เพราะว่า ไม่มีเงิน ..แต่กับเรา ไม่ใช่ เราเอียนกับอาหารพวกเนื้อสัตว์ นึกออกไหมเวลาไหว้เจ้าแต่ละที เราเห็นเนื้อสัตว์ เราก็แทบจะกินไม่ลง

    จนเราเริ่มทนไม่ไหว เราบอกกับแฟนตรงๆ ว่าเราอึดอัด เราอยากกลับเมืองไทย อยู่ที่นี่บางครั้งเราก็ทนไม่ได้ เราตัวคนเดียว เพื่อนคนไทยที่นี่ก็ทยอยกลับไปกันหมด เพื่อนที่ทำงานก็ติดต่อน้อยลง เพราะทุกคนมีภาระ
    แล้วนี่เรากับแฟนก็มีแผนที่จะย้ายไปอยู่อีกรัฐ แล้วเราก็รู้ว่าน้องเขาจะย้ายตามไปด้วย เราเลยถามว่า ตกลงน้องเขาจะอยู่กับเราไปตลอดเลยหรือ พวกเราจะไม่มีโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตกันสองคนบ้างเหรอ จะไปไหน ไปเที่ยว ไปกินข้าว ต้องไปกันสามคน พอเราถาม เขาบอกว่า เขาก้ไม่รู้ว่าจะทำยังไง น้องเขาไม่มีที่ไป เดี๋ยวพ่อแม่จะหาว่าเขาดูแลน้องไม่ดี..ไม่รู้สิ เราเห็นน้องเขามีเพื่อนเยอะ พอไม่อยู่บ้าน ก็ไปเที่ยว งานการไม่ทำ เราก็พูดไม่ออก ไม่อยากพูดมาก...พอเราบอกว่าอึดอัด เขาก็บอกว่าเขาเข้าใจว่าเราอึดอัด ที่ต้องอยู่บ้านเดียวกับน้องใครก็ไม่รุ้ ถ้าเป็นเขา ที่ต้องไปอยู่บ้านเรา เขาก็อึดอัดเหมือนกัน..ในเมื่อเขารู้ทำไมเขาไม่ทำอะไรเลย แล้วยังบอกเราอีกว่า รอให้เราได้กรีนการ์ดก่อน ถ้าเราตัดสินใจจะกลับ เขาจะส่งใบหย่าไปให้ที่เมืองไทย .. งานแต่งที่จะมีปีหน้า ก็ให้ยกเลิกไป

    พอเราได้ยินยังงี้เราก็เสียใจ เราถามเขาว่า ทำไมต้องหย่า เขาให้เหตุผลว่า ถ้าเราอยู่ที่นี่ เขาก็ทำใบเขียวให้ แต่ถ้าเราจะไปอยู่เมืองไทย เขาอยู่นี่ เขาก็มองว่าจะแต่งงานกันทำไม อยู่กันคนละที่..เราอยากบอก อยากบอกเขาว่า เราก้เห็นคนอื่นเขาแต่งงานกัน อยู่กันคนละที่ก็ยังมี แต่เราพูดไม่ออก เราเสียใจ เมื่อคืนเราอยากร้องไห้ แต่ร้องไม่ออก เราคิดว่าบางที เรากับเขาคงไม่ใช่เนื้อคู่กันมั้ง แล้วเราก็ได้ยินคำพูดของแม่ แม่เคยบอกเราว่า ถ้าให้แฟนเราเลือก เรา กับญาติพี่น้องเขา เขาคงอาจจะเลือกไม่เลือกเรา ..ที่แม่เราพูดมาก็คงจะถูกมั้ง เราก็แค่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา ซึ่งคงไม่มีค่าพอให้เขารัก

    จากคุณ : คนเห็นแก่ตัว - [ 9 ต.ค. 51 00:58:58 A:71.84.251.58 X: TicketID:189865 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom